หลังจากที่ทุกคนได้ซาบซึ้งกับ 10 เพลงดี จากหนังอินดี้ไทย ที่ทำให้อยากกลับไปดูหนังซ้ำอีกรอบ  แล้ว เราเลยอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักหนังนอกกระแสอีก 10 เรื่องที่มีเพลงประกอบไม่ธรรมดา เพราะหนังคือแรงบันดาลใจชั้นดีที่ทำให้เราสามารถเอาไปต่อยอดอะไรได้อีกมากมาย และยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ถูกพูดถึงหรือยุคนี้คนไม่ค่อยได้รู้จักกันแล้ว เราเลยอยากเขียนถึงเพื่อให้ทุกคนได้ดูหนังดี ๆ เหล่านี้และส่งให้เพื่อนดูกันเยอะ ๆ เพื่อไม่ให้หนังดี ๆ หายไป แล้วขอบอกไว้เลยว่าไม่ควรพลาดทั้งหนังทั้งเพลงในลิสต์เหล่านี้เลย

10 เพลงดี จากหนังอินดี้ไทย มีเรื่องอะไรบ้างลองไปดูกัน

36

มาถึงหนังอาร์ตขวัญใจเด็กแนว ซึ่งเป็นหนังช่วยแรก ๆ ของ เต๋อ—นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ก่อนที่เขาจะผลิบานความแมสออกมาให้เราได้เห็นในทุกวันนี้ กับการตามหาความทรงจำที่หายไปของ ‘ทราย’ ภายในรูปถ่าย 36 ช็อต ฟังแล้วอาจเหมือนหนังทดลองแต่ความจริงแล้วเต๋อก็ถ่ายทอดหนังออกมาได้โรแมกติกมาก กับการใช้ลองเทค หรือเทคนิกในการใช้ภาพเล่าเรื่องในหลาย ๆ ช่วง กับสัญลักษณ์ของความทรงจำที่เข้าใจง่ายแถมยังใกล้ตัวเรามาก โดยเฉพาะการไม่เปิดเผยหน้าของ ‘อุ้ม’ เลยทำให้เพื่อนชายของอุ้มกลายเป็นความทรงจำที่เลือนรางแต่ยังสวยงามอยู่เสมอ แถมยังมีเพลงประกอบที่สร้างสรรค์โดย วุฒิพงศ์ ลี้ตระกูล หรือ อ๊อฟ Desktop Error ที่ทำให้หนังดูอ้างว้างมากขึ้นไปอีกสต็อป หรือจะเพลง เก็บผ้า ของ Yellow Fang ที่ถ่ายทอดแดดยามเช้าอันน่าคนึงหาใครซักคนได้อย่างเหงาใจ เพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ยังได้เข้าชิงรางวัลสมาคมวิจารณ์บันเทิง และยังมีเป็นแผ่นอัลบั้มเต็ม ๆ ด้วยนะ ใครได้ดูหนังแล้วก็น่าจะเสียดายว่าทำไมหนังเรื่องนี้ไม่ได้รางวัล ฮือ

หมานคร

เป็นหนังที่คนรักหนังไม่ควรพลาดเลยด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่มีวิธีเล่าเรื่องได้แปลกและน่าสนใจ ผลงานของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง พูดถึง ‘ป๊อด’ ที่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพ ฯ และได้พบกับ ‘จิน’ สาวพนักงานทำความสะอาดที่หมกหมุ่นแต่กับความเป็นระเบียบ กลายเป็นเรื่องราวความรักสุดเหนือจริงและการพบพานกับผู้คนประหลาดในเมืองหลวงจนกลายเป็นความโกลาหล หนังใช้วิธีเล่าแบบ magical realism เพื่อให้ดูแฟนตาซีในโลกจริงและสนุกสนานไปกับสารของหนังได้ ที่เป็นการเสียดสีวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองกรุงแต่ก็ยังย่อยออกมาให้ดูง่ายสบายหัว แถมด้วยภาพและสีที่น่ารักก็ช่วยให้เราสนุกกับหนังได้ไปทั้งเรื่อง หนังยังได้เพลงฮิตตลอดกาลอย่าง ก่อน ของ Moderndog ซึ่งร้องโดย จีน—มหาสมุทร บุณยรักษ์ ในฉากเปิดที่น่าจดจำช่วยขับให้หนังน่าสนใจขึ้น ความน่ารื่นรมอีกอย่างในหนังคือมันบันทึกกรุงเทพ ฯ ในยุคหนึ่งไว้ ลองกลับไปดูว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนไปแค่ไหน

สัตว์ประหลาด

เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้เราได้รู้จัก เจ้ย—อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล กับหนังหลากหลายทางเพศที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของลูกจ้างโรงน้ำแข็งและพลทหารหนุ่มกับตำนานเสือสมิงในป่าที่เหล่านายพรานอยากหาคำตอบเกี่ยวกับมัน กับการเปรียบเปรยมนุษย์ทุกคนเหมือนกับสัตว์ที่มักทำตามสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ อยากรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไงต้องไปดูเอง แม้หนังจะถูกนักวิจารณ์ในไทยสับเละเทะแต่กลับคว้ารางวัลมากมายจากทั่วโลก เราบอกเลยว่าเป็นหนังของเจ้ยที่เรารู้สึกว่าดูง่ายที่สุดแล้ว พร้อมกับงานภาพที่สวยงาม เรียกว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ทุกคนต้องดู โดยมีเพลง คำในใจ ของวง Fashion Show เป็นเพลงประกอบ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเพลงในดวงใจของใครหลายคนเพราะเป็นเพลงที่มีจังหวะดนตรีน่าสนใจกับเนื้อเพลงที่ชัดเจนและสื่อถึงอารมณ์หนังออกมาได้อย่างอบอุ่นหัวใจดี

กอด

เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่นอกวงโคจรของวัยรุ่นมาก ๆ อาจเพราะหน้าหนังไม่ได้เหมือนหนังอินดี้ซักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้รู้ว่า คงเดช จาตุรันต์รัศมี เป็นคนกำกับล่ะก็ เชื่อว่าหลายคนน่าจะอยากหยิบมาดูกันมากขึ้นจากความเชื่อใจต่อผู้กำกับมืออาชีพคนนี้ หนังเล่าเรื่องของ ‘ขวาน’ หนุ่มที่เติบโตขึ้นมาโดยมีสามแขน ซึ่งแม่ของเขาพยายามบอกกับเสมอว่าเขาเป็น ‘คนพิเศษ’ กว่าใคร โดยที่จริง ๆ แล้วแม่ก็หาวิธีผ่าตัดให้เขากลับมาเป็น ‘คนปกติ’ ให้ได้ แต่สุดท้ายเมื่อคุณแม่เสียชีวิตไป ขวานก็ได้พบความจริงที่ว่าเขาแปลกแยกกว่าใครทุกคนในหมู่บ้าน จึงเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เพื่อไปตัดแขนที่เกินมาของตัวเอง แต่ระหว่างเขาได้ช่วยหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่า ‘นา’ จากการโดนลวนลาม พวกเขาจึงเดินทางไปด้วยกันเพราะนาก็อยากไปตามหาสามีในเมืองหลวงเหมือนกัน มิตรภาพของเพื่อนร่วมทางก็ผลิบานกลายเป็นความรัก ขวานรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษขึ้นมาอีกครั้งไม่ใช่เพราะร่างกายที่ไม่เหมือนใคร แต่คือใจที่ทำเพื่อนา เป็นหนังที่รวมประเด็นที่น่าอ่อนไหวและพูดถึงความแตกต่างของคนได้กินใจมาก หนังยังได้วงที่เราคิดถึงมาก ๆ อย่าง สี่เต่าเธอ มาช่วยสร้างความสนุกผ่านเพลง จับมือฉัน ที่เล่าความในใจของขวานไว้ได้หมดเลย กับอีกเพลง กอด เพลงช้า ๆ ซาบซึ้งกินใจโดย ปุ๊—อัญชลี จงคดีกิจ ก็ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นในหนังให้เราได้ ถ้าใครยังไม่เคยดูแนะนำให้ไปดูเลย เพราะคุณกำลังพลาดหนังดี ๆ ไปอีกเรื่อง

แต่เพียงผู้เดียว

อีกหนึ่งงานกำกับดี ๆ ของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี เล่าเรื่อง ‘เล็ก’ หนุ่ม ช่างทำกุญแจกับ ‘ก้อง’ พนักงานร้านหนังสือที่ชอบไขเข้าไปรื้อค้นของหรือความลับในห้องของคนอื่นเพื่อทำความรู้จักและซึมซับเรื่องราวของคนอื่น จนวันหนึ่งเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาฆ่าเจ้าของห้องคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ และก้องยังมาหายสาบสูญไปอีก เล็ก เลยต้องไปค้นหาความจริงในห้องของก้อง สำหรับเราหนังเหมือนโยนจิ๊กซอร์มาให้เราต่อเล่น กว่าเราจะรู้ว่ามีจิ๊กซอร์ตัวหนึ่งหายไป เราก็พบกว่าไม่สามารถประกอบภาพนั้นจนเสร็จได้อีกตลอดกาล หนังเล่าเรื่องแบบปลายเปิดและให้เราตีความสิ่งต่าง ๆ เอง ตัวตนของเราก็ประกอบขึ้นมาจากประสบการณ์และสิ่งที่เราฉกฉวยมาจากคนอื่นทั้งเรื่องราวและความรู้สึกของคนที่เราเคยเจอ เพราะงั้นหนังจะไปในทิศทางไหนก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน นอกจาก เล็ก Greasy Cafe จะเล่นหนังเรื่องนี้เองแล้ว ยังทำเพลงประกอบให้หนังเรื่องนี้อีกด้วย ทั้ง ป่าสนในห้องหมายเลข 1 ที่ดนตรีชดช้อยแต่มีเนื้อเพลงที่รุนแรง หรือดนตรีประกอบ TO BECOME ONE OF US ก็ยังงดงามด้วยเสียงเปียโนเหงา ๆ สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าขาของหญิงสาวปริศนาคือใคร เราขอใบ้ให้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง Yellow Fang จ้า

ทวารยังหวานอยู่

หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อผู้กำกับอย่าง พรชัย หงษ์รัตนาภรณ์ ซักเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าเขามีลูกบ้าที่อยากจะปล่อยของมากมายไปหมด ไม่นึกว่าส่วนผสมระหว่าง น้อย วงพรู + วิชากำลังภายใน + ความย้อนยุค + การเล่นกลอง จะผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืนจนกลายเป็นหนังสุดคัลต์เรื่องนี้ เมื่อ ‘เบ๊’ ศิษย์คนโปรดของเจ้าสำนักกลองเทวดาพยายามฝึกวิชากลองเทวดาให้ถึงขั้นที่ 10 เพื่อตามรอยอาจารย์ผู้เป็นตำนาน แต่ต้องเข้าไปผัวพันกับคดีฆาตกรรมด้วยความบังเอิญจนต้องหนีการตามล่ากันอุตลุด โดยได้ความช่วยเหลือจาก ‘ต้น’ ศิษย์พี่สาวสวยในสำนักที่เป็นกำลังใจให้เขาตลอดเวลา มาช่วยกันลุ้นว่าเขาจะฝึกวิชาสำเร็จและการเป็นมือกลองชื่อดังได้มั้ย เป็นหนังที่เราอยากชวนทุกคนดูเพราะมันช่วยเปิดประสบการณ์การดูหนังของเราให้กว้างไกลขึ้นเยอะ แล้วคุณจะไม่เชื่อว่าหนังแม่งถ่ายทำแบบนี้ก็ได้หรอวะ ฮ่า ๆ ถ้ามันสนุกสำหรับเราก็ถือว่าเป็นหนังดีแหละ โดยเฉพาะเพลงประกอบที่นำเพลงเก่า ๆ มาเรียบเรียงใหม่ได้เท่ ๆ อย่าง วันวานยังหวานอยู่ ที่น้อยวงพรูเอามาทำให้ก็เท่มาก ๆ เลย อีกทั้งยังมี ใจสยิว, เพื่อนร่วมทาง และ ลมหายใจของความคิดถึง ที่เอามาทำใหม่ได้ติดหูสุด ๆ แถมยังมีศิลปินที่เราคิดถึงอีกสองวงทั้ง Nursery sound กับ Acappella 7 ก็มาช่วยเรียบเรียงเพลงเก่าให้เป็นสไตล์ตัวเองได้สนุกสนานมาก

Fake โกหกทั้งเพ

หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังในดวงใจของเราอีกเรื่อง ด้วยวิธีการเล่าลำดับเหตุการณ์ที่น่าสนใจและดึงดูดเราได้ตลอดทั้งเรื่อง กับการติดตามชีวิตของ ‘เบ’ ‘โป้’ และ ‘ซุง’ เพื่อนทั้งสามที่มีวิถีชีวิตของตัวเองและกำลังตามหาความรักในแบบที่ตัวเองพอใจ แต่แล้วทั้งสามคนก็ได้พบกับผู้หญิงในฝันของพวกเขาแล้ว แต่รักครั้งนี้จะลงเอยด้วยความแห้วอีกครั้งรึเปล่า ซึ่งถ่ายทอดอารมณ์ความรักในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านตัวเอกทั้งสามคน กับงานภาพที่ค่อนข้างดูดีถ้าเทียบกับอายุของหนังแล้ว แถมสมัยนั้นก็ใช้ดาราดังที่ดึงดูดคนมากทั้ง เรย์ แมคโดนัล, ต้า บาร์บี้, ลีโอ พุฒ และ อั้ม พัชราภา เรียกได้ว่าขวัญใจวัยรุ่นทั้งนั้น แถมยังมีเพลงประกอบโดย Pixyl กับเพลง อาย ที่กลมกล่อมมาก ๆ หลายคนอาจไม่รู้จักวงนี้แต่สมาชิก 2 คนในนั้นคือ ‘โตน’ กับ ‘ไบรอัน’ ที่ต่อมาได้ตั้งวง Sofa ด้วยกันนั่นเอง แต่ดูหนังเรื่องนี้แล้วมีความสงสัยอย่างหนึ่งคือ ทำไมพี่อั้มไม่แก่ขึ้นเลยยยยย

รักแห่งสยาม

น่าจะไม่มีใครไม่รู้จักหนังเรื่องนี้แล้วเพราะเป็นหมุดหมายของคนดูหนังในฐานะหนังเกย์ไทยเรื่องหนึ่งที่ต้องดู แต่ความจริงแล้วหนังมันมีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่หนังเกย์เรื่องหนึ่ง แต่มันคือหนัง coming of age อีกเรื่องที่พูดเรื่องการตามหาตัวตนและปัญหาครอบครัวได้สวยงามมาก หนังเกี่ยวกับ ‘มิว’ และ ‘โต้ง’ ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็กกัน แต่ต้องห่างกันไปเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวของทั้งสองคน เมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้งก็สานสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้นและพยายามช่วยเหลือครอบครัวของโต้งให้กลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม ก่อนจะค้นพบว่าความรักแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นงานกำกับเรื่องที่สองของ มะเดี่ยว—ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่ฉีกแนวมาเป็นหนังดราม่าเลยหลังจากหนังสยองขวัญทริลเลอร์กับ 13 เกมสยอง สำหรับเราหนังเรื่องนี้เป็นหนังครอบครัวที่เจ็บปวดมาก แล้วอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้หนังสมบูรณ์ได้คือเพลง หลายคนอาจรู้จัก กันและกัน ของ คิว Flure อยู่แล้วเพราะดังมาก ๆ แต่หนังยังได้เพลงของวง August Band ที่มี พิช—วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล เป็นนักร้องนำและแสดงเป็นมิว ได้ฝากเพลงเพราะ ๆ เนื้อหาดี ๆ กับดนตรีหวาน ๆ ไว้มากมายอย่าง เพียงเธอ ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของมิวกับโต้งออกมาได้ไพเราะมาก กับเพลง คืนอันเป็นนิรันดร์ ก็เล่าเรื่องในหนังได้สวยงามดี อีกเพลงหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ Ticket (Day) ที่มะเดี่ยวเป็นคนร้องเอง ก็พูดถึงความรักที่ไม่สมหวังได้อย่างน่าหดหู่

รัก-ออกแบบไม่ได้

หลายคนอาจได้ดูซีรี่ส์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่น 2559 แล้ว แต่เราอยากให้ลองไปหาหนังเรื่องนี้ที่ออกฉากปี 2541 มาดูด้วย เพื่อซาบซึ้งในความโรแมนติกและความเจ็บปวดอันแสนคลาสสิกของเด็กวัยรุ่นยุคนั้น เมื่อวัยรุ่นห้าคนที่แตกต่างกันทั้งนิสัยและฐานะ สอบเอ็นทรานซ์เข้าคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาด้วยกัน และตั้งกลุ่มชื่อกลุ่ม ‘โอ’ ขึ้นมาเพราะทั้งห้าคนมีเลือดกรุ๊ปโอเหมือนกัน แต่ละคนต่างก็ได้ลองออกแบบความรักของตัวเองขึ้นมาจนทำให้หัวใจว้าวุ่นกันไปหมด แม้หนังจะมีมานานแล้วแต่ยังเป็นหนัง coming of age ที่สะเทือนชีวิตทุกคน เพราะวัยรุ่นก็คงหนีห่างเรื่องความรักไปไม่ได้หรอก และเพลงก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจดจำในหนังอย่างเพลงที่เราชอบที่สุดอย่าง รักโลกาภิวัฒน์ ของ ภิญโญ รู้ธรรม ที่โรแมนติกแบบเท่ ๆ ทั้งเพลง คงสักวัน ที่ชาคริตร้องคู่กับทาทาในงานกิฟต์ เทศกาลของขวัญและดนตรีที่พวกเราน่าจะเคยแวะเวียนกันไปบ่อย ๆ สมัยเรียน ถ้าใครดูหนังจะรู้เลยว่าสองคนนี้รู้สึกยังไงจากสายตา หรือเพลง แค่เธอรักฉัน ของทาทายังก็เล่าเรื่องในหนังได้อย่างน่าเห็นใจ

สามชุก

หนังเรื่องนี้อาจจะผ่านตาใครหลายคนในฐานะหนังไทยธรรมดาเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าได้ลองให้โอกาสดูมันซักหน่อยก็อาจเป็นหนังอีกเรื่องที่ชอบก็ได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงในช่วงที่ยาเสพติดระบาดในชุมชนอย่างหนักและอยู่ใกล้ตัวทุกคนมากกว่าที่คิด เด็กกลุ่มหนึ่งหลงผิดไปเป็นทาสของพวกมันด้วยเหตุผลที่ต่างกันจนถูกทุกคนประนามว่าพวกเขาเป็นเด็กเหลือขอและไม่มีอนาคต จนคุณครูคนหนึ่งเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงและอาสาที่จะช่วยบำบัดเด็กเหล่านี้ให้เลิกยาและสร้างอนาคตให้กับพวกเขาให้ได้ ประเด็นของหนังมันหนักมาก ๆ มันทำลายมายาคติของคนเสพยาในหัวเราไปจนหมด ใครคิดว่าเด็กอยากเสพยาเพราะความคึกคะนองหรือเพื่อความสนุก จริง ๆ แล้วพวกเขาแค่ไม่มีที่พึ่งหรือไม่มีทางเลือกเท่านั้น ทำให้เราลดอคติกับผู้เสพยาเสพติดไปเยอะเลย แถมยังลงไปคลุกคลีกับปัญหายาเสพติดและนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เข้าใจง่าย เป็นหนังอีกเรื่องที่เด็กวัยรุ่นควรดู ส่วนตัวผมยังชอบเพลงในหนังเรื่องนี้มาก ๆ จากการหยิบเพลง กอดฉันไว้ ของ จ๊อบ บรรจบ มาให้ Paradox ร้องใหม่ในสไตล์ดนตรีที่ป๊อปมากขึ้น กับเนื้อหาเพลงที่พูดถึงโอกาสครั้งที่สองที่ทุกคนที่ผิดพลาดควรจะได้รับ ‘เพราะเรื่องวันวานจะทำอย่างไร ก็ไม่มีทางเรียกคืนมา คิดถึงวันพรุ่งนี้ดีกว่า~’ เข้ากับประเด็นของหนังได้อย่างลงตัวจริง ๆ

ยังมีหนังเรื่องไหนที่มีเพลงดี ๆ แต่เรายังพลาดไปอีก คอมเมนต์บอกเพื่อน ๆ หน่อยจะได้ไปตามดูกัน

บทความที่คุณอาจจะสนใจ

10 เพลงเพราะจากหนังไทยที่อาจจะยังไม่เคยผ่านหู (3)

• Twitter
• Line