รวมเทรนด์มิวสิกวิดิโอเพลงไทยร่วมสมัย
- Writer: Montipa Virojpan
เป็นข้อถกเถียงกันมานานเหมือนกันในแวดวงดนตรีว่าเพลงเพลงนึงจำเป็นต้องมีมิวสิกวิดิโอไหม หลาย ๆ คำตอบก็บอกว่าไม่จำเป็นเพราะสุดท้ายแล้วหัวใจของเพลงมันก็อยู่ที่ตัวเพลงนั่นแหละ แต่บ่อยครั้งที่มิวสิกวิดิโอเองก็เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ทางเลือกให้กับเพลงเพลงนั้น (ก็เป็นดาบสองคมนะ เพราะฟังไปดูไปอาจจะเพลินขึ้น หรือบางทีเรื่องราวในมิวสิกวิดิโออาจจะสนุกมากจนเพลงโดนแย่งซีน แล้วคนก็จำ mv ได้มากกว่าเพลง เอ้า) ไปจนถึงถูกใช้เป็นเครื่องมือการตลาดด้วยการให้นักแสดงดัง ๆ มารับบทตัวเอกทำให้เพลงและศิลปินเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่กับศิลปินบางคนก็มองว่าวิดิโอประกอบเพลงเหล่านี้เป็นงานศิลปะที่พวกเขาจะได้ใส่ความสร้างสรรค์นอกเหนือจากเรื่องเพลง หรือผู้กำกับบางคนก็อยากลองปล่อยของได้อย่างเต็มที่ก่อนจะไปทำหนังเรื่องยาว ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละคนเลย
ทว่าด้วยเหตุผลหลัก ๆ ของการมีมิวสิกวิดิโอในยุคแรกเป็นการต้องโปรโมตเพลง แต่ในปี 1894 สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็เป็นการฉายสไลด์ภาพนิ่งให้ขยับสลับกันผ่าน magic lantern จนเทคโนโลยีพัฒนามีเครื่องฉายหนังก็ทำ talkies การแสดงสดของวงแจ๊สและการเต้นรำก็ตามที ต่อมาในยุค 50s ก็เริ่มมีการทำวิดิโอประกอบเพลงที่ไม่ใช่การแสดงสดของวงอีกต่อไป แต่มีอีกเส้นเรื่องมาเล่าประกอบเช่นคนเดินเล่นในสวนสาธารณะก็เอามาใส่ในเพลง แล้วก็มีคนทำออกมาเรื่อย ๆ และบูมมาก ๆ ในยุค 60s-70s ซึ่งเป็นการมาถึงของรายการเพลงทางโทรทัศน์ เราพอจะนึกภาพออกว่าสมัยนั้นก็มีรายการเพลงที่ให้วงไปเล่นออกอากาศกันสด ๆ แต่พวกเขาก็อยากได้ประสบการณ์นอกเหนือไปจาก live band ด้วย คือการทำมิวสิกวิดิโอและใช้มันเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมตเพลงมากขึ้น จากที่มีแค่ศิลปินร้องไลน์ซิงก์กับเพลง ก็เริ่มมีลูกเล่นท่าไม้ตายงัดออกมาขับเคี่ยวกันไม่แพ้วิชวลอาร์ตด้านอื่น ๆ (หลายคนก็คงจะได้แรงไฟจากงานของผู้กำกับ Michel Gondry ที่ทำสต็อปโมชันรัว ๆ หรืองานสุดบ้าของวงแบบ OK GO หรือ World Order)
ทางฝั่งประเทศไทยเองก็ไม่แพ้กัน งานมิวสิกวิดิโอยุคแรก ๆ ของบ้านเราส่วนใหญ่จะมาจากครีเอทีฟหรือผู้กำกับโฆษณา และในช่วงนึงก็มี FaT Awards ที่มอบรางวัลสาขามิวสิกวิดิโอยอดเยี่ยมเพื่อรันวงการ สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้สร้างงานฝั่งนี้ ยิ่ง YouTube กลายมาเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงานยอดนิยม ทำให้ศิลปินและค่ายเพลงหลาย ๆ คนก็เองก็ให้ความสำคัญกับยอดวิวเพราะนอกจากจะแพร่กระจายผลงานได้ไว แล้วมันยังสามารถเทิร์นเป็นเงินได้ด้วย!!! แบบนี้แล้วเราเลยจะได้เห็นมิวสิกวิดิโอไอเดียบรรเจิดออกมามากมายในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา และดูไม่มีทีท่าว่าความคิดสร้างสรรค์จะหยุดลงง่าย ๆ (จากยุคเอานักร้องมาเล่นเอง หานางแบบลูกครึ่งมาเป็นนางเอก CG ตระการตา เน้นการเล่าเรื่องที่กินใจ ไปจนถึงการ์ตูนแอนิเมชัน) เราเลยขอรวบรวมและแบ่งงานจากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นกลุ่มต่าง ๆ ที่พอสังเกตได้ประมาณนี้ว่าเขาชอบทำออกมาเป็นแบบไหนกันบ้าง
ล้อเลียนละคร
สิ่งหนึ่งที่เป็นวัฒนธรรมที่ชัดมากของบ้านเราคือละครไทย ด้วยการแสดงที่เกินเบอร์ แต่งหน้าหนาเตอะ เสื้อผ้าหน้าผม สถานภาพทางเศรษฐกิจของตัวละครที่ต่างชั้นราวฟ้าดิน หรือบางเรื่องที่มีกิมมิกชัดเกิ๊น ก็เป็นสิ่งที่น่าเอามายั่วล้อมาก ๆ จนกลายมาเป็นงานดราม่าคอเมดี้ที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ
บูชาหนังชั้นครู Inspired by Genre Movies
Ring Ring ล้อ ‘Chungking Express’
The Waiter ล้อ ‘Moonrise Kingdom’
ล้อเกม
1991 – 1993 ล้อเกม Ragnarok
The Game ล้อเกม First Person Shooting (FPS) พวก ‘Counter Strike’ เป็นต้น
ล้อรายการโทรทัศน์ เกมโชว์
Dating Game
The Voice
Lo-Fi, VHS, Home Video
ด้วยเทรนด์ดนตรี bedroom pop หรือการทำงานแบบ DIY ตัดแปะ ไม่ต้องเนี้ยบมากแต่สามารถบอกเล่าลักษณะของดนตรีได้ชัดแจ้ง ก็ทำให้แนวภาพแบบนี้เป็นที่นิยมเหมือนกัน อาจจะใช้ฟุตเทจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกันมาตัดแปะ เกรดสีให้ซีด ๆ ใส่เกรนเข้าไปเยอะ ๆ ก็เป็น aesthetic แบบนึง
เน้นท่าเต้น ล้อบอยแบนด์
เรื่องราวเซอร์เรียล
เล่นกับโซเชียลมีเดีย
หมัดฮุกเรียกน้ำตา
ตีความจากเพลงพร้อมความครีเอทิฟที่คาดไม่ถึง
ธีมจัด ย้อนยุค
รวมพลคนเศร้าหน้าบาร์/ร้านเหล้า
งานวิชวลจัด ๆ เน้นภาพ สี และองค์ประกอบศิลป์
งานคอลลาจ ทำมือ
งานแอนิเมชัน
นี่เป็นแค่ตัวอย่างจำนวนหนึ่งเท่านั้น เห็นไหมว่ามันมีเยอะมากเอามาให้ดูไม่หวาดไม่ไหวจริง ๆ และทุกผลงานก็มีจุดเด่นรวมถึงความน่าสนใจต่างกันไปตามรสนิยมของศิลปินที่เลือกผู้กำกับคนนั้น ๆ มาทำ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ศิลปินและคนที่ทำฝั่งวิชวลกันต่อไป เรารอดูผลงานสนุก ๆ อยู่นะ