Quick Read Snacks

คนว่างเชิญทางนี้ : อัพเดต 5 ซีรีส์เพลงดี สตอรี่เด็ด แห่งปี 2017

  • Writer: Montipa Virojpan

ถ้าจำกันได้ ปีที่แล้วเราก็มีคอลัมน์แนะนำเพลงดีซีรีส์เด็ดออกมา และยิ่งในปี 2017 นี้ Netflix ก็มีซีรีส์ที่อัดแน่นไปด้วยเพลงเจ๋ง มาให้เราได้ดูไปฟังไปแบบฟิน ยิ่งเขามีซับไทยให้บริการแล้ว ยิ่งทำให้ความตะขิดตะขวงใจในการรับชมน้อยลงไปด้วย มาดูกันว่าเราจะเลือกเรื่องไหนมาแนะนำกันบ้างในปีนี้

ก่อนอื่น ใครอยากรู้ว่าลิสต์ของปีที่แล้ว มีเรื่องอะไรเพลงอะไรบ้าง เข้ามาดูได้ ที่นี่ เลย

13 Reasons Why

a5128625b0ace9338f4aada10c3f6749092004ee

เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา กับการตีแผ่เรื่องการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนออกมาเป็นซีรีส์ดราม่าระทึกขวัญเรื่องนี้ ซึ่งการดำเนินเรื่องแบบดึงเช็งทำให้คนดูบางกลุ่มรำคาญกับตัวละครบางตัว แต่เรากลับรู้สึกหดหู่และดำดิ่งลงไปพร้อม กับ Hannah Baker เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายที่อัดเสียงของตัวเองลงไปในเทปคาสเซ็ตที่เล่าเรื่องราว 13 เหตุผล ที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งใครก็ตามที่ได้ฟังเทปนั้นล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเธอ และพวกเขาต้องพบเจอกับผลกระทบในชีวิตที่จะต้องจดจำไปตลอดกาล

เพลงเด็ดในเรื่อง เอาจริงว่า พีคตั้งแต่ที่ได้ Eskmo ศิลปินอิเล็กทรอนิกสายทดลองตัวจี๊ดมารับหน้าที่คนทำเพลงประกอบให้ แล้วยังมีเพลงวัยรุ่นยุคคลาสสิกและงานร่วมสมัยแจ่ม เต็มไปหมด แถมหลาย เพลงก็เข้ากับเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปแบบพอดิบพอดีจนทำเราจุก! ทั้ง Joy DivisionLove Will Tear Us Apart, The CureFascination Street, The KillsDoing It To Death, Washed OutIt All Feels Right แล้วไหนจะ Hey Hey, My My (Into the Black) ทั้งเวอร์ชัน Neil Young และคัฟเวอร์ของ Chromatics หรือเพลง Echo and the Bunnymen The Killing Moon คราวนี้ก็มาในเวอร์ชัน Roman Remains พีคไปหมด

The Get Down Part 2

The Get Down

ตอนที่แล้วเราก็ได้แนะนำเพลงจากซีซั่นแรก ซึ่งจะพลาดซีซั่น 2 ของซีรีส์ประวัติศาสตร์เพลงฮิปฮอปตั้งแต่ปลายยุค 70s ที่ยังมีการผสมผสานบีทเข้ากับเพลงฟังก์ ของ Baz Luhrmann ผู้กำกับสไตล์จัดคนนี้ไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเรื่องราวในซีซั่นสองจะหนืดและไม่ค่อยน่าติดตามเท่าซีซั่นก่อนหน้า และเลือกนำเสนอเรื่องการเติบโตและการล่าฝันของวัยรุ่นในเขต Bronx ว่าจะทำตามหัวใจหรือเลือกอนาคตที่สดใส และแน่นอนว่าสิ่งที่เรื่องนี้ยังทำได้ดีคือการถ่ายทอดยุคดิสโก้ พังก์ และฮิปฮอปหรือกราฟฟิตี กับจิตวิญญาณของหนุ่มสาวผ่านภาพและเพลง

เพลงเด็ดในเรื่อง เราจะได้เพลิดเพลินไปกับทั้งเพลงฮิปฮอป อาร์แอนด์บี โซล ดิสโก้ฟังก์ ป๊อป หรือแม้แต่ร็อก จากยุค 70s – 80s ที่เราคุ้นหูกันดี แล้วยังแอบแซม เพลงร่วมสมัยมาอีกแหนะ ทั้ง Earth, Wind & FireSeptember, Bee Gees Stayin’ Alive, The Sugarhill GangRapper’s Delight, BlondieOne Way Or Another, David BowieFame, John LegendPenthouse Floor (feat. Chance the Rapper) เพลงออริจินัลของเรื่องนี้ก็ยังเพราะจับใจทั้ง I’ll Keep My Light in My Window, I’m My #1 และ The Other Side ที่นางเอก Mylene ร้องนั่นเอง

Dear White People

dear-white-people-netflix_hvojaw

ช่วงสามสี่ปีมานี้ เรื่อง #BlackLivesMatter หรือการรณรงค์ไม่ให้ใช้ความรุนแรง หรือเหยียดทั้งกายวาจาใจกับคนผิวสีเป็นที่พูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการที่ตำรวจผิวขาวเลือกปฏิบัติสังหารวัยรุ่นผิวสีที่เขาไม่เชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือการจัดปาร์ตี้ black face (แต่งแฟนซีโดยทาตัวดำ พวกเขารู้สึกโดนเหยียดหยามในชาติพันธุ์มาก) ซีรีส์เรื่องนี้ที่ก่อนหน้าเคยปล่อยออกมาในแบบภาพยนตร์ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนเรื่องการเหยียดได้ดีสุด ซึ่งไม่ใช่แค่เหยียดผิวสี แต่ผิวขาว เอเชียนก็โดน คนรวย คนจน โดนกันหมด สนุก เท่ และแน่นอนเพลงดีมาก

เพลงเด็ดในเรื่อง ใครเป็นคอฮิปฮอปนี่คงจะเลิฟเรื่องนี้มาก พบกับมินิมอลฮิปฮอปจาก NonameSunny Duet (feat. the MIND), Rex Orange CountyUNO หรือแม้แต่ศิลปินสุดฮอตแห่งยุค Childish GambinoRedbone และ Terrified ก็มาโผล่ในเรื่องนี้ เพลงแนวอื่นก็มีให้ฟัง ทั้ง SirQueen, Hidden CharmsCannonball, ShuraIndecision, UnlovedGuilty of Love, BeaconIM U และ Michael KiwanukaLove & Hate ที่ก็ไปโผล่ในเรื่อง Luther มาเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเพลงที่ใช้แล้วตอบกับคอนเซปต์ของเรื่องได้เป๊ะมากคือ A Tribe Called QuestWe the People… ที่โผล่มาในเครดิตจบในตอนสุดท้ายนั่นเอง ลองฟังดู

Riverdale

riverdale

ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วกับซีรีส์วัยรุ่นที่กำลังฮอตมาก เรื่องนี้ ฮอตทั้งเรื่องราว ทั้งหนุ่ม สาว ในเรื่องเลยล่ะจ้า และถ้าใครรู้สึกคุ้น กับชื่อตัวละครในเรื่องนี้ ก็จะพบว่านี่เป็นการหยิบยืมคาแรกเตอร์จากการ์ตูนวัยรุ่นรักสามเส้าอันโด่งดังจากปี 40s อย่าง Archie มานั่นเอง แต่เรื่องราวไฮสคูลในเรื่องนี้ก็ถูกนำมาตีความใหม่ มีความดาร์คกว่าหน้าการ์ตูน และแม้จะดึงเสน่ห์ดั้งเดิมของยุคเก่ามาอยู่บ้าง แต่ก็ใส่ความเป็นหนังสืบสวน อาชญากรรมให้เราต้องคอยลุ้นตามอยู่เรื่อย บางคนถึงกับแซวด้วยแฮชแท็ก #ใครฆ่านานะ เพราะเป็นพล็อตหาคนร้ายให้ฟีลแบบซีรีส์ I Hate You I Love You ของบ้านเราเหมือนกัน

เพลงเด็ดในเรื่อง หลากหลายเพลงอิเล็กโทรป๊อปวัยรุ่นจังเร้ย ทั้ง SantigoldRendezvous Girl, AuroraWarrior และกรีดร้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของ Mai Lan ในเพลง Laser Gun ของ M83 ก่อนจะเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงอมตะอย่าง New OrderBlue Monday แล้วยังมี Mac DeMarcoLet Her Go, Cage the ElephantTrouble และ Mess Around, Father John MistyReal Love Baby และ SavagesAdore ด้วย

Girlboss

img_750x7502017_04_18_16_07_48_359733

ใครอยากดูอะไรเบาสมอง บ้าบอเดินเรื่องไวฉับ ต้องเรื่องนี้ ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ Sophia Amoruso เกี่ยวกับสาวยุคใหม่แต่บ้านถังแตก จับพลัดจับผลูมาเปิดธุรกิจเสื้อผ้าผ่านทางเว็บ eBay จนไป มา ก็กลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อดังนาม Nasty Girl ซึ่งเรื่องราวถูกนำเสนอออกมาผ่านความเป็นชะนีวัย 20-something ที่กำลังหัดโตด้วยลำแข้ง ไม่ได้เป็นกูรูธุรกิจชี้ทางรวยแต่อย่างใด ดังนั้นแล้ว เตรียมรับพลังงานอันพุ่งพล่านลั่นโลกไว้ให้ดี เพราะถ้าคุณไม่รักหล่อน ก็อาจจะลำไยหล่อนไปเลย

เพลงเด็ดในเรื่อง อาห์ แหล่งรวมของสารพัดเพลงสาวซ่า ชะนีปลดแอก โนแคร์โนสนโลก ทั้ง Suzi QuatroThe Wild One, BlondieI’m Gonna Love You Too, Yeah Yeah Yeahs Gold Lion, Silversun PickupsThere’s No Secret This Year, Courtney BarnettNobody Really Cares If You Don’t Go to the Party, YELLEJe veux te voir โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Rebel Girl ของ Bikini Kill ที่ถือเป็นเพลงชาติของเฟมินิสต์ตัวแม่เลย แล้วยังมี T.RexSensation Boulevard และหลายเพลงยุคเก๋าที่ไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่น้อย

เอาไปก่อน 5 เรื่อง เพราะกว่าจะดูแต่ละเรื่องจบนี่ใช้เวลามหาศาล แล้วดูทีนึงก็หยุดไม่ได้ งานการไม่ต้องทำกันเลยล่ะจ้า โอกาสหน้าถ้าเจอเรื่องไหนหนุก มี playlist แจ่ม อีกจะเอามาแบ่งปันกันนะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้