ในโลกที่กดดันให้ทุกคนต้องประสบความสำเร็จเร็วที่สุด ทุกคนเลยทำทุกอย่างเพื่อหาทางลัดที่พาไปให้ถึงเป้าหมายไว ๆ สุดท้ายก็ถูกสอนให้ทำตาม ๆ กันไปในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ หล่อเลี้ยงความหวังที่ว่า ซักวันจะมีความสุขเหมือนคนอื่นซักที

เพราะทุกคนถูกสร้างและเติบโตมาแตกต่างกัน ไม่แปลกที่เราจะไม่อินกับการต้องทำตามใคร ทุกคนยังสนุกกับสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือสิ่งที่ตัวเองเชื่อได้เหมือนกัน ไม่มีผิดถูก ไม่มีข้อจำกัด

MY BEER กับมุมมองใหม่ที่เปิดการค้นหาไปกับทุกมิติในชีวิตของทุกคน ผ่าน 5 ศิลปินดังที่เป็นแรงบันดาลใจและสนุกไปกับสิ่งที่พวกเขาทำ และสิ่งที่พวกเขารัก โดยได้นิยามความสนุกของตัวเองขึ้นมา จนประสบความสำเร็จในแบบที่ไม่เหมือนใคร ร่วมค้นหา ‘My Definition’ หรือนิยามของชีวิตพวกเขาไปด้วยกัน ไม่ว่าเรากำลังทำอะไร หรืออยากทำอะไร ขอแค่ลงมือทำแล้วสนุกไปกับมิติของชีวิตตัวเองก็พอ เหมือนพวกเขาเหล่านี้กัน

ปิ๊น—อนุพงศ์ คุตติกุล : เปลี่ยนความ ‘คลั่งไคล้’ ของตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ระดับประเทศอย่าง Carnival

ผมทำงานเหมือนไม่ได้ทำงานเพราะผมรักมัน ผมสนุกที่จะทำ มันจะเรียกว่าบ้าเลยก็ได้

จากความหลงใหลใน sneakers จนเข้าเส้น ทำให้เขาอยากสร้างร้านรองเท้าในแบบของตัวเอง จนเกิดเป็น selected footwear store เจ้าแรก ๆ ที่รวบรวมรองเท้าผ้าใบหายากทั่วโลกมาให้คนไทยได้สัมผัส สร้างเทรนด์ streetwear ให้ทัดเทียมกับต่างชาติ ก่อนจะปลุกปั่นให้ Carnival กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับต้น ๆ ของประเทศ ผ่านการ collaborate กับแบรนด์ระดับโลกมากมาย

จากความชอบธรรมดา ๆ ที่อยากให้เมืองไทยมีร้านรองเท้าแบบนี้บ้าง มาวันนี้เขากลายเป็นหนึ่งในคนที่กำหนดเทรนด์ streetwear เลยก็ว่าได้ ถ้าไม่บ้าจริง ไม่มีทางทำได้แน่นอน

AUTTA : แร็ปเปอร์ที่ดี ต้อง ‘เรียนรู้’ จุดอ่อนและจุดแแข็งของตัวเองตลอดชีวิต

โดนด่าโดนว่าถามว่ารู้สึกไหม รู้สึกครับ แต่ผมได้เรียนรู้อะไรจากคำด่า จากข้อผิดพลาดนั้น ๆ ได้ศึกษาจากความผิด แต่ละครั้ง แล้วทำให้ดีขึ้น

ครั้งแรกที่เราได้เห็นเขาบนเวที Rap is Now ใคร ๆ ก็คงคิดว่าเขาอยู่ผิดที่ผิดทางแน่นอน แต่เขาทำลายภาพลักษณ์เด็กผู้ชายติ๋มใส่แว่นที่เราเห็น ด้วยไรห์มรอบจัด ซัดคู่แข่งจนหมอบทุกการแข่งขัน ด้วยการผสมผสานสไตล์การแร็ปของคู่ต่อสู้เข้ากับไรห์มอันเฉียบคมที่เขียนเองจนถึงรอบชิง แม้จะมีข้อกังขามากมายในอัตลักษณ์ของเขา แต่เขาก็เรียนรู้ทำการบ้าน และกลับมาทุกสัปดาห์ได้แข็งแรงขึ้น แถมยังทำโชว์ได้เข้าถึงอารมณ์กับดนตรีหลากหลายแนวจนชนะใจคนดูใน The Rapper ทำให้ทุกคนหันมายกย่องเขาในฐานะแร็ปเปอร์แถวหน้าของไทยอีกคน

แต่เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ เขาเป็นนักศึกษาสายดนตรีอีกคนที่ฝึกฝนตัวเองอย่างเข้มข้นมาตลอด ทุ่มเททุกอย่างให้กับมันอย่างสุดตัว พัฒนาตัวเองจนเจอสิ่งที่เขาชอบ แล้วลองทำมันออกมา ชื่อเสียงในวันนี้เป็นตัวการันตีได้อย่างชัดเจนว่า แค่ได้ทำสิ่งที่รัก ต้องเรียนรู้มากแค่ไหนก็ไม่ยากเกินความพยายามแน่นอน

ถ้าอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น ตามไปอ่านได้ที่ AUTTA จากมือกีตาร์แจ๊สสู่แร็ปเปอร์อัจฉริยะเจ้าของไรห์มประหลาดที่น่าติดตามที่สุดในขณะนี้

Safeplanet : วงอินดี้ที่มาถึงวันนี้ได้ เพราะไม่เคยทิ้งคำว่า ‘ทีม’

เรามีวันนี้เพราะเราอดทนทำมันด้วยกัน ทุกอย่างคือ Safeplanet ใครแต่งเพลงใครแต่งทำนองก็แล้วแต่ เราก็ลงว่าโดย Safeplanet เพราะทุกคนช่วยกันไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง

หลังจากแแยกทางกับเพื่อน ๆ วงเก่า เอเลี่ยน กับดอย ก็ตัดสินใจที่จะทำวงใหม่ด้วยกันเพื่อถ่ายทอดสไตล์ดนตรีในแบบของตัวเอง แต่จะอยู่ด้วยกันแค่สองคนก็เหงาเกินไป เลยชวน ยี่ มาเล่นเบสด้วย ชื่อวง Safeplanet ก็คือพื้นที่ปลอดภัยที่จะได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเป็นตัวของตัวเองได้ โดยพวกเขาก็อาจจะไม่รู้ว่า ต่อมาจะมีแฟนเพลงที่รักเขามากมายขนาดนี้

ตั้งแต่ กล่องดำ เพลงแรกของวงจนถึง สิ่งที่เธอฝากไว้ ล้วนติดหูและอยู่ในใจ safeboy กับ safegirl แฟนเพลงตัวจริงของพวกเขา ด้วยดนตรีที่มีเอกลักษณ์กับเสียงร้องที่อ่อนโยนเข้าถึงจิตใจทุกคน ไม่ว่าใครได้ฟังก็ต้องตกหลุมรักแน่ ๆ

พวกเขาอาจจะมาไม่ถึงวันนี้ได้ถ้าขาดใครคนหนึ่งไป ทั้งสามคนยังรักกันและช่วยกันสร้างผลงานด้วยกันมาตลอด 5 ปี การมีเพื่อนที่รู้ใจคอยช่วยกันทำตามความฝัน มันคงเป็นโมเมนต์ที่สนุกที่สุดในชีวิตเลย จนตอนนี้พวกเขากลายเป็นศิลปินอินดี้อันดับต้น ๆ ในไทยที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

โต้—วิรุนันท์ ชิตเดชะ : เหมือน ‘โชคชะตา’ กำหนดให้เขาได้เป็น Leika Ambassador Thailand

มันเหมือน love at first sight ทำให้เราจมดิ่งกับมันทุกวัน จะอยากเจออยากทำมันตลอด เพราะเราตกหลุมรักมันไปแล้ว และเหมือนเราเกิดมาคู่กัน

แม้การถ่ายรูปจะเป็นเรื่องทั่วไปที่หลายครอบครัวก็ถ่ายกันเวลาไปเที่ยวเพื่อบันทึกความทรงจำดี ๆ เก็บไว้ แต่กล้องตัวแรกที่เขาได้มาจากพ่อ ทำให้เขาเริ่มสนใจการถ่ายรูปอย่างจริงจัง ต่อให้ถูกเชยชมว่ามีฝีมือถ่ายภาพที่สวยเกินตัวมาทั้งชีวิต ผลงานระดับโลกมากมายที่เขาได้ถ่ายไว้ทั้งสายแฟชั่น สาย street หรือแม้แต่โฆษณา ก็ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในระดับโลกทันที

การได้เจอสิ่งที่เรารักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองลงมือทำ มันอาจเป็นความโชคดี แต่การที่เราเชื่อว่าเราสามารถทำได้ จนผลลัพธ์มันออกมาดีอย่างที่เราตั้งใจไว้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เหมือนกันว่าความแค่สนุกกับสิ่งที่ทำ ใคร ๆ ก็ประสบความสำเร็จได้

อาร์ต—ชนกันต์ อุโฆษกุล : ‘ความกล้า’ คือสิ่งที่ผลักดันให้เขาเปิดร้าน Arty & Fern Eyewear

ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ถ้าเราจดจ่อกับมัน แล้วกล้าที่จะทำ ถ้าจะเจ๊งก็ช่างมันอย่างน้อยก็ได้ลองแล้ว

หลังจากสะสมแว่นตาที่มีดีไซน์โก้เก๋มาตลอด แถมมีแฟนที่คลุกคลีอยู่กับอยู่แว่นตามาตั้งแต่เด็กด้วยธุรกิจที่บ้าน แล้วยังเรียนสายออกแบบมาทั้งคู่ด้วย ก็ทำให้พวกเขาเกิดแรงบันดาลใจอยากจะลองต่อยอดจากความชอบให้กลายเป็นธุรกิจดู

เขาไม่เพียงออกแบบแว่นตาให้เหมาะสมกับลูกค้าเท่านั้น พวกเขายังพยายามดึงเอาเอกลักษณ์และความโดดเด่นของลูกค้าแต่ละคนออกมาให้ได้ผ่านหน้าต่างของหัวใจบานนี้ หรืออยากให้มีดีไซน์ที่เฟี้ยวฟ้าวแค่ไหนก็ได้ ทำให้แว่นแต่ละอันจะมีเพียงอันเดียวในโลกเท่านั้น ซึ่งทำมาเพื่อคนคนนี้โดยเฉพาะ แม้ตลาดของมันจะเล็กมาก แต่ถ้าไม่ได้ลองทำแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าความฝันของเรามันเวิร์ก อาจจะเพราะว่ามีคู่คิดอยู่ข้าง ๆ ด้วย ทำให้เขากล้าที่จะลองทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

เป้าหมายในชีวิตของเราจะเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ทำด้วยใจ ไม่ว่าปลายทางของมันคืออะไร อย่างน้อยเราก็ยังมีความสุขที่ได้ทำ ต่อให้ยังห่างไกลจากความฝันแค่ไหน หมดวันแล้วก็ให้กำลังใจตัวเองด้วย เครื่องดื่มเย็น ๆ ฉลองชัยชนะได้ทุกวัน เพราะทุกก้าวก็สำคัญในแบบของเราเอง หรือสังสรรค์กับทุกความสำเร็จในชีวิต พร้อมลุยวันใหม่และสนุกกับมันได้อย่างต่อเนื่อง

แล้วเราล่ะ ได้สนุกกับชีวิตของตัวเองแล้วหรือยัง?

• Twitter
• Line