fungrai-3rd-jan-2022

Hot and Trending

‘ฟังไร’ รวมเพลงใหม่น่าฟังในสัปดาห์ที่สาม เดือนมกราคม 2022

กลับมาแล้วกับ ‘ฟังไร’ คอลัมน์ในตำนาน ถ้าใครตามเว็บไซต์ฟังใจมาแต่แรกก็จะทัน ‘ฟังไร’ ของพี่อู๋ The Yers ที่เคยรวมเพลงน่าฟังมาให้ได้เบิกหูเบิกเนตรกันเป็นประจำ ซึ่งเราก็ได้รับอนุญาตให้สานต่อเจตนารมณ์ของพี่เขาละ กับการแพร่สปอร์สิ่งที่น่าสนใจให้เพื่อน ๆ ชาวฟังใจได้ฟังกัน จะฟังไรกันบ้าง เลื่อนลงมาเลย!

Door Plant I’m saying, Love You 

เปิดประตูรับความสดใสให้ชุ่มฉ่ำหัวใจไปกับ Door Plant วงดนตรีที่มาพร้อมกับความสบายใจ สบายหูทุกครั้งเมื่อได้ฟังเพลงของพวกเขา ราวกับได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ในห้องเล็ก ๆ อันแสนอบอุ่น ได้พักหัวใจและผ่อนคลายจนหายเหนื่อย ประกอบไปด้วย ภูมิ ( นักร้องนำ, กีตาร์ ), โอ๊ต ( กีตาร์ ) , ที ( กลอง ) และ ซัน (กีตาร์) เจ้าของเพลงเพราะอย่าง เธอนั่นไง, ขอให้เธอ รวมไปถึงเพลงอื่น ๆ ที่พวกเขาได้รวมไว้ใน EP ที่ชื่อ Let Me Summer ที่เต็มไปด้วยความสดใสในฤดูร้อน และเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาก็ได้ส่งเพลงล่าสุดที่ชื่อว่า I’m saying, Love You เพลงน่ารักที่อยากส่งต่อให้คนข้าง ๆ ว่าเราอยู่ตรงนี้เสมอ

I’m saying, Love You เพลงที่อัดแน่นไปด้วยความน่ารักปนความเป็นห่วง ที่อยากให้กำลังใจใครบางคนที่อยู่ข้าง ๆ เรา ในวันที่อะไร ๆ อาจจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้จนทำให้เธอหงุดหงิด เซ็ง หรือเศร้าใจ แต่เพียงแค่เธอลองนับหนึ่ง สอง สาม ช้า ๆ ให้ใจได้เย็นลง ฮัมไปตามเสียงเพลงให้ความโกรธได้จางลง อย่างน้อยเธอยังมีฉันอยู่ตรงนี้เสมอ และฉันก็จะคอยบอกรักเธอตรงนี้ไม่ไปไหน มาพร้อมกับซาวด์ดนตรีฟังง่ายสไตล์ Door Plant กับท่อนฮุก Hoo Hoo Hoo ที่ฟังเพลินจนติดหู ผสมเข้ากันอย่างลงตัวจนทำให้เพลง I’m saying, Love You เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อได้ฟัง

ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ ก็ลองนับ 1 2 3 แล้วให้เพลงนี้จากพวกเขาอยู่เป็นเพื่อนจนใจเย็นลงนะ ก็ขอฝากเพลงนี้จาก Door Plant รวมไปถึงเพลงอื่น ๆ ใน EP Let Me Summer เอาไว้ด้วยน้า รับรองว่าฟังแล้วสดใสแน่นอนเล้ย!

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

Cornboi.fromthedayPostcard

หลังจากเศร้าไปกับเพลงที่แล้ว สิ่งที่เธอพูดออกมา กลับมาคราวนี้เจ้าหนุ่มข้าวโพดทั้งหกเตรียมเพลงแห่งความคิดถึงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มามอบให้กับทุกคนที่ยังเฝ้ารอคอยบางคน บางเวลา และบางเรื่อง ที่จะทำให้ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ใน Postcard

Postcard บทเพลงแห่งความคิดถึง ความสงสัย และความเป็นห่วง ตัวแทนของรักทางไกลที่ยากจะได้พบ ในที่นี้อาจเป็นคนที่ไกลจริง ๆ แต่ยังได้พูดคุยกัน หรืออาจเป็นใครบางคนที่แยกย้ายกันไปตามเส้นทาง หรือกระทั่งใครบางคนที่จากลาแบบไม่หวนกลับก็ได้ อยู่ที่หัวใจของคนฟังจะพาไปโดนจุดไหนเข้า ยังคงเป็นบทเพลงที่ซื่อตรงต่อความรู้สึก ทั้งภาษา เนื้อหา เสียงร้อง และดนตรี เป็นความคิดถึงที่ทรมาน แต่กลับมีความหวังอยู่ในดนตรีที่ให้แสงสว่างต่อหัวใจพร้อมสู้ต่อกับการรอคอยที่ห่างไกลและยาวนานนี้ได้ น้ำเสียงของภูมิ (นักร้องนำ) ยังคงเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนฟัง และตัวเพลงได้เป็นอย่างดีเช่นเคย บวกกับเนื้อเพลงที่มีวรรคทองแห่งความคิดถึงอยู่มากมายในตลอด 5 นาทีนี้ เป็นเวลาที่ค่อนข้างนาน แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเบื่อได้เลย 

จะได้พบกันอีกเมื่อไร ยังไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่นอนคือยังมีคนที่รอให้กลับมาเสมอ หวังว่า Postcard ความยาว 5 นาทีใบนี้ จะช่วยส่งให้ความคิดถึง ไปถึงเขาได้เสียทีนะ

