The Vuniyerse เล่นแร่แปรเพลงกับงานศิลปะให้กลายเป็นดนตรีหวานชวนฝัน
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Photographer: Pradthana Chaijaroensuksakul
ครั้งแรกที่เราได้เห็นชื่อของ The Vuniyerse อยู่ในเครดิตหนังสั้นเด็กมหาลัยเรื่องหนึ่ง ไขปริศนาเสียงดนตรีอันเลื่อนลอยเลือนรางอันน่ารื่นรมย์ในหนังได้อย่างชัดเจนจนเริ่มไปหาฟัง ก็พบว่าตัวเองหลงใหลในเพลงของพวกเขาอย่างประหลาด โดยเฉพาะเพลง Breathless ที่งดงามมาก เสียงคีย์บอร์ดหวาน ๆ ขับกล่อมไปพร้อมกับเสียงร้องนุ่ม ๆ กับเสียงกีตาร์ที่ล่องลอย สร้าง vibes แบบหว่อง ๆ ขึ้นมาได้ทุกที่จนเราต้องไล่ฟังเพลงของเขาให้ครบทุกเพลงเลย
The Vuniyerse คือกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในศิลปะเหมือนกัน และมีรสนิยมการฟังเพลงคล้าย ๆ กัน จึงทดลองและถ่ายทอดศิลปะในแบบของพวกเขาออกมาผ่านเพลง โดยตั้งคำถามว่าศิลปะสามารถขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนได้จริงไหม พวกเขาเพียงต้องการทำเพลงเพื่อความสนุกและหล่อเลี้ยงมิตรภาพต่อไปเรื่อย ๆ แค่มีใครสักคนผ่านมาและสนุกกับเพลงของพวกเขาก็พอแล้ว
จนพวกเขาได้มีโอกาสมาเล่นงาน ‘ฟังใจมัน 4’ เราก็ได้ดูเขาเล่นสด ๆ สักที เพราะเพิ่งรู้ว่าเขาต้องจับรถลงมาจากเชียงใหม่เลยทีเดียว แถมไม่ทำให้เราผิดหวังด้วยโชว์เกินมาตรฐานวงดนตรีหน้าใหม่ แถมยังมีเจ้าตู้ทีวีแสนน่ารักมาประกอบโชว์ของพวกเขาอีกด้วย หลังจากลงเวทีเราเลยรีบเข้าไปขอคุยด้วยทันที แม้ทั้งวงจะดูเหนื่อยนิดหน่อยแต่ก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมา
สมาชิก
นัท—อรรถกร พงษ์เทอดศักดิ์ (ร้อง, กีตาร์)
นน—ชนนปวร สุขวณิช (ร้อง/กีต้าร์)
บิ๊ก—พัธนันท์ อนันต์หน่อ (คีย์บอร์ด)
เกรียง—เกรียงศักดิ์ จันทร์ดี (กลอง)
บอส—สหธัช ศรีวิไล (เบส)
เราคิดว่ามันเป็นการหยิบนำศิลปะที่เป็นคอนเซปชวล หยิบสิ่งรอบตัว สังคม มาถ่ายทอดเป็นเพลงแล้วก็ดีที่ได้เล่นดนตรีกับเพื่อนด้วยครับ
แน่นอนว่าทุกคนต้องอยากรู้ที่มาที่ไปของวงเป็นอันดับแรก นัท นักร้องนำของวงก็ตอบอย่างฉะฉานว่า “เราเป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมาครับ เราทำโปรเจกต์ชื่อ ‘คิ้วขมวด’ ที่เหมือนเกือบที่จะเป็นโปรดักชันเฮาส์ พวกเรามักจะได้แรงบันดาลใจจากดนตรี เลยชวนเพื่อน ๆ มาทำเพลงด้วยกัน บางคนยังไม่เคยเล่นดนตรีด้วยซ้ำ แต่ก็ตั้งวงกันขึ้นมาเลย” แค่นี้เราก็สัมผัสได้ทันทีว่าพวกเขาคือวงดนตรีรุ่นใหม่ไฟแรงจริง ๆ “เพลงแรกที่ทำคือเราอัดกันวันเดียวเลย หลายคนบอกว่ามัน lo-fi ว่ะ จริง ๆ มันคือ low-class” ทั้งวงก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “เราคิดว่ามันเป็นการหยิบนำศิลปะที่เป็นคอนเซ็ปชวล หยิบสิ่งรอบตัว สังคม มาถ่ายทอดเป็นเพลงแล้วก็ดีที่ได้เล่นดนตรีกับเพื่อนด้วยครับ”
เราจึงถามต่อทันทีว่าวงได้แรงบันดาลใจจากวงดนตรีวงไหนเป็นพิเศษรึเปล่า เพราะเราค่อนข้างประทับใจดนตรีแนวนี้เหมือนกัน นัทก็บอกว่าปกติเขาเป็นคนที่ฟังเพลงอยู่แล้วแถมยังชอบแบ่งเพลงที่ตัวเองชอบให้เพื่อนฟัง ทุกคนก็เลยติดแนวดนตรีคล้าย ๆ กัน เขายกตัวอย่าง The Radio Dept. ที่ผมคุ้นเคยมาก ๆ ก่อนเพื่อนในวงจะช่วยเสริมอีกหลายชื่อ เช่น Beach Fossils กับ Mac DeMarco ที่กำลังจะมาไทยอีกรอบ และ Last Dinosaurs
เราเลยถาม บิ๊ก ต่อทันที เพราะตอนอยู่บนเวที นัท พูดแซวไว้ว่าวงเพิ่งตั้งมาหกเดือนและเขาเพิ่งหัดเล่นคีย์บอร์ดเมื่อหกเดือนที่แล้ว ตอนเพื่อนชวนมาทำวงนี่เขารู้สึกยังไง บิ๊ก หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ก็คิดเหมือนกันครับว่ากูจะเล่นได้หรอวะ แต่มันอยากลอง