สั่งกาแฟ แล้วตามเรามาเยือนร้านคาเฟ่สุดรักในเพลงของ 10 ศิลปิน
- Writer: Malaivee Swangpol
ร้านกาแฟ และคาเฟ่ หน่ึงในสถานที่ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปิน
ไม่ว่าจะร้านไหน ๆ ก็เป็นสถานที่ที่ศิลปินหลาย ๆ พูดถึงบ่อย ๆ เพราะบางคนก็ใช้ร้านกาแฟเป็นสถานที่นั่งทำงาน บางคนก็ผูกพันกับร้านกาแฟในความทรงจำวัยเด็ก แต่ในบางครั้งร้านกาแฟก็เปรียบเปรยได้ถึงความสุข ความทุกข์ ความฝัน ที่พวกเขามีอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะอาหารอร่อย วิวดี อกหัก ย้อนวัย เราก็ได้รวบรวมร้านเหล่านั้นที่อยู่ในเพลงมาให้ลองฟังกันดู จ่ายเงินค่ากาแฟแล้วหยิบแก้วของคุณตามเรามาเลย
Keane – Sovereign Light Café
เพลงจากอัลบั้มที่ 5 ของ Keane ที่พาเราไปเยือนเมือง Battle ที่พวกเขาโตขึ้น ท่องเมืองผ่านสถานที่ต่าง ๆ อย่าง Powdermill Lane, East Parade, Palace Arcade, North Trade Road, Marley Lane โดยเล่าเรื่องความคิดถึงที่มีต่อเมืองที่พวกเขาโตขึ้นมา ในท่อนฮุค Tom Chaplin ร้องว่า Don’t turn your back on me, don’t walk away. I’m a better man now than I was that day เพื่อขอโทษในความผิดพลาดต่าง ๆ ที่ทำไว้ ซึ่งน่าจะรวมถึงขอโทษแฟน ๆ เรื่องความเหลวไหลช่วงที่เขาติดยาเสพติดด้วย ในท่อนฮุคเขาชวนเราไปนั่งมองฟ้ามืดที่ Sovereign Light Cafe ด้วยกัน ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการบอกตัวเองว่า You can’t change who you really are, You can get a big house and a faster car, You can run away boy, but you won’t go far ต่อให้ไปได้ไกลแค่ไหน ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหลุดพ้นจากเมืองบ้านเกิด ละทิ้งกำพืดได้จริง ๆ หรอก
Sovereign Light Cafe ตั้งอยู่ที่ West Parade Promenade ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของเมือง Battle ในอังกฤษ โดยชื่อร้านมาจากวิวชายทะเลที่มองออกไปเห็น Royal Sovereign Lighthouse ที่อยู้นอกชายฝั่ง คาเฟ่นี้เสิร์ฟอาหาร เค้กโฮมเมด และไอศครีม
Foals – Cafe D’Athens
เพิ่งออกสด ๆ ร้อน ๆ กับอัลบั้ม Everything Not Saved Will Be Lost Part 1 โดย Cafe D’Athens แต่งขึ้นมาในช่วงที่ Yannis Philippakis นักร้องนำ กำลังหัดใช้โปรแกรมทำเพลงอย่าง Logic Pro ทำให้เขาได้เจอกับแซมป์เสียง marimba ทำให้ได้ออกมาเป็นเดโม่เพลงนี้ ก่อนจะได้เอามาแจมกับวง แล้วเอาไปอัดเพลงที่ปารีส โดยมี Yannis เล่น fretless bass และมีนักดนตรีมาเล่น marimba, xylophone, vibraphone ที่เป็นเสียงหลักของเพลงนี้ให้
เพลงนี้ไม่ได้พูดถึงคาเฟ่ที่อยู่ในเมืองเอเธนส์โดยตรง แต่เป็นการเปรียบเปรย โดยวงบอกว่าเพลงนี้เป็นเหมือนการเกิดใหม่ของวงในอัลบั้มนี้ที่วงทำงานกันเองโดยไม่มีโปรดิวเซอร์ จนทำให้ Yannis ได้ทดลองเพลงแบบใหม่ ๆ และได้เพลงนี้ออกมา อย่างในท่อน Time incoming, life becoming. Time incoming, ropes unwinding. When I wait, when I wait ที่พูดถึงการเติบโตผ่านการเวลา ซึ่งทำให้เชือกที่มัดพวกเขาไว้ค่อย ๆ คลายออกทีละนิด ซึ่งเอเธนส์เมืองแห่งตำนานปกรณัม ก็อาจหมายถึงเรื่องราวในอดีตที่ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว
Local Natives – Café Amarillo
เพลงนี้เล่าความรู้สึกของศิลปินที่กำลังทัวร์ ซึ่งต้องห่างไกลกับคนรักเสมอ ๆ เดี๋ยวก็โผล่ที่เมืองนั้น เมืองนี้ บางทีก็ไปฝรั่งเศส บางทีก็กำลังกลับบ้าน แต่ที่แย่คือเธอไม่ได้รออยู่ที่นั่น อย่างท่อน You’re in the lobby and I’m on my way home โดยมีการเล่าเรื่องผ่าน ‘ฝนตก’ และ ‘แดดออก’ โดยเปรียบฝนตกเหมือนวันที่ห่างไกลกัน เปียกปอนไปทั้งตัวและไม่มีความสุข อย่างท่อน And it’s raining on both ends of the phone หรือท่อน Stay dry when you’re caught in the rain, we’re caught in the rain ซึ่งในทางกลับกัน แสงแดดคือสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึง เช่นเดียวกับการกลับไปเจอเธอ และได้พักอยู่บ้านซักทีในท่อน I long for when the sun was in our eyes
Café Amarillo อาจหมายถึงคาเฟ่ในเมืองอามาริลโล่ รัฐเท็กซัส เมืองเล็ก ๆ ที่เป็นทางผ่าน หรืออาจเพียงหมายถึงความห่างไกลของคู่รัก ที่เหมือนเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลทราย รอเพียงวันที่แดดจะส่องแล้วเราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
BIGBANG – Cafe
อีกเพลงเศร้า ๆ จาก EP Tonight ของวงในปี 2011 บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยมาด้วยกันที่คาเฟ่ ที่ตอนนี้เธอไม่มาด้วยกันอีกแล้ว แต่เขาก็ยังจำอิริยาบถต่าง ๆ ของเธอได้ทั้งหมด ทั้งวิธีเปิดประตูร้าน ท่านั่ง กลิ่นหอม ความเงียบที่เธอสร้าง เพลงที่เราเคยรัก นอกจากนี้เขายังจำได้แม่นว่าเธอยังชอบสีขาว ไม่ว่าจะเก้าอี้สีขาวที่เธอเจาะจงนั่ง หรือจะบ้านของเธอที่เป็นสีขาว โดยเขาก็ทิ้งท้ายถึงเธอคนนั้นว่า This little cafe is waiting for you ไม่ว่าอย่างไร คาเฟ่นี้ก็ยังรอคอยเธอเสมอนะ
ในเพลงเล่าถึงหญิงสาวคนนี้ว่าเป็นคนรักกาแฟ เธอเลือกสั่งกาแฟของเธออย่างที่เธอชอบ ในท่อน Customed ice coffee, espresso double shot ก่อนจะหลับตาแล้วค่อย ๆ ดื่มกาแฟอย่างตั้งใจ ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคาเฟอีนหรือเธอกันแน่ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่อยู่แล้วอยู่ดี As long as I still miss you, I’ll always call your name, I’ll make you a coffee and fold bookmarks กลับมาเถอะนะ เดี๋ยวจะชงกาแฟให้ เอาเข้าจริงพอเหล่า VIP ได้ฟังเพลงนี้ก็อาจจะซึมไปตาม ๆ กันกับข่าวล่าสุดที่ไม่มีใครคาดคิด
Eagles – The Sad Café
เมื่อวงรุ่นใหญ่รำลึกถึงอดีตที่พวกเขาเคยผ่านมาด้วยกันใน sad café ครั้งที่พวกเขาพบกันที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ในวัยเยาว์ที่พวกเขาคิดว่าจะเปลี่ยนโลกได้ด้วยคำว่า ‘ความรัก’ และ ‘สันติภาพ’ รวมถึงพูดเรื่องความฝันในเมืองลอสแอนเจลิส ที่บางคนก็เหมือนได้รับโอกาสให้ไปต่อ แต่บางคนก็ไม่ อย่างในท่อน I don’t know why fortune smiles on some and let’s the rest go free ซึ่งพวกเขาพอกลับมาที่นี่อีกครั้ง บรรยากาศคนและวงดนตรีที่เล่นก็เปลี่ยนไปเยอะมาก ๆ ประโยคสุดท้ายที่ร้องว่า Why don’t you meet me at midnight, baby, inside the Sad Café ซึ่งอาจหมายถึงเพื่อนเก่า ๆ วงเก่า ๆ ที่หายไปตามกาลเวลา
คาเฟ่ในเพลงนี้ คือ The Troubadour คลับดนตรีในลอสแอนเจลิส สถานที่ที่นักดนตรีมักจะมารวมตัวกัน รวมถึง Don Henley และ Glenn Frey ที่มาพบกันที่นี่ แล้วรวมตัวกันได้ครบวงจนกลายเป็น The Eagles ในที่สุด โดยวงได้มารำลึกถึงอดีตในท่อน I remember the times we spent inside the Sad Café หรืออย่าง Now that Glory Train, it don’t stop here no more ที่เล่าเรื่องเมื่อครั้ง Steve Martin พาคนทั้งร้านไปนั่งรถไฟเล่น แล้วเดินกลับมาร้านอย่างสนุกสาน ตอนนี้บรรยากาศนั้นก็ไม่มีแล้ว เหลือเพียงแต่ sad café
Tom Waits – Eggs And Sausage (in a Cadillac with Susan Michelson)
เพลงจากอัลบั้ม Nighthawks at the Diner ในปี 1975 ซึ่งชื่ออัลบั้มก็ได้มาจากท่อนแรกในเพลงนี้ โดยอัลบั้มนี้มีการทำให้เหมือนการแสดงสด เพื่อให้ได้บรรยากาศแบบ live album โดยตอนอัดเสียง ทีมงานเอาโต๊ะเก้าอี้เข้าไปให้คนดูมานั่ง เซ็ตบาร์ขึ้นมาในสตูดิโอแล้วก็เริ่มอัดเพลง จึงทำให้มีเสียงคนดู เสียงปรบมือ รวมถึงเสียง noise อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในการแสดงสดโดยทั่วไป ซึ่งเพลงนี้บอกเล่าเรื่อง diner (ร้านอาหารแบบอเมริกัน) ในช่วงหลังตีสอง เวลารวมตัวของเหล่าคนแปลกหน้า ทั้งคนขับแท็กซี่เถื่อน คนนอนไม่หลับ ตลอดทั้งคืนมีเสียงกรอบแกรบของหนังสือพิมพ์ คลุ้งไปด้วยควันบุหรี่ ก่อนปิดท้ายด้วยการคิดถึงเธอจนเช้า เพราะสัมผัสของเธอยังร้อนเร่าอยู่ในความทรงจำ แถมยังโดน 86ed (ไล่ออกจากการบริการซักอย่าง) จากชีวิตของคุณ จนหลุดลอยไปในละครในหัว ตอนนี้ผู้ลี้ภัยจากความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างเขา ก็นั่งทั้งคืนจนพนักงานมาไล่ โดยตอนรุ่งเช้า เหล่าผู้คนที่มาฆ่าเวลายามค่ำคืนก็ได้สลายตัวไป
Eggs and Sausage พูดถึงร้าน Emma’s ที่ถนน 49 เราไม่รู้ว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน หรือมีจริงหรือไม่ รู้แต่ว่าที่ร้านนี้เสิร์ฟอาหารมากมายทั้ง eggs and sausage (ไข่คนกับไส้กรอก), a side of toast (ขนมปังปิ้ง), coffee and a roll (กาแฟกับขนมปัง), hash browns (มันฝรั่งบดชุบแป้งทอด), chile in a bowl with burgers and fries (สตูว์เม็กซิกันที่มีเนื้อวัวและถั่วแดงบด เบอร์เกอร์ และเฟรนช์ฟรายส์), พาย, cold caffeine in a nicotine cloud (กาแฟร้อนที่เย็นแล้วเคล้าบุหรี่)
American Music Club – Royal Café
เมื่อวงดนตรีเหนื่อยล้าจากการทัวร์ บางครั้งก็มีการฝันเฟื่องกันบ้างว่าที่ร้านกาแฟต่อไปที่จะได้หยุดพักจะมีเจ้าหญิงรออยู่ เลยออกมาเป็น Royal Café ที่เล่าเรื่องคาเฟ่ของเหล่าราชนิกูล ซึ่งเมื่อสามัญชนอย่างเราเดินเข้าไปในร้าน พวกเธอที่ยืนล้อมที่บาร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเราซักเท่าไหร่ ‘หัวเราะอีกสิ’ เจ้าหญิงบอก ‘แล้วฉันจะยกโทษให้เธอทุกประการ’ แล้วพออยู่กับเหล่าเจ้าหญิง โลกก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เหลือเพียงภาพเบลอ ๆ
แต่ครึ่งเพลงหลัง กลายเป็นเขาเองที่พาเจ้าหญิงออกจากภาพฝันในจินตนาการ Hey princess, this passage suspended between now and then กลับไปวังไม่ได้แล้วแล้วนะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลคุณเอง ก่อนจะพากันหนีกันไปตอนนี้ ให้พวกเขาตามจับไม่ได้ แล้วสอนบทเรียนชีวิตให้กับเจ้าหญิงว่า But the harder your pain, you got to find a way to survive. With all your pain, you got to find something to keep alive ไปเถอะ ลืมเมืองเวทมนต์ไปเถอะ เขาไม่ให้เราเข้าใกล้ประตูด้วยซ้ำ เราไม่ได้มีค่าอะไรหรอก ไปเถอะ อะ พร้อมยัง ไปกับผมแล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้นแน่ ๆ ซึ่งเจ้าหญิงและสามัญชนในพลงนี้อาจเชื่อมโยงได้ถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น คนรวยก็รวยมาก ๆ เหมือนเจ้าหญิง คนจนก็จนอยู่เหมือนเดิม โดนเมินจากสายตาคนรวย ๆ
Joni Mitchell – Chinese Café/Unchained Melody
Chinese Café/Unchained Melody เล่าเรื่องการเติบโต ทั้งของตัวเธอและเพื่อนของเธอ We were wild in the old days, birth of rock n’ roll days เมื่อวัยเยาว์พวกเธอสนุกสนานกับดนตรีร็อกแอนด์โรล แต่พอมาตอนนี้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเธอก็ไม่เป็นคนแบบนั้นอีกแล้ว กลับเดินทางเข้าตามครรลองของสังคม มีลูก มีชีวิตดี ๆ ในวันคริสต์มาส แต่ในทางกลับกัน Joni กลับล้มเหลวในชีวิตครอบครัว เพิ่งตามหาลูกของเธอเจอหลังจากผ่านไป 32 ปี โดยเธอท้องแต่ไม่สามารถเลี้ยงได้ จึงต้องยกให้คนอื่นไป และได้พบกันอีกทีตอนลูกโตมากแล้ว My child’s a stranger, I bore her, but I could not raise her. Nothing lasts for long. ซึ่ง Chinese Café/Unchained Melody ก็พูดถึงทั้งความแปลกหน้าระหว่างเธอกับลูก และความแปลกแยกที่เธอมีจากสังคม ก่อนจะวนไปพูดเรื่องการเมืองตามสไตล์ดนตรีโฟล์กอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาเมืองเล็ก ๆ อย่างก้าวกระโดดด้วยเม็ดเงิน เพียงเพราะนักธุรกิจเงินหนาผู้คิดตื้น ๆ โดยทั้งเพลงย้ำประโยคที่ว่า Nothing lasts for long เพราะไม่ว่าจะชีวิตคน ครอบครัว บ้านเมือง ก็ไม่มีอะไรยืนยาวทั้งนั้น
นอกจากนี้ เพลงนี้ยังทริบิวต์ให้กับ Unchained Melody ของ Alex North และ Hy Zaret หนึ่งในเพลงที่มีการคัฟเวอร์บ่อยมากที่สุดในโลกในท่อนฮุคของ Chinese Café ที่ร้องว่า We’d be playing, ‘Oh my love, my darling’, One more time ก็หมายถึงท่อน Oh my love, my darling ใน Unchained Melody ซึ่งในท่อนสุดท้ายก็ได้ playing one more time จริง ๆ เพราะใน Chinese Café ได้ยกเพลงต้นฉบับมาทั้งท่อน โดยในประโยคของเพลงต้นฉบับที่ร้องว่า Are you still mine? I need your love ก็อาจตีความในเพลงของ Joni ได้ถึงลูกสาวที่ห่างหายไปของเธอ ซึ่งเมื่อต้องการความรักคืนมา ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า
Red Hot Chili Peppers – Coffee Shop
ซิงเกิ้ลฮิตจาก Red Hot Chilli Peppers ที่เนื้อเพลงเต็มไปด้วยความเมาและเซ็กซ์ โดยเพลงเริ่มต้นด้วยจิตวุ่นวายแบบคนเมายา ที่หาใครซักคนมาจุดไฟเร่าร้อนในตัวที ก่อนจะพูดประโยคงง ๆ วนไปวนมาอย่าง เอ๊ะขงจื๊อจะสับสนบ้างมั้ยนะ Confucius might have been confused พระพุทธเจ้าอาจจะหัวร้อนบ้างหรือเปล่า And Buddha might have blown a fuse ก่อนที่เวิร์ส 2 จะชวนเธอไปโยกหน้าโยกหลังในโรงแรม เหมือนเราไปฮันนีมูนกัน
ในท่อนฮุคก็ชวนกันไปเต้นบ้า ๆ บอ ๆ เหมือน Iggy Pop ที่ร้านกาแฟร้านนั้น แล้วไปต่อกันที่ลานจอดรถ สัมผัสจุดที่เร่าร้อนของคุณกัน
Meet me at the coffee shop
We can dance like Iggy Pop
Another go in the parking lot
Frewak the cheek on your hot spot
Sheryl Crow – Coffee Shop
เพลงนี้บอกเล่าเรื่องราวของความพยายามในการเป็นนักดนตรีของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้เล่นดนตรี เธออาศัยอยู่ชั้นบนของร้านกาแฟทื่เธอทำงานกับหญิงสาวอีกสามคน คู่ไปกับการเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อแลกกับค่าอยู่อาศัย สลับกับการไปทำงานในกาแฟ และอาจขายบริการทางเพศด้วย
Yeah, I could be someone
I’m gonna be someone
Yeah, now watch me now, I’m going to be someone
And the beat goes on, and the beat goes on
โดยถึงแม้ ร้านกาแฟ จะสร้างความทุกข์ทรมานให้เธอขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ เหนือร้านกาแฟ เธอก็จะสามารถแหกปากร้องเพลงได้ดังเท่าไหร่ก็ได้ เธอซ้อมดนตรีทุกวัน ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าเธออดทนมากพอ เธอจะดังในที่สุด แล้วเธอก็จะอดทนไปเรื่อย ๆๆๆ เช่นเดียวกับเสียงดนตรีที่เธอเล่น เหมือนคำว่า the beat goes on ในเพลง โดยโปสการ์ดที่ถูกส่งไปถึงบ้านเกิด ก็เล่าเรื่องให้พ่อฟังว่าเธอทำงานหนัก เพื่อเก็บค่าทิปไปซื้อกีตาร์เก่า ๆ มาหัดเล่น
ยังมีเพลงที่เกี่ยวกับร้านกาแฟ หรือพูดถึงคาเฟ่อีกเยอะมาก ๆ แล้วก็มีเพลงที่เราชอบอย่าง Dean Brody – Coffee Shop Angel, Pulp – Bar Italia, Landon Pigg – Falling In Love At A Coffee Shop แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ มีเพลงอะไรที่เกี่ยวข้องกับร้านกาแฟที่ชอบอีกบ้าง
อ่านต่อ
เหตุผลที่ร้านกาแฟไม่ควรเปิดแต่เพลงคัฟเวอร์บอสซาโนวาอีกต่อไปแล้ว!
7 ร้านดนตรีสด ที่ทุกคนควรรู้จัก จะได้ไม่พลาดวงดี ๆ ในปี 2019