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

YNYL พอ

YNYL (วายนีล) อีกหนึ่งวงดนตรีน่าจับตามองจากรั้วมหิดล ประกอบไปด้วย 3 หนุ่มอย่าง แบ่งปัน อาร์ม และปอนด์ ที่พกฝีไม้ลายมือทางดนตรีไว้อย่างเครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง เนื้อร้อง หรือซาวด์ดนตรี ที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจจนคนฟังอย่างเราเมื่อได้ฟังแล้วก็ประทับใจเลย และตั้งตารอว่าในอนาคตพวกเขาน่าจะต้องมีอะไรสนุก ๆ มาฝากเราอีกแน่นอน ตอนนี้ YNYL ได้มาพร้อมกับเพลงแรกของพวกเขาที่ชื่อว่า พอ ชื่อเพลงสั้น ๆ แต่ซ่อนไปด้วยเนื้อหาที่ฟังแล้วได้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเอง จนสุดท้ายเราก็เลือกที่จะ พอ ไม่เอาแล้วกับการฝืนยิ้มตีหน้าว่ามีความสุขดี 

“พอ พอแล้ว อยากจะพอ พอแล้ว

ฝืนยิ้มไม่เอาแล้ว อยากจะพอ พอเเล้ว”

เคยไหม เวลาที่ต้องฝืนยิ้ม ทำหน้าตามีความสุข เพียงเพราะทุกคนคิดว่าเราเป็นร่าเริง หัวเราะสดใสตลอดเวลา เลยต้องฝืนแกล้งยิ้มกลบความเครียดและความคิดต่าง ๆ ในใจมากมาย แต่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มอันแสนสดใสนั้นถูกซ่อนไว้ด้วยปัญหา ความคิดที่วุ่นวาย ความเครียด และความเศร้าอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยถามเราสักคำด้วยซ้ำ พอ จึงเป็นเพลงที่ได้รวบรวมความรู้สึกเหล่านั้นที่หลายคนก็อาจจะเคยพบเจอ ออกมาผ่านซาวด์ดนตรีที่น่าสนใจมาตั้งแต่เริ่มต้นเพลงไปจนจบ รวมไปถึงเนื้อเพลงที่โดนใจ พร้อมกับท่อนฮุกที่ติดหู ให้เราได้บอกตัวเองว่าสุดท้ายก็ต้อง พอ พอแล้ว เลิกฝืนยิ้มสักที ผสมกับเนื้อ

เป็นเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกภายในใจให้ได้สำรวจ ตั้งคำถาม และแก้ปัญหากับตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะสุดท้ายถึงจะฝืนยิ้มมากแค่ไหน สักวันรอยยิ้มนั้นก็จะเริ่มโชว์ความไม่สดใสของเราออกมาจนสุดท้ายเราก็ต้องเลือกที่จะพอ และเลิกฟังเสียงของคนรอบข้างสักที นับเป็นเพลงแรกจากพวกเขาที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้อย่างน่าสนใจและประทับใจเลยทีเดียว สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก VNYL และเพลงนี้ รวมไปถึงผลงานในอนาคตจากพวกเขาไว้ด้วยน้า 

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

Game of SoundsGotta Feel

Game of Sounds โปรเจกต์วงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มต้นขึ้นมาจากส่วนผสมของเหล่านักดนตรีมากฝีมือ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาได้ปล่อย Sloppy อัลบัมที่บรรจุเพลงมาถึง 12 เพลงให้ได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มไปแล้ว หลังจากห่างหายกันไปนานจนคิดถึง ในที่สุดพวกเขาก็ได้ปล่อยซิงกิลใหม่ออกมาให้ได้ฟังอย่าง Gotta Feel ซึ่งเพลงนี้ เป็นเพลงแรกจาก Still Be Okay อัลบั้มที่สองของพวกเขาที่จะปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันจนหายคิดถึงในไม่ช้านี้อีกด้วย

Gotta feel บทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวในวันที่โลกได้หมุนไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองที่มีผู้คนมากมาย เต็มไปด้วยการแข่งขัน เราต่างทำงานหนักเพื่อแลกกับทรัพยากรที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดและนำมาใช้ในการต่อเติมความฝัน แต่ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ การลวงหลอก ทำให้เราต้องมุ่งเป้าหมายไปที่การเอาชีวิตให้รอด ต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้มีความรู้สึกกับสิ่งอื่น ๆ รอบตัว และบางครั้งก็ทำให้ลืมทำตามความฝันที่เคยมีไว้ตั้งแต่แรก กว่าจะรู้ตัวก็ถูกกลืนกินเข้าไปอยู่ในวัฏจักรนี้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถกลับมามีความรู้สึกได้เหมือนอย่างที่เคยอีกครั้ง

พาร์ทดนตรีกลับมาคราวนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ตามสไตล์ของ Game of Sounds เพียงแต่ลูกเล่นยุบยิบคอยแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ ของเขานั้นมากขึ้น ชวนให้ติดหูจนอดที่จะรู้สึกตามไม่ได้ มีการหยิบเสียงต่าง ๆ ที่ไม่สามารถสรรหาคำมาบรรยายได้ใส่ลงไปในเพลงได้อย่างลงตัว มีเลเยอร์ของเสียงซ้อนอยู่มากมาย อยากให้ทุกคนลองเข้าไปฟังและทำความรู้จักพวกเขาผ่านบทเพลงด้วยตัวเองจริง ๆ ไม่เพียงเท่านั้นในท่อนฮุกก็ยังมีไลน์เบสเด้ง ๆ ประกอบกับเสียงเครื่องให้จังหวะที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของชายหาด และเสียงเคาะที่ทำหน้าที่ราวกับเป็นคลื่นที่คอยซัดเข้ามาเป็นจังหวะ เพื่อปลอบใจให้ผ่านช่วงเวลาไร้ความรู้สึกนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

FREEHAND กอด

หลังจากเคี่ยวจนงวด ถึงเวลาที่การเดินทางของพวกเขาจะได้ออกมาสู่คนฟังแบบเต็มอิ่มแล้ว กับอัลบั้ม “ท้องฟ้าจำลอง” ที่มีอยู่ทั้งหมด 10 เพลงด้วยกัน แต่วันนี้เราขออนุญาตมาเล่าถึงหนึ่งในเพลงที่เราชอบมาก ๆ จากอัลบั้มนี้ นั่นก็คือ กอด นั่นเอง

กอด เพลงอ้อนวอนขอการโอบกอดจากใครบางคน แต่กลับโอบกอดหัวใจคนฟังได้ภายในครั้งแรกที่ฟัง เพลงส่งพลังมาถึงเราได้ผ่านเนื้อเพลง ราวกับเราเป็นคนที่กำลังถูกกอดอยู่ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเนื้อหาที่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไร้เรี่ยวแรงไปต่อ ชีวิตกำลังตกอยู่ในความมืดมน หรือเหนื่อยล้ากับสิ่งรอบข้างจนไม่มีพลังใจ และสิ่งที่จะทำให้ไปต่อไหวมีเพียงแค่กอดของใครบางคนที่เราต้องการ ผ่านท่วงทำนองและเสียงร้องทรงพลังที่ก็ส่งพลังถึงเราได้จริง ๆ และต้องการที่จะหายใจต่อในวันต่อ ๆ ไป จังหวะที่เร้าให้เรารู้สึก ทุก ๆ คำในเพลงที่กลั่นกรองออกมาจากเรื่องราวที่ใกล้ตัว ยิ่งทำให้เรารักเพลงนี้มากยิ่งขึ้น และแน่นอนยังคงเป็น FREEHAND ที่ดีเช่นเคย

บางความทรมานมันยากที่จะมีใครเข้าใจ ในวันที่โลกเป็นสีดำ อาจมีเพียงคน ๆ เดียวที่เป็นแสงสว่างจุดเล็ก ๆ ที่ถ้าเราสามารถเอื้อมไปจับได้ ก็คงจะได้พบกับโลกสดใสที่รออยู่ข้างหน้า นอกจากจะเป็นเพลงที่เข้าใจคนที่กำลังต่อสู้กับเรื่องราวโหดร้ายรอบ ๆ ตัวแล้ว ยังเป็นเพลงที่ทำให้เราอยากจะให้กำลังใจคนอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กับต่อสู้กับเรื่องตัวเองด้วย หวังว่าทุกคนที่หาทางออกไม่เจอ พอได้ฟังเพลงนี้จะพบกับแสงสว่างในวันพรุ่งนี้ที่รออยู่ พร้อมส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่ต้องการได้นะ อย่าลืมไปฟังเพลงอื่น ๆ จากอัลบั้ม ท้องฟ้าจำลอง ด้วยนะ!

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

minekuk ผ่านเพลงนี้

minekuk (มายกุ๊ก) หรือ มาย – ชนมาศ เทศศรีแดง ศิลปินน้องใหม่มากความสามารถจาก MILK! ที่มาพร้อมกับเสียงใส ๆ ความหลงใหล และความรักในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง ก่อนหน้านี้มายกุ๊กได้มีโอกาสอัด count in ให้ศิลปินมากความสามารถอย่าง วง mirrr และ scrubb อีกด้วย และด้วยความชื่นชอบในเสียงดนตรี มายจึงได้ผลิตผลงานเพลงแนวป็อปฟังสบายที่ผสมผสานกับความเป็นอคูสติกไว้ได้อย่างลงตัว ผ่านซิงเกิลแรกที่มาพร้อมกับดนตรีและเนื้อหาที่น่ารักชวนส่งให้คนที่ชอบอย่างเพลงแรกที่มีชื่อว่า ผ่านเพลงนี้ (sending)

“จะส่งเพลงนี้ให้เธอได้ฟัง ในวันที่เงียบเหงา เรามีเพลงนี้เป็นเพื่อนกัน

ได้โปรดจงรู้ว่าฉันยังอยู่เคียงข้างเธอ และฉันดีใจที่เจอเธอ” 

ผ่านเพลงนี้ เพลงที่เป็นเหมือนข้อความที่เต็มไปด้วยรู้สึกดี ๆ ที่อยากส่งต่อไปถึงใครบางคนที่พิเศษ จะเรียกว่าเป็นเพลงสำหรับคนแอบรักก็ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อยากบอกออกไปตรง ๆ แต่ในใจแทบระเบิดเวลาได้เจอหน้า โดยเพลงนี้มายได้ตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึกในเพลงที่มีความซับซ้อน ความอึดอัด สับสน และความหวังดีในเวลาเดียวกัน และอยากให้เพลงนี้เป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับเขา เป็นเพลงแทน “ความรู้สึกในใจ” ที่ไม่ว่าเขาจะรับรู้หรือไม่ก็ตาม 

ในพาร์ทดนตรี เพลงนี้มาพร้อมกับดนตรีสบาย ๆ แต่มีมิติให้น่าติดตาม โดยมายได้เลือกใช้ซาวด์อคูสติก คลอมากับทำนองเบา ๆ และค่อย ๆ ไล่ไดนามิกของเพลงขึ้นมาเรื่อย ๆ มีทั้งช่วงเบาช่วงพัก ช่วงสับสน ช่วงปลุกใจ ช่วงที่ทำให้เรารู้สึกว้าวุ่นไปกับเธอด้วย ทั้งหมดนั้นสื่อให้เราเห็นภาพและเข้าใจถึงความรู้สึกในแต่ละช่วงของบทเพลง พร้อมปิดจบด้วยความเป็นอคูสติกที่ลงตัวเพื่อจะให้รู้สึกว่าสุดท้ายเรื่องราวในเพลงนี้ก็คือความรู้สึกดีที่มายได้บ่นพึมพำกับตัวเองไว้นั่นเอง แง 

