สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน
บทสัมภาษณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโสดทัศนศึกษา จัดสอนโดยคนกลางคืนนามว่า ว่าน—ธนกฤต พานิชวิทย์ ตั้งใจเรียนโดยคนกันเองอย่างผม กันดิศ ป้านทอง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์จริง ไม่เชื่อคุณลองเข้ามาตั้งใจเรียนวิชานี้กันไปพร้อม ๆ กับผมดูสิ
จุดเริ่มของเพลง โสดทัศนศึกษา เพลงนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เพลงนี้มันเป็นเพลงmuj 1 ของอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ของผมครับ เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ วง Mild นำโดยคุณเป้ที่เป็นนักร้องอะครับ เราใช้เวลานานมากกว่าที่เราทั้งหมดจะได้มาทำงานร่วมกันเต็ม ๆ สักที ทั้ง ๆ ที่ทำงานอยู่ค่ายเดียวกันแท้ ๆ คุณเป้เขาก็ใช้เวลาศึกษาผลิตภัณฑ์ตัวผมอยู่พักใหญ่ ดูว่า ถ้าเป็นงานเขียนของเป้เลย ผมเป็นคนร้องมันจะอาการประมาณไหน แล้วก็ตกตะกอนวิเคราะห์ออกมาว่า ที่ตัวเราเองทำอัลบั้ม Soloist ติดกันมา 4 ชุดเนี่ย เราน่าจะเป็นคนที่ทำงานคนเดียวก็ได้ เที่ยวคนเดียวก็น่าจะได้ อยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีแฟนได้ น่าจะเป็นคนอยู่คนเดียวได้ดี เลยลองเขียนออกมาเป็นมู้ดแบบ ศึกษาแง่งันของชีวิตโสด
ใครเป็นคนคิดให้มาร่วมงานกับวง Mild
ต้นขั้วน่าจะเป็นพี่เต้ง หัวหน้าของพวกเราเองครับ ที่เคารพบ้างไม่เคารพบ้างเป็นบางวัน (หัวเราะ) คือว่าวง Mild เนี่ยก็ทำงานค่ายเรากันอย่างเข้มขันมาก ๆ เลย ผมก็เหมือนเป็นอีกก้อนหนึ่งของ Spicydisc คนละหมวด คนฟังก็คนละกลุ่มกัน ที่นี้เราเลยคิดว่าเรามาลองมาร่วมร่างกันดูไหม เผื่อจะได้คนฟังหน้าแปลก ๆ เกิดขึ้น
พอไปเจอวง Mild จริง ๆ แล้วรู้สึกอย่างไร
เบื้องต้นใน episode 1-2 คุณเป้เขาก็ยังเป็นคนที่แอ็คมาก ๆ เลย ซึ่งเราจะเห็นภาพของเขาในพาร์ต MVL มันก็จะมีความแอ็คและมือไม้มันจะเยอะหน่อยเวลาพูดจา ซึ่งจริง ๆ เขาเป็นคนอย่างนั้นด้วยนะ คุยเรื่องทั่วไปก็จะทำท่าตลอด (ทำท่าแบบแร็ปเปอร์) ผมก็ เหี้ยไรของแม่งวะเนี่ย (หัวเราะ) คุยยากจังวะ แม่งปัดยุงตลอดเวลา แต่พอมา episode 3 ระหว่างกลางทางที่เรารู้จักกัน มันเหมือนผู้ชายรู้จักกันใหม่ ๆ อะ มันจะรู้สึกไม่ชอบกันก่อนเสมอประมาณนั้น แต่พอระหว่างทางมันไม่มีอะไรแล้ว
มันแค่แบบปิดบังความขี้กังวลและความขี้อายของตัวเอง จริง ๆ เขาเป็นคนที่มีความละเอียดต่อการทำงาน มีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง แบบถ้าทำเพลงให้ตัวเองอาจจะง่ายกว่านี้ แต่ว่าทำงานร่วมกับใครอาจจะมีความประหม่าและกังวัลพอสมควร ก็เลยต้องแอ็คใส่กันไปก่อน ซึ่งวง Mild ก็นำความสดชื่นมาให้ผมในหลาย ๆ ด้านเชียว
การร่วมงานครั้งนี้ถือว่าทำให้ว่านค้นพบการทำงานรูปแบบใหม่ด้วย
ใช่ เรียกว่า ทั้งหมดว่าเป็นระบบการทำงานแบบใหม่ดีกว่า เหมือนปกติถ้าทำเพลงผมก็จะทำอยู่ที่บ้านคนเดียวก่อน ทำสัก 30% แล้วคนอื่นค่อยมาร่วมงานต่อ แต่กับวง Mild เนี่ยจะเหมือนไปห้องซ้อมกับเพื่อนเลย มันเป็นการทำเพลงที่มันดิบมาก ๆ แต่ละคนในวง Mild เนี่ย เขาจะไปทำท่อนทำสัดส่วนของตัวเองมาและซ้อมเลย ซ้อมเสร็จอัดและก็เอาไปพัฒนาให้มันเป็นเพลงสมบูรณ์แบบต่อ ทุกอย่างมันก็จะเร็วมากเลยครับ ผมว่ามันสนุกดี
จากที่ได้ร่วมงานกัน ทุกวันนี้รักวง Mild มากขึ้นรึยัง
ทุกวันนี้หรอครับทั้งรักทั้งเกลียด เวลาพูดก็จะพูดแบบเกลียดแต่ลึก ๆ เนื้อแท้ในใจผมเนี่ยก็จะมีความรับเขามาเป็นเพื่อนเพิ่มแล้วอีกหนึ่งวง
ชื่อเพลง โสดทัศนศึกษา ชื่อนี้ใครเป็นใครคิด
ชื่อเพลงนี้จริง ๆ มีการประกวดกันเยอะมากในวงและก็ผมด้วย เสนอชื่อกันไปมา ของเป้ก็จะเป็นชื่อ โสดดีออก อะไรประมาณนี้อะครับ วิธีคิดมันไม่เหมือนกัน ส่วนคุณเต่าเขาจะชื่ออะไรนะอะไรสักอย่างเนี่ย ผมจำไม่ได้ล่ะ แต่สุดท้ายผมก็เคาะชื่อนี้แหละ เพราะผมเป็นคนตั้งเอง เอาเป็นว่ามึงเขียนเพลงแล้ว หน้าที่หลักของกูตั้งชื่อเพลงละกัน สมมุติมีลูกเดี๋ยวตั้งชื่อลูกเอง มึงเลี้ยงนะ (หัวเราะ)
เรื่องราวเพลงนี้จริง ๆ ก็มาจากตัวว่านเลยรึเปล่า
ผมว่า มันมาจากช่วงชีวิตใดของตัวผมและเป้ที่มันเจอจุดร่วมเดียวกัน เป้เนี่ยเขาก็จะเป็นคนที่คร่ำหวอดเรื่องความสัมพันธ์ความรัก มีแฟนเขาก็จะดูแลได้ดี แต่ผมก็มั่นใจว่าถ้าเขาครองตนเป็นโสดในช่วงไหน เขาก็จะไม่ไปเจ็บปวดกับชีวิตโสดมากมาย มันก็จะเป็นอาการเดียวกัน
พาร์ตมิวสิกวิดิโอกับการถ่ายทำที่สุดแสนสนุกสนาน
มันเป็นวิธีคิดแบบยุคใหม่ บูรณาการเลย เนื่องจากปัจจุบันนี้ เราควรจะทำงานอะไรก็ได้ในงบประมาณที่จำกัดที่สุด ให้ได้งานที่ดีที่สุดใช้งบประมาณให้มันเป็น เพราะฉะนั้นพระเอกกับนางเอกเอ็มวี้ตัวนี้ก็ควรเป็นคนเดียวกันไปเลย ไฮบริดสองซิมแม่งเลย (หัวเราะ) และเราก็คิดว่า ยายป๋อมแป๋มเนี่ยเหมาะมากทั้งกายภาพและก็ทางภาพปรากฏกาย ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ ก็จะรักเขา นอกจากพี่เบิร์ด น่าจะไม่มีใครแล้วนอกจากพี่ป๋อมแป๋มเนี่ยแหละ ซึ่งตอนไปชวนมาเล่น ชวนง่ายมาก คือเป็นเหมือนยายแก่ ๆ ที่มีแต่ความเหงา ผมก็แบบ ยายเล่น mv ให้หน่อย เขาก็ตอบได้สิ โอเคงั้นก็ตามนั้น อีกอย่างเขามีความเป็นไอคอนของคนโสดที่ดีด้วย คือจะมีความหงุดหงิดหรือเหวี่ยงบ้าง เวลาเห็นคนมีคู่แต่เป็นความหงุดหงิดที่ไม่ได้ไปทำร้ายคนเหล่านั้นนะครับ
กระแสตอบรับของเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ยอดเยี่ยมเลยนะ ตอนนี้มีเอาไปเล่นบ้างแล้ว ดีเลย คือความเป็นจริงของประเทศไทยเราเนี่ย ของโลกเลยก็ได้ มันจะมีปริมาณประชากรของคนที่ครองตนเป็นโสดเยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันจะเป็นเค้กชิ้นใหญ่ทันทีเมื่อเราร้องเพลงโสดทัศนศึกษา
ว่านคิดว่า โสดกับมีแฟนแล้ว สถานะเหล่านี้ต่างกันมากขนาดไหน
ต่างสิมันเป็นโลกคู่ขนานกันเลย คนที่เป็นโสดเนี่ยครับ ก็จะสามารถทำอะไรที่มันคล่องตัวกว่า วางแผนการเดินทางได้ง่ายกว่า ควบคุมค่าใช้จ่าย ไฟแนนซ์ การจะจองตั๋วเครื่องบินมันทำง่ายกว่าหมดเลย มันประหยัดไปครึ่งนึง
ส่วนมีแฟนเนี่ยมันเป็นความสุขที่อิ่มเอมหัวใจ ไปไหนมันก็มีคนไปด้วย เหมือนโลกนี้มันช่างน่ารักแนบแน่นจังเลย แต่ความเป็นจริงอีกด้านมันก็เทียบเคียงกันนะ เช่น กิจกรรมต่าง ๆ การซื้อของหรือว่าอะไรก็ตาม มันทำได้หมดเลย คนโสดก็ทำได้เหมือนคนมีคู่ คุณจะสั่งหมูกระทะมากินที่บ้าน คุณจะไปถีบเรือเป็ด คุณจะไปเช่าจักยานที่มันมีสองสามตัวและก็ขี่คนเดียว มันก็ทำได้ แค่อย่าไปถือสาว่า เฮ้ย ทำไม่ได้รึเปล่า คนจะมองเรายังไง แต่จริง ๆ คนส่วนมากเนี่ยเขาก็เป็นแบบเดียวกับที่คุณเป็นนั่นแหละ ผมเองก็เคยทำคนเดียวมาหมดแล้วนะที่พูด ๆ มาเนี่ย กินชาบูคนเดียวที่เซ็นทรัลเวิลด์คนเดียวก็ลองมาแล้ว
ผู้ชายอย่างว่านจีบสาวยังไง
พาไปถีบเรือเป็ดเลย นี่คือการพิสูจน์รักแท้ เรือเป็ด ชิงช้าสวรรค์ การไปเที่ยวต่างจังหวัดสนุกตอนชวนหมดเลย (หัวเราะ) ส่วนตอนไปทำกิจกรรมเหล่านั้นจริง ๆ ก็อาจจะธรรมดา แบบไปปั่นเรือเป็ดกันไหม ตอนแรกตื่นเต้นดีนะซื้อขนมปังไปด้วยถุงนึงเผื่อให้อาหารปลา และเราก็แบบเอ้าทำไมเธอไม่ช่วยกันล่ะ ถ้าเป็นคนแบบหัวใจเดียวกันมันก็จะช่วยกันไปอันนี้พิสูจน์รักแท้เลย
รบกวนว่านช่วยสอนคนโสดรุ่นใหม่อย่างผมหน่อย ว่าควรจะจีบสาวอย่างไรบ้าง
ถ้าไม่พาไปถีบเรือเป็ด ควรพาไปกินอาหารคำโต เมี่ยงคำ เมี่ยงปลาทู แหนมเนือง เราดูว่า สโตรกการหยิบผักห่อเป็นอย่างไรหรือจะเป็นร้านหมู่ย่างเกาหลีก็ได้ ดูว่าเขาอ้าปากกว้างไหม ถ้าเขาอ้ากว้างแสดงว่า เขาเริ่มสบายใจ เขาจริงใจกับการที่เป็นตัวเอง ผมแนะนำเลยว่าเ วลาจีบกันหรือเวลาจะมีแฟนเนี่ย เราเป็นคนแบบไหนก็ต้องเป็นคนแบบนั้น ไม่ใช่เราไม่ชอบดูการ์ตูนมาชวนเราไปดู เราก็ต้องไปแบบนี้มันไม่ใช่ (หัวเราะ) บอกความจริงไปเลยว่า เราไม่ดู
Midnight Crisis อะไรคือที่มาของชื่ออัลบั้มนี้
ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นคำสากลที่ทุกคนน่าจะรู้จักนะ เมื่ออายุ 35 เนี่ยชีวิตมันจะเปลี่ยนไปโดยเฉพาะกายภาพเปลี่ยนแน่ ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เมื่อก่อนเตะฟุตบอลได้อาทิตย์ละครั้ง ตอนนี้เหลือแค่ 3 อาทิตย์ครั้ง เพราะว่า ข้อเข่าจะแตก น้ำในเข่าแม่งน้อยลง สภาพจิตใจเปลี่ยน มีความสุขง่ายขึ้น แต่บางทีเรื่องเล็ก ๆ ก็จะเก็บเอามาคิด มีงานต้องคิดก็จะกังวลยุกยิกไปหมด เลยคิดว่ารวมเรื่องกันเลย midlife crisis กับ midnight เนี่ยมารวมกัน เพราะว่า พวกเราทำงานกันส่วนมากมันจะเป็นช่วงเวลาดึกอะ ทุกเที่ยงคืนผมจะมีปัญหาและผมพยายามจะถามเพื่อน ๆ หลายคนว่า มึงเป็นปะวะ เที่ยงคืนและมึงจุกจิกกับตัวเองรึเปล่า หงุดหงิดกับตัวเองไหม คืนนี้เอาไงดี ชีวิตมันจะไม่จบที่เอาตัวลงไปนอนแล้วก็นอนนิ่ง ๆ อยู่ที่ที่นอน มันจะต้องหาอะไรทำสักอย่าง มันเป็นวิกฤตของพวกผมพวก คุณเป้ก็เป็นกันหมดแน่ คนในค่ายอะเป็นกันเยอะมากเลย ผมก็เลยหยิบคำนี้มาเล่น
งั้นช่วงกลางคืนว่านชอบทำอะไรบ้าง
บางทีผมก็จะเริ่มเปิดหนังเก่าดู ซึ่งแม่งทำให้เรารู้สึกว่าอายุแม่งเพิ่มขึ้นไวมาก Star Wars ที่เราดูรอบที่ 20 เราสนิทกับชิวแบคคาแล้วเนอะ คุยภาษาวู้กกี้กันได้แล้ว
ผู้ชายวัย 30 กว่ามันต่างจากตอนวัยรุ่นอย่างไร
ถ้าเป็นฟุตบอลเนี่ยมันก็จะกึ่งยิงกึ่งผ่าน ถ้ามันอายุ 40 ไปเลยเนี่ยอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่า ลูกกลับมาบ้านแล้วนะ นอนดีกว่าเดี๋ยวดึงผ้าห่มแล้วเมียตื่น มันจะรู้ว่าผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่จริง ๆ เนี่ยเขาต้องทำอะไร หรือถ้าเป็นวัยรุ่นไปเลย เราก็จะสามารถรู้ว่า เราซนได้แค่ไหน ไม่ต้องไปกังวลว่าพรุ่งนี้ตื่นมาต้องทำงานทำการอะไรเยอะ แต่เนี่ยมันคาบลูกคาบดอกไหนจะต้องรับผิดชอบงานเยอะขึ้น แต่แรงแม่งเหลืออะ ทำไงดีวะมันต้องรีดให้สุดสิวะ อะไรแบบนี้
ความพิเศษของอัลบั้ม Midnight Crisis
ผมคิดว่ามันเป็นแบบนี้ครับ พอเราตั้งธงว่า เป็นวิกฤตตอนกลางคืนเนี่ยกับวัยที่ปีนี้ผมอายุ 33 ขวบเหมือนสิ่งที่วิเคราะห์เจออีกอย่างหนึ่งคือ โฟลเดอร์ในสมองที่มันแบ่งย่อยมากขึ้นนะ เรื่องอารมณ์เนี่ย สมมุติเพลงเร็วมันเร็วได้เพราะ มันโสดมันสนุก ตื่นเต้นไรงี้ครับ โฟลเดอร์มันซับซ้อนมาก ถ้าเสียใจเพลงช้ามันก็จะซับซ้อนขึ้นไปอีกกว่าชุดที่แล้วแน่ ๆ เลย เหมือนกับบางทีมันเป็นความเศร้าที่สนิทกับเราแล้ว แม่งร้องไห้แต่เป็นร้องไห้แบบยิ้มมุมปาก เพราะว่าคนเรามีความรู้สึกและอารมณ์ที่เยอะมากครับ ตอนนี้ผมก็คิดว่าวัย 33 ขวบมันก็น่าจะผ่านความเจ็บปวดมาหลายครั้งกว่าเดิม รวมไปถึงการร่วมงานกับคนอื่น ๆ ด้วยที่ผมจะได้ทำงานหลากหลายมากขึ้น ส่วนจะเป็นใครอยากให้ไปติดตามดูครับ
ตอนนี้คุณกำลังเป็นอาจารย์สอนวิชาโสดทัศนศึกษาอยู่ หลักสูตรคุณที่คิดไว้มีอะไรบ้าง
เราควรจะสอนว่า มนุษย์เกิดมา สมัยเป็นลิงมาก่อนเนี่ยมันก็มีลิงที่โสดนะ มันไม่ใช่มีลิงทุกตัวมีคู่ หรือบางทีการเป็นมนุษย์ถ้ำ มันก็มีบางตัวที่ไม่เคยดีลกะใครได้เลย ฉะนั้นโลกทุกยุคทุกสมัยมันหมุนได้ด้วยคนที่ครองตัวเป็นโสดและคนมีคู่ ฉะนั้นเนี่ยความโสดถ้าเรารู้จักมันและสนิทกับมันมากพอ มันจะเป็นเพื่อนที่ทำร้ายเราน้อยกว่าการที่เรามีแฟนที่ไม่ดี ผมก็จะสอนแบบนั้นครับ อันนี้ก็จะเป็น course outline ก่อนไว้สอนจริงสัปดาห์หน้า
แล้วสัปดาห์ท้าย ๆ จะสอนอะไรเด็กที่เรียนวิชานี้
จะเริ่มพาออกไปข้างนอก พาไปทำกิจกรรม วันนี้มีสอบนะไป Asiatique ขึ้นไปชิงช้าสวรรค์เลย เข้าไปป้อมละคน ถ่ายรูปลงมาให้ได้เหมือนอยู่สองคนที่สุด ปฎิบัติ จากนั้นลงมาตรวจงานกันเลย เห็นไหมไม่เห็นจะเหงาเลย แล้วเด็ก ๆ ทำอย่างไรถึงได้รูปมา อ่อเอาตีนคีบครับครู เก่งมาก (หัวเราะ)
ในฐานะเป็นอาจารย์ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ว่านคิดอย่างไรกับรถไฟฟ้าที่ขัดข้องบ้าง
ผมว่าอาจจะเป็นช่วงเว้นวรรคของเขา หมายถึงว่า ช่วงพักผ่อนสักนิดนึง บางทีมันมีอยู่ก็ต้องดับไป แต่เนี่ยมันตั้งอยู่แล้วมันไม่ดับก็ยังฝืนให้เราอยู่ มันก็มีมึน ๆ กันบ้าง บางทีเข้าโค้งอยากให้มันเสถียรมากขึ้น คราวนี้เขาก็เลยลองปรับระบบดู ปรับสปีดดูว่า มันเสถียรขึ้นได้มั๊ย สถานีละ 10 นาที สโลว์ไลฟ์ ชอบกันไม่ใช่เหรอ ไหนบอกชอบไง ชีวิตที่หมุนช้า กรุงเทพ ฯ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัวไง อย่าไปรีบ อยากรีบก็ตื่นให้เร็วกว่านี้
หลายคนชอบบอกว่า ว่านเป็นคนกวน ๆ
อันนี้ต้องถามคนรอบข้างมากกว่า เพราะว่าผมแค่รู้สึกว่าอยากให้บรรยากาศมันดี บางทีไม่รู้จักกันมานั่ง ๆ เนี่ย มันก็จะมีแต่คำถามที่เตรียมมา และมันก็จะอึน ๆ กันไป ก็อยากให้การเจอกันครั้งนี้ มันสนิทกันเร็วขึ้นหน่อยก็จะได้บรรยากาศที่ดี
ว่านเป็นคนขี้เหงารึเปล่า
ไม่นะ ทบทวนอีกทีก็ตอบว่า ไม่ ผมว่า ผมอยู่คนเดียวได้เก่งเหมือนกันนะ มันจะมีคนหลายประเภทที่ต้องเป็นโสดอะครับ ผมคิดว่าผมอยู่คนเดียวได้นะ
แล้วกิจกรรมที่ว่านชอบทำที่สุดในช่วงนี้
กิจกรรมที่ชอบตอนนี้คือ ชอบทักคนแปลกหน้า เหมือนแบบสร้างคอมมูนิตี้กัน เป็นการสร้างรอยยิ้มมุมปากให้แก่กัน อย่างตึกออฟฟิตที่ผมมาเนี่ย ทุกคนเขามาทำงานอย่างเดียวเลยใช่ไหม ทุกคนมันมีแต่ความซีเรียส ออกไปเราก็ทักทาย พยายามจำชื่อเขา เหมือนเป็นเนอสเซอรี่เล็ก ๆ ที่เราอยู่กัน คนแรกบัตรข้างล่างเจอกัน ผมก็ทักว่า วันนี้คอนทัวร์หน้าดีมากสวยมาก ทักเขาไปเรื่อยเปื่อยครับ
ก่อนจะไหลออกทะเล อัลบั้มนี้จะออกช่วงไหน
ธงไกลของมันคงเป็นไตรมาส 2 ของปีหน้า เพราะ ตอนนี้เพิ่งเสร็จไปประมาณเพลงครึ่งจาก 10 เพลงครับ แต่ผมตั้งชื่ออัลบั้มแล้วครับ มีลูกเนี่ยเราต้องตั้งชื่อก่อนอยู่แล้วใช่ไหมครับ เขาจะโตมาเป็นยังไงก็เรื่องของมัน
หลังจากคำตอบนี้สิ้นสุดลงอาจารย์ประจำวิชานี้ของผมก็เดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทิ้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมุมปากไว้ให้กับพวกเรานักเรียนที่เข้ามาตั้งใจเรียนคาบนี้กันทุกคน ใครจะไปคิดละครับว่าเขาจะเฮฮาขนาดนี้ เอาเป็นว่า บางครั้งการเป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป มันยังมีข้อดีในของมันเสมอ ลองเปิดใจและใช้ชีวิตไปกับมันดูครับและก็อย่าลืมติดตามอัลบั้มเต็มของผู้ชายคนนี้ด้วยนะครับ รับประกันความสนุกสนานและยอดเยี่ยมแน่นอน