Interview_YONLAPA

Interview

YONLAPA ในปี 2023 กับ ‘Lingering Gloaming’ อัลบั้มที่หลายคนยกให้เป็นอัลบั้มแห่งปี!

YONLAPA ฉบับ 2023 ที่สนุกสุดซ่าแบบฉุดไม่อยู่ หลังจากปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง Lingering Gloaming ออกมาก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักฟังเพลงหมู่มาก มาพูดคุยกับพวกเขาแบบอัพเดตถึงชีวิต ความรู้สึก และเรื่องราวเบื้องหลังอัลบั้มสุดสนุกนี้ด้วยกันที่นี่!

 

ไม่ได้คุยกันนานมาก 2 ปีได้เลยจากครั้งล่าสุดที่ได้เจอ ตอนนี้แต่ละคนเป็นยังไงกันบ้างแล้ว

น้อยหน่า: สบายดีอยู่เชียงใหม่เหมือนเดิม

กันต์: อยู่เชียงใหม่เหมือนเดิมครับ

นาวิน: เปลี่ยนทรงผม เมื่อก่อนผมยาว (ขำ)

LINGERING GLOAMING

น้อยหน่า: ถ้าในความรู้สึกของหน่าเอง อัลบั้มนี้มันหม่นกว่า EP แรกเยอะเลย เพลงส่วนใหญ่ที่หน่าแต่งได้ก็แต่งในช่วงเวลาที่มันพลบค่ำ ถ้าใช้ช่วงเวลานี้เป็นธีมและมู้ดในอัลบั้มก็คงจะดี ส่วนตัวเองก็ชอบคำว่า gloaming เราก็เลยเติมคำว่า lingering ดู ให้มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกนานกว่าปกติ เอื่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ได้ใช้เวลาในช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่ อยากให้ทุกคนที่ได้ฟังค่อย ๆ เปื่อย ๆ แล้วก็อ้อยอิ่งไปกับเพลงในอัลบั้มของเราทั้งหมดทีละเพลงที่เราตั้งใจเรียงมา

Track by Track

i don’t recognize you

ฟิว: เพลงนี้เราขึ้นไอเดียมาจากดนตรีก่อนหรือเปล่านะ รู้สึกว่ามันนานจนจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน (ขำ) 

หน่า: เอาเนื้อหาก่อนแล้วกัน จริง ๆ หน่าพูดถึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี่แหละ เหมือนเราเบื่อหน่ายจากความรักเดิม ๆ แล้ว พยายามที่จะอธิบายให้เขาฟังให้เข้าใจว่าเราอยากจะหยุดความสัมพันธ์นี้แล้ว ซึ่งหน่าทำมาตอนแรกมีแค่สองคอร์ดเอง แล้วก็ไหลมาเรื่อย ๆ เลย ใช้เวลาทำงานนานอยู่เหมือนกัน พอมาคุยกับวงแล้วก็ได้จังหวะได้ส่วนของเพลงที่มันแปลกดี หน่าเองก็ชอบ

ฟิว: มีซาวด์กลองไฟฟ้าที่เรียกได้ว่าใหม่สำหรับวงด้วย วงเราไม่เคยใช้ซาวด์ประมาณนี้มาก่อนเลย เลยทำให้เพลงนี้มันเป็นอีกเพลงที่มีซาวด์ใหม่ ๆ ของวงและเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเอาไว้แทร็กแรกด้วยเช่นกัน

INSOMNIA

กันต์: เป็นซิงเกิลที่ปล่อยไปสองปีที่แล้ว มันคือคนนอนไม่หลับตามชื่อเพลงเลย ซึ่งไทม์ซิกเนเจอร์เพลงนี้ค่อนข้างจะแปลก ๆ หน่อยไปจากมู้ดเพลงก่อน ๆ อย่าง First Trip ก็คือตั้งใจให้มันแปลกไปจากเดิมจริง ๆ

On my own

น้อยหน่า: เอาจริง ๆ เพลงนี้ก็คล้าย ๆ กับ i don’t recognize you เหมือนกันนะ เหมือนเป็นความรู้สึกหลังจากนั้นแล้ว อยากอยู่คนเดียว อยากไปในทางที่ลองใช้ชีวิตตัดสินใจคนเดียวดู ตอนนั้นแต่งเพลงนี้ที่ทะเล แล้วรู้สึกว่าเราอยากเลือกทางเดินของตัวเองนะ ณ ตอนนี้ 

กันต์: จำได้ว่ามันเป็นเพลงที่กระบวนการทำงานมันเร็วมาก ๆ เหมือนทำกันแค่อาทิตย์เดียวแล้วก็อัดกันเลย

นาวิน: จำได้ว่าเราอยากได้อะไรที่มันเป็นอะคูสติกง่าย ๆ  ใช่ไหมนะ ไม่ได้อยากได้รายละเอียดอะไรของเพลงขนาดนั้น

น้อยหน่า: ใช่เลย ตอนนั้นหน่าแต่งมาตอนแรกเป็นกีตาร์โปร่งเฉย ๆ เลย แล้วก็บอกคนอื่นว่าอยากให้เป็นเพลงง่าย ๆ ไม่ต้องใ่ส่อะไรมากมาย ให้การเล่าเรื่องในเพลงมันเด่นที่สุด ให้มันชิลล​์เหมือนที่หน่าแต่งเพลงนี้ที่ทะเล

Sunday Gloaming

น้อยหน่า: เป็นหนึ่งในเพลงที่อยู่ในชุดสุดท้ายที่เราเพิ่งทำกันที่บ้านพี่พัดเมื่อไม่นานมานี้ เนื้อหาในเพลงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตหน่าหรอก แต่แค่อยากทดลองแต่งเพลงจากละคร เหมือนสมมติว่าถ้าเราดูละครเรื่องนี้ก็อยากลองแต่งเพลงจากละครเรื่องนี้ดูว่ามันจะเล่าเรื่องได้ยังไงบ้าง อย่างเพลงนี้หน่าลองคิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีแฟนแต่แฟนเขาไม่อยู่แล้ว แต่เขาเองก็ยังอยู่ในห้องเดิม ๆ ที่เคยใช้ชีวิตกับแฟนเขา ก็นึกมู้ดมันในช่วงเวลาที่ gloaming อีกเหมือนกัน ผ้าม่านปลิว ๆ พระอาทิตย์เริ่มหายไป แล้วก็คิดต่อว่าผู้หญิงคนนั้นเขาจะรู้สึกอย่างไร

กันต์: ผมชอบเพลงนี้ที่สุด ดนตรีมันมีความโรแมนติกแบบทะลึ่ง ๆ อยู่นะ

น้อยหน่า: ใช่ เนื้อร้องก็จะทะลึ่ง ๆ นิดหนึ่ง เหมือนเคยใช้ชีวิตด้วยกันในห้องนี้คิดถึงทุก ๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้ด้วยกัน

กันต์: เพลงนี้มันจะมีตอนท้ายที่เป็น outro มีคอนเซปต์ว่าเป็น end credit มิวสิกวิดีโอเก่า ๆ ที่เอามาซ้ำอีกรอบตอนจบ

ฟิว: แต่เราตั้งใจเอาสิ่งนี้เข้ามาอยู่ในเพลงเลย

กันต์: ต้องฟังให้จบ! เพราะมันเหมือนจะจบแล้วแต่จริง ๆ มันยังไม่จบนะ มันยังมีตอนท้ายอยู่อีกพักหนึ่งเลย

นาวิน: เหมือนได้กลับไปเล่นเพลงยุคนั้นที่เบสมันสั้น ๆ น่ารักดี เป็นอีกเพลงที่ชอบ

ONE WAY TICKET

น้อยหน่า: จริง ๆ แต่งไว้นานมากแล้วตั้งแต่สมัย EP แรกเลย ดีใจที่มันเสร็จสักที เหมือนจะเป็นเพลงสุดท้ายที่ทำนะ

กันต์: ใช่ เป็นเพลงที่อัดเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม

ฟิว: เพลงนี้เป็นเพลงที่ตอนเริ่มอัดกลองยังทำเพลงไม่เสร็จเลย เหมือนมาในวันสุดท้ายที่ตั้งกลองอัดเพลงอื่นกันอยู่ แล้วก็คุยกันว่าเอาเลยไหม ขั้นตอนสุดท้ายมันตกลงกันไวมากแต่ก่อนหน้านั้นใช้เวลานานสุด ๆ เพราะยังมองปลายทางไม่ออกลุ้นการทำงานระหว่างทางสุด ๆ ว่าตอนแต่ละคนอัดจะใส่อะไรเข้าไป หลาย ๆ ไอเดียหลาย ๆ ท่อนในเพลงก็เกิดขึ้นระหว่างการอัดเลย เป็นบรรยากาศการทำงานที่ใหม่สำหรับพวกเรามากเพราะอีกนิดมันจะเรียกว่าแจมกันสด ๆ ก็ได้

กันต์: แต่ดีมากเลยนะ โคตรชอบ

หน่า: หน่าก็ชอบเพลงนี้ มันเกิดจากการที่ตอนนั้นพ่อบอกกับหน่าว่าให้กลับไปอยู่ลำพูนไม่ต้องเล่นดนตรีแล้วให้กลับไปอยู่กับน้อง ก็เลยได้เพลงจากความเซ็ง สุดท้ายพ่อก็พูดเฉย ๆ ตามอารมณ์ผู้ใหญ่แหละ เราก็ยืนยันว่าเราอยากทำอันนี้จริง ๆ มาหลายปีแล้วแทบจะเป็นอาชีพของเราแล้วด้วยซ้ำ ONE WAY TICKET เป็นทางเลือกเดียวของฉันที่จะไปตอนนี้แล้วนะ

I’m Just Like That

น้อยหน่า: มันเป็นความรู้สึกเหมือนเรากำลังเถียงอยู่กับแฟนของเราแหละ เวลาที่เราหรือใครก็ตามจะคู่ไหนก็ตามเราก็พยายามอธิบาย​ ณ ตรงนั้นว่าเราไม่โอเคนะทรมานนะ เราเป็นตัวเราแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดนะยืนยันเลย เราเป็นแบบนี้จริง ๆ พอส่งต่อมาที่ดนตรีมันก็เลยซ่าได้เปรี้ยวได้

กันต์: ดนตรีเฮ้ว ๆ หน่อย

น้อยหน่า: มันเลยออกมาเป็นดนตรีที่ซ่า ๆ เปรี้ยว ๆ ที่สุดแล้วนะในอัลบั้มนี้

Sail away, away

น้อยหน่า: ความจริงเรามีเดโม่เพลงหนึ่งชื่อว่า Peach ซึ่งมันเคยทำเดโม่ไว้แล้วไม่เกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งเคยถึงขั้นไปอัดที่บ้านพี่พัดแล้วด้วย แต่พอมาฟังอีกทีเราก็รู้สึกว่ามันยังไม่ได้ ก็เลยกลายมาเป็นเพลงนี้ ณ ตอนนี้ เอาเนื้อเพลงหลาย ๆ ส่วนจาก Peach มาวางไว้ในเพลงนี้ ซึ่งเป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตออกแนวชีวิตเลย เหมือนค้นหาตัวเองว่าจะไปทางไหนดีล่องลอยอยู่ในความสับสนอยู่บนโลกใบนี้ เราก็พยายามอธิบายออกมาในคำเปรียบเปรยที่ไม่ได้บอกตรง ๆ ดนตรีก็จะออกแนวพุ่ง ๆ กว้าง ๆ ชิลล์และให้พลังดี ส่วนตัวหน่าเองชอบเพลงแบบนี้ ตอนทำดนตรีกันสนุกมาก ช่วงหลังมี drum and bass ด้วย

ฟิว: พี่หน่าบอกเพลงนี้ชิลล์ดีแต่ตอนผมเล่นเพลงนี้น่าจะไม่ชิลล์ที่สุดแล้ว เพราะว่าเพลงมันเร็ว ปกติเพลงเรามันจะบีตช้า ๆ 100 ต้น ๆ แต่เพลงนี้ดันบีตน่าจะ 140 กว่า ๆ ไปจน 160 ได้ ตอนอัดเล่นหลายรอบตอนหลัง ๆ คือไม่ไหวแล้ว เป็นเพลงที่ไม่สามารถเล่นซ้ำหลายรอบได้ขนาดนั้น

นาวิน: จริง ๆ ชอบบรรยากาศโดยรวมของเพลงอยู่แล้วนะ รู้สึกว่าตอนส่งให้กันต์โซโล่มันดูมีพลังดี ตอน drum and bass ก็ใช้สิ่งที่เราถนัดจากเพลงเร็กเก้มาใช้ อาจเพราะว่าช่วงนี้ฟังเยอะด้วยแล้วพอออกมามันดูเท่ดี

กันต์: ชอบเพลงนี้เหมือนกัน เอาจริงก็ชอบทุกเพลงแหละ แต่ถ้าให้วิจารณ์เป็นเพลง ๆ ไป ก็จะชอบเพลงนี้ที่มันมัน มันโดด ๆ นึกภาพเล่นสดออกเลยว่ากูต้องกระโดดแน่ ๆ  เดี๋ยวจะเซิร์ฟคนดูตอนที่พี่นากับไอฟิว drum and bass กัน (ขำ) มันจะมีคนรับไหมแค่นั้นแหละ!

Is That True?

น้อยหน่า: เป็นเพลงเกี่ยวกับความรักเหมือนกันโดยที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขี้เล่น ๆ ไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น เป็นความรู้สึกที่ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ ลังเลกับหนุ่มผู้หนึ่งประมาณนี้ ดนตรีหนึบ ๆ หน่าชอบเรียกว่าชอบทุกพาร์ตของเพลงนี้เลยมันผสมกันแล้วลงตัว หนึบ ๆ มัน ๆ

นาวิน: เบสเพลงนี้ก็หยิบ ๆ เร็กเก้มาเหมือนกันครับ มันยังมีกลิ่นของสไตล์นั้นอยู่นิดหนึ่งรวมถึงจังหวะยก ๆ ด้วย

ฟิว: เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่อยู่ใน top 3 ของอัลบั้มนี้ เอาจริง ๆ ก็คือชอบตั้งแต่ตอนปล่อยออกมาเป็นซิงเกิลแล้วพอมารวมในอัลบั้มก็ยังยกให้เป็นหนึ่งในที่สุดอยู่ดีสำหรับผม / FJZ: แล้วอีก 2 เพลงล่ะชอบเพลงไหน / น่าจะเป็น ONE WAY TICKET กับ Sail away, away นี่แหละ

กันต์: ชอบซาวด์กีตาร์ตัวเองตอนท้ายในเพลงนี้มาก มันเหมือนเราทำสำเร็จ เพราะจริง ๆ หาวิธีทำมานานมาก อย่างของที่เราเคยได้ยินคือมาจากของโบราณ ๆ แต่ของเรามันมาจาก pedal board บวกกับพี่พัดมาช่วยสร้าง โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันต้องทำยังไงถึงได้เสียงแตก ๆ บี้ ๆ แบบนี้ออกมา เราชอบมาก จริง ๆ ไม่ได้คิดไว้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่พอดันมั่วแล้วมันเหมือนที่ชอบอยู่แล้วก็โอเคเลย

ฟิว: เออเหมือนเพลงนี้เป็นเพลงแรก ๆ ที่เราเริ่มทำงานกับพี่พัดด้วย

กันต์: ใช่

Hers

น้อยหน่า: เพลงนี้หน่าก็เริ่มแต่งมาก่อน เพลงนี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่แบบว่าเขาต่อสู้กับอะไรบางอย่างเพื่อที่จะอยู่บนโลกใบนี้ เป็นคนที่สู้มาก ๆ แล้วเราพยายามเล่าออกมาในมุมที่มองไปแล้วพบว่า เวลาที่โลกใบนี้มันไม่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็นแต่เขาก็ยังต่อสู้ไปจนถึงที่สุด จริง ๆ ก็จะมีความเศร้า ๆ แต่ดนตรีมันก็จะดุ ๆ สำหรับหน่ายกให้เป็นเพลงที่ชอบมาก ๆ เลยเหมือนกัน เพราะดนตรีก็เป็นแนวที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย ปกติเราจะต้องหวาน ๆ หนึบ ๆ แต่อันนี้พุ่งสุด ๆ ไปเลย 

หน่ารู้สึกเหมือนกันว่าวงเรามันจำกัดแนวไม่ได้ ชอบแบบไหนก็ทำออกมาแบบนั้นไม่ได้กำหนดไว้เลยว่าต้องสีนั้นสีนี้ ไหลไปเรื่อย ๆ แค่ชอบก็ทำ

กันต์: มันเป็นเพลงที่เอาไปอัดตอนช่วงเดียวกันกับเพลงชุดแรก ๆ 

น้อยหน่า: มันเป็นเพลงที่พอจะเริ่มอัดเพลงนี้ พยายามจะร้องให้มันดีแล้วแต่ทำไม่ได้เลยบอกพี่พัดว่าไว้รอบหน้าดีกว่า เพราะตอนนั้นอัดลากเพลงอื่นมาหลายวันแล้ว

กันต์: ตอนแรกมีไอเดียในหัวเยอะมากเลย นิยามของเพลงนี้คือคำว่าสาด อยากให้มันเละ ๆ ขึ้นมาแบบตกใจเลย อยากให้กรันจ์ ๆ นอนกลิ้งกับพื้นขยี้กีตาร์

ฟิว: ตอนเราทำเดโม่กันมันมีหลายสาดมากเลย อันนี้เป็นสาด 3 ใช่มั้ย หรือสาด 2 นะ คือตอนก่อนหน้านี้ก่อนที่ทุกเพลงจะมีชื่อเพลงเราเรียกแต่ชื่อโปรเจกต์กันจนเหมือนหลงมู้ดกันไปหมดแล้วว่าเพลงไหนเป็นเพลงไหน

