Zweed n' Roll

Article Interview

Zweed n’ Roll ช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ใช้ดนตรีบำบัดความรู้สึกอัดอั้นในใจ

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

นับตั้งแต่เพลง ธันวาคม Zweed n’ Roll ถือเป็นวงดนตรีไม่กี่วงที่เราเฝ้าติดตามผลงานอย่างสม่ำเสมอเพราะตัวดนตรีที่น่าสนใจ เสียงร้องที่มีเสน่ห์ และเนื้อเพลงที่งดงามระคนหม่นเศร้า จนล่าสุดได้ปล่อยงานชื่อ ช่วงเวลา เพลงสุดรวดร้าวที่ฟังหนแรกก็ต้องกดฟังซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้งให้จมลึกให้ถึงที่สุด และตอนนี้เราจะมาคุยกับพวกเขากันว่า ช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

img_9828

สมาชิก
พัด—สุทธิภัทร สุทธิวาณิช (ร้องนำ)
นิว—นิติ นิติยารมย์ (เบส)
ปูน—ณัฐพัชร์ สมิตนุกูลกิจ (กีตาร์)
มิน—ณัฐกร ศิลวัฒน์ (กีตาร์)
ทัน—ธรรม์ ดำรงรัตน์ (กลอง)

จากวันแรกที่ปล่อยเพลง ธันวาคม มาจนถึงวันนี้ Zweed n’ Roll มีความเปลี่ยนแปลงทั้งกับตัวเองและการทำงานเพลงยังไงบ้าง

นิว: พอชีวิตผ่านอะไรมาเรื่อย มันก็จะเหลือไม่กี่อย่าง Zweed n’ Roll ก็เป็นอย่างนึงที่เราคิดว่ามันจะอยู่กับเราไปเรื่อย ก็เลยต้องมาจริงจังกับมันมากขึ้นหน่อย

พัด: น่าจะเป็นวิธีการทำงานที่จริงจังขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อก่อนเรียนกันอยู่ด้วยก็เลยติดชิล

เลยทำให้ Zweed n’ Roll ปล่อยเพลงช้าด้วยหรือเปล่า

นิว: ก็ส่วนนึงครับ เราอยากทำให้งานมันดีที่สุดด้วย อีกส่วนนึงคือเราก็ไม่ได้เร่งมันขนาดนั้น เราไม่มีเดดไลน์ทุกอย่างมันก็เลยช้า หลังจบมหาลัยเวลาของแต่ละคนก็ไม่ค่อยตรงกันด้วย

พัด Zweed n' Roll

เป้าหมายตอนที่ทำ Zweed n’ Roll ในตอนแรกกับตอนนี้ยังเหมือนเดิมไหม

นิว: เราไม่ได้คิดว่าจะทำเพลงกันด้วยซ้ำครับ เริ่มมาจากว่าเราไม่ได้มีเงินกันทุกคนเนอะ เรียนมหาลัยก็อยากเล่นดนตรีกลางคืนหาตังค์เท่านั้น แต่แล้วก็อยากเล่นแนวเพลงที่ชอบอีก ก็เลยไปลองหาร้านที่เขาจะรับเรา พอได้ไปเล่นพี่เจ้าของร้านเขา ก็คือพี่โบ๊ต Play Yard แหละครับ เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างในตัวของวงได้ แล้วอยากให้ทำให้มันชัดกว่านี้ เขาก็ให้คำแนะนำมาว่า ลองลงคลิปคัฟเวอร์ชัด ไหม ให้วงมีตัวตนขึ้นมา ก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้โกลเราเริ่มเบนไปนิดนึง จากที่เล่นกลางคืนก็มาเล่นเฉพาะทาง พอเล่นเฉพาะทางเราก็มาทำให้มันชัดขึ้นอีก เริ่มจากคัฟเวอร์เพลงพี่อรอรีย์ กับของ The Cranberries เป็นสองคลิปแรกที่ปล่อย ตอนนั้นพัดก็แต่งเพลงพอดี ทุกคนได้ฟังเพลงของพัดในเฟซบุ๊ก เป็นพัดเล่นคนเดียว เพลงธันวาคมเนี่ยแหละครับ ก็เลยบอกพัดว่าเอาเพลงนี้มาทำกับวงดูไหม ก็เลยได้มีเพลงนี้เป็นแรกของวง ก็ไปปล่อย Cat Radio ช่วง Bedroom Studio

ทำไมอยู่ดี ถึงเขียนเพลงขึ้นมา

พัด: แต่งให้แฟนเป็นของขวัญครบรอบหนึ่งปี

นิว: ธันวาคมเป็นเพลงรักนะครับ ไม่ใช่เพลงเลิกกัน (หัวเราะ)

บางวงก็เลือกที่จะทำเหมือนเดิมตลอด บางวงก็เลือกที่จะเปลี่ยนทุกอัลบั้ม อย่างผมก็ยกย่อง Radiohead ที่พยายามหาอะไรใหม่ตลอด แล้วถึงเราจะหาอะไรใหม่  แต่เราต้องไม่ลืมสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราเป็นด้วย — นิว

แล้วทำไมถึงทำดนตรีออกมาหม่น แทนที่จะสอดคล้องไปกับเนื้อหาของเพลง

นิว: ธันวาคมนี่เคยทำเป็นเวอร์ชันร็อกสาด เลยนะครับ แต่พอฟังไปฟังมาพัดก็บอกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เพลงจะสื่อสาร ก็เลย โอเค งั้นเรามาทำแบบฉบับเดิม ส่วนเรื่องโซโล่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นครับ

มิน: มันเกิดมาจากความสนใจมากกว่าว่าแต่ละคนฟังเพลงแบบไหน แล้วก็ได้อิทธิพลมา แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันดาร์ก

งั้นแต่ละคนฟังเพลงแบบไหน ช่วงนั้นกับช่วงนี้ยังฟังเหมือนเดิมไหม

ทัน: หลากหลายมาก ครับ ฟังวนไปวนมา ส่วนใหญ่จะติดพวกดั๊บ เร็กเก้ อิเล็กทรอนิกก็มีครับ บางทีก็มาร็อก อัลเทอร์เนทิฟบ้าง วนอยู่แค่นี้

มิน: ผมฟังเพลงไทยเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่เด็ก ชอบเนื้อเพลงที่เขียนดี พอเข้ามหาลัยหรือมาอยู่วงนี้ก็ได้รู้ว่าเขาฟังอะไรกันบ้าง แต่เหมือนเป็นคนเปิดรับหมดอยู่แล้ว อย่างทันฟังอิเล็กทรอนิกเยอะ ได้ฟัง oldies จากพัด ฟังฮิปฮอปจากนิว ผมก็รับมาหมด

ปูน: สมัยนั้นกับสมัยนี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปเรื่อย แต่ไม่ได้ฉีกมาก แล้วก็เปิดรับมากขึ้น แล้วก็คิดว่าที่วงฟังกันอยู่แล้วมีจุดเชื่อมกันน่าจะเป็นอัลเทอร์เนทิฟร็อกทั่วไปครับ แล้วก็ลึกไปถึงพวก Radiohead, The Cranberries ที่คิดว่าทั้งวงจะชอบเหมือนกัน ส่วนตัวผมก็ชอบแบบ Erlend Øye หรือพวกโฟล์กที่กีตาร์โปร่งเพราะ หนึบ ครับ

นิว: การฟังเพลงตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันเรื่อย ตามช่วงวัยครับ มัธยมก็เริ่มจาก Bodyslam แล้วเริ่มมาอพาร์ตเมนต์คุณป้า แล้วก็มา Slur แล้วก็ไปเจอฝั่งอังกฤษ ตอนนั้นรู้สึกมันวัยรุ่นดี ชอบ แล้วพอขึ้นมหาลัยก็ได้ฟังแจ๊ส คือเป็นคนชอบฟังเพลงอยู่แล้วก็เลยเปิดรับทุกแนว ผมว่าจะอินเป็นช่วงเวลามากกว่า บางช่วงชีวิตเราอินกับฮิปฮอป ดั๊บก็ฟัง แต่ชอบ Brit pop เพราะพอเล่นแล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เชื่อมพวกเรา

พัด: เราเริ่มชอบโอลดี้มาก่อนเพราะที่บ้านเปิดให้ฟังบ่อย พอเข้ามหาลัยก็ได้ฟังบริตป๊อปจากพวกปูน นิว แล้วก็ชอบ ก็ตามหาฟังเรื่อย แจ๊สก็ชอบ ไม่ชอบก็ต้องชอบ เพราะต้องเรียน (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะชอบเพลงที่เมโลดี้เพราะ ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมอยู่

img_9883

การที่ชอบเมโลดี้เพราะส่งผลในการเขียนเพลงของ Zweed n’ Roll ด้วยหรือเปล่า ให้ความสำคัญกับเนื้อเพลงหรือเมโลดี้มากกว่ากัน หรือเท่า กัน

พัด: เราเน้นเมโลดี้มาก่อนแล้วค่อยแต่งเนื้อเพลงทีหลัง แต่ว่าส่วนใหญ่มันจะพอแต่งเมโลดี้แล้วมันชอบมีคีย์เวิร์ดมาพร้อม กันแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องแบบนี้แหละ คือฟังดนตรีแล้วมันทำให้นึกถึงเรื่องแบบนี้

ใช้เกณฑ์อะไรตัดสินใจว่าจะเขียนเพลงนั้น ออกมาเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

นิว: เรื่องเนื้อเพลงหรือเมโลดี้หลัก จะเป็นพัดแล้วค่อยส่งมาถึงวงครับ

พัด: ถ้าแต่งเพลงไทยเราจะตั้งไว้เลยว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงไทย เพราะเหมือนว่าวิธีการคิดเมโลดี้จะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ ก็ไม่ได้กังวลว่าถ้าแต่งภาษาอังกฤษแล้วคนฟังจะฟังไม่รู้เรื่องหรือเปล่า เพราะเราทำเมโลดี้แบบฟังง่ายอยู่แล้ว

ทำไมถึงทำแต่เพลงช้า จะได้ฟังเพลงเร็วจากวงบ้างไหม

พัด: เราเป็นคนเริ่มแต่งเพลงแล้วเรามีสกิลเล่นกีตาร์แค่เท่านี้ มันเลยออกมาแบบช้า แต่เพลงเร็วก็พยายามให้ทุกคนช่วยกันเริ่มโครงมาก่อนแล้วค่อยให้เราแต่งเมโลดี้ ซึ่งก็อาจจะได้เพลงเร็ว

ปูน: จริง เพลงต่อไปที่จะปล่อยก็ค่อนข้างมีจังหวะนะครับ ตอนแรกเป็นพาร์ตที่ขึ้นมาช้า แต่เราก็จะอัพเทมโป้ให้เป็นเพลงเร็ว

นิว: สังเกตจากเล่นสดที่ผ่านมา บางทีเราก็โอเค แต่ก็กลัวคนดูจะรู้สึกว่ามันเนือยไปหรือเปล่า ก็เลยพยายามอัพจังหวะบางอย่าง อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น ตอนนี้อัลบั้มก็ทำใกล้เสร็จแล้ว ก็มีเพลงเร็วสุดเพลงนึงที่น่าจะหนักสุดในอัลบั้ม

img_9907

อัลบั้มเต็มมีกี่เพลง จะเป็นเพลงใหม่หมดเลยหรือเอาเพลงเก่ามารวมด้วย

มิน: ก็จะมีตั้งแต่เพลงแรกที่เราเริ่มทำ คือธันวาคม มาจนถึงเพลงล่าสุดที่เราทำเสร็จ ทั้งหมด 9 เพลงครับ

นิว: น่าจะได้ฟังกันกลางปีนะครับ เพราะวงเราก็หลายปีแล้ว น่าจะถึงเวลาที่ต้องปล่อยอัลบั้ม จริง เพลงที่อยู่ในอัลบั้มมันก็ค่อนข้างนานแล้วสำหรับวงเรา แต่บางคนก็ยังไม่ได้ฟัง เพราะไม่ได้อัด ไม่ได้ปล่อย ก็ยังมองถึงอัลบั้มต่อไปด้วยที่จะมี material ใหม่ ที่น่าสนใจอยากจะทำต่อ

ที่บอกว่ามี material จะไปใช้กับอัลบั้มใหม่ อยากรู้ว่าแนวดนตรีจะเปลี่ยนไปเลยหรือเปล่า แล้วการเปลี่ยนแนวดนตรีทุกครั้งเมื่อมีอัลบั้มใหม่เป็นเรื่องจำเป็นของศิลปินไหม เพื่อจะให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นกับทุกการกลับมา

นิว: มันก็แล้วแต่แนวคิดนะ บางวงก็เลือกที่จะทำเหมือนเดิมตลอด บางวงก็เลือกที่จะเปลี่ยนทุกอัลบั้ม อย่างผมก็ยกย่อง Radiohead ที่พยายามหาอะไรใหม่ตลอด แล้วถึงเราจะหาอะไรใหม่ แต่เราต้องไม่ลืมสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราเป็นด้วย

พัด: เราว่ากลิ่นมันอาจจะเป็นเหมือนเดิม แต่ที่คิดไว้คืออยากให้มีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยทำเพลงวัยรุ่นเท่าไหร่ (หัวเราะ) รีบแก่ไปหน่อย

ทัน: ผมว่ามันอยู่ที่การแจมด้วยครับ เพราะตอนนี้การฟังเพลงของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปด้วย

จะบอกคนที่ไม่เคยฟัง Zweed n’ Roll ว่าเป็นวงแบบไหน

นิว: ล่าสุดผมไปเล่นงานปล่อยของที่ Play Yard แล้วเขาบอกว่าวงเราเป็นดาร์กป๊อป ก็เป็นคำที่น่าสนใจสำหรับผมนะ แต่ไม่แน่ใจว่าอธิบายได้หมดหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เราใช้คำว่าอัลเทอร์เนทิฟแต่มันกว้างจริง เพราะเป็นดนตรีทางเลือก

พัด: บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คำว่าดาร์กสำหรับเรา มันไม่หม่นขนาดนั้น ก็เป็นบริตป๊อป แต่ไม่ได้ซ่าขนาดนั้น ก็นิ่ง เรียบ ประมาณนึง

img_9847

ใช้เวลาการทำแต่ละเพลงนานที่สุดเท่าไหร่

พัด: น่าจะเป็นเพลงช่วงเวลาที่เพิ่งปล่อยออกมาใช้เวลานานที่สุด เพราะภาษาไทยมันค่อนข้างเขียนยาก ก็จะติดว่าท่อนนี้ยังไม่มีเนื้อเพลงที่สมบูรณ์สักที ก็เลยใช้เวลาคิดตรงนั้นเยอะ เพลงส่วนใหญ่เราใช้เวลาทำกันแปปเดียว ไม่นาน แต่การที่เราคิดจะทำอะ มันนาน (หัวเราะ)

นิว: จังหวะมันไม่ได้ไง ก่อนหน้านี้ที่เราจะมีเพลงใหม่แต่ละที เรามักจะต้องมีงานเล่น แบบ งานนี้เราจะต้องมีเพลงใหม่นะ เราถึงจะทำเสร็จ (หัวเราะ) งานนี้เปิดอัลบั้มคนนี้นะ เราต้องมีเพลงใหม่ ก็จะทำเสร็จ ต้องมีตัวกระตุ้น เหมือนจังหวะช่วงชีวิตวงทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว มันไม่ได้แบบต้องเสร็จทันที เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

มิน: อย่างว่าเราไม่มีคนดูแล เราทำกันเอง

แล้วอยากให้มีคนมาดูแลไหม

พัด: อยากด้วย ไม่อยากด้วย อยากให้มีคนมาคอยกระตุ้นเรา แต่ว่าถ้ามันมีคนเพิ่มมามันก็ต้องมีอีกความเห็นนึงเข้ามา มันก็ค่อนข้างจะยากสำหรับเรา

นิว: เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกันด้วยครับ เพราะเราจะทำอะไรประมาณนี้แหละ ตอนนี้เรามีอัลบั้มต้องทำให้เสร็จก่อน ไม่ค่อยจะมีเรื่องโน้นนี้นั้นเข้ามาให้ต้องคิด ทำทีละอย่างครับ

img_9911

การกลับมาของวงกับเพลง ทุกช่วงเวลา มีกระแสตอบรับดีมาก รู้สึกยังไงที่แฟน ยังติดตามอยู่

ปูน: ก็รู้สึกดีมาก โล่งมาก เพราะความรู้สึกก่อนหน้านั้นมันอึดอัด เก็บกด (หัวเราะ) ความรออะครับ รอทุกสิ่งทุกอย่าง ความทรมาน คนฟังก็รอ เราก็รอจะปล่อยเพลง แล้วคิดว่าพอมันออกมา จะออกมาได้เหมือนกับที่ทุกคนรอคอยไหม แล้วพอกระแสมันโอเคเราก็รู้สึกดีครับ

ที่มาของเพลงมาจากอะไร

พัด: มันเหมือนเป็นความรักที่อยู่จุดนึงมันจะต้องมีปัญหา ถ้าให้พูดตรง คือเรื่องของเรา ทุกครั้งเวลาที่เรามีความรัก เราจะมีความรู้สึกอย่างนี้ โดนกระทำ เหมือนเราต้องวิ่งอยู่คนเดียว ก็เหนื่อยอะ ก็เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อระบายความรู้สึกตัวเอง

ได้ เอ้ กุลจิรา มาเล่น mv ด้วย ทำไมต้องเป็นเอ้

พัด: เหมือนเราคุยกันว่าอยากได้นางเอกที่มีความดังระดับนึง มีคนรู้จัก ก็เลยเอาเอ้ละกัน เป็นเพื่อนกันด้วย ค่าจ้างน่าจะไม่แพงมาก (หัวเราะ)

การที่พัดไปประกวด The Voice ส่งผลกับวงยังไงบ้าง

พัด: คนก็รู้จักวงมากขึ้นนะ เหมือนเขาก็ตาม ในอินเทอร์เน็ตว่าเรามีวงนี้นะ มีเพลงนี้นะ ก็เข้ามาฟังกัน

img_9860

ในบรรดาเพลงของ Zweed n’ Roll ธันวาคมเป็นเพลงที่เสียงร้องของพัดหวานที่สุด ต่างกับเพลงอื่น ที่หม่นหมดเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

พัด: เราว่าตอนนั้นมันเป็นเพลงแรกแล้วเรายังเด็กอยู่ เสียงเลยออกมาแบบนั้น ตอนนี้ผ่านมา 5 ปีแล้ว เราก็ฟังอะไร เจออะไรมาหลาย อย่างจนผสมกันมาเรื่อย จนกลายเป็นอีกโทนเสียงนึง

มิน: คือจะอัดร้องใหม่ก็ไม่ได้แบบนั้น เลยต้องใช้แบบนั้น เพราะพัดบอกว่าร้องแบบนั้นไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)

แต่ละคนมีโปรเจกต์อื่น กันด้วย

ทัน: ก็ไปช่วยเล่น Whal & Dolph ครับ เขาอยู่กันสองคนอยู่แล้วแต่ผมไปแจมเฉย

มิน: มีช่วยเล่นให้พี่พุธ Wednesday ครับ

ปูน: เล่นกีตาร์ให้ Safeplanet ครับ

นิว: มีโปรเจกต์ชื่อ Shark Boys Alive ก็ยังป่วน กันอยู่ครับ ชีวิตแต่ละคนโลดโผน การเจอกันก็ทำให้ต้องเรื่อย ไปก่อน แล้วก็มีวงที่อยู่ Genie Records ชื่อ Rubber Duck ตอนนั้นประกวด Hotwave Music Awards ชื่อวง ดอกเบี้ยบานแบนด์ พอได้ที่หนึ่งก็ได้คุยกับทางแกรมมี่อยู่ตลอด ล่วงเลยจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งได้ออกซิงเกิ้ลครับ

พัด: เล่นกลางคืนที่ Loyshy แล้วก็ไปช่วยร้องในเพลง Sunny Talk ของ Summer Dress พี่เต๊นท์ชวนไปร้อง แล้วก็ไปแจมกับ Solitude is Bliss ตอนคอนเสิร์ตของค่าย Minimal เพลง Lost in Jane ก็สนุกดี เป็นวงที่เล่นดี (หัวเราะ)

img_9868

เวลาที่ไม่ได้ทำเพลงแต่ละคนมีกิจกรรมหรือกิจการอะไรบ้าง

ทัน: ไม่ได้ทำเพลงก็เล่นเกมครับ PlayerUnknown’s Battlegrounds (PUBG) แล้วก็สนใจพวกดีเจมีเครื่องมิกซ์เล่นที่บ้าน อยากไปเปิดเหมือนกันแต่ช่วงนี้ต้องยุ่งกับกลองก็เลยไม่มีเงินไปลงกับตรงนั้น เลยขอวางไว้ก่อน

มิน: ก็หาช่องทางทำมาหากิน (หัวเราะ) ช่วงนี้ก็ไปทำกาแฟที่ Good Space ครับ

ปูน: เราก็สนใจด้านถ่าย อยู่แล้ว ก็มีไปตามสนามแข่งม้า มีโปรเจกต์เล็ก กับเพื่อนถ่ายสารคดีเกี่ยวกับม้าแข่งตั้งแต่เด็ก แล้วโตมาเป็นม้าแข่ง ไปศึกษาม้า ดูเขาแข่ง ลงตังค์บ้าง (หัวเราะ)

นิว: วุ่นอยู่กับสามวงที่มีอยู่ก็แล้วแต่จังหวะไปทำ ถ้าว่างจริง ก็ดู Netflix ครับ

พัด: นอนค่ะ ก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่เพราะเล่นดนตรีกลางคืน แล้วก็ดูหนัง

มีแพลนจะทำอะไรต่อ

นิว: หลังจากที่ปล่อยเพลง ช่วงเวลา ไปก็เริ่มมีงานมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ไม่มีงานเลย ช่วงนี้ก็น่าจะออกไปเล่นสด ไปเจอแฟนเพลงใหม่ แล้วก็แฟนเพลงเก่า ที่รออยู่มากขึ้นครับ ก็ถ้าอัลบั้มเสร็จก็คงเตรียมเรื่องโชว์แล้วก็ทำอัลบั้มต่อไป ต้องทำอัลบั้มให้เสร็จก่อน

เร็ว นี้จะมีงานเล่นที่ไหนบ้าง

พัด: วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้มีงาน Art Ground ที่ Jam Factory คลองสาน แล้วก็ 17 กุมภาพันธ์ที่มะขวิด ป่าละอู หัวหินค่ะ

ฝากผลงาน

พัด: ก็ขอฝากเพลงนี้ไว้ด้วยนะคะ ตั้งใจทำให้ทุกคนฟังง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น แล้วก็เนื้อหาเพลงเราเป็นคนนึงที่ทำเพลงมาเพื่อระบายสิ่งที่ไม่ดีหรือรู้สึกแย่ออกไป ก็อยากให้คนฟังอย่าไปจมกับมัน คิดซะว่าเป็นการระบายเหมือนกับเรา ให้ฟังแล้วรู้สึกว่ามีเราที่รู้สึกเหมือนกัน เรายังอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เฟลคนเดียว

img_9928

 

ติดตามพวกเขาได้ที่เพจ zweednrollband

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้