New Ingredients: ส่วนผสมใหม่ของดนตรียุค 10s
ในอาณาจักรดนตรีที่เราคลุกคลีกันอยู่ทุกวันนี้ มีเสียงเพลงหลากหลายประเภทที่ถูกผลิตคิดค้นอย่างสร้างสรรค์ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ละเพลงได้รับอิทธิพลและเกิดการผสมผสานกันระหว่างแนวดนตรีเก่ากับการทดลองอะไรใหม่ ๆ ทำให้ยากแก่การจำกัดความแนวเพลง ถ้าเป็นสมัยก่อน วัฒนธรรมดนตรีแทรกซึมเข้าไปในชีวิตคนฟังมากจนชัดพอที่จะใช้จำแนกยุคสมัยต่าง ๆ เช่น ยุค 20s เราก็จะพบกับดนตรีแจ๊ส ช่วงปลาย 60s ถึงต้น 70s ก็จะเป็นยุคของร็อก ส่วนดิสโก้ก็เป็นกลิ่นอายของยุคต่อจากนั้น หรือ 90s ก็จะโดดเด่นในดนตรีสายอัลเทอร์เนทีฟ
แต่สำหรับวงรุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้ สิ่งที่เรามักพบระหว่างการสัมภาษณ์วงดนตรีเมื่อถามว่า คุณเรียกงานของคุณว่าเป็นดนตรีแนวอะไร คำตอบที่ได้รับจากวงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยออกมาเป็นประเภทของดนตรีกลุ่มใหญ่ ๆ เหล่านั้น แต่มักจะเป็น “เราทดลองหยิบนั่นนี่มาผสมเป็นสิ่งใหม่” “เราไม่สามารถให้คำจำกัดความกับแนวเพลงของเราได้” “เราเอาแนวที่เราชอบมาใส่รวมกัน” ซึ่งคำตอบเหล่านี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เราไม่จำเป็นต้องมีชื่อเรียกก็ได้เว้ย แค่เปิดใจลองฟังไง เพลงดีมันก็จะดีเองแหละ เพียงแต่มันอาจเป็นปัญหาเมื่อผู้จัดคอนเสิร์ตจะเอาวงไป pitch เพื่อหาสปอนเซอร์ หรือแม้แต่ตัววงเองจะอธิบายกับสือว่าวงของพวกเขาใกล้เคียงกับดนตรีแบบไหน มันเลยทำให้มีผลประมาณนึงในการตัดสินใจของผู้ร่วมลงทุนหรือคนที่จะเข้ามาฟัง ว่าจะให้ความสนใจกับเพลงคุณมากน้อยขนาดไหน แต่เราก็มีวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ 3 วิธีมาบอกกัน
บอกส่วนผสมที่คุณหยิบมาใช้
สมมติว่าคุณเป็นคนนึงที่ชอบไซคีเดลิคปลายยุค 60s มาก ๆ แต่คุณอยากเอาซาวนด์อิเล็กทรอนิกเข้ามาด้วย โครงสร้างของเพลงที่คุณเล่นมีการ arrange แต่น้อยและเน้นการอิมโพรไวส์ แถมออกฟรีแจ๊สนิด ๆ เชื่อไหมว่าบางทีแนวเพลงหรือสไตล์ที่กล่าวมาทั้งหมดที่เหมือนจะหาทางลงไม่ได้ มันก็ถูกกำหนด sub genre ไว้ให้แล้วว่านี่คือ Krautrock แนวเพลง avant-garde ที่ถือกำเนิดในเยอรมนีในยุคเดียวกันนั่นเองล่ะฮะ แต่ถ้ารู้สึกว่าจะลึกเกินไปหรือจะโดนถามต่อว่าครอทร็อกคืออะไร ก็คงได้กลับไปอธิบายแบบข้างต้นนั่นแหละ
เทียบเคียงกับวงที่คนส่วนใหญ่รู้จัก
เฮ้ย ๆ เมื่อวานกูเพิ่งฟัง Solitude is Bliss มาว่ะ เพลงแม่งเมา ๆ หลอน ๆ แต่ก็มีพาร์ตอุ่น ๆ เหงา ๆ เหมือนลอยคว้างในภวังค์อยู่นะ แล้วเพลงวงนี้แม่งเป็นแนวไหนวะ แบบนี้เราก็สามารถโยงไปถึงวงดนตรีที่มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกันจากซาวนด์ดนตรีหรือ mood and tone ในเพลงได้ด้วยพื้นฐานอัลเทอร์เนทีฟร็อก แต่มีโครงสร้างดนตรีที่ลื่นไหล ทางคอร์ดแปลก ๆ หรือช่วงที่เซอร์ไพรส์ เราก็อาจจะเทียบไปเป็น Radiohead ผสมกับ Tame Impala และ Black Rebel Motorcycle Club หรือบางเพลงที่เป็นโทนโฟล์ค อะคูสติกที่ก็มีกันอยู่หลายวง คงพอจะนึกออกกันได้ไม่ยาก
เปรียบเปรยให้เห็นภาพ
ตอนนี้เรากำลังฟังเพลง 0.5 sec ของ PC 0832/676 ความรู้สึกตอนฟังมันเหมือนกำลังอยู่ในยานอวกาศ เสียงเครื่องจักร สัญญาณ noise อะไรต่าง ๆ ที่เป็นทั้งดิจิทัลและแอนะล็อกตีกันปั่นป่วนเหมือนมีคลื่นแทรก คล้ายกับตอนที่กระสวยกำลังจะทยานตัวพุ่งสู่ท้องฟ้า แล้วพอท่อนที่มีกีตาร์เข้ามาก็เหมือนกับว่านี่คือการผจญภัยไปยังอวกาศที่พิศวง น่าตื่นเต้น เสียงเครื่องเคาะในช่วงที่เครื่องดนตรีชิ้นอื่น ๆ เงียบไปยิ่งทำให้เราระทึกใจกับการออกนอกโลกครั้งนี้ ขณะเดียวกันดนตรีก็มีความ surreal ความรู้สึกมันคงคล้าย ๆ กับฉากบู๊ในการ์ตูนหุ่นรบต่อสู้กลางอวกาศอย่าง Gundam ล่ะมั้ง
แล้ววงสมัยใหม่นี่เขาเรียกเพลงของตัวเองว่าอะไรกัน แต่ละวงได้อิทธิพลจากเพลงแนวไหนกันมาบ้าง มาดูกัน
Jelly Rocket สามสาว Headtalk ของเราที่ไม่มีใครปฏิเสธความฮอตที่สุดในเวลานี้ของพวกเธอ ได้อิทธิพลจาก ป๊อป ร็อก และ R&B ซึ่งอาจจำกัดความได้ว่าเป็น dream pop ส่วน Fwends วงดนตรี เห็ดใหม่ ประจำเดือนนี้ก็มีส่วนผสมต่าง ๆ จากเมโลดี้ที่ฟรุ้งฟริ้ง แต่ยังมีความเป็นร็อกจากกีตาร์ จังหวะกรูฟไหล ๆ และความคึกคักแบบเพลงเต้นรำ รัสมี เวระนะ นักร้องเสียงอีสานเจ้าของรางวัลศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยมคมชัดลึกอวอร์ด ได้ผสมผสานการร้องแบบลูกทุ่ง หมอลำ และภาษาถิ่น รวมถึงภาษาเขมร เข้ากับดนตรีสากลอย่างแจ๊ส บลูส์ โซล ที่เป็นจับตามองแบบสุด ๆ ในวงการดนตรีไทย ในขณะที่อีกวงอย่าง Safeplanet นี่ได้อิทธิพลมาเยอะมาก ๆ จากทั้ง alt-J, Tame Impala, Bon Iver ในแง่ทิศทางวงที่จะต้องมีซาวนด์ของเครื่องไม้แปลก ๆ ส่วนพาร์ตดนตรีก็ได้ฮิปฮอป ที่เป็น real instrumental beat จาก Tyler, The Creator และ Kendrick Lamar ด้านความกลมกลืนของเสียงโดยรวมก็มาจาก Deep Forest, Enigma มาผสมบ้าง ทางพาร์ต percussion ก็จะได้ความ tropical ผสมกับ oriental ออกเอเชียหน่อย ส่วนของจังหวะก็รับมาจาก Wilco, Grizzly Bear และ Wild Beasts เพราะชอบ harmony ที่วิ่ง ๆ ในเพลง ประสานกันเป็นเสียงใหม่ ๆ นั่นเอง