Quick Read ตาดูหูฟัง

ชีวิตไม่สิ้นก็เล่นดนตรีต่อไป! ศิลปินที่เส้นทางดนตรีกลายมาเป็นหนัง

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Art Director: Thanaporn Sookthavorn

ในวันที่ศิลปินประสบความสำเร็จสูงสุด สปอตไลท์ทุกดวงส่องไปที่เขา ทำให้เราเห็นไอคอนระดับโลกในจังหวะที่ดูดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว แต่กว่าที่ทุกคนจะเดินมาถึงจุดนี้ พวกเขาอาจจะฝ่ามาทุกขวากหนาม หรือแบกรับเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดมามากมายโดยที่เราไม่รู้มาก่อนก็เป็นได้

Biopic หรือหนังชีวประวัติเหล่านี้จึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจ และเห็นใจในทุกการตัดสินใจของศิลปินที่เรารัก ถ้าใครรักดนตรีหนัง 5 เรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาด เพราะมันพาเราไปสำรวจเบื้องลึกของศิลปินทุกคนได้อย่างชัดเจน

Control

Love Will Tear Us Apart ยังคงเป็นเพลงเศร้ายอดฮิตที่ติดอยู่ในหัวใครหลายคน เห็นชื่อนี้เมื่อไหร่ต้องเปิดฟังทุกที แต่วัยรุ่นยุคนี้อาจรู้สึกว่าวง Joy Division มันไกลตัวพวกเขาเกินไปแล้ว มีแค่เพลงนี้เท่านี้ที่ยังเชื่อมโยงวงนี้ไว้กับเรา แต่ถ้าใครชอบเพลงนี้จริง ๆ ก็อยากให้ลองดูหนังเรื่อง ‘Control’ ด้วย มันคือหนังชีวประวัติ Ian Curtis นักร้องนำวง Joy Division ที่ต้องเผชิญทั้งความกดดันในฐานะร็อกสตาร์ การแต่งงานที่ล้มเหลวและโรคลมชักที่รุมเร้าเขามาทั้งชีวิต ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย

หนังสร้างจากบันทึกของภรรยาของเขาทำให้เหมือนเป็นหนังตีแผ่ชีวิตอันรันทดของ Ian มากกว่าจะพูดถึงความสำเร็จของวง ซึ่งค่อนข้างบาลานซ์ระหว่างความเป็นสารคดีกับความเป็นหนังได้พอดีมาก กราฟอารมณ์ไม่ต้องแกว่งมากหรือไม่ต้องบิ๊วอารมณ์คนดูอะไรเลย พอถึงฉากพีค ๆ ก็ทำได้อย่างทรงพลัง แถมหนังยังถ่ายเป็นขาวดำก็ช่วยดึงอารมณ์ความหม่นและดนตรีของวงออกมาได้อย่างลึกซึ้ง แล้ว Sam Riley ทั้งเล่นทั้งเต้นเป็น Ian ได้เหมือนราวกับเจ้าตัวอยู่บนหน้าจอซะเองด้วย ถ้าใครชอบเพลงนี้หรืออยากรู้จัก Joy Division มากขึ้นก็ไม่ควรพลาด

Straight Outta Compton

ช่วงนี้กระแสฮิปฮอปกำลังมาแรงจริง ๆ เห็นได้จากรายการแข่งแร็ปทั้งหลายในไทยตอนนี้ ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องนี้เพราะเหล่าแร็ปเปอร์คงอยากรู้ว่าฮิปฮอปยุคแรก ๆ เป็นยังไง หนังตามติดชีวิตของสมาชิกวง N.W.A. หรือชื่อเต็ม ๆ Niggaz Wit Attitude ที่แปลว่าเหล่าคนดำผู้เย่อหยิ่ง ซึ่งหนังเล่าเรื่องตั้งแต่สมาชิกแต่ละคนต้องผ่านความยากลำบากแบบไหนมากันบ้างจนได้มารวมกันตั้งวง ทั้งค้ายาหรือมีปัญหากับแนวคิดเหยียดผิวที่ยังคุกรุ่นในยุคนั้น ซึ่งพวกเขาเนี่ยแหละเป็นคนให้กำเนิดแนวเพลงแบบ gangster hiphop โด่งดังจากการแร็ปด้วยถ้อยคำหยาบคายโดยไม่แคร์สื่อ เดินหน้าชนกับตำรวจเหยียดผิวแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จนโด่งดังเป็นไอคอนของวงการฮิปฮอป ทำให้เส้นทางดนตรีของพวกเขาเต็มไปด้วยขวากหนาม ความรุนแรง และด้านมืดของวงการฮิปฮอป

ปัจจุบันสองสมาชิกในวงก็กลายเป็นคนดังแล้วทั้ง Ice Cube ที่เป็นเจ้าของค่ายเพลง Aftermath Entertainment รวมถึงโปรดิวเซอร์ด้วย แล้วยังผันตัวไปเล่นหนังอีกหลายเรื่อง กับ Dr.Dre ที่กลายเป็นนักธุรกิจพันล้านเจ้าของหูฟัง Beat by Dr.Dre ที่ขายหุ้นให้กับ Apple จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกไปแล้ว ใครอยากเรียนรู้รากเหง้าของฮิปฮอปก็แนะนำหนังเรื่องนี้เลย

8 Mile

มาถึงหนังเกี่ยวกับศิลปินฮิปฮอประดับโลกอีกหนึ่งคน นาทีนี้ไม่น่าจะมีใครไม่เคยได้ยินชื่อเขาอีกแล้วนั่นคือ Eminem  หนังเล่าเรื่องเด็กผิวขาวยากจนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูเข้าไปอาศัยอยู่ในถิ่นคนดำที่มีอาชญากรรมสูงมาก ปัญหาครอบครัวที่รุนแรงทำให้เขาอยากลุกขึ้นมาทำให้ชีวิตดีขึ้น ใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นแร็ปเปอร์ที่แตกต่างและไม่ยึดติดกับสีผิว แต่เขากลับถูกฉุดรั้งไว้ด้วยคำดูถูกมากมายจนต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็น ส่วนหนึ่งของเรื่องยังสร้างจากเรื่องจริงของ Eminem อีกด้วย แม้หนังจะเดินตามสูตรสำเร็จของหนังสร้างแรงบันดาลใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังย่อยเพลงแร็ปให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับคนที่เริ่มหัดแร็ปหรืออยากลุกขึ้นมาทำตามความฝันซักครั้งในชีวิต หนังเรื่องนี้ยังได้รางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเพลง Love Yourself ของ Eminem อีกด้วย

Nowhere Boy

แม้ชีวิตของ John Lennon นักดนตรีในตำนานผู้ล่วงลับจะถูกนำมาถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้รูปแบบต่าง ๆ หลายรอบ แต่ช่วงชีวิตของ Lennon ก่อนที่เขาจะดังก็เป็นช่วงที่น่าสนใจ Nowhere Boy พาเราไปดูช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเด็กชาย Lennon ที่มีความหัวขบถซึ่งถอดมาจากหนังสือ ‘Imagine This: Growing Up With My Brother John Lennon’ ที่เขียนโดยน้องสาวต่างพ่อ Julia Baird ที่เปิดเผยว่าแม่ของ Lennon มีอิทธิพลในเรื่องดนตรีต่อเขามาก แม่เขาทั้งแนะนำให้รู้จักเพลงร็อกและสอนกีตาร์กับเขา แถมเขายังอยากตั้งวงดนตรีเพราะความสนใจของแม่เขาด้วย ทำให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งที่ไม่ได้ถูกพูดถึงบ่อย ๆ จากสื่อ เราจะได้เห็นว่าจากหนุ่มน้อยดูดีกลายมาเป็นฮิปปี้หัวขบถที่ต่อต้านสังคมได้อย่างมีชั้นเชิงแบบนี้ได้ยังไง

Walk the Line

อีกหนึ่งหนังชีวประวัติน่าสนใจแนว rise and fall หรือการเล่าเรื่องตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดตกต่ำของศิลปิน กับชีวิตสุดดราม่าของ Johny Cash นักร้องนักแต่งเพลงแนวคันทรีที่เส้นทางดนตรีอันหอมหวานทำให้เขามาไกลจากชีวิตวัยเด็กอันเจ็บปวด จนต้องโคจรมาเจอกับ June Carter นักร้องสาวที่เขาหลงใหลแต่ไม่อาจเดินไปด้วยกันได้เพราะภาระมากมายข้างหลังของเขาเองจนต้องหันไปพึ่งยาเสพติดทำให้ชีวิตตกต่ำสุด ๆ แต่สุดท้าย ผู้หญิงก็ทำให้ชีวิตของเขากลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง นอกจากตีแผ่ชีวิตของ Johny Cash แล้ว หนังยังเชิดชู June Carter ในฐานะคู่ชีวิตที่เข้ามาเติมเต็มเขาได้อย่างลงตัว กลายเป็นหนังดราม่าโรแมนติกครบรส

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา