ตัวอย่างแรก Bohemian Rhapsody ชีวประวัติที่ไม่ธรรมดาของ Freddie Mercury
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Benyatip Sitthiwej
‘Bohemian Rhapsody’ หนังชีวประวัตินักร้องนำที่แฟนเพลงรักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีอย่าง Freddie Mercury แห่งวง Queen ซึ่งได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Rami Malek ที่เรารู้จักกันอย่างดีจากบทบาทตัวเอกของซีรี่ส์ cybercrime สุดระทึกอย่าง ‘Mr.Robot’ หรือในฐานะฟาโรห์สุดทะเล้นใน ‘Night at the Museum’
หนังเล่าเรื่องราวการเดินทางบนเส้นทางดนตรีอันไม่ธรรมดาของ Freddie Mercury กับวงร็อกของเขา ซึ่งกล้าที่จะท้าทายทัศนคติที่จำเจและทำลายขนบธรรมเนียมแบบเดิม ๆ อยู่ตลอดเวลาจนก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องที่ทุกคนบนโลกตกหลุมรัก หนังติดตามความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของพวกเขาผ่านเพลงที่มีเอกลักษณ์กับการปฏิวัติเสียงเพลงบนโลกไปตลอดกาล ไปจนถึงชีวิตส่วนตัวของเฟรดดี้ที่หลุดโลกจนพวกเขาได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในคอนเสิร์ต ‘Live Aid’ ช่วงที่เฟรดดี้ก็กำลังเผชิญกับโรคเอดส์ แต่มันกลับช่วยผลักดันให้เขาและวงขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของความสำเร็จในเส้นทางดนตรีได้ในชั่วข้ามคืน
และในที่สุดหนังก็เผยตัวอย่างแรกออกมาสักที หลังจากที่เจอมรสุมรุมเร้ามากมายตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์ในปี 2010 ซึ่งในตอนแรกหนังประกาศว่าจะได้นักแสดงมากความสามารถอย่าง Sacha Baron Cohen จาก ‘Borat’ และ ‘The Dictator’ มาแสดงนำ แต่ไม่กี่ปีต่อมาก็มีข่าวว่าเขาต้องออกจากโปรเจกต์ไปเพราะมีความเห็นที่ไม่ลงรอย (creative differences) กับสมาชิกในวง Queen (เรียกง่าย ๆ ว่าคือเพื่อนของเฟรดดี้ตัวจริงนั่นแหละ) ขนาดที่ว่ามือกีตาร์ของวงเรียกเขาว่า ‘ไอ้ตูดเอ๊ย’ หลังจากนั้นไม่นานก็มีปัญหาเปลี่ยนผู้กำกับอีก ซึ่ง Bryan Singer ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้กับ ‘Superman Return’ และ ‘X-Men’ อีกหลายภาค และจะมารับหน้าที่สร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้อ้างว่ากังวลเรื่องปัญหาสุขภาพ หนังเลยได้ Dexter Fletcher ที่เคยกำกับ ‘Stardust’ และ ‘Kick-Ass’ มาคุมบังเหียนแทน
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ยังไม่รู้จักตำนานที่ยิ่งใหญ่อย่างวง Queen ด้วยความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของ เฟรดดี้ เมอคิวรี่ ทำให้เขาสามารถร้องเพลงได้หลายสไตล์และมีหลายโทนเสียงมาก ๆ ทำให้วงไม่มีข้อจำกัดในแนวเพลงที่อยากสร้างสรรค์ โดยมีส่วนผสมของร็อกแอนด์โรล คลาสสิก โซลอยู่ในเพลงของพวกเขาด้วย หลาย ๆ เพลงมักจะมีเสียงของเปียโนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่เขาถนัด เพลงของพวกเขาจึงมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจและโด่งดังเป็นพลุแตกได้ไม่ยากทั้ง We are the Champions, Somebody to Love, Don’t Stop Me Now, Killer Queen, Another One Bites the Dust และแน่นอน Bohemian Rhapsody ก็คือหนึ่งในเพลงฮิตตลอดกาลของโลกด้วย
นอกจากนี้ สไตล์การแต่งตัวบนเวทีของวงยังเป็นอีกสีสันหนึ่งที่น่าตื่นตามาก ๆ จนแฟนเพลงต้องพูดถึง กับการแต่งตัวแนวแกล็มร็อกหลุดโลกแบบ David Bowie หรือร็อกแอนด์โรลเท่ ๆ ไปจนถึงแนวเทคโนที่ล้ำยุคและเกินกว่าคนในยุคนั้นจะจินตนาการถึง ทั้งนี้ความสามารถของเฟรดดี้ยังช่วยเอ็นเตอร์เทรนคนดูได้อย่างสนุกสนาน ลีลาการร้องและเต้นที่เร้าใจ พร่างพรายหรือดุดันตามอารมณ์ของเพลงได้อย่างกลมกล่อม เป็นเสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็ต้องรักวงนี้
ก่อนจะเสียชีวิต เฟรดดี้ออกมาประกาศให้โลกรู้ว่าเขาเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ซึ่งช็อกวงการกันเลยทีเดียว เขาให้เหตุผลว่าเขาซ่อนอาการป่วยของตัวเองเพราะไม่อยากให้คนรอบตัวเป็นห่วง แต่ที่เขาออกมาประกาศแบบนี้เพื่อให้ทุกคนตระหนักเกี่ยวกับความน่ากลัวของโรคนี้และลุกขึ้นมาต่อสู้กับมัน ซึ่งช่วงปี 1991 เป็นปีที่ยาต้านโรคเอดส์กำลังพัฒนาขึ้นมากแล้ว แต่ตำนานของนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องปิดฉากลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน 1991 ถัดมาอีกหนึ่งวันจากวันที้เขาประกาศว่าตัวเองเป็นเอดส์ด้วยอาการปอดบวมซึ่งเป็นผลพวงมาจากโรคเอดส์ที่เขาเป็นอยู่ ไม่กี่ปีต่อมาหลังจากการจากไปของเฟรดดี้ ทางวงก็ได้ออกอัลบั้ม Made in Heaven ซึ่งสมาชิกในวงได้นำเทปที่เขาบันทึกเปียโนและเสียงร้องไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตมามิกซ์กับดนตรีใหม่ กลายเป็นอัลบั้มที่ปิดฉากความยิ่งใหญ่ของเฟรดดี้กับ Queen อย่างสมบูรณ์
ส่วนตัวเฟรดดี้เองก็มีผลงานเดี่ยวเหมือนกัน ทั้งยังคงกลิ่นอายแบบ Queen ไว้ได้ทั้งหมดและยังได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ มากมาย อย่างเพลง Mr. Bad Guy และ I Was Born to Love You หรือเพลง Barcelona ที่ได้นักร้องโอเปราชื่อดังจากสเปน Montserrat Caballé มาช่วยผสมผสานดนตรีป๊อปกับโอเปราได้อย่างลงตัว
แม้ตัว Freddie Mercury จะจากเราไปแล้ว แต่เสียงร้องของเขายังคงอยู่รอบตัวเรา เพลงวงเขาได้นำไปประกอบหนังมากมายรวมไปถึงการนำเพลงของ Queen ไปทำละครเวทีในชื่อว่า ‘We Will Rock You’ ซึ่งการแสดงในลอนดอนขายหมดทุกรอบและยังได้ไปแสดงทั่วโลกอีกด้วย และเขายังได้รับรางวัลมากมายเช่น Outstanding Contribution to Music แห่ง ‘Brit Awards’ ในปีต่อมาที่เขาเสียชีวิตเพื่อยกย่องศิลปินแห่งโลกนี้ แถมยังได้ประกาศสถาปนารางวัลใหม่ในชื่อ ‘Freddie Mercury Award’ เพื่อมอบให้กับศิลปินที่ไม่ธรรมดาและทำงานที่โดดเด่นในปีนั้น ซึ่งมีเพียงสองคนบนโลกที่ได้รางวัลนี้คือ Sir Elton John จากการไปเปิดการแสดงในงานกาล่าดินเนอร์ของประธาธิปดี Bill Clinton แห่งสหรัฐอเมริกา และกลุ่ม Jubilee 2000 ที่ออกมาทำอัลบั้มการกุศลเพื่อช่วยปลดหนี้ให้ประเทศโลกที่สามที่กำลังอดตาย โดยมีศิลปินหลายคนอยู่ในโปรเจคด้วยเช่นนักร้องนำวง U2
จนมาถึงปี 2009 วง Queen ก็ได้กลับมาผงาดอีกครั้ง เพราะได้นักร้องวัยรุ่นเลือดใหม่อย่าง Adam Lambert ซึ่งเป็นรองแชมป์จากรายการ ‘American Idol’ เสียงร้องของเขาทำให้ใครหลายคนคิดถึงเฟรดดี้ขึ้นมาทันที วงจึงได้ชวนเขามารวมแสดงโชว์ ‘We Will Rock You’ ด้วยกัน ก่อนจะสะสมประสบการณ์และความไว้ใจกันจนสร้างเล่นปิดโชว์งาน MTV European Music Award และออกทัวร์ไปทั่วยุโรปด้วยกัน ตั๋วขายหมดเกลี้ยงทุกเมืองที่เขาไปเหยียบ รวมถึงแสดงสดให้แฟนเพลงกว่าครึ่งล้านในยูเครนชม และจากนั้นไม่กี่ปีพวกเขาก็ได้ทัวร์ไปรอบโลกรวมถึงประเทศไทย แน่นอนว่าตั๋วก็หมดเกลี้ยงทุกโชว์เหมือนกัน
แม้หนังจะยังไม่มีกำหนดเข้าในเมืองไทยและกว่าจะฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 2 พฤศจิกายน แต่ก็อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของวงระดับโลก รวมถึงประวัติอันโชกโชนของ Freddie Mercury ที่ยังคงเป็นตำนานที่โลกไม่ยอมลืมแน่นอน
เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ Freddie Mercury
- ชื่อจริงตอนเกิดของเขาคือ Farrokh Bulsara เขาเริ่มใช้ชื่อ Freddie ตอนย้ายมาอยู่อังกฤษ และเพิ่ม Mercury เข้าไปตอนเริ่มก่อตั้งวง Queen
- เฟรดดี้รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเป็นนักเปียโนที่ดีพอ ทำให้เขาไม่มีความมั่นใจในการเล่น Bohemian Rhapsody ด้วยเปียโนแบบสด ๆ ภายหลังเขาเลยเลิกเล่นเปียโนในโชว์ไปเลยเพื่อจะได้เต้นได้อย่างสุดเหวี่ยง
- เฟรดดี้เป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก ก่อนขึ้นโชว์ที่ Milton Keynes Bowl เขาและแฟนหนุ่มของเขา Bill Reid ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนบิลกัดมือเฟรดดี้เป็นแผลและเลือดไหลเยอะมาก แถมยังทำลายข้าวของในห้องจนเละเทะ แต่เขาก็ขึ้นแสดงในคืนนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
- วันหนึ่งหลังจากที่เฟรดดี้เช็กอินรอขึ้นเครื่องจากโตเกียวมานิวยอร์ก เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องนั่งเครื่อง DC10 ซึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งมาแล้วในอดีต เขาก็คว้าสัมภาระของตัวเองแล้วหนีออกจากชั้นเฟิร์สคลาสของเครื่องบินลำนี้เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดรอบถัดไปในอีก 14 ชั่วโมงต่อมา
- ครั้งหนึ่งตอนทัวร์ในอเมริกาเขาดันไปรู้เข้าว่า Tony Bastin กิ๊กหนุ่มแอบไปควงคนอื่นก่อนจะบินตามไปเชียร์เขาในคอนเสิร์ต ไฟแค้นก็ลุกโชนในทันที เพราะเขาเป็นคนออกจดหมายเชิญให้โทนี่บินมาอเมริกาได้แถมยังซื้อตั๋วให้ด้วย เฟรดดี้ไปเจอโทนี่ทันทีที่เขามาถึงอเมริกาและบอกเลิกเขาพร้อมออกค่าตั๋วส่งเขาบินกลับในวันนั้นทันที และเฟรดดี้ยังยึดแมวของโทนี่ที่ชื่องว่า Oscar มาเลี้ยงด้วยเลย
- เฟรดดี้เป็นคนที่รักแมวของเขามาก ในระหว่างกำลังทัวร์คอนเสิร์ตเขามักจะโทรกลับมาคุยกับแมวของเขาเสมอ โดยให้ Mary Austin อดีตภรรยาเพียงคนเดียวและเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา คอยอุ้มแมวมาที่โทรศัพท์เพื่อแมวจะได้ยินเสียงเขา แถมเขายังมีรูปวาดของแมวเขาด้วย
อ้างอิง
10 Things You Never Knew About Freddie Mercury