‘Reject False Icons’ โฮมวิดิโอตั้งแต่ปี 2015 ของครอบครัว Gorillaz ที่เรารัก
- Writer: Montipa Virojpan
ตั้งแต่ที่ Gorillaz ประกาศว่าจะจัดฉาย Reject False Icons สารคดีการทำงานตลอดสามปีเต็มในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกเป็นจำนวน 1 รอบถ้วน เราในฐานะแฟนเพลงของวงก็ตาลีตาเหลือกรีบตื่นมาจองบัตรตั้งแต่ไก่โห่ (ทีแรกลุ้นนานมากว่าที่ไทยจะมีใครเอาเข้ามาไหม สุดท้ายต้องขอบคุณ Documentary Club มาก ๆ ที่จัดฉายในบ้านเรา) จนกระทั่งวันที่ 16 ธันวาคม 2019 ก็มาถึง
***บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์***
Gorillaz คือวงดนตรีอัลเทอร์เนทิฟ อิเล็กทรอนิก ฮิปฮอป ที่ประกอบไปด้วยสี่สมาชิกหลักคือ 2D, Murdoc, Russell และ Noodle ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของ Damon Albarn ฟรอนต์แมนแห่งวงบริตป๊อป Blur ร่วมกับเพื่อนของเขา Jamie Hewlett ที่เป็นนักวาดภาพประกอบ ทั้งสองคนช่วยกันสร้างชีวิตให้กับตัวการ์ตูนพวกนี้ ผ่านการเขียนบทเพลงและเดินทางไปทั่วโลก เพื่อสร้างมิตรภาพกับศิลปินและทีมงานเบื้องหลังทั้ง 6 อัลบั้ม จนกลายมาเป็นวงดนตรีที่คนทั่วโลกชื่นชอบมาเกือบ 20 ปี
จนกระทั่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Gorillaz เงียบหายไปถึง 5 ปี และได้กลับมาทำเพลงอีกครั้งด้วยความคิดถึงการร่วมงานในสตูดิโอ กับคนมีความคิดสร้างสรรค์มากความสามารถหลากหลายชีวิต เดมอนเลยได้โอกาสชวนให้ Denholm Hewlett ลูกชายของเจมี่ที่เขาเห็นตั้งแต่เด็ก ๆ มากำกับสารคดีที่จะบันทึกการทำงานตั้งแต่ปี 2015 กลายเป็น 3 พาร์ตที่จับเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสตูดิโอเริ่มทำอัลบั้ม Humanz ตามด้วย Humanz World Tour และการบันทึกเสียงของอัลบั้ม The Now Now ตัดสลับกับ vr ที่เป็นไซบอร์กซึ่งปกติจะถูกฉายในคอนเสิร์ตเป็นเหมือน narrator ที่คอยป้อนไอเดียบางอย่างสร้างบรรยากาศให้คนดู ให้แฟน ๆ ได้ซึมซับบรรยากาศเบื้องหลังแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันสักเท่าไหร่
สารคดีอันนี้เหมือนเป็นเครดิตขอบคุณทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอัลบั้มเหล่านี้ขึ้นมา โดยผ่านการเรียงลำดับเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ กว่า 90 โชว์ทั่วโลก ที่นับเวลารวม ๆ กันแล้วก็ประมาณ 6 วันกับอีก 20 กว่าชั่วโมงไม่รวมพูด และมากกว่า 20 ชีวิตบนเวทีที่ทุกคนได้ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ปี 2015 ถูกบันทึกลงใน Reject False Icons ในภาวะกึ่งจริงกึ่งฝัน ที่เราบอกแบบนั้นเพราะหลาย ๆ สิ่งมันดูจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างการได้คนมาร่วมงานแบบ De La Soul, Yasiin Bey, Noel Gallagher, Vince Staples, Kelala, Kali Uchis, George Benson, Little Simz หรือระหว่างการอัดเพลงที่พวกเขาได้ไปพบกับนักดนตรียอดฝีมือ มันสมอง เครื่องดนตรีแปลก ๆ หรือสตูดิโอสุดเทพของท้องถิ่นนั้น ๆ ตั้งแต่ New York, Chicago, Paris หรือ Jamaica เองก็ตามมันเป็นอะไรที่ตื่นตามาก ๆ
ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นสูตรโกงของเรื่องคือการเอาหลาย ๆ เพลงฮิตมาใส่ในหนัง ดูไปเผลอโยกไปร้องตามไป ยิ่งอินโทรคือทรงพลังมากจากการเอาฟุตเทจมิวสิกวิดิโอตั้งแต่ชุดแรก ๆ มาตัดสลับกันจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะตอนฉาก Saturnz Barz หรือ Clint Eastwood ตัดเข้ามาแล้วภาพกับเสียงเล่นไปพร้อมกันคือขนลุก
สิ่งที่ทำให้ได้ใจแฟน ๆ เลยก็คือการพาไปดูทัวร์ที่ต่าง ๆ ในโลกแล้วใครบางคนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตนั้นจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมและคิดถึงโชว์นั้นขึ้นมาจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ (ของเราคือตอน Fuji Rock ปี 2017) โดยเฉพาะกับขนาดเฟรมที่เหมือนถ่ายจากกล้อง hand held และ close up ทำให้เราเหมือนได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเฝ้ามองการทำงานกับพวกเขาอย่างใกล้ชิด ได้อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น รวมถึงทำให้รู้ถึงเบื้องหลังเพลงว่าพวกเขาเขียนออกมาภายใต้ความคิดอะไร สะท้อนความเป็นไปของโลกอย่างไร
และส่วนดีคือเขาไม่ได้ให้เห็นแค่มุม nostalgia เพียงอย่างเดียว เพราะเขายังแฝงมุมกวน ๆ และความเป็นธรรมชาติของแต่ละคนในวงไว้ ทั้งเวลาเมาค้าง หลังเวทีเขาห้ามสูบบุหรี่ แต่บรรดาศิลปินก็พากันฝ่าฝืนหน้าตาเฉย หรือโมเมนต์ประวัติศาสตร์ที่เดมอนจามครั้งแรกในชีวิตตอนเล่นเพลง Hong Kong ในโชว์ที่ปารีสหรือในบางช็อตที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นกับตา มันแสดงออกผ่านทางสีหน้าและแววตาของของพวกเขาอย่างจริงใจเหลือเกิน และเราเองก็รู้สึกตื้นตันไปกับพวกเขาด้วย
ไม่รู้ว่าสารคดี Reject False Icons จะถูกจัดฉายอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่สำหรับแฟน ๆ Gorillaz ที่ได้ดูคงฟินไปตาม ๆ กัน และมันก็ได้ให้ความรู้สึกแบบ home video จริง ๆ เพราะได้อินไปกับความอบอุ่น ความสนุก และมิตรภาพของครอบครัวใหญ่ที่น่าจะขยายใหญ่ขึ้นในทุก ๆ ปี กับความติดอกติดใจในการ collaborate ร่วมกับศิลปินทั่วโลกที่ช่วยขับความคิดสร้างสรรค์ให้ Damon Albarn และ Jamie Hewlett ได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด แถมเราได้ย้อนดูหมดตั้งแต่ self titled album, Demon Dayz, Plastic Beach, The Fall, Humanz, The Now Now ไปจนถึง spin off ต่าง ๆ ที่แม้จะใส่มาแบบเร็ว ๆ แต่แค่ได้เห็นก็น้ำตารื้นแล้ว ถ้ายังไม่หายฟินมาแชร์ความรู้สึกกับเราที่นี่ได้นะ นี่ขนาดดูจบแล้วต้องเปิดเพลงฟังเลย
