5 กิจกรรมสลายความหม่นไม่ต้องทนหมองอีกต่อไป
- Writer: Wathanyu Suriyawong
จากงานเสวนา เห็ดyoung ครั้งที่ 10 : โลก (โรค) ซึมเศร้าของนักดนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาบนโลกกลม ๆ ใบนี้ มีประชากรโลก รวมไปถึงนักดนตรี ได้ตัดสินใจจากโลกนี้ด้วยความเจ็บป่วยของโรคซึมเศร้าไปว่า 800,000 คนแล้ว บวกกับผลวิจัยล่าสุดจาก Help Musicians UK พบว่านักดนตรีมีอัตราเสี่ยงจะเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าสายอาชีพอื่นที่ร่วมวงการถึงสามเท่า (อ่านเพิ่มได้ที่ : https://goo.gl/iPhhMs)
พญ.สุนิดา โสภณนรินทร์ ได้แนะนำไว้ว่า หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการ เศร้า ท้อแท้ และสูญเสียความสนใจจากสิ่งที่ชอบ นานต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ ก็สามารถประเมินตัวเองด้วย แบบประเมินโรคซึมเศร้าของกรมพัฒนาสุขภาพจิต หากพบว่ามีอาการซึมเศร้า ก็ควรพบจิตแพทย์ ณ โรงบาลใกล้บ้านท่านเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี หลัก ๆ ก็จะมี 3 สิ่งที่ทำด้วยกัน คือ การใช้ยาที่แพทย์สั่ง การปรับพฤติกรรม และทำจิตบำบัด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนด้วย
ทว่าเราคงไม่สามารถแนะแนวทางในการใช้ยาหรือทำจิตบำบัดได้ดีเท่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับการปรับพฤติกรรมเราก็พอจะแนะนำได้ เราเลยมีกิจกรรมเรียกเหงื่อสนุก ๆ ของชาวฟังใจมาแนะนำให้ทุกคนลองไปทำกันดูนะจ๊ะ
วิ่ง แนะนำโดย ปรด์ — visual designer
เป็นกิจกรรมที่สามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก ขอแค่มีรองเท้าและสถานที่ที่สามารถวิ่งได้อย่างปลอดภัยก็ได้แล้ว หรือจะเลือกไปวิ่งในลู่วิ่งตามฟิตเนสก็ได้ สำหรับวิธีการวิ่งก็พอจะเสิร์ชหาในอิตเตอร์เน็ตได้อยู่บ้าง แต่ที่สำคัญคืออย่าลืมวอร์มกล้ามเนื้อก่อน เมื่อรู้สึกพร้อมก็ออกก้าวแรกได้เลย ปรด์ได้ให้คำแนะนำว่า “สำหรับการวิ่งเนี่ย ไม่ต้องใช้อะไรมาก ร่างกายแค่ 10% กับใจอีกสัก 90% พอ กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้ ร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น สู้โว้ยยยย แค่โฟกัสไปข้างหน้า ข้างหน้า ข้างหน้า อย่างงั้นแหละ ไม่ยากกกกก สำหรับใครที่ไม่มีเวลาเราก็สามารถวิ่งตอนพักกินข้าวได้ แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ลองดู๊ววว ”
ตีปิงปอง แนะนำโดย มาร์ค — finance & admin
กิจกรรมหลังเลิกงานยอดนิยมของเหล่าพนักงานฟังใจที่ทุกคิดว่าไม่น่าจะเหนื่อยมาก เพราะว่าเล่นในร่มและเปิดแอร์เล่นด้วย แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า เป็นอีกกิจกรรมที่เรียกเหงื่อชาวฟังใจได้ไม่น้อย ข้อดีก็คือโคตรสนุกและโอกาสการได้รับบาดเจ็บมีน้อยมาก ซึ่งมาร์คได้ให้คำแนะนำไว้ว่า “วิธีการเล่นปิงปอง ให้ได้เหงื่อเยอะ ๆ เราไม่จำเป็นต้องออกไปวิ่งตากแดดตากลมเราก็สามารถเรียกเหงื่อจากการเล่นปิงปองได้แล้ว การตีปิงปองคุณคงคิดว่าใช้มือเยอะ ยืนตีเฉย ๆ อาจจะทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมาก แต่มันมีวิธีคือตอนตีปิงปองให้เราขยับและโยกไปกับจังหวะของมันด้วยทำราวกับเหมือนว่าเราเต้นไปด้วย อาจจะเปิดเพลงที่สนุก ๆ ไปพร้อมกับการเล่นปิงปองด้วยทำให้เพิ่มอารมณ์ในการตียิ่งขึ้น สนุกสุด ๆ ไปเล้ย“
