รวมมิวสิกวิดิโอน่าดู ประจำเดือนพฤศจิกายน 2560
- Writer: Montipa Virojpan
Fwends – Petrichor
ตอนที่เพลงนี้ปล่อยมาแค่ audio version เรานี่หลงรักตั้งแต่อินโทรเพราะทำให้เรานึกถึงงานจากวง shoegaze ยุคเก่า คือกลิ่นมันมาแล้ว พองานภาพตามออกมาทีหลังยิ่งทำให้รู้สึกว่าถูกต้องมาก งานนี้ได้ Rosebud โปรดักชันที่ชอบเล่นเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำหรือวัยเด็กอย่างที่เคยทำใน Jelly Rocket – This is Real หรือ My Life as Ali Thomas – Kiss แต่หนนี้ ด้วยดนตรีที่ lo-fi มีเอฟเฟกต์ยุบยับชูโรงมาแล้วก็ทำให้จินตนาการไปถึงภาพมัว ๆ เฟรมเรตต่ำ ๆ หนืด ๆ เหมือนหยิบยกเอา element ภาพจำของ shoegaze art direction มาทั้งก้อน แต่ยังมีเรื่องราวของเพื่อนในวัยเด็กที่บังเอิญไปตรงกับเรื่องจริงของ เมย์ ชูชีวา (กีตาร์/ร้องนำ) และเพื่อนสนิทที่จากไป นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิกหมุนเฟรมภาพให้ดูเหมือนติดอยู่ในวังวนของอดีตอันพร่าเลือน หลายซีนทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง Only Lovers Left Alive ปนกับงานขึ้นหิ้งของ Wong Kar Wai ที่ชื่อ Fallen Angel เลยล่ะ
Rasmee – อารมณ์ (Emotion)
เพลงใหม่จากราชินีหมอลำอิสานโซล รัสมี ที่กลับมาพร้อมมิวสิกวิดิโอโดยผู้กำกับคู่ใจ โตคิณ ฑีฆานันท์ อย่างที่เรารู้กันว่างาน lo-fi, video art คืองานถนัดของเขา และคราวนี้เขาก็หยิบทั้งสองสิ่งมาผสมผสานกันได้อย่างน่าสนใจ กับการให้ จูน Stylish Nonsense นอนอยู่ในลำธารแล้วให้กระแสน้ำไหลผ่าน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในพงไพร พร้อมกับใส่เลเยอร์ของธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นใบไม้ หรือน้ำตก ซ้อนทับไปอีกที ทั้งการปรับสีให้เน้นโทนม่วงและเขียว หรือกับฟืนไฟที่เป็นสีฟ้าส้มก็สวยแปลกตา การค่อย ๆ ซูมเข้า แล้วให้มีภาพเคลื่อนไหวอยู่ในวัตถุนั้นอีกชั้นจนเกิดเป็นหลายมิติจนเหมือนกำลังถูกสะกดจิต ยิ่งช่วง bridge ที่เป็น climax ของเพลงก็เอาเงาเคลื่อนไหวของรัสมีจับมาสะท้อนกัน ขับให้อารมณ์เพลงไปสุดจริง ๆ เข้ากับเนื้อหาของเพลงที่ ความ emotional และคาดเดาไม่ได้
Whal & Dolph – หากมันจะสายเกินไป (Goodbye)
วงที่นอกจากเพลงจะดีแล้ว ยังน่าติดตามดู mv ทุกตัวด้วยความที่ไม่ค่อยมีที่มาที่ไป จังหวะตัดต่อและมุขตลกเฉพาะตัวที่บางคนอาจจะไม่ขำ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่เราชอบ ล่าสุดก็ปล่อยงานใหม่มาอีกแล้วจ้า เรียกว่าเป็นงานรวมดาวชาวกองถ่ายหน้าคุ้นก็เป็นได้ มีทั้งตี๋เล็กหน้าเด๊ด, เม้ง Beam Wong, แจมมี่ ซาวด์เอนจิเนียร์สุดฮอตของยุค หรือชายหนุ่มผู้ตามหาพญานาคจากเพลง โอ๊ย ซึ่งหนนี้ก็มาเป็นธีม ‘นักมวยตกอับ’ ต้องมาเป็นนักแสดงตลก ที่เล่นยังไงก็ไม่ตลก ยังไม่ได้ซีนที่ผู้กำกับชอบใจ ก็ต้องแก้ปัญหาหน้างานกันไปเรื่อย ๆ จนรู้ว่า อ้อ! ต้องให้มันได้นึกถึงโมเมนต์ตอนที่ชกกันหน่อย เท่านั้นแหละ เทคเดียวผ่านเลย ถ้าลองฟังเนื้อเพลงไปด้วยแล้วเอาไปเทียบเคียงกับเรื่องความรักมันก็จุก ๆ อยู่นะ ยิ่งตรงซับที่ขึ้นว่า ‘ไม่ตลกอะ เหมือนคนโง่เล่นกัน’ มันเจ็บบบบบ ปล. ชอบท่าโยกที่เป็นเอกลักษณ์ของปอกับน้ำวนจริง ๆ นะ มีให้ได้ดูทุก mv จนมันกลายเป็นกิมมิกไปแล้ว
Jetset’er – ปีแสง (11)
เอ้อ เวลาที่เอาดวงดาว อวกาศ ดาราศาสตร์มาเล่าเรื่องนี่มันโรแมนติกเสมอเลยสิน่า เมื่อ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ มารับบทเป็นพนักงานของท้องฟ้าจำลอง ที่วันหนึ่ง ขณะนั่งเบื่อ ๆ หน้ามอนิเตอร์กล้องวงจรปิดก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า เขาพบว่ามีผู้หญิงท่าทางประหลาด ๆ มายืนโบกไฟฉายอยู่ที่ลานจอดรถในเวลา 11.11 นาทีของทุกวัน แต่พอเดินออกไปดูจริง ๆ กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เมื่อเขานั่งทบทวนทฤษฎีและความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานาจนไขปริศนาข้อนี้ได้ก็รู้ว่า ที่ผู้หญิงโบกไฟฉายน่ะเธอกำลังเขียนข้อความบางอย่าง พอเขาลองเขียนตามก็ได้เป็นคำว่า ‘BACK HO’ น่าจะต่อด้วย ME เพราะผู้หญิงคนนั้นมาจากต่างมิติเวลา เขาจึงไม่สามารถสื่อสารหรือพบกับเธอได้โดยตรง และเธอกำลังจะกลับไปยังที่ที่เธอจากมา เป็นการเทียบเคียงให้เหมือนว่าเรากำลังรอคนที่ใช่แต่เขาก็ไม่ปรากฏตัวสักทีตามที่เพลงเขาบอกแหละ เหงาไปอีกกกกก ปล. เพลงนี้ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 11.11 ด้วยนะ
อะตอม ชนกันต์ – อย่าบอก
ปัจจุบันที่โซเชียลเน็ตเวิร์กมาไวไปไว ผู้ใช้งานสามารถเป็นผู้สร้างคอนเทนต์เองได้ส่งผลให้โลกของเราอุดมไปด้วยชุดข้อมูลจนบางครั้งก็เยอะเกินไป ทำให้การตัดสินว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จก็ต้องตรวจสอบให้รอบด้าน มันมีเนื้อหาในวิชาเรียน media literacy หรือการรู้เท่าทันสื่อ ว่าสื่อสามารถเลือกนำเสนอเรื่องราวโดยเลือกประเด็น หรือสร้างกรอบความเข้าใจ (framing) ให้เรื่องจริงกลายเป็นข่าวลวง หรือผู้ร้ายกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ในสถานการณ์หนึ่งได้ (จะขอไม่ลงลึกมาก ไว้เดี๋ยวมีเวลาจะมาอธิบายต่อนอกรอบ) เหมือนมิวสิกวิดิโอที่สะท้อนประเด็นนี้ได้ดี การเปิดเรื่องมาด้วยคลิปจากกล้องวงจรปิดในมุมที่เห็นว่าผู้ชายผู้หญิงทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ แล้วผู้หญิงก็อัพสเตตัส อัพวิดิโอร้องไห้บอกว่าตัวเองถูกทำร้าย ทำให้หลายคนตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นคนเลว แต่ความจริงแล้วมีที่มาที่ไปมากกว่าที่คนในสังคมออนไลน์เห็น ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเองเด้อ
The Toys – Love Is Now รักอยู่ตรงหน้า
เฮ้ย ขอนับถือความปั้นวิดิโอออกมาได้เกาหลีมาก จัดมาให้โดยทีม ชูใจ นั่นเองล่ะจ้า reference มีความโฆษณาเครื่องสำอาง Etudy House แสงฟุ้ง สีพาสเทล โลเคชันลูกกวาด ๆ แคสติ้งใช่ (อัพกับอุ้มลุคนี้เกาจริง ยอม!) แล้วการที่เลือก close up เฉพาะส่วนบนใบหน้าของชายหนุ่มหญิงสาว ดวงตา รอยยิ้ม ใบหู มือ พฤติกรรมหรืออากัปกิริยา awkward ต่าง ๆ มันทำให้ชวนเขินได้จริง ยิ่งเพลงคือเข้าตำราซินธ์ป๊อปที่กำลังมาในซีนอินดี้เกาหลีพอดี ทีแรกก็สงสัยว่าทำไมเฟรมมันบีบ ๆ แปลก ๆ ตอนหลังมาเฉลยว่า เอ้า คุยกันในเมสเซนเจอร์นี่หว่า จินตนาการล้วนตามประสาคนปิ๊งกันในโลกออนไลน์แล้วกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะออกไปเจออะโนะ (แต่ก็ไม่วาย โลเคชันบ้านก็มีความเกาไปอีก นี่หนูอยู่กรุงเทพ ฯ หรือฮงแดคะลูกกกกก) โดยเขาใช้การครอปภาพแคบ ๆ ให้รู้ว่าอันนั้นมโน แต่พอเป็นสัดส่วนจอปกติก็คือความจริงนั่นเองล่ะจ้า
Safeplanet – ดินแดน
แม้จะเป็น audio version แต่ก็ยังมีภาพเคลื่อนไหวง่าย ๆ เหมือนเป็นตัวเทพเจ้าอะไรสักอย่างที่ดูหน้าตารูปร่างแปลกประหลาด คือดูมีกล้ามเนื้อแข็งแรง แต่หัวโต และซี่โครงโผล่ แถมยังนอนกอดก้อนเมฆลอยไป แล้วมีนกสามตัวจิ๋วหิ้วร่างให้เคลื่อนที่ไป ก็ดูเจ้านี่นอนชิลกลางอากาศประกอบกับเพลงแล้วเพลินชะมัด คือเพลงนี้ได้องค์ประกอบของ world music เข้ามาในพาร์ตเมโลดี้ ไลน์กีตาร์งดงาม เบสวิ่งหนึบหนับ กลองเร้าใจ มีเครื่อง brass จากพี่สฤษฎ T-Bone ช่วยสร้างบรรยากาศสว่างกว้างไกลฟังแล้วเหมือนได้ลอยไปไหนต่อไหน ชอบ ๆ
RIVER RHYME – NIGHT feat.UMA
มิวสิกวิดิโอขาวดำเน้นความ aesthetic และภาพเท่ ๆ ที่แบ่งเป็นสี่ช่องแล้วแสดงเป็นภาพของสมาชิก River Rhyme จากมุมกล้องต่าง ๆ หรือบางทีก็เปลี่ยนเป็น object อื่นที่อาจไม่ได้เล่าตามเนื้อเพลงเสียทีเดียวไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ผลิบาน ท้องฟ้าพร่างพราวด้วยดวงดาว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเลือกใช้เพื่อถ่ายทอดมู้ดของดนตรีและอาจเป็นการตีความบรรยากาศของเนื้อหา และแทรกภาพเคลื่อนไหวที่เป็นสีเข้ามาให้ฟีลของวิดิโอไม่นิ่งจนเกินไป