เชื่อว่าเพลงนี้น่าจะโดนใจใครหลายคนที่กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บความรู้สึกที่มากมายเหล่านั้นไว้ในใจ ถ้ายังไม่กล้าบอกเขาไปตรง ๆ ก็ลองให้เพลงนี้เป็นตัวแทนความรู้สึกของเราส่งต่อไปให้เขา ผ่านเพลงนี้กันนะ สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก minekuk ให้ทุกคนได้รู้จักและติดตามผลงานของเธอในอนาคตต่อไปด้วยนะ ต้องมีอะไรสนุก ๆ แน่นอน

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

neptemberSpinach

neptember หรือ นัท–ดลรัชรัตน์ พรหมสุนทรสกุล นักร้องนักแต่งเพลงที่มาพร้อมเสียงใส ๆ และดนตรีป็อปฟังสบายที่ซ่อนเรื่องราวไว้ในเพลงเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ก่อนหน้านี้นัทได้ปล่อยเพลงออกมาด้วยกัน 3 เพลง ได้แก่ ถ้าไม่ใช่ จะได้ทำใจไว้เลย, พร้อมที่จะ รวมไปถึงเพลงล่าสุดอย่าง SAY IT และหลังที่หายไปเป็นเวลาร่วมปีจนคนฟังคิดถึง neptember ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับซิงเกิลล่าสุดที่พกความน่ารักมาแบบไม่มีกั๊ก พาให้หัวใจได้พองโตไปกับเพลงที่ชื่อว่า Spinach

‘Pouring sugar on your heart Make my spinach with spice

Our love will be full of surprise Everything will be nice’

Spinach เพลงที่ให้ความรักเป็นดั่งเมนูโปรด เปรียบเหมือนผักโขมของป็อปอายที่กินแล้วมีแรงขึ้นมาทันทีทันควัน เช่นเดียวกับความรักที่ก็ช่วยให้เรามีพลังใจ และนอกเหนือจากในมุมป็อปอายแล้ว เพลงนี้ก็ถูกเล่าออกมาด้วยมุมของโอลีฟ ที่ก็พร้อมเคียงข้างไปเรื่อย ๆ ทุกคราที่ป็อปอายต้องการเช่นกัน ถ่ายทอดออกมาผ่านดนตรีน่ารักสดใสตามสไตล์ neptember อีกเช่นเคย รวมไปถึงเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายแต่น่ารักชวนให้ยิ้มไม่หุบ 

ในพาร์ทดนตรี เพลงนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยนแนวไปจากสามเพลงแรกที่ neptember เคยได้ทำออกมาก็ว่าได้ เพราะได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์อย่าง Mick Petchpoom มีการอัดเครื่องดนตรีต่าง ๆ เข้าไปเพื่อความสดใหม่ พร้อมกับลูกเล่นจากเปียโน ซินธ์ และ สตริง ที่ทำให้บรรยากาศในเพลงเต็มไปด้วยความสดใสและอบอุ่น ผักโขมจานนี้เลยค่อย ๆ ถูกปรุง และอบจนสุก ทำให้ Spinach ออกมาเป็นเมนูจานโปรดที่พร้อมเสิร์ฟเป็นกำลังใจที่เต็มไปด้วยความรักและความหวังที่อยากส่งต่อให้ใครบางคนที่แสนพิเศษ 

Spinach จึงเป็นอีกเพลงป็อปที่ทำให้เราได้เห็นถึงการเติบโตทางดนตรีของ neptember เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาในรอบเกือบปีที่สดใสและเต็มไปด้วยพลังบวกผ่านบทเพลงน่ารัก ๆ และเชื่อว่า Spinach น่าจะเป็นอีกเพลงที่พร้อมส่งต่อความสุข ความสดใส สร้างพลังใจและเป็นเพลงเริ่มวันดี ๆ ให้แก่คนฟังทุกคน ก็ขอฝาก neptember เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยน้า 

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

BOXX ARTIST เธอ ๆ เรามีอะไรจะบอก

เหล่าศิลปินจาก BOXX MUSIC  INK WARUNTORN, SERIOUS BACON, PORTRAIT, COPTER, BEAN NAPASON, O-PAVEE, ONEONE, MAIY, NANN, FAI PATTHAYA, MARC TATCHAPON และ THE KASTLE รวมทั้งสิ้น 12 ศิลปิน ที่ได้ผนึกกำลังทำเพลงพิเศษ เนื่องในโอกาสพิเศษครบรอบ 6 ปีของค่าย BOXX MUSIC ด้วยซิงเกิลน่ารัก ๆ ส่งไปถึงแฟนเพลงทุกคนกับเพลงที่มีชื่อว่า เธอๆเรามีอะไรจะบอก (Tell u Somethin’) ที่ผสมผสานเนื้อเพลงและชื่อเพลงของพวกเขาลงไปเพลงทั้งหมด

เธอๆเรามีอะไรจะบอก เพลงพิเศษที่รวมเนื้อเพลงและชื่อเพลงของทั้ง 12 ศิลปินเอาไว้ในเพลงเดียว โดยแบ่งให้ทั้ง 12 ศิลปินแบ่งท่อนกันร้องแบบแรนด้อมกันไปเลย โดยแต่ละศิลปินจะตชแต้งเนื้อเพลงในท่อนของตัวเองและนำมารวมกันจนกลายเป็น เธอๆเรามีอะไรจะบอก ที่ร้อยเรียงทุกบทเพลงของทุกคนเอาไว้ได้อย่างสวยงามผ่านเนื้อหาของเพลงที่น่ารัก ที่ฟังแล้วก็เพลินไปเลย แต่ถ้าฟังดี ๆ เราก็จะได้ยินเนื้อเพลงหรือชื่อเพลงของแต่ละศิลปินที่ซ่อนอยู่ในนั้น เหมือนฟังเพลงไปก็ลุ้นกันไปว่าท่อนนี้มาจากเพลงไหนกันนะ ซึ่งก็เป็นความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเพลงนี้เหมือนกัน

เป็นเพลงน่ารัก ๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ลองฟังกัน เลพงนี้เราก็จะได้ยินเสียงของทั้ง 12 ศิลปินที่รวมอยู่ในเพลงเดียวกันไปเลย เรียกว่าฟัง 1 ได้ถึง 12 เหมาะกับการเปิดฟังในวันสบาย ๆ หรือส่งไปให้คนรอบตัวแทนความรู้สึกดี ๆ ก็ได้นะ สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพลงนี้เอาไว้ รวมถึงขออวยพรวันเกิดครบรอบ 6 ขวบของ BOXX MUSIC ด้วยฮะ 

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

FOMEOPrecious Smile 

หลังจากที่ได้ส่งซิงเกิลแรกที่ชื่อเพลงอันยาวเหยียดแต่เต็มไปด้วยคามน่ารักอย่าง รอยยิ้มของเธอมันช่างสวยและเลิศเลอกว่าสิ่งใดที่ฉันนั้นเคยได้พบเจอ จนติดชาร์ตบนฟังใจยาวนานหลายสัปดาห์ ทำให้ FOMEO ศิลปินที่เป็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในวงการดนตรีที่น่าจับตามอง รวมถึงทำให้เราลุ้นว่าเพลงต่อไปของเขาจะยาวเหมือนเพลงแรกที่ปล่อยออกมารึเปล่านะ หลังจากที่หายไปหลายเดือน เขาได้กลับมาพร้อมกับซิงเกิลที่สองที่ยังคุมโทนความคลั่งรักที่มีแต่รอยยิ้มที่สวยงามเอาไว้เช่นเคย กับเพลงภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า Precious Smile 

Precious Smile เพลงที่เปิดมาด้วยประโยคแรกก็ทำเราเขินจนบิดไปแล้ว พูดถึงความรู้สึกที่มีต่อใครสักคนจนอยากจะอยู่กับเขาคนนั้นไปนาน ๆ จนอยากให้เวลานั้นหยุดเดิน และให้เราได้อยู่แบบนี้สักพักหนึ่ง จะเรียกได้ว่าเป็นเพลงคลั่งรักก็ได้แหละ เราชอบท่อน Can I just say that? Your smile is so precious I’ve never ever seen someone like you ฟังไปก็เขินไป ได้แต่แอบคิดว่าจะมีใครมาบอกเราแบบนี้บ้างไหมนะ ในส่วนของดนตรีก็ยังทำออกมาได้อย่างลงตัว ฟังได้แบบสบาย ๆ ใหอมยิ้มกันไปเลย

นับเป็นเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกจาก FOMEO ที่ทำออกมาได้อย่างดีเลย แถมยังคงความคลั่งรักเอาไว้ได้อยู่เหมือนเดิมไม่แพ้เพลงแรก เหมาะกับการส่งไปจีบใครสักคน หรือเปิดฟังเริ่มต้นวันใหม่อย่างแฮปปี้ก็ดีเหมือนกันนะ ก็ขอฝากเพลงนี้จาก FOMEO ให้ทุกคนได้ลองฟังกันด้วยน้า รับรองว่าฟังแล้วยิ้มแน่นอน 

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

Monday Journey Just Another Broken Soul

Monday Journey ดูโอ้ ตี๋ และ พีท ที่เริ่มเดินทางด้วยกันผ่านเสียงดนตรีในเพลงแรกนี้ ซึ่งก็คือ Just Another Broken Soul ที่เราหยิบยกมาให้ทุกคนลองฟังกันในวันนี้นั่นเอง!

Just Another Broken Soul เริ่มต้นด้วยการมองภาพคนที่กำลังหลงทาง ไร้ทางออก นั่งเศร้า เสียใจด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วสานต่อจนกลายเป็นเพลงที่เรียกสติ ให้กำลังใจ และทำให้เราหันกลับมามองตัวเราเองอีกครั้ง ว่าที่เป็นอยู่นี้มันใช่เรารึเปล่า​? หรือกลายเป็นใครที่โดนปกคลุมไปด้วยความเศร้า และกำลังต่อสู้กับมันด้วยวิธีที่ทำร้ายตัวเองอยู่กันแน่? ด้านดนตรีทำให้เราหวนนีกถึงเพลงสากลช่วงยุค 2000s ที่ค่อนข้างลีดด้วยริฟฟ์กีตาร์ไฟฟ้าคลีน ๆ เสริมไปกับกีตาร์โปร่งที่สตรัมแบบเต็มมือ แล้วฉุดเราเข้าไปอยู่กับโซโล่ ทำให้เพลงนี้จากตี๋และพีทมีความจริงใจสูงมาก ๆ และเพลงก็ทำหน้าที่เรียกสติได้ดีไม่แพ้กัน

ในชีวิตเราก็คงมีบ้างที่ล้มลงแล้วไม่รู้จะไปพึ่งใคร จนสุดท้ายอาจเลือกทางท่ีผิดไปบ้าง แต่มันก็คงจะดีขึ้นมาก ๆ ถ้ามีใครสักคนพูดกับเราในแบบที่เพลงนี้พูดด้วย หวังว่าทุกคนจะได้ทำความรู้จักกับเพลงใหม่ ๆ จากศิลปินหน้าใหม่ แล้วค่อย ๆ ซ่อมแซมหัวใจที่สึกหรอไปด้วยกันนะ :–)

ฟังเพลงนี้ฟังใจ

 

NumChuMManmaid

NumChuM (น้ำเชื่อม) ศิลปินสาวที่เดินทางอยู่ในวงการดนตรีมาพักใหญ่ ก่อนหน้านี้เธอเคยมีผลงานร่วมกับ ตูน Stoondio ในเพลง โลกร้อน และเธอยังมีวงดูโอ้อย่าง Kingkong and the Chum หลาย ๆคนก็อาจจะเคยเห็นเธอได้เข้าไปเป็นผู้เข้าแข่งขันบนเวที The Voice Season 7 ก่อนที่เธอจะกลับมาอีกครั้งกับการเป็นศิลปินเดี่ยว ในปีที่ผ่านมาเธอได้ปล่อยผลงานเพลงออกมาให้ได้ฟังกันถึงสองเพลง นั่นก็คือ Sun Salutation และ Manmaid เพลงลำดับที่สอง ซึ่งเธอได้ชักชวน แพรวา Yellow Fang มาร่วมร้อง และยังได้ควงแขนเหล่านักดนตรีมากหน้าหลายตามาร่วมกันบรรเลงในเพลงนี้

Manmaid การผสมคำระหว่าง Man และ Mermaid จึงกลายมาเป็น ‘เงือกชาย’ ที่ปรากฏตัวขึ้นในเพลงนี้ โดยเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้พบเจอกับเงือกชาย  ในขณะที่เธอกำลังแหวกว่ายเล่นน้ำในท้องทะเลอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นก็มีเงือกโผล่ออกมาและว่ายเข้ามาหาเธอ และเธอก็ตกหลุมรักเขาในทันทีทันใด บางครั้งที่หญิงสาวได้สัมผัสกับน้ำทะเล ก็มักจะคิดว่าเธอเองนั้นก็เป็นนางเงือกที่เฝ้ารอคอยนับวันที่จะได้พบเงือกชาย รอให้เขาเข้ามาหว่านเสน่ห์ จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น เงือกที่ปรากฏตัวขึ้นมาในเพลงนี้ อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจินตนาการรึเปล่า? เพราะในยามที่ต้องขึ้นฝั่งมานั่งพัก เงือกนั้นก็ได้อันตรธานหายไป และทิ้งให้เราต้องนั่งอยู่อย่างเดียวดาย 

เพลงนี้มากับดนตรีที่เบาสบาย ด้วยน้ำเสียงละมุน ๆ ของน้ำเชื่อมที่มีปลายเสียงแหบนิด ๆ และมีเสียงคอรัสหวาน ๆ เข้ามาเติมเป็นดังเสียงร้องของเงือกสาว มาพร้อมกับดับเบิลเบสและทรัมเป็ต ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังแหวกว่ายอยู่กลางทะเลลึก ชื่นชมความงามของเหล่าฝูงปลา และปะการังหลากสี ภายใต้น้ำสีฟ้าคราม ค่อย ๆ พาเราล่องลอยไปตามจินตนาการ  

หากใครกำลังรอคอยที่จะพบเงือกหนุ่ม เตรียมชุดเก็บกระเป๋าให้พร้อมแล้วไปทะเลกัน เปิดเพลงนี้ฟังระหว่างนั่งคอย อาจจะมีชายในฝันปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็เป็นได้

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

Stamp – ถ้าเธอ Feat. Violette Wautier 

การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในรอบปีของสองเสียงที่เราคิดถึง ซึ่งนับเป็นเพลงที่สี่แล้วที่ แสตมป์–อภิวัชร์ และ วี–วิโอเล็ต ได้ร่วมมอบความสุขผ่านเสียงเพลงให้แก่คนฟัง และแน่นอนว่าใน ถ้าเธอ เพลงใหม่ล่าสุดนี้ก็ยังคงเป็นส่วนผสมท่ีลงตัวเช่นเคย

ถ้าเธอ อีกเวอร์ชันของ Nobody Knows ที่มีมุมมองของความรักและความสงสัยในสิ่งที่ยังไม่มาถึง หรือไม่มีวันมาถึงมากขึ้นกว่าในเวอร์ชันที่ แสตมป์ ได้ร้องไว้กับ Christopher Chu เพลงนี้ได้ชวนเราจินตนาการถึงคืนวันที่อาจหอมหวานมากกว่าตอนนี้ที่แยกจากกันไปตามเส้นทางของตัวเองแล้ว ผ่านดนตรีที่ชูเสียงร้องเป็นหลัก คลอไปกับเปียโนเพราะ ๆ เคล้าด้วยเครื่องสายขยี้ความรู้สึก กับเสียงดีดนิ้วที่สะกดให้เราอยู่กับเรื่องราวในเพลงตลอดเวลาสามนาทีกว่า ๆ นี้ เป็นเพลงที่หม่นแต่ยังมีแสงสว่างซ่อนอยู่ในเพลงไม่น้อยเลย อาจเพราะเนื้อหาเพลงมีความคิดในแบบของมนุษย์ what if ค่อนข้างชัด เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยพูดคำว่า “ถ้า” ในชีวิตกันมาก่อนและมักเป็นความเสียใจที่ไม่ได้ทำ หรือเสียใจที่ทำลงไปแล้วแก้ไขไม่ได้เสียส่วนมาก แต่สุดท้ายทางที่เราเลือกไว้ในอดีต ก็ส่งผลให้เราเป็นเราทุกวันนี้แหละ เพียงแต่ยังหยุดคิดถึงมันไม่ได้ก็เท่านั้น

One for the Road วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ เรื่องราวของสองเพื่อนสนิท และโร้ดทริปครั้งใหม่ ออกเดินทางตามหาแฟนเก่าส์ในชีวิตที่เคยบอกเลิก (เพราะมีหลายคน) กับภารกิจบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย กำกับภาพยนตร์โดย บาส นัฐวุฒิ ผู้กำกับมากฝีมือที่ผลงานของเขาครองใจผู้ชมมานักต่อนัก พร้อมยังได้ หว่องกาไว มาดูแลงานสร้างในเรื่องนี้อีกด้วย ถึงเวลากระทำความหว่องไปพร้อม ๆ กันวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ส่วนตัวเราชอบทั้งสองเวอร์ชั่น ไม่ว่าจะเป็น Nobody Knows หรือ ถ้าเธอ ก็ตาม และเชื่อว่าทั้งสองเพลงนี้จะเข้าไปทำงานกับความรู้สึกในใจของคนฟังได้เป็นอย่างดีแน่นอน หวังว่าจะเป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนได้รู้สึกขอบคุณ ได้เอ่ยคำขอโทษ และคำลากับเรื่องเก่า ๆ คนเก่า ๆ ที่ติดค้างอยู่ในใจ ก่อนไปเริ่มต้นใหม่ตามเส้นทางที่รออยู่ข้างหน้านะ
 

Fahlithh ไม่อยากโกหก

Fahlithh (ฟ้าลิธ) หรือ ฟ้า–จิตสุภา สุนทรกุล ณ ชลบุรี อีกหนึ่งศิลปินสาวหน้าใหม่ส่งตรงจากรั้วมหิดล ที่มาพร้อมกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และดนตรีสไตล์ป็อปที่ฟังง่ายสบายหู ที่เชื่อว่าใครที่ได้ลองฟังเพลงของเธอก็จะต้องตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน หลังจากที่ซุ่มทำเพลงแรกมาร่วมปี ตอนนี้ฟ้าได้ปล่อยซิงเกิลแรกที่มีชื่อว่า ไม่อยากโกหก เพลงที่พาให้เข้าใจอีกแง่มุมหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ต้องเลิกรา และคนที่ต้องบอกเลิก ที่บางครั้งก็ไม่ได้อยากจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็ไม่อยากจะฝืนต่อไป

ไม่อยากโกหก (Evil-minded) เพลงที่เล่าถึงความรู้สึกของคนที่ต้องเป็นฝ่ายบอกเลิก ซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง เพราะมักจะมองว่าคนที่บอกเลิกนั้นใจร้าย แต่ในความรู้สึกของคนที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นบอกลาความสัมพันธ์มันก็ยากและลำบากใจเช่นกัน เพราะเมื่อได้มองหน้าเธอ ภาพวันทรงจำเก่า ๆ ที่เคยมีกันก็วนกลับมา ยิ่งอยู่ด้วยกันนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รู้ว่า เราไม่ควรฝืนกันไปแบบนี้ เพราะสุดท้ายมันก็ต้องจบลงอยู่ดี เลยเลือกที่จะบอกเลิกเพราะไม่อยากโกหกอีกต่อไป ถึงเนื้อเพลงจะเศร้าจนทำเราแอบซึม แต่ฟ้าก็ยังทำดนตรีที่ฟังง่ายสบาย ๆ เพื่อช่วยกลบความเศร้าในเนื้อเพลงแต่ก็ยังซ่อนอะไรเอาไว้ เริ่มจากเสียงอูคูเลเล่ในช่วงแรกที่ฟังสบาย ๆ เหมือนความรักที่ไม่มีปัญหา แต่ถ้าตั้งใจฟังไปเรื่อย ๆ จะเห็นว่าฟ้าได้ไล่ไดนามิกของเพลงขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มไม่เหมือนเดิมด้วยเสียงกีตาร์ที่หนักขึ้น ทำให้เพลงนี้กลายเป็นส่วนผสมของอารมณ์ความรู้สึก เสียงร้อง และเสียงดนตรีได้อย่างลงตัว

เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่เข้าอกเข้าใจฝ่ายที่บอกเลิกได้เป็นอย่างดี ผ่านเนื้อเพลงและเสียงดนตรีของฟ้า นับเป็นเพลงแรกที่ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ หรือใครที่กำลังเจอกับสถานการณ์แบบนี้ในความสัมพันธ์แต่ไม่กล้าบอกเลย ก็ลองส่งเพลงไปแทนความรู้สึกของเราก็ได้นะ สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพลงนี้และ Fahlithh เอาไว้ด้วยน้า

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

PEACE LILYPsycho 

PEACE LILY หรือ ฌอน—ชวกร ศฤงฆารนันท์ อีกหนึ่งศิลปินที่มาพร้อมกับเสียงร้องนุ่มทุ้ม และดนตรีสุดเก๋าที่ฟังเพลิน ผ่านผลงานซิงเกิลแรกอย่างเพลงที่มีชื่อว่า ‘Psycho’ เพลงที่จะพาเราเข้าสู่วังวนที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้ง ความเจ็บปวด ผ่านเนื้อเพลงที่เจ็บแสบ ดนตรีที่ยากจะจับตัวได้ และเข้าใจหัวอกของคนที่ชอบอยู่ในความสัมพันธ์พันธ์ท็อกซิก แต่ก็ไม่คิดที่จะออกมา

เคยตั้งคำถามไหมว่า ทำไมคนเราชอบเอาตัวเอาตัวเองไปจมอยู่กับความเจ็บปวดและความเสียใจตลอดเวลา โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ที่ท็อกซิก ที่รู้ว่าการอยู่ในลูปนี้มันมีแต่ความเจ็บปวดและทำให้เราต้องกระวนกระวายใจตลอดเวลา แต่ยังเลือกที่จะกระโจนเข้าไปหาความท็อกซิกนี้อยู่เรื่อยไป หากคุณกำลังคิด หรือเคยคิดว่าแล้วทำไมเราต้องเสพติดความเจ็บปวดขนาดนั้นด้วย Psycho คือเพลงที่จะพาเราไปอยู่ในวังวนแห่งความว้าวุ่นนั้น ความว้าวุ่นและความเจ็บที่เราควรออกมา แต่กลับวิ่งตามหาและเต็มใจกลับไปหามันอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็น่าจะเป็นการเลิกราของคู่รัก ที่ถึงจะแม้จะแยกทางกันไป แต่ไม่นานก็กลับมาหากัน เป็นลูปวนไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากลับมาก็ต้องเจออะไรแบบเดิม ๆ เป็นความ Psycho อีกรูปแบบหนึ่งที่ก็ยังคำตอบไม่ได้ว่าทำไปเพราะอะไร 

เพลงนี้ได้ถ่ายทอดออกมาผ่านดนตรีที่ฟังเพราะฟังเพลินที่ออกมาได้อย่างลงตัว ผ่านการระดมฝีมือระหว่าง PEACE LILY คนใกล้ตัวที่รู้ใจ อย่าง นิค–ธาฤทธิ์ เจียรกุล และ จิน–วรเมธ มตุธรรมธาดา ที่ช่วยกันทำให้เพลงนี้ออกมาเป็น Psycho ถูกต้อง ถูกใจ และถูกหูคนฟังอย่างเราสุด ๆ ไม่ว่าใครที่ได้ลองฟังก็ต้องกดใส่ลงเพลย์ลิสต์แบบไม่ต้องคิดอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพลง Psycho และ PEACE LILY เอาไว้ในใจอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยฮะ แอบกระซิบว่ามิวสิควิดีโอจะมาช่วงสิ้นเดือนนี้ ตั้งตารอได้เลย!

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ

 

thepicnik – Already too late

thepicnik วงดนตรีหน้าใหม่ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้มีเพลงออกมาให้พวกเราได้ฟังกันถึงสองเพลงอย่าง Caroline ที่มีเมโลดี้แสนจะติดหูและตามมาด้วย Screw it เพลงที่ชวนให้เราอยากลุกออกมาเต้นรำ นอกจากนี้พวกเข้ายังไปกวาดรางวัลชนะการประกวดวงดนตรีมาจากเวที Micro to be Macro ที่จัดโดย MACROWAVE อีกด้วย และในปีใหม่ที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นานนี้พวกเขากลับมาพร้อมซิงเกิลที่สาม Already too late เพลงที่มากับจังหวะชวนโยกแต่เนื้อหานั้นเต็มไปด้วยรสชาติสุดขมในความสัมพันธ์ 

Already too late บทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่กว่าจะรู้ตัวว่ามันกำลังจะพังทลายลง ก็สายเกินกว่าแก้ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว เมื่อความหวานได้หมดลงก็คงเหลือไว้เพียงความขมขื่น ปัญหาต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ทันให้เราได้รู้ตัว ทั้งจากการขาดความเอาใจใส่และบทสนทนาที่น้อยลง หากรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเริ่มมีปัญหา ไม่เข้าใจกัน อยากลองให้พูดคุยปรับความเข้าใจกันแต่โดยเร็ว อย่าปล่อยให้มันสายเกินกว่าจะแก้ เพราะกว่าจะถึงเวลาที่เรารู้สึกตัวว่าเรื่องเหล่านี้มันกำลังทำร้ายจิตใจเราอยู่ ก็อาจสายเกินกว่าที่จะแก้ไขให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว และตอนจบของเรื่องนี้มันคงไม่งดงามเท่าไร

ดนตรีในเพลงนี้แสดงความเป็นตัวตนของพวกเขาจริง ๆ  แค่เพียงฟังลิกกีตาร์ในท่อนอินโทร ก็ทำให้รู้ได้เลยทันทีว่าคือ thepicnik ดนตรีที่มาพร้อมกับจังหวะชวนโยกเบา ๆ แถมยังมีเครื่องเป่าเข้ามาเสริมระหว่างเพลง และจังหวะที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ที่สุด ก็คือเสียงของแซ็กโซโฟนที่โผล่ขึ้นมาโซโล่อย่างดุเดือด ทำให้เรานึกถึงค่ำคืนที่เรื่องราวของความสัมพันธ์มันไม่เป็นไปดั่งใจหวัง เลยต้องเข้าไปนั่งดื่มในบาร์เพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นที่เก็บมาทั้งหมดไปพร้อมกับบทเพลงนี้ นอกจากตัวเพลงแล้ว เพลงนี้ยังมาพร้อมกับมิวสิควีดีโอยังคงความจัดจ้านทั้งภาพและเนื้อหาไว้ไม่ต่างกับมิวสิควิดีโอชิ้นแรกของพวกเขา

การเดินทางมาตลอดสามเพลงของ the picnik ทำให้เราเห็นว่าพวกเขาเป็นวงที่มีซาวด์ดนตรีที่เฉพาะตัวและน่าติดตาม ยังไงเราก็ขอฝากบทเพลงนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปฟังกัน ไว้คอยเตือนสติให้รีบจัดการกับปัญหาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป 

ฟังเพลงนี้บนฟังใจ 

____

อ่านบทความอื่น ๆ จากฟังใจและฟังไรได้ที่นี่

อย่าลืมติดตามฟังไรในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปด้วยนะ

Facebook Comments

Next:


Jiratchaya

เฟิส พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ชอบมองท้องฟ้าสีส้ม หมดเวลาทั้งวันไปกับการนั่งขำมีมและพูดคนเดียว ยืนหนึ่งเรื่องนิ้วเบียด และชีวิตติดมิ้นต์ช็อก