น้อยหน่า: คือเวลาทำมันไม่ได้ตั้งชื่อเพลงมาก่อนก็เลยต้องตั้งชื่อตามคาแรคเตอร์ของเพลง ๆ นั้น เช่นเพลงนี้คือเพลงสาด

ฟิว: แล้วก็มีเพลงสักเพลงที่ต้องชื่อว่า New Song แบบโง่ ๆ มีชื่อเต็มไปหมด

นาวิน: เพิ่งมาจำชื่อเพลงแม่น ๆ กันตอนอัดเพิ่งเสร็จเองอะ

 My Apologies

น้อยหน่า: เป็นเพลงที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ

กันต์: มันมีความลับของเพลงเลย มันมีจุดไหนสักจุดที่มันคล้ายกับเพลงไหนสักเพลงหนึ่ง

ฟิว: ต้องถามว่าฟังออกหรือเปล่า ๆ ใบ้ให้ว่ามันข้องเกี่ยวกับเพลงก่อนหน้า

กันต์: บอกเลยแล้วกัน จริง ๆ มันคือเพลง Hers ทั้งหมด แต่เกิดจากความบังเอิญที่อยู่ ๆ ก็นึกสนุกหรือเล่นอะไรไม่รู้ ไปดรอปเทมโป้มันลง พอได้ยินก็เลยโดนเส้นพี่หน่า เพราะตอนแรกอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงช้าอยู่แล้ว เราก็เลยอัดบางเสียงเข้าไปเพิ่มนิดหน่อย 

น้อยหน่า: แล้วหน่าก็เปลี่ยนเนื้อเพลงด้วย เป็นเพลงที่เกี่ยวกับ Hers เหมือนกัน เป็นมุมที่หน่ารู้สึกต่อจากเพลงนั้นเป็นความรู้สึกผิดที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น

ฟิว: คิดว่าเพลงนี้น่าจะเล่นสดไม่ได้ด้วย เพราะที่มามันมาแบบนั้น ทุก ๆ เสียงมันไม่สามารถทำได้จริงเลยในเครื่องดนตรีจริง ตอนหลัง ๆ พี่พัดก็เริ่มไม่สนุกแล้วจะแก้อะไรค่อนข้างยากไปหมด คอมติดบัคหนักมากก็เพราะเพลงนี้เช่นกัน

กันต์: ตอนทำเพลงนี้หูล้ามากฟังเยอะจนปวดหู มันอะไรก็ไม่รู้บึ้มบั้มไปหมด

come back to mine

น้อยหน่า: เป็นเพลงของพี่นาคนเดียวเลยตั้งแต่แรก

นาวิน: มันเป็นคอร์ดที่แต่งมาตั้งแต่สมัยเรียนแต่ยังคิดเนื้อเพลงใส่ไม่ได้สักที เคยอัดเก็บไว้ใน soundcloud ตอนทำเพลงกันเลยลองส่งให้หน่าฟังว่าพอจะใส่เนื้อเพลงเข้าไปในดนตรีนี้ได้ไหม แล้วพอหน่าแต่งมาเนื้อหามันก็ไปด้วยกันกับสิ่งที่ผมแต่งไว้ตั้งแต่แรกด้วยลงล็อกกันพอดีประกอบได้โอเคเลย ตอนนี้ก็ลยสมบูรณ์แล้ว

น้อยหน่า: ความจริงชื่อเพลงเก่ามันชื่อ Miss You หน่าเลยลองขยายความจากคำนี้ว่ามันจะไปใช้กับสถานการณ์ไหนได้บ้าง ก็เลยลองแต่งดูกับสิ่งที่เราเคยผูกพันแล้วอยู่ดี ๆ มันหายไป ก็เลยไปในเชิงกลับมาเป็นของฉันเถอะ เอาจริง ๆ มันสามารถใช้ได้กับหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสิ่งของ หรือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงหรืออะไรก็ได้แล้วแต่ที่คนจะตีความ

กันต์: เป็นเพลงเดียวที่เป็นอคูสติกของอัลบั้มนี้ มีแค่ร้อง กีตาร์ แล้วก็มีฟลุตเข้ามา คนที่มาอัดฟลุตให้คือน้องบอส Rootsman Creation คนเชียงใหม่เหมือนกัน จากการแนะนำของพี่พัดเหมือนกันแต่พอรู้ว่าเป็นคนเชียงใหม่ก็คือคุยกันเป็นภาษาเหนือเลย สบาย

