ลองฟัง 12 เพลงคุณภาพ จาก 10 วงเยาวชนที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีใน TK Band 10
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Tas Suwanasang
เวียนมาถึงปีที่ 10 แล้ว กับ TK Band โครงการอบรมผสมเวิร์กช็อปด้านดนตรีสำหรับเยาวชน ที่สนใจในศาสตร์ของดนตรีทั้ง การร้อง เล่นดนตรีและการแต่งเพลง ลงไปคลุกคลีด้วยตัวเองในทุกกระบวนการตั้งแต่การบันทึกเสียง ทำงานจริงกับโปรดิวเซอร์และซาวด์เอ็นจิเนียร์แถวหน้า การทำ art direction มิวสิกวิดิโอและการนำเพลงของตัวเองไปเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพที่โลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ Superbaker, ตั้ม Monotone, หมู ชยนพ (ผู้กำกับ Friend Zone, เมย์ไหน… ไฟแรงเฟร่อ, SuckSeed), พาย ฟังใจ, ฯลฯ พร้อมโอกาสที่จะได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่ TK Park และเป็นส่วนหนึ่งของ compilation cd ที่จะไปอยู่บนสตรีมมิ่งทั่วโลก รวมถึง ฟังใจ ด้วย
ก่อนอื่นไปรู้จักกับ 12 เพลงคุณภาพ จาก 10 วงดนตรีมากฝีมือ ที่ผ่านการคัดสรรเข้ามาในโครงการนี้ แต่ละวงก็มีสไตล์ดนตรีที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ทำให้ปีนี้มีความหลากหลายทางดนตรีสูงมาก ลองไปไล่ฟังทั้ง 10 เพลงพร้อมกันเลย
Antinodal –โลกแว่นตา
เพลงป๊อปเนื้อหาดีที่โดดเด่นในการใช้คำที่สัมผัสกันในแทบทุกท่อน ได้แรงบันดาลใจมาจากค่าเลนส์สายตาของแว่นตาที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน สะท้อนผ่านเนื้อเพลงที่บอกเล่าถึงโลกสมมติที่ทุกคนนั้นใส่แว่นตากันหมด ซึ่งแว่นตาคือสิ่งที่แสดงตัวตนและความรู้สึก โดยที่แต่ละคนนั้นก็จะมีกรอบและเลนส์ของแว่นตาที่จะแตกต่างกันหรือเหมือนกันก็ได้
Bond – Finding My Way
เพลงที่แสดงความสามารถด้านการแต่งเนื้อร้องภาษาอังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม และพาร์ตของดนตรีที่โดดเด่น ว่าด้วยเรื่องราวของการได้พบเจอกับความรักที่ดีมาก ๆ แต่กลับไม่เห็นคุณค่าและทอดทิ้งความรักนั้นไป จนวันหนึ่งได้รู้ว่าความรักนั้นมีค่ามาเพียงใด จึงพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักนั้นกลับคืนมา
Dusty Room – Why You Stay Late Night
ผลงานเพลงป๊อปของวงที่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนสนิท ทำให้เนื้อหาของเพลงบอกเล่าความรู้สึกของคนที่เคยมีความสัมพันธ์ได้อย่างหมดจด เมื่อเห็นว่าคนที่รักกำลังแย่ จึงอยากจะอยู่เคียงข้างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ
Quality Joe – It’s You
เพลงจังหวะสนุก ๆ เนื้อหาสุดกวน มีเอกลักษณ์คือการผสมผสานระหว่างเนื้อร้องภาษาไทยและภาษาอังกฤษในท่อนฮุกได้อย่างลงตัว สามารถร้องตามได้ไม่ยาก เนื้อหาเล่าถึงผู้ชายที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง จนอยากอ้อนให้มาเป็นที่รักของเขาให้ได้
Roser – ไม่อยากเสียใจ
เพลงช้า ๆ เหงา ๆ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนที่กำลังความสับสนในความรัก ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์หรือสุขกันแน่ ซึ่งเป็นแนวเพลงและเนื้อหาที่สะท้อนถึงตัวตนของสมาชิกในวง ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องตัวตนได้เป็นอย่างดีทีเดียว
Stone Riddim – แล้งรัก
หนึ่งในวงดนตรีของ TK Band ที่แสดงสดได้สนุกไม่เป็นรองใคร กับแนวเพลงเร็กเก้ชวนโยก ซึ่งหาฟังได้ยากในสมัยนี้ กับเนื้อหาสุดสร้างสรรค์ ว่าด้วยความรู้สึกของคนเหงาที่เอาแต่รอ จนเปรียบตัวเองเหมือนกับทะเลทรายที่แห้งแล้ง ไม่มีใครแวะผ่านมา ได้แต่หวังว่าสักวันคงจะมีฝนเข้ามาบ้าง
Sugardaddy – ปล่อยเธอไป
เพลงป๊อกร็อกที่มีท่อนฮุกติดหู โดยฝีมือของสมาชิกในวงที่ล้วนแล้วแต่มีความสามารถด้านดนตรีที่หลากหลาย ทำให้เพลงนี้สามารถเข้าถึงคนฟังในระดับแมสได้ไม่ยาก บอกเล่าถึงการปล่อยให้คนที่รัก ซึ่งมีเจ้าของอยู่แล้ว กลับไปหาคนรักของเขาดีกว่า
Tales – Meet You
เพลงที่มีเนื้อหาสุดโรแมนติก ด้วยเนื้อร้องภาษาอังกฤษที่สามารถร้องตามได้ไม่ยาก พูดถึงการได้เจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ชุ่มช่ำหัวใจ แต่พอถึงเวลาต้องแยกย้ายกันไป ก็ทำให้อยากจะพบกันอีก ความน่าสนใจของวงนี้คือสมาชิกในวงเพิ่งจะรู้จักและรวมตัวกันในค่าย TK Band นี่เอง แต่กลับสามารถทำเพลงร่วมกันได้อย่างรู้ใจกัน
Paul – Tokyo Boy
เพลงจังหวะสนุก ๆ จากศิลปินเดี่ยวสไตล์จัดจ้านอีกคนในค่าย TK Band โดยลงมือทำเองในเกือบทุกขั้นตอน ตั้งแต่แต่งเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียงเพลง และบันทึกเสียงเครื่องดนตรีในห้องอัด กับเนื้อหาที่เขียนมาจากเรื่องจริงของเจ้าตัว ซึ่งเป็นหนุ่มไทยผู้ใฝ่ฝันอยากได้แฟนเป็นคนญี่ปุ่น ถึงแม้จะเป็นเพลงเศร้า แต่ฟังแล้วต้องยิ้มตามแน่นอน
ฉำฉา – ช่วงเวลา
ผลงานของศิลปินดูโอคู่ซี้ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างคนที่รักเสมอ ในทุกช่วงเวลาที่กำลังเหงาและไม่มีใคร เขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ โดยมาในแนวอัลเทอร์เนทีฟโฟล์กสุดเหงา ที่ฟังแล้วต้องแอบเหงาตามเลยทีเดียว
นายอ้ำ – กระต่ายจันทร์
เพลงรักไอเดียดีจากอีกหนึ่งศิลปินเดี่ยวที่น่าจับตา โดยหยิบเอากิมมิกของแสงดวงจันทร์ที่เราสามารถมองเห็นความงดงามเมื่อเรายืนอยู่บนโลก แต่หากเราขึ้นไปยืนอยู่บนดวงจันทร์ แสงและความงามก็หายไป มาเปรียบเทียบกับความรักที่ต้องไม่การครอบครอง เพราะอยากให้ความรักนั้นยังคงสวยงามตลอดไป
ลานดอกไม้ – The Diary
ผลงานเพลงของอีกหนึ่งคู่ดูโอสาว ที่เขียนขึ้นด้วยภาษาสุดละมุนและดนตรีสุดละเมียด สื่อสารถึงความเป็นตัวตนของสมาชิกทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี โดยหยิบเอาการเขียนไดอารี่มาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นอย่างสวยงาม วันนี้แม้จะจบไปแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงและงดงามอยู่เสมอ
ทุกปีที่เราจัด TK Band เราก็พบว่าเด็กทุกคนมีฝีมือและความมุ่งมั่นที่น่าอิจฉามาก สัมผัสได้จากงานเพลงที่ออกมาเลย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10 แล้ว แต่ทุกวงก็ยังมีคุณภาพเหมือนทุก ๆ ครั้งเลย แล้วไปพบกับโชว์ของทั้ง 10 วงได้ที่ TK Park เซ็นทรัลเวิร์ล ชั้น 8 แต่จะเป็นวันไหนก็ติดตามการอัพเดตและรายละเอียดทั้งหมดของงานได้ที่เพจ TK Band เลยจ้า