อีกสิ่งหนึ่งที่บ่มเพาะให้หลาย ๆ คนโตมาแล้วเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมาก ๆ ก็คือหนัง musical หลาย ๆ เรื่อง หนังเพลงเล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนถูกดัดแปลงมาจากบทละครหรือละครเวที แต่ด้วยเทคนิคภาพยนตร์กับความชาญฉลาดของผู้กำกับที่อยู่คนละศาสตร์กันรวมถึงการเปลี่ยนวิธีเล่าไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก็ต่อยอดให้หนังเพลงเหล่านี้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นทุกเพศทุกวัย ทำให้เราตื่นรู้ในเสียงดนตรีมากขึ้นตามไปด้วย ทุกคนอาจเคยดูหนังเพลงหรือ musical กันไปหลายเรื่องแล้วที่โด่งดังหน่อยก็เช่น ‘La La Land’ หรือ ‘Once’ วันนี้เราเลยอยากแนะนำหนังเพลงดี ๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักให้ลองเสพกัน และขอยืนยันว่ามันจะเป็นชั่วโมงที่ดีที่สุดในชีวิตทุกคนเหมือนกัน

Chicago

ร็อกซี่คือสาวบ้าน ๆ ที่อยากเป็นดาราดังบนเวทีแบบไอดอลของเธอ แต่ดันถูกตำรวจจับข้อหาฆาตรกรรมแฟนและน้องสาวตัวเอง เธอพลั้งมือฆ่าแฟนหนุ่มที่หลอกว่าจะทำให้เธอเป็นดาราได้จนต้องติดคุกและกำลังจะโดนประหาร แต่ในยุคที่ฆาตกรกรรมกลายเป็นความบันเทิงของชาวเมือง ยิ่งฉาวยิ่งดัง ทำให้เธอเลยกลายเป็นฆาตกรหญิงดาวเด่นแห่งยุคไปในทันทีและเรื่องราวก็นำพาความวุ่นวายและเสียงดนตรีตามมาอีกมากมาย

Chicago การันตีด้วยรางวัลออสการ์ทำให้เราไม่อยากให้ทุกคนพลาดเลยจริง ๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่พลิกหักมุมตลอดเวลา ชิงดีชิงเด่นกันอย่างเอาเป็นเอาตัวด้วยฝีมือการแสดงของนักแสดงรุ่นใหญ่ในฮอลลีวูดที่หยอดมุกขำขันได้สนุกสนาน แต่ความดีงามของหนังเรื่องนี้คือฉากร้องเพลงที่จำลองเวทีในจินตนาการขึ้นมา พร้อมโปรดักชั่นระดับบรอร์ดเวย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งการออกแบบโชว์และเทคนิคต่าง ๆ ที่แม้ไม่ใช่แฟนละครเวทีก็จะเพลินตาไปตลอดทั้งเรื่องแน่นอน

Hedwig and the Angry Inch

หนังพาผู้ชมติดตามชีวิตของ เฮดวิก นักร้องนำข้ามเพศของวงร็อกโนเนมที่ตามรังควานร็อกเกอร์ไอคอนแห่งยุคอย่าง ทอมมี่ เจโนซิส ก่อนจะพาเราย้อนกลับไปถึงวัยเด็กที่แแปลกแยกและการเติบโตอันโหดร้ายของเฮดวิก ที่ต้องผ่านความทุกข์ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ความรัก การอกหัก และเพลงร็อกที่ทำให้เธอเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ผ่านปรัญชาและสัญญะต่าง ๆ ว่าคนเราเกิดมาทำไม พวกเราต้องตามหาอะไรกันแน่

แม้เราจะเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้แล้วไปใน Hedwig and the Angry Inch กะเทยที่ตามหาตัวตนอีกครึ่งหนึ่งที่หายไป ยังไงมันก็ต้องอยู่ในลิสต์นี้ให้ได้ กับแนว coming of age ที่ซ่อนความหมายของการมีชีวิตอยู่ลงไปมากมาย ขับกล่อมด้วยเพลงที่ร้าวรานจากชีวิตอันรันทดของเฮดวิก ที่บรรยายถึงความรักอย่างสวยหรู ชีวิตอันมืดมนของวัยรุ่นที่ไม่รู้เป้าหมายในชีวิต น่าจะเข้าถึงใจเด็กวัยรุ่นได้ง่าย ก่อนจะมีบทสรุปที่งดงาม ช่วยปลดปล่อยทั้งคนดูและตัวเฮดวิกเองออกจากวังวนอันไม่สิ้นสุดนี้

Across The Universe

เรื่องราวของวัยรุ่นหลากเชื้อชาติหลายสีผิวที่ไม่ปล่อยให้ชีวิตของตัวเองต้องดำเนินไปตามบทบาทของสังคม และหลีกหนีออกมาเพื่อตามหาอิสรภาพในชีวิตที่เล่าเรื่องผ่านเพลงดังของ The Beatles และทุกคนต่างเชื่อมโยงกันด้วยเหตุผลบางอย่างจนได้มาพบกันด้วยพรมลิขิตหรือความบังเอิญก็ตาม แต่ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการนั่นเอง

แค่ใช้เพลงของ The Beatles ในการดำเนินเรื่องก็รู้สึกว่าเท่สุด ๆ แล้ว แต่หนังเรื่องนี้นำพาเพลงของวงระดับตำนานวงนี้ไปได้ไกลกว่าที่เราคิดมาก ทั้งตีความใหม่ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้น สงครามอันไร้ผู้ชนะ การสูญเสียที่ไม่มีวันจบสิ้น คนผิวสี ความหลากหลายทางเพศ ซึ่งล้วนบอกเล่าผ่านเพลงได้อย่างคมคาย หรือหลาย ๆ เพลงที่เรารัก ก็ถูกต่อยอดให้สะเทือนใจเราได้อย่างสุดขีดทุกเพลง ซึ่งทุกเพลงในหนังเรื่องนี้ถูกบรรเลงและเล่าผ่านชีวิตของวัยรุ่นยุคนั้นได้สร้างสรรค์งดงาม อย่าบอกว่าตัวเองเป็นแฟนสี่เต่าทอง ถ้ายังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้

Hairspray

เทรซี่ก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ที่อยากออกรายการทีวีชื่อดังอย่าง ‘The Corny Collins Show’ ที่วัยรุ่นสวยหล่อจะได้รับเลือกให้ไปเต้นในรายการ เมื่อโอกาสมาถึง เธอกลับถูกปฎิเสธเพียงเพราะเธออ้วนเกินไป ในช่วงเวลาที่ผิดหวังที่สุด เธอกลับพบมิตรภาพที่ดีมากมายและได้พบว่าความภูมิใจในตัวเองไม่ได้มาด้วยการยอมรับจากคนอื่น แต่คือการยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้ต่างหาก

เป็นหนังนอกสายตาสำหรับวัยรุ่นมาก ๆ แต่กลับตั้งประเด็นเกี่ยวกับวัยรุ่นได้ดีสุด ๆ การเรียกร้องหาการยอมรับในโลกที่คนเราแบ่งแยกความแตกต่างโดยไร้หัวใจ เธอไม่เหมือนฉันเธอไม่มีทางเทียบเคียงฉันได้ โดยหารู้ไม่ว่าทุกคนก็ต้องการแค่สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารักกับมิตรภาพเท่านั้น นอกจากความอลวนของนางเอกจนใครอยากเอาใจช่วยแล้ว หนังยังใส่เพลงและการเต้นลงไปได้สนุกสนาน อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่ก็ชวนประทับใจแบบ musical สมัยก่อนเลย

Moulin Rouge!

ในยุคที่มีอิสระและศิลปะเฟื้องฟูสุด ๆ จนทุกคนต่างอยากเป็นศิลปิน นักเขียนไส้แห้งคนหนึ่งอยากเขียนบทละครเกี่ยวกับความรัก เขาจึงไปรวมตัวกับกลุ่มโบฮีเมี่ยนที่ต่างเป็นศิลปินกันทั้งนั้น ก่อนจะจับพลัดจับผลูหานายทุนให้กับหนังของเขาได้และสัมผัสกับคำว่ารักครั้งแรกจากนางโชว์ที่สวยที่สุดเมือง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่นายทุนของเขาตกหลุมรัก โศกนาฏกรรมของรักสามเศร้าครั้งนี้จะลงเอยยังไงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

เนื้อเรื่องจะหวานชื่นชวนน้ำเน่าถูกตบแต่งกลิตเตอร์ที่ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบเหนือชั้นกับโชว์สุดล้ำทั้งหลาย อัดแน่นด้วยโปรดักชั่นระดับพันล้าน แฝงด้วยความแฟนตาซีและอารมณ์ลงไปนิดหน่อยจนกลายเป็นหนังเพลงอันอบอุ่นใจ เพลิดเพลินด้วยเพลงหลากหลายแนว แต่ท้ายเรื่องก็หักมุมได้โหดร้ายกดดันสุด ๆ บอกเลยว่ามีน้ำตาท่วมแน่นอน

Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street

เบนจามิน คือช่างตัดผมหนุ่มที่โชคดีที่สุดในโลก เขามีชีวิตที่เรียบง่ายกับภรรยาแสนสวยและลูกสาวน่ารัก ๆ แต่ชีวิตของเขาก็พังทลายเพราะอัยการสุดโฉดขืนใจภรรยาของเขาและป้ายความผิดจนเขาต้องติดคุกหัวโต เวลาผ่านไปหลายสิบปีจนเขาพ้นโทษจึงกลับมาที่บ้านเกิดไม่ใช่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เขากลับมาเพื่อแก้แค้นคนที่ทำลายชีวิตเขาภายใต้ชื่อใหม่ว่า สวินนี่ ท็อดด์

อาร์ตไดเรคชั่นสุดดาร์กย้อมลอนดอนให้ตกอยู่ภายใต้ความลึกลับ การเล่นแสงเงาชวนหดหู่ทำให้ในหนังดูหลอนและน่ากลัวสุด ๆ แถมด้วยเพลงที่ชวนผวาและมุมมองต่อโลกในแง่ร้ายสุด ๆ แบบสาบแช่งมนุษย์ทุกคนบนโลกด้วยความแค้น ส่งให้เพลงในหนังยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปอีก แถมยังได้ดาราคู่ขวัญอย่าง Johnny Depp และ Helena Bonham Carter มาสะกดคนดูด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม เป็นหนังเพลงอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

Enchanted

จีเซล หญิงสาวในเทพนิยายสุดอัศจรรย์เกิดตกหลุมรักเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และมั่นใจว่านี่คือรักแท้ที่เธอกำลังตามหา แต่เธอต้องถูกขัดขวางจากราชินีใจร้ายที่ส่งเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่วุ่นวายและคำว่ารักแท้ไม่มีอยู่จริง โชคดีที่เธอได้รับการช่วยเหลือจากพ่อม้ายคนหนึ่ง ซึ่งค่อย ๆ กลับมาเชื่อในความรักอีกครั้งจากความใสซื่อของเธอ แต่ตอนจบจะแฮปปี้เอนดิ้งรักกันชั่วนิรันดร์ก็คงง่ายไป เพราะแม่มดพร้อมคนรับใช้และเจ้าชายสุดหล่อก็ตามมาป่วนเขาและเธอถึงโลกนี้ด้วยเหมือนกัน

พวกเขาหยิบภาพฝันแแบบดิสนีย์มาดัดแปลงใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น ตีความคำว่ารักแท้ใหม่ให้เข้าถึงง่ายกว่าเดิม ชวนให้เราตั้งคำถามถึงคำว่าคู่แท้ใหม่อีกครั้ง แล้วยังใส่มุกตลกน่ารักน่าหยิกลงไปให้เรายิ้มตามได้ทั้งเรื่อง แต่ยังไม่ทิ้งความแฟนตาซีชวนฝันและเวทมนต์ที่น่าตื่นตาด้วยเอฟเฟกระดับฮอลลีวูด เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูเพลินมากในวันหยุดและหยิบมาดูซ้ำได้เรื่อย ๆ เลย

จากลิสต์ข้างบนใครดูเรื่องไหนไปแล้วบ้าง? หรือใครมีหนังเพลงในดวงใจอยากแนะนำบ้างก็คอมเมนต์แบ่งกันดูหน่อยย

• Twitter
• Line