FJZ: ใช้เวลาทำอัลบั้มนี้เป็นปีได้ไหมคะ รวม ๆ แล้ว

ฟิว: ตอนอัดรวม ๆ น่าจะใช้เวลาสักเดือนกว่า ถ้านับวันนะไม่เกินสองเดือน

น้อยหน่า: ตั้งแต่ Insomnia ถ้ามองจากที่คิดนะ

ฟิว: ถ้าพูดตามความจริงคือเราทำเป็นช่วง ๆ มากเลยไม่ได้ทำต่อเนื่องขนาดนั้น มันมีช่วงที่เรากลับมาทำ Insomnia แล้วดันโควิดพอดีเราไม่ค่อยได้เจอกันด้วย แล้วก็เป็นระยะห่างทิ้งไปเลยช่วงปีแรกได้มาสองเพลง ปีถัดมาก็น่าจะได้แค่ Is That True? ที่เราทำกัน

กันต์: อ๋อ ช่วงนั้นคือ Is That True?, ใกล้ใกล้ แล้วก็ Peach

ฟิว: ใช่ ๆ แต่สุดท้ายแล้ว Peach เราไม่ได้ปล่อยออกมาตามที่พี่หน่าเล่าให้ฟัง แล้วเวลาหลัก ๆ ของแปดเพลงที่เหลือคือใช้เวลาประมาณครึ่งปี เริ่มทำกันจริงจังอีกทีคือตอนกลับมาจากทัวร์ต่างประเทศ

เรื่องยากที่ YONLAPA ต้องเจอในการเป็นศิลปินอิสระคืออะไรบ้าง แล้วผ่านมันมาได้ยังไง

น้อยหน่า: หน่าคิดว่าถ้าเป็นเรื่องการตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่าง พอเราออกจากค่ายมาใช่ไหมในช่วงแรก มันก็กลายเป็นว่าเราต้องทำในส่วนที่ค่ายเคยทำให้ มีผู้จัดการเข้ามา หลัง ๆ มาก่อนจะปล่อยอัลบั้มก็มีมู่เข้ามช่วย เราพยายามเรียนรู้จากการที่ใช้ out source มาช่วยเราแทน แต่ว่าบางอย่างเราก็มีงบไม่มากในการที่จะไปจ้างทุก ๆ อย่างขนาดนั้น เท่าที่ค่ายเขาจะให้ได้ หลาย ๆ อย่างเราก็ต้องทำเอง ตัดสินใจกันเอง เลือกกันเอง มันก็จะมีเรื่องยิบย่อยหลาย ๆ เรื่องที่มันไม่ใช่แค่เราทำเพลง ส่งเพลงแล้วก็ปล่อย มันค่อนข้างที่จะต้องตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง ซึ่งหน่ารู้สึกว่าบางทีพอต้องตัดสินใจบ่อย ๆ มันก็เหนื่อยนะ พอหลัง ๆ ก็คิดว่าจะต้องบริหารใหม่ ให้คนอื่นเข้ามาทำมากขึ้น เราต้องลดทอนหน้าที่ของหน่าเองและคนในวงเองให้มันน้อยลง จะได้มีเวลาไปโฟกัสเพลงมากขึ้น เพราะตอนนี้เราก็ปล่อยอัลบั้มแรกของเราออกมาแล้ว คิดว่าอัลบั้มต่อไปน่าจะแฮปปี้ไม่ต่างจากอัลบั้มนี้หรอก แต่ก็อาจจะมีคนในทีมมากขึ้นในหลาย ๆ ฝ่าย

ฟิว: ถ้าในมุมผมก็คิดว่าตั้งแต่เรามาทำเอง ที่พี่หน่าบอกว่าเราต้องใช้คนอื่นมาช่วยบ้าง จากมู้ดที่ทำงานที่ผ่านมาผมชอบมากเลยนะ เหมือนเราได้เพื่อนใหม่อยู่ตลอด อย่างเช่นเราไปถ่ายรูปเราก็ได้เจอคนที่มาทำงานให้เราในรูปแบบคนที่เขาอยากทำงานร่วมกันกับเราจริง ๆ แล้วมันก็จะอยู่ในมู้ดที่ต่างคนต่างสนุกกัน พอเวลาเราทำงานพวกนี้เราก็จะไม่ค่อยอยากบรีฟคนที่มาทำงานให้เราขนาดนั้นด้วย อยากให้แต่ละคนได้ใช้ความคิดร่วมกัน ไม่ใช่ว่าโดนบังคับมาทำงาน ซึ่งมันก็ออกมาสนุกจริง ๆ ทุกคนที่เราเจอก็ได้กลายเป็นเพื่อนใหม่ของเรา เหมือนเวลาเราทำงานกับวงเราเองกันปกติเลย

เคยผ่านช่วงหมดไฟในการทำเพลงแล้วบ้างหรือเปล่า

กันต์: ผมมีความรู้สึกอยากเลิกเล่นดนตรีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ว่าไม่ได้อยากออกจากวงการ เราอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า ลองไปเป็นโปรดิวเซอร์หรือไปแต่งแทน ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงโควิดมั้ง จากที่เราเคยเล่นดนตรีทุกวันออกจากบ้านไปเพื่อเล่นดนตรี แต่พอเจอโควิดมันเปื่อยมากจริง ๆ ทีล็อกดาวน์หนัก ๆ ล็อกดาวน์แล้วเราก็ดาวน์จริง แต่ก็ไม่ได้อยากจะทิ้งดนตรีแต่ก็แค่อยากเลิกเล่นเฉย ๆ ณ เวลานั้น

ฟิว: แต่คิดว่าช่วงนั้นพวกนักดนตรีน่าจะเป็นกันหมดแหละ 

กันต์: ด้วยความที่ชีวิตเราก็มีแค่นี้ ทำอยู่แค่นี้ในตอนนั้น มันเลยรู้สึกเหมือนโดนตัดอะไรบางอย่างในชีวิตออกไป แล้วพอมันห่างไปสักพักหนึ่งแล้วพอมันกลับมาในช่วงที่เป็นปกติแล้วแต่ความรู้สึกมันก็ยังไม่เหมือนเดิม 

FJZ: แล้วผ่านมาได้ยังไงตอนนั้น

กันต์: ตอนนี้ก็เหมือนมันอยากกลับมาซึ่งก็กลับมาแล้วจริง ๆ แต่ไม่ได้พูดถึงพาร์ตวงนะ แค่พาร์ตเล่นดนตรีกลางคืนแหละที่มันทำให้เราหมดความอยากเล่นไปช่วงหนึ่งเพราะเรื่องแบบนี้

วิน: จริง ๆ ตัวผมเองไม่มีความรู้สึกนั้นเลย ถ้านับช่วงโควิดเหมือนกันก็อาจจะแค่ไม่ได้จับเบสบ่อยเท่าเมื่อก่อน แต่ไม่เคยเบื่อดนตรีเลย เพราะตัวเองก็ชอบอยู่กับดนตรีแทบตลอดเวลาเลยไม่มีความรู้สึกอะไรอย่างนั้นเลย

จากวันแรกจนถึงตอนนี้คิดว่ายังเหลืออะไรที่ยังไม่ได้ทำบ้างไหม หรือมองว่าตัวเองมาได้ไกลเท่าที่ว่าไว้หรือยัง

น้อยหน่า: หน่าโอเคแล้วนะกับตอนนี้ เพราะได้ไปเล่นต่างประเทศกับทีมเราวงเราที่ทำด้วยกันมา 4-5 ปี เพราะมันก็คิดมาตั้งแต่แรกเลยที่ทำวง แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้ไปจริง ๆ ได้ไปเยอะพอสมควรเลยก็เลยแฮปปี้มากเวลาได้ไป หน่าไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ ณ​ ตอนนี้ยังสนุกอยู่กับการทำเพลง เคย burn out เหมือนกันเพราะเค้นตัวเองเยอะเกินแล้วมันเค้นไม่ออก ไม่รู้จะแต่งอะไรแต่พอใกล้จะหมดเวลาแล้วก็ต้องรีบแล้ว สุดท้ายพอแต่งเยอะ ๆ แต่งทุกวันก็ไม่คิดมากถึงสิ่งนั้นขนาดนั้นแล้ว ก็สบายใจขึ้นที่จะทำต่อไป สำหรับหน่าตอนนี้รู้สึกว่ามันประสบความสำเร็จแล้วและแฮปปี้ดี

FJZ: work from deadline นี่นา

ฟิว: เป็นกันทั้งวงจริง ๆ เหมือนกันหมดเลย ถ้าเราไม่ปักวันไว้ว่าเราจะทำให้เสร็จตอนไหน เราก็คิดว่าอัลบั้มนี้ก็ยังจะไม่เสร็จ เพราะมันไปเรื่อย ๆ มาตลอด แต่ปีที่แล้วเราดันคุยกันตอนไปทัวร์ญี่ปุ่นว่าถ้าเราอยากทัวร์อีกเราต้องทำอัลบั้ม ก็คือคุยกันมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่นู่นเลย อันนั้นน่าจะเป็นเหตุผลหลักเลยที่อัลบั้มนี้เกิดขึ้น

กันต์: เป็นอารมณ์แบบถ้ากูไม่ได้ทำกูก็ไม่ได้ไป แต่ว่าก็มี goal อีกอย่างหนึ่งคือเราอยากลองเล่นเปิดให้ศิลปินต่างประเทศที่เราชอบ แล้วก็อยากไปแพ็คคู่ทัวร์กับเขาทุก ๆ ที่เลย มีหลายวงเลยที่อยู่ในใจ

น้อยหน่า: หน่าว่ามันน่าจะเป็นทรงที่เราเจอเพื่อนที่ถูกใจแล้วหาหมู่กินเบียร์เวลาไปเที่ยว

ฟิว: ใช่ คือถ้าพูดถึงจริง ๆ เวลาเราไปทัวร์ต่างประเทศนี่คือถ้าหันกลับมามองตัวเองหลังจากกลับมา ก็จะคิดตลอดว่ากูทำไปได้ยังไงวะ เช่นเจอเพื่อนทุกวันกลับมานอนตีสี่ตีห้าอีกวันก็เริ่มใหม่แล้วก็วน ทั้ง ๆ ที่เราทั้งเดินทางทั้งอะไร แต่เราก็มีความอยากเจอเพื่อนมันเลยได้เพื่อนใหม่อยู่ตลอด เวลาไปเจอวงใหม่ ๆ คัลเจอร์ใหม่ ๆ มู้ดใหม่ ๆ  มันน่าตื่นเต้นตลอดเลย

ถ้าได้เก็บทัวร์ครบหมดแล้ว อยากทำอะไรกันต่อ

น้อยหน่า: ก็วนไปเรื่อย ๆ (ขำ)

นาวิน: ก็กลับไปอีกรอบ (ขำ)

FJZ: ก็คือเป็นวงที่อยากทัวร์ตลอดเวลา

น้อยหน่า: อยากทัวร์ ไม่อยากอยู่บ้าน หน่าไม่รู้ว่าถ้าอายุ 30 กว่า 40 หรือแก่กว่านี้จะสามารถกินเบียร์ทุกวันขนาดนี้ได้ไหม มันก็ไม่ค่อยดีหรอกหน่าก็รู้

ทิ้งท้าย ขายของ และฝากผลงานได้เต็มที่เลย

น้อยหน่า: อัลบั้มนี้สะสมเพลงมาหลายปีมากกว่าจะได้มา แต่ละปีเราก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โตขึ้นไปเรื่อย ๆ เพลงแต่ละเพลงก็เหมือนเป็นบันทึกไทม์ไลน์ของวง หน่าคิดว่ามันน่าสนใจดีถ้าสมมติคนที่เขาชอบวงจริง ๆ เขาก็จะรู้สึกเหมือนว่าได้โตมาด้วยกัน 

กันต์: ก็ขอฝากอัลบั้มใหม่ของพวกเราด้วยนะครับ Lingering Gloaming ตอนนี้มีทั้งหมด 11 เพลงแล้วทุกเพลงพวกเราตั้งใจทำมาก ๆ แล้วเราก็ชอบกันหมดทุกเพลงเลยในอัลบั้ม ขอขอบคุณทีมงานทุกคนทุกฝ่ายที่ทำให้อัลบั้มนี้เกิดขึ้นมา

ฟิว: มีสคริปต์ปะเนี่ย (ขำ)

กันต์: คือถ้าไม่ได้ทุก ๆ คนที่มีส่วนรวมมันก็คงไม่ได้เกิดขึ้นแบบนี้จริง ๆ

น้อยหน่า: ถ้าทุกคนลองฟังแล้วถ้าชอบก็สามารถซื้ออัลบั้มและสินค้าที่ระลึกที่น่ารักมาก ๆ ของอัลบั้มนี้ น่าจะขายแค่รอบนี้รอบเดียวแล้วจะไม่มีแล้ว

กันต์: แล้วก็ฝากติดตามฟังเพลงพวกเราในทุก ๆ แพลตฟอร์มบนโลกนี้เลย ฟังได้หมดเลย! แล้วก็ฝากทัวร์ของพวกเรา และคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มของพวกเราด้วยในปีหน้า 

น้อยหน่า: ถ้ามีงานเมื่อไรก็แอบดูได้ใน social media ของพวกเราได้เลย! Facebook, Instagram, Twitter

คุยกับ Yonlapa ถึงการเติบโต ความสูญเสีย และเพลงล่าสุด Why Why Why

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล