Landfill Harmonic เมื่อเสียงดนตรีพาวงออร์เคสตราจากกองขยะไปสู่ความหวัง
- Writer: Peerapong Kaewthae
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจภาพยนตร์สารคดีเป็นพิเศษ เพราะนอกจากมันจะบันทึกข้อเท็จจริงในช่วยเวลาหนึ่งเอาไว้ให้เราชมแล้ว บางครั้งมันยังสามารถส่งต่อแรงบันดาลใจจากทั่วโลกมาให้เราได้ โดยที่เราคาดไม่ถึงเลยก็ได้ ล่าสุด Documentary Club กลุ่มคนที่นำหนังสารคดีจากทั่วโลกมาฉายในไทย เพิ่งนำหนังเรื่อง ‘Landfill Harmonic’ มาฉายที่หอศิลป์ กับคำเปรยที่บอกว่า ‘วงออร์เคสตราจากกองขยะ’ แค่นี้เราก็สนใจมากแล้ว จึงไม่พลาดที่จะต้องไปดูให้ได้
ถ้าไม่มีดนตรี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะอยู่ได้ยังไง
ถ้าคุณลืมตาขึ้นมาบนโลกแล้วรอบตัวคือสลัมแห่งหนึ่งที่ห่างไกลความเจริญมาก ๆ บ้านอยู่ข้าง ๆ กองขยะ ไม่ได้เรียนหนังสือ รัฐไม่เคยเหลียวแล ตามมาด้วยอาชญากรรมและยาเสพติดในชุมชน แถมเกือบทุกคนในหมู่บ้านไม่ได้ทำอาชีพอะไรเลยนอกจากคนคุ้ยขยะหาของเก่าขาย และอนาคตของคุณน่าจะลงเอยไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ที่ต้องคุ้ยขยะเพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ เหมือนกัน คุณคิดว่าชีวิตในอนาคตจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดทั้งมวลรวมอยู่ในเมือง Cateura สลัมติดกองขยะในประเทศปารากวัย
Favio Chavez คือหนึ่งในอาสาสมัครที่เข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองและจัดการปัญหาขยะในเมืองอย่างยั้งยืน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขากลับต้องตะโกนออกมาดัง ๆ ว่าปัญหานี้ไม่มีทางแก้ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของโครงสร้างทางสังคมที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คิดมาก ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินทางกลับ Favio รู้สึกเห็นใจเหล่าเด็ก ๆ ในเมืองเป็นอย่างมากและเริ่มมองหาหนทางที่เขาจะทำอะไรซักอย่างให้ชุมชนได้ เขาจึงผันตัวมาเป็นครูสอนดนตรีในเมืองนี้ซะเลย อย่างน้อยสร้างกิจกรรมอย่างว่างให้เด็ก ๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ และยึดเหนี่ยวเด็ก ๆ ไว้กับดนตรีดีกว่าให้เขาหลงผิดไปในทางที่ไม่ดี แต่เมื่อสอนไปสอนมานักเรียนดันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเครื่องดนตรีไม่พอกับความต้องการ ยิ่งเครื่องดนตรีอย่างไวโอลินก็มีราคาแพงกว่าบ้านทั้งหลังของคนในแทบนั้นด้วย เขาจึงปิ๊งไอเดียที่จะสร้างเครื่องดนตรีจากขยะรีไซเคิล จนสามารถทำได้จริง เขาจึงตั้งวง Recycled Orchestra หรือวงออร์เคสตราจากขยะรีไซเคิลขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแค่ไวโอลินเท่านั้นที่ทำมาจากกล่องเหล็กและเศษไม้เหลือ ๆ หรือส้อมที่ไว้ตรึงสาย เครื่องดนตรีอีกหลายชนิดก็ถูกทำขึ้นมาจากขยะ ทั้งเชลโล่ที่ทำจากถังน้ำ กีตาร์ที่ทำจากกระป๋องสี หรือกลองที่ทำจากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ เมื่อในสลัมที่สิ้นหวังกลับมีเสียงดนตรีเข้ามาก็ระบายรอยยิ้มบนใบหน้าของคนในชุมชนได้โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ ซึ่งเด็กคนหนึ่งถึงกับพูดในหนังเลยว่า “ถ้าไม่มีดนตรี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะอยู่ได้ยังไง”
หนังพาเราตะเวนไปตามบ้านของเด็ก ๆ บางคนที่ความจริงแล้วพ่อแม่ของพวกเขาก็มีความหลงใหลในเสียงดนตรีเป็นทุนเดิม ทั้งคุณพ่อที่ชอบฟังเพลงเดทเมทัล หรือคุณแม่ที่เคยฝันว่าอยากเป็นนักร้อง แต่สภาพสังคมที่กดขี่พวกเขาไว้ไม่ให้ทำตามฝันเพราะแค่ลำพังจะทำให้ครอบครัวอิ่มท้องในแต่ละมื้อก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย การมาถึงของคลาสสอนดนตรีของ Favio Chavez ก็เป็นการผลักดันให้เด็ก ๆ หลุดพ้นจากวงจรอุบาทที่พ่อแม่ต้องเจออยู่ทุกวันในอีกทางหนึ่ง
แม้คำว่า “วงออร์เคสตราจากกองขยะ” จะเป็นคำที่ขายได้และมีกิมมิกในตัวเอง แต่ทุกคนก็เป็นพยานในความเก่งกาจของเด็ก ๆ ที่ฝึกกันอย่างหนักเพื่อไปโชว์ในที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะการได้ไปเล่นที่งานประชุมระหว่างประเทศในบราซิลที่ทำให้วงโด่งดังไปทั่วโลกจากการโพสต์วีดีโอลงโลกออนไลน์ และจุดเปลี่ยนสำคัญของวง Recycled Orchestra คือการที่หนึ่งในสมาชิกของวงได้ส่งข้อความถึง Megadeth วงเฮฟวี่เมทัลระดับที่เธอชอบ จนมือเบสของวงอย่าง David Ellefson บินมาเยี่ยมเด็ก ๆ ถึงเมือง และยังได้ชวนไปรวมคอนเสิร์ตที่ประเทศอเมริกาด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ไปทั่วอีกหลาย ๆ ที่ ทั้งอเมริกาใต้ ยุโรป รวมไปถึงร่วมทัวร์ไปกับวง Metallica แถมยังได้ออกทีวีอีกหลายประเทศ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศญี่ปุ่น
การจะฝันถึงโอกาสอันสวยงามเหล่านี้คงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มี Favio Chavez แม้เสียงดนตรีจะทำให้พวกเขามีชื่อเสียงขึ้นมาจนแทบตั้งตัวไม่ทัน แต่เด็ก ๆ กลับไม่ได้มองว่าความสำเร็จเหล่านั้นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไร พวกเขาเพียงแค่ต้องการหลุดพ้นออกจากวิถีชีวิตอันทุกข์ยากเท่านั้น อย่างการไปเล่นงานใหญ่ที่บราซิล ในหนังเด็ก ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขามีความสำคัญมากขึ้นหรืออะไร พวกเขาแค่ภูมิใจที่ความสามารถของตัวเองสามารถผลักดันให้ได้เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี่คงไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน นอกจากจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว เสียงดนตรียังสร้างความหวังให้กับทุกคนอีกด้วย
เสียงเพลงไม่ได้แค่มอบโอกาสให้กับเด็ก ๆ ทุกคน แต่มันยังเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนเข้าด้วยกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในหนังเด็กคนหนึ่งที่เล่นไวโอลินบอกว่าก่อนหน้านี่ไม่รู้จักกับเพื่อนร่วมวงมาก่อน ทั้งที่เพื่อนคนนั้นเดินผ่านหน้าบ้านตัวเองทุกวัน แต่พอได้มาเล่นดนตรีด้วยกันก็ได้รู้ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก เมื่อทุกคนรู้จักกันหมดก็ทำให้ชุมชนอบอุ่นขึ้น เกื้อกูลซึ่งกันและกันแล้วยังปลอดภัยมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะพ่อแม่ก็คงหมดห่วงเพราะลูกตัวเองหายไปจากบ้านก็คงไปเล่นดนตรี ไม่ได้หลงทางไปในทางที่ไม่ดี
ช่วงหนึ่งของหนังก็เก็บบรรยากาศช่วงที่เมืองถูกน้ำท่วมไว้ หลายครอบครัวในวงก็ประสบปัญหาไม่มีที่อยู่อาศัย Favio Chavez เจ้าของวงจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งเพื่อให้ครอบครัวของคนในวงที่ประสบภัยเข้ามาอยู่ด้วยกัน นอกจากจะให้โอกาสแล้ว เสียงเพลงยังให้ที่พักพิงกับพวกเขาได้อีกด้วย
หนังทำให้เราเห็นศักยภาพของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดถ้าพวกเขาได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม ความจริงหนังก็ไม่ได้พูดถึงฝั่งภาครัฐใด ๆ เลยไม่แน่ใจว่าบ้านเมืองได้ช่วยเหลืออะไรพวกเขาบ้างมั้ย แต่แค่นี้เสียงเพลงก็ทำให้พวกเขามาได้ไกลกว่าที่คิดมากแล้ว ในตอนท้ายเหล่าเด็ก ๆ ในวงก็เริ่มหันมาสอนดนตรีให้กับเด็กคนอื่นในสลัมบ้างแล้ว ส่งต่อความหวังให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป สร้างอาชีพ สร้างความภาคภูมิใจกันต่อไป เพราะเราคือส่วนหนึ่งของชุมชน การทำอะไรเพื่อชุมชนย่อมส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเราด้วยเหมือนกัน
นอกจากหนังจะเติมเต็มความรู้สึกเราได้อย่างอิ่มเอม มันยังให้กำลังใจเราในแง่ของการทำอะไรเพื่อสังคม หรือทำในสิ่งที่เรารักต่อไปอย่างไม่ย้อท้อ ถ้าเราไม่ยอมแพ้ไปซะก่อนมันจะต้องพาเราไปถึงจุดที่เราใฝ่ฝันได้อย่างแน่นอน ‘Landfill Harmonic’ เป็นสารคดีน้ำดีอีกเรื่องที่คนชอบเสียงดนตรีควรดู คนที่กำลังหมดไฟควรยิ่งต้องดู เพราะในโลกที่สิ่งหวังมาก ๆ เสียงเพลงเนี่ยแหละที่จะฉุดเราให้ลุกขึ้นแล้วเดินต่อไปได้เอง