Liam Gallagher: As It Was หนังสารคดีชีวิต เลียม กัลลาเกอร์

Quick Read ตาดูหูฟัง

‘Liam Gallagher: As It Was’ หนังสารคดีที่ว่าด้วยการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งของอดีตฟรอนต์แมน Oasis

  • Writer: Pongsathorn Chutachuen

Liam Gallagher: As It Was หากคุณเป็นคอเพลงอังกฤษยุค 90s ไม่มีทางเลยที่คุณจะไม่รู้จักแนวดนตรีบริตป๊อปอันรุ่งเรือง โดยเฉพาะวง Blur และ Oasis ที่เป็นคู่แข่งกัน ณ เวลานั้น นอกจากการแข่งขันบนอันดับชาร์ตเพลงที่ดุเดือดแล้ว สื่อยังนำเสนอเรื่องราวจิกกัดระหว่างศิลปินต่าง ๆ กันอย่างเผ็ดมัน ซึ่งเป็นสีสันได้อย่างดี และบุคคลที่ถูกนำไปเขียนข่าวเป็นประจำก็เป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่สองพี่น้องปากจัดตระกูล Gallagher ประจำวง Oasis ที่ว่ากันว่าด่าศิลปินมาแล้วแทบจะทั้งวงการ ด้วยคาแร็กเตอร์ร็อกสตาร์และแนวเพลงอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำและนิยมอย่างมากในยุคสมัยนั้น

หนังสารคดี Oasis: Supersonic

สารคดี Oasis: Supersonic

ถ้าเปรียบสารคดี ‘Oasis: Supersonic’ เป็นจุดเริ่มต้น (และอาจเป็นจุดจบ) ของจักรวาล Oasis สารคดีเรื่องล่าสุดอย่าง ‘Liam Gallagher: As It Was’ ก็ถือได้ว่าเป็นภาคแยกต่อยอดออกมาจากจักรวาลหลัก ที่มีนักแสดงนำคือ Liam Gallagher ที่คนทั่วโลกจดจำเขาจากบทบาทนักร้องนำวง Oasis

(เนื้อหาต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องในภาพยนตร์สารคดี)

Liam Gallagher: As It Was เลียม กัลลาเกอร์ ตัวตนไม่เคยเปลี่ยน

 

จุดเริ่มต้นทั้งหมดเริ่มขึ้นจากจุดจบของ Oasis เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เทศกาลสุดท้ายของพวกเขา ‘Rock en Seine’ ในกรุงปารีส วันที่ 28 สิงหาคม 2009 เมื่อพี่น้อง Gallagher ทะเลาะกันครั้งใหญ่ จนทำให้คอนเสิร์ตต้องยกเลิก ปล่อยให้แฟน ๆ นับหมื่นต้องรอเก้อ หลังจากนั้น Noel พี่ชายของเขาก็ประกาศแยกวง และ Oasis ก็ต้องยุบวงไปโดยปริยาย

ชีวิต Liam หลังจากยุบวง Oasis ก็เหมือนสูญเสียทุกอย่าง เพราะชีวิตเขาเกือบ 20 ปีก็คือการเป็นนักร้องนำ Oasis เขาเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ทดแทนสิ่งที่สูญเสียไป สิ่งแรก ๆ ที่เขาเริ่มทำคือแบรนด์เสื้อผ้า ‘Pretty Green’ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มีปัญหาจนต้องหย่าร้างกับภรรยา Nicole Appleton ทำให้ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก เขาต้องการเงินและนึกภาพตัวเองทำอาชีพอื่นนอกจากนักร้องไม่ออก ไม่มีทางไหนจะได้เงินดีไปกว่าการกลับไปร้องเพลงในนาม Oasis แต่พี่ชายของเขากลับไม่สนใจแม้จะรู้ว่าน้องชายของเขาเจอปัญหาขนาดไหนก็ตาม ทำให้ Liam ต้องก่อตั้งวงขึ้นมาใหม่โดยมีสมาชิกเดิมใช้ชื่อว่า Beady Eye

วง Beady Eye ก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกับการแยกวง Oasis

วง Beady Eye

Beady Eye ก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกับการแยกวง Oasis (2009)

ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้พักจากการทำวงเลย ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน และสภาพจิตใจที่ยังไม่ได้ฟื้นฟูจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถาโถมมาพร้อมกับความคาดหวังของทุกคนที่อยากรู้ว่าผลงานใหม่ของพวกเขาจะเป็นยังไงเมื่อขาดคนแต่งเพลงอย่าง Noel จนกระทั่งปี 2011 พวกเขาก็ปล่อยอัลบั้มแรก Different Gear, Still Speeding เสียงวิจารณ์ก็แตกออกเป็นสองฝั่ง มีทั้งชื่นชมและดูถูก เพราะการขาดหายไปของ Noel เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่หลวง และความยิ่งใหญ่ของ Oasis ในอดีตได้ถูกเอามาเปรียบเทียบ เห็นได้ชัดจากเวลาทัวร์ที่เป็นได้แค่วงเปิดให้วงอื่นและได้เล่นแต่เวทีเล็ก ๆ ที่มีคนมาดูไม่กี่พันคนเท่านั้น ทำให้ Liam และวงเริ่มเสียความมั่นใจในตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอัลบั้มที่สอง BE ในปี 2013 ก็กลายเป็นอัลบั้มสุดท้ายของพวกเขา เหตุผลหลัก ๆ คือทุกคนไม่ได้เต็มที่กับวง บางคนมีวงดนตรีสองวงควบคู่กันไป ทำให้ทุกคนแยกตัวและยุบวงไปในท้ายที่สุด

การยุบวงรอบที่สองของ Liam ในเวลาไม่กี่ปีนั้น ทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเองและไม่กล้าเล่นดนตรีอีกต่อไป น้อยครั้งที่คนรอบตัวจะได้เห็นเขาร้องเพลงนอกซะจากตอนเขาดื่มหนักจนเมาถึงจะกล้าหยิบกีตาร์มาเล่น ในช่วงเวลาที่เขาไม่เหลืออะไร Liam ได้พบรักกับ Debbie Gwyther ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจและให้กำลังใจเขาอยู่ตลอดเวลา Liam เริ่มใช้เวลาอยู่กับครอบครัว กลับไปเยี่ยมแม่ที่แมนเชสเตอร์ เจอหน้าลูก ๆ ของเขา ทำให้เขาได้พักผ่อนฟื้นฟูจิตใจ แต่เขาก็ยังไม่กล้ากลับไปเล่นดนตรีอีกครั้งเพราะความผิดหวังที่ผ่าน ๆ ยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ จนในคืนหนึ่งในผับที่ไอร์แลนด์เขาดื่มเบียร์กินเนสไปประมาณ 30 แก้ว ทำให้เขาเมาได้ที่และหยิบกีตาร์ในผับขึ้นมาเล่นเพลงที่เขาแต่งเอง Bold เหตุการณ์คืนนั้นถูกบันทึกวิดิโอและเผยแพร่ไปทั่ว แฟนเพลง ๆ หลายคนเริ่มเข้ามาคอมเมนต์ไปในทางเดียวกันว่า ‘เขากลับมาแล้ว’

วิดิโอเล่นสดเพลง ‘Bold’ ที่ถูกถ่ายใน ผับแห่งหนึ่งใน Iceland

เมื่อมีคนพูดถึงและแฟนเพลงยังรอคอยเขา ทำให้ Debbie ไปจุดประกายให้ Liam แต่งเพลงและกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง เพราะ Debbie รู้ดีว่าว่า Liam อยากร้องเพลงและดนตรีคือสิ่งที่เขาต้องการ เขาจึงนำเพลงที่แต่งไปเสนอให้ Warner Music เพื่อที่จะทำอัลบั้มใหม่สำหรับการกลับมาในอีกครั้งนามของศิลปินเดี่ยว และทุกคนก็คิดถูก Liam กลับมามีชีวิตชีวาอีก เป็นตัวเองและสุขุมมากขึ้น เขาไม่ได้มั่นใจในตัวเองเหมือนแต่ก่อน แต่เขาพร้อมที่จะรับฟังคนอื่นมากขึ้น กลายเป็นตัวตนของเขาในอัลบั้ม As You Were ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต UK ได้สำเร็จ พร้อมกับได้ออกทัวร์ไปทั่วโลกและเล่นเวทีใหญ่ ๆ อย่างเช่น Glastonbury อีกครั้ง!

รีวิวหนัง Liam Gallagher: As It Was อัลบั้ม As You Were ที่ขึ้นอันดันหนึ่ง UK Chart!

As You Were อัลบั้มที่ขึ้นอันดันหนึ่ง UK Chart!

นอกจากการกลับมาเกิดใหม่ในอัลบั้มเดี่ยวแล้ว เขายังได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงวัยรุ่นใหม่ ๆ อีกด้วย ช่วงเวลาที่เขาทัวร์ได้มีเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ในคอนเสิร์ตของ Ariana Grande ในเมืองแมนเชสเตอร์บ้านเกิดของ Liam ทำให้ Chris Martin นักร้องนำ Coldplay ชวนเขามาเล่นเพลง Live Forever ในงาน One Love Manchester เพื่อเป็นการต่อสู้กับผู้ก่อเหตุร้ายครั้งนั้น ซึ่ง Liam ก็ตอบรับแต่โดยดี แม้ในอดีตเขาเคยด่า Chris มาก่อนก็ตาม เพราะเขารู้ดีว่า เขาและดนตรีนั้นสำคัญกับทุกคนมากเพียงใด ดูได้จากการที่เขาอยู่บนเวทีและเดินทางไปที่ต่าง ๆ แฟนเพลงทุกคนพร้อมต้อนรับและตะโกนชื่อ Liam อย่างก้องเสียง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ Liam Gallagher อยากร้องเพลงตลอดไป

Coldplay ร้องเพลง Live Forever ร่วมกับ Liam Gallagher ในงาน One Love Manchester

ในสารคดีจะได้เห็น Liam ในโมเมนต์อื่น ๆ มากมาย ที่นอกเหนือจากมาดกวน ๆ และตัวตนของเขาบนเวที เขายังมีเวลากับครอบครัว ทำหน้าที่ลูก น้องชาย คนรัก และพ่อคน ซึ่งสื่อไม่ค่อยเขียนสิ่งพวกนี้ ทำให้เราได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว Liam เป็นคนที่อ่อนโยนกว่าที่เราคิด และเขายังคิดถึงคนอื่น ๆ อยู่เสมอ มีหลายครั้งที่เขาต้องยกเลิกคอนเสิร์ตเพราะเสียงของเขาไม่ไหวตามอายุการใช้งาน แต่สิ่งที่เขาทำคือดื่มและเสพให้น้อยลง และยังไปวิ่งออกกำลังกาย การกระทำเหล่านี้บ่งบอกให้รู้ว่าเขาอยากร้องเพลงเพื่อแฟนเพลงไปอีกนาน และนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำเรารัก Liam Gallagher

สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ Liam เคยกล่าวขอบคุณ Noel แบบอ้อม ๆ จากรางวัล Godlike Genius ในงาน NME Awards 2018 ไว้ว่า “I want to dedicate this to my mom and my army of songwriters, past and present.” และในวันที่ 28 สิงหาคม 2019 ก็ได้ปล่อยเพลง One of Us ซึ่งใน MV ก็มีการพูดถึงวันที่ ‘28.08.09’ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 10 ปีแล้วที่ยุบวง Oasis ทำให้รู้ว่า Liam ยังคงคิดถึงพี่ชายของเขา และสารคดีเรื่องนี้อาจจะสื่อให้ถึง Noel ว่ายอมรับและให้อภัยกูสักทีเถอะ ไอ้พี่ชาย!

One of Us เพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดของ Liam Gallagher

บทความที่คุณอาจจะสนใจ

Almost Famous หนังของคนรักดนตรี ที่ทำให้เข้าใจวงการดนตรี

Under the Influence สารคดีดนตรีจาก Noisey ที่ตอกย้ำไม่ให้ลืมต้นกำเนิดดนตรีที่เป็นเรา

The Whitest Crow เรื่องราวการเล่นเปิดคอนเสิร์ตให้กับผู้ชายชื่อ Liam

เก็บตก LiamGallagher Live in Bangkok คอนเสิร์ตระดับโลกงานแรกในปี 2018

Madchester Sound ขุมทรัพย์แห่งแมนเชสเตอร์ที่ไม่ได้มีแค่ Oasis

Facebook Comments

Next:


Pongsathorn Chutachuen

หวังว่าลิเวอร์พูลจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีคกับเขาสักที