อยากตั้งวงดนตรีต้องเริ่มที่ดูหนัง รวมศิลปินที่ฟอร์มวงกันในโลกภาพยนตร์
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Thanaporn Sookthavorn
โลกนี้คงไม่มีสูตรสำเร็จให้คนรักเสียงเพลงเหมือนกันทุกคนว่าตั้งวงดนตรียังไงถึงจะประสบความสำเร็จ หลายคนทำกับเพื่อนที่สนิทกันมานานอาจจะเวิร์ก บางคนเป็นแฟนกันทำวงด้วยกันแล้วโคตรเวิร์ก หรือจับพลัดจับผลูไปตั้งวงกับคนที่เพิ่งเจอในร้านเหล้าแล้วเวิร์กก็มี บางทีสิ่งที่จะทำให้วงดนตรีของเราเวิร์กและมีชื่อเสียงรึเปล่าอาจไม่ได้มาจากว่าสมาชิกของวงเป็นใคร แต่มาจากแนวคิดว่าเราเล่นดนตรีไปทำไมมากกว่า งั้นเราจะไปหาตัวอย่างที่ดีจากไหนได้ล่ะ
ลองมาดูหนังเหล่านี้ที่พูดถึงเส้นทางของวงดนตรีแต่ละวงดีกว่า ว่าพวกเขาตั้งวงดนตรีกันได้ยังไงและเล่นดนตรีกันไปทำไม แต่บอกเลยว่าไม่ว่าจะหนังหรือความจริงเส้นทางนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย
Sing Street
เพียงต้องการเอาชนะใจหญิงที่เขารัก เขาจึงได้ลองออกจาก comfort zone และได้ทำอะไรใหม่ ๆ อย่างการเล่นดนตรี จนตั้งวงชื่อเดียวกับหนัง ‘Sing Street’ ขึ้นมา อีกทั้งยังค้นพบความฝันของตัวเองคือไปเป็นนักดนตรีชื่อดังที่ลอนดอนให้ได้ แถมตัวเองยังเป็นภาพแทนของเหล่าวัยรุ่นที่เล่นดนตรีไม่เก่งแต่มีใจรักได้อย่างชัดเจน แต่หนังก็ยังสอนให้เรายอมรับความจริงของชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เรายอมแพ้ แค่เราเชื่อและทำต่อไป ตัวเอกในเรื่องก็ยังโชคดีที่มีสิ่งแวดล้อมที่พร้อมจะผลักดันทั้งเพื่อนและพี่ชายก็ช่วยให้เขาไปถึงฝั่งฝัน เป็นหนัง coming of age ที่ให้กำลังใจเราได้ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง แถมเพลงในเรื่องยังได้สมาชิกจากวง Danny Wilson และ Relish มาช่วยแต่งเพลงทั้งหมดในหนังให้ และเพลง Go Now ยังได้ Adam Levine ที่เราคุ้นเคยกับ Glen Hansard จากหนังเรื่อง ‘Once’ มาช่วยแต่งและร้องอีกด้วย
อันที่จริง เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของผู้กำกับ John Carney เองด้วยนะ เขาให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ ScreenCrush.com ว่าเรื่องนี้เหมือนเป็นหนังอัตชีวประวัติของเขาเอง เพราะเขาเคยเข้าเรียนที่โรงเรียน Synge Street CBS ในเมืองดับลิน เช่นกันกับเด็ก ๆ ในเรื่อง และเป็นที่มาของชื่อวงดนตรี Sing Street โดยเขาตั้งวงดนตรีกับเพื่อนที่โรงเรียน มีครูและพ่อแม่จอมเฮี้ยบ รวมถึงสาวที่เขาแอบปิ๊ง และหนึ่งในตัวละครที่เป็นต้นแบบของ Eamon ก็คือเพื่อนในวงคนที่เขาเชิญมาเล่นเบสให้กับทุกเพลงในหนังเรื่องนี้
The Soronprfbs
ในชีวิตคิดว่าจะได้เจอวงดนตรีที่ติสต์แตกขนาดนี้ได้บ่อยแค่ไหน เมื่อนักร้องนำชอบใส่หัวเปเปอร์มาเช่ตลอดเวลาและทำเพลงแนวทดลองหนัก ๆ ซึ่งมีอยู่จริงในหนังเรื่อง ‘Frank’ โดยคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากมีนามว่า แฟรงค์ ก็แสดงโดยดาราเจ้าบทบาทอย่าง Michael Fassbender นั่นเอง ไม่คิดว่าเขาจะเล่นหนังแบบนี้ได้ด้วยนะ โดยหนังเกี่ยวกับกลุ่มดนตรีสุดแนวกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งรับมือคีย์บอร์ดคนใหม่ ซึ่งคือตัวเอกของเรื่อง เข้ามาแทนที่คนเก่าที่เพิ่งจมน้ำเสียชีวิต แต่ด้วยความเห็นที่ไม่ลงรอยกันของตัวเอกกับวง ทำให้เส้นทางดนตรีของพวกเขาต้องมาถึงจุดแตกหัก เพราะพระเอกอยากให้วงนี้ดัง แต่คนในวงหลายคนโดยเฉพาะแฟรงค์เพียงต้องการใช้เพลงเพื่อเยียวยาจิตใจตัวเองเท่านั้น พวกเขาจึงตัดสินใจยุบวง หนังทำให้เราได้มองมุมหนึ่งของการตั้งวงดนตรี เราควรตระหนักว่าเป้าหมายของเราจริง ๆ ในการเล่นดนตรีคืออะไรกันแน่ เพราะความฝันที่ลวงตาอาจทำให้เราเดินทางผิดไปเลยก็เป็นได้
The School of Rock
เมื่อนักดนตรีตกอับคนหนึ่งปลอมตัวเข้าไปเป็นครูสอนดนตรีในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ความร็อกจึงบังเกิด ส่วนตัวเป็นคนชอบหนังที่ Jack Black เล่นอยู่แล้ว เพราะเขามักเล่นเป็นพวกขี้แพ้ที่พยายามทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ‘School of Rock’ ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ให้แรงบันดาลใจเราได้เหมือนกัน เพราะมันเล่าเรื่องปัญหาของเด็กวัยรุ่นที่ทุกคนมีความรักในดนตรีกันอยู่แล้ว หรือบางคนมีความสามารถที่ไม่ควรมองข้ามเลย แต่พวกเขากลับถูกพ่อแม่บังคับให้เรียน เรียน เรียน เท่านั้น หรือให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำ ตัวเอกที่ตอนแรกจะหลอกใช้เด็กพวกนี้เพื่อสร้างวงร็อกขึ้นมา แต่เขากลับเห็นตัวเองในแววตาเด็กพวกนี้ ครอบครัวที่ไม่เคยสนับสนุนด้านดนตรี เขาเลยอยากช่วยให้เด็กพวกนี้ได้ทำตามฝันของตัวเองซักครั้ง แถมเขายังมีความเป็นครูที่น่ารักอยู่เพราะมีฉากที่ไปช่วยลูกศิษย์คนหนึ่งก่อนที่เขาจะเสพยาด้วย และเขาพูดว่าร็อกสตาร์ตัวจริงไม่ต้องพึ่งของพวกนี้หรอก ทำให้มันเป็นหนังที่อบอุ่นและให้กำลังใจเราได้ดีจริง ๆ
Detroit Metal City
เรื่องราวสุดพลิกผันของหนุ่มน้อยหน้ามนต์ที่อยากเป็นนักดนตรีป็อปใส ๆ สร้างความสุขให้กับโลกใบนี้และออกอัลบั้มของตัวเองซักครั้งในชีวิต แต่ความสามารถของเขากลับไปเข้าตาผู้จัดการวงเดธเมทัลนามว่า Detroit Metal City เลยถูกดึงตัวแกมขืนใจให้มารับตำแหน่งนักร้องนำนามว่า ‘ท่านเคราเซอร์ที่สอง’ ซึ่งเปลี่ยนทั้งสไตล์การแต่งตัว แนวดนตรีและวิถีชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเรื่องนี้ก็เคยเป็นการ์ตูนก่อนจะนำมาทำเป็น live-action เมื่อปี 2008 เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่สร้างมาจากการ์ตูนแล้วไม่แย่ แถมยังรวบรวมความฮาแบบขำจนตกเก้าอี้ไว้ทั้งหมด
แม้เรื่องจะออกไปทางคอมเมดี้ขบขัน แต่ยังแฝงความฝันและความหวังของตัวเอกไว้ เพราะตัวเอกก็เป็นนักร้องเพลงป็อปที่ไม่ได้เรื่องเลย เขาก็ค่อย ๆ เรียนรู้และยอมรับตัวเองโดยไม่ปิดกั้นหรือปฎิเสธความสามารถในดนตรีเดธเมทัลของตัวเอง เพราะคนเราอาจไม่ได้เก่งทุกอย่างก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีต่างหาก แต่อย่างพระเอกนี่ถือเป็นข้อยกเว้นนะ เอ็งทำเพลงป็อปได้ไม่ดีแต่เล่นดนตรีเมทัลได้ ให้เขาคนนึงละกัน
Sex Bob-omb
ชื่อหวาดเสียวซักหน่อย แต่ถ้าได้ลองฟังเพลงของเขาแล้วจะต้องตกหลุมรักดนตรีการาจร็อกของพวกเขาแน่นอน แม้หนังเรื่อง ‘Scott Pilgrim VS the World’ จะไม่ค่อยเกี่ยวกับวงดนตรีซักเท่าไหร่แต่ก็คัดสรรดนตรีเข้าไปในหนังได้อย่างปราณีตและมีอารมณ์ขัน เรื่องเกี่ยวกับ สก็อต หนุ่มขี้แพ้ที่เกิดตกหลุมรักสาวปริศนาคนหนึ่ง แต่ก่อนที่เขาทั้งสองจะได้คบกัน สก็อตต้องต่อสู้กับแฟนเก่าทั้ง 7 ของผู้หญิงคนนี้และปราบพวกเขาลงให้ได้ ด้วยวิธีการต่อสู้ที่ต่างกันไป หนึ่งในแฟนเก่าก็ท้าดวลเพลงกับพวกเขาด้วย กลายเป็นฉากที่เท่มาก ๆ ฉากหนึ่งในหนังไปเลย
ถ้าใครติดเกม ชอบอ่านคอมมิกหรือพอจะรู้จัก meme เกี่ยวกับเกมต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน แต่ก็มีบางซีนที่พูดถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของคนในวงเหมือนกัน เพราะวงพวกเขาต้องการบอกเล่าเรื่องเศร้าในชีวิตของพวกเขาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการรับใช้ใครเพื่อเงิน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ซึ้งใจจริง ๆ
ถ้าเรามีวงดนตรีอยู่ หรืออยากตั้งวงดนตรีขึ้นมาซักวง อยากให้มันสวยงามเหมือนในหนังเรื่องไหนดีล่ะ?