ออกไปเต้นที่งานคอนเสิร์ต แนะนำโดย บุ๊ก — ช่างภาพ
หากคุณเป็นคนชอบฟังเพลง การออกไปเต้นกับเพลงที่ชอบพร้อมเพื่อนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันก็น่าจะดี เวลาเจอเพลงที่ชอบมาก ๆ มันมาจะเกิดอาการเต้นแบบควบคุมไม่ได้ ซึ่งช่วยเรียกเหงื่อได้ประมาณนึงแล้ว แต่หากอยู่กับเพื่อน ๆ ระดับการเสียเหงื่อจะมากขึ้นไปอีก ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายไปพร้อม ๆ กัน บุ๊ก ช่างภาพที่มีลีลาการเต้นระดับเท้าไฟ ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า “ไปคอนเสิร์ตทั้งทีจะให้ยืนถือแก้วนิ่ง ๆ ได้ไง ถ้าเพลงชวนโยกขึ้นถึงจุดกำลังได้ก็คงต้องโยกสิครับ เช็กพื้นที่รอบ ๆ ตัวคุณให้ดีว่าเราจะท่าใหญ่ได้แค่ไหน จะสนุกได้แต่ต้องไม่เบียดเบียนชาวบ้านน้า ดูเพลงว่าบีตไปถึงระดับไหนแล้ว เคล็ดลับคือต้องอย่าเต้นใหญ่เกินจังหวะ ตอนน้อยเราก็ค่อยโยก ๆ แต่ถ้าพีคก็ใส่เต็มไปเลย เผลอ ๆ ได้เพื่อนใหม่ที่มาเต้นแจมกับเราด้วยนะ เย่ ”
เตะบอล แนะนำโดย กันต์— นักเขียน
กีฬายอดนิยม และมีท่าทีว่าจะแพร่หลายมากขึ้นด้วย สังเกตได้จากการที่เริ่มมีสนามหญ้าเทียมเกิดขึ้นมารองรับชุมชนสังคมคนเมืองมากขึ้น ซึ่งกีฬานี้ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ ได้ดีอีกด้วย เพราะสำหรับผู้ที่มีอาการของโรคซึมเศร้านั้น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นสิ่งไม่ควรขาดเป็นอย่างยิ่ง กันต์ ได้ให้คำแนะนำว่า “วิธีการเล่นฟุตบอลให้ได้เหงื่อคือ คุณต้องวิ่ง วิ่ง วิ่งแบบพี่ตูน วิ่งวิ่งวิ่งวิ่ง นั่นแหละครับ การเคลื่อนที่เป็นอีกสิ่งนึงที่ทำให้ร่างกายของคุณขับเหงื่อออกมาได้เป็นอย่างดี การเตะฟุตบอลอาจจะเป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้เท้าด้วย เพราะฉะนั้นแล้วเท้าคุณก็ควรจะออกสเต็ปด้วยเช่นกัน การยิง กระโดด ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณควรทำ เอาง่าย ๆ เล่นกีฬาขยับร่างกายให้ครบทุกส่วนยังไงเหงื่อออก ยิ่งถ้ามีอารมณ์เหงื่อก็ยิ่งออกเยอะ ไม่เชื่อลองดูสิ“
สเกตบอร์ด แนะนำโดย เต้ — นักเขียน
เป็นกีฬาประเภทเอ็กซตรีมที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 80s แล้ว เป็นกีฬาที่มีความท้าทายและลีลาที่ผาดโผน ต้องวัดใจตัวเองประมาณนึง เพราะเป็นกีฬาที่มีโอกาสเกิดอาการบาดเจ็บได้สูง สำหรับคนที่สนใจกีฬาประเภทนี้ต้องเตรียมสำหรับเรื่องนี้ไว้ด้วย เต้ได้ให้คำแนะนำว่า “เป็นกิจกรรมที่เหมือนจะทุ่นแรง แต่จริง ๆ โคตรได้เหงื่อ หากใครเคยฝึกกระโดด ollie จะรู้เลยว่า ทำได้ไม่ถึง 10 ที ก็ลิ้นปลิ้นแล้ว ที่ชอบมาก ๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องแข่งขันกับตัวเอง เพื่อทำท่าที่ต้องการให้สำเร็จ มือใหม่อย่างผม ฝึกกระโดด ollie 10 ที จะลงพื้นสวย ๆ ได้แค่ทีสองทีเท่านั้น กว่าจะได้แต่ละครั้งก็ได้แผลมาไม่น้อย ต้องทำใจเพราะเป็นของที่มาคู่กับกีฬาประเภทนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าทำได้จะโคตรรู้สึกดีเลย เหมือนได้รางวัลอะไรบางอย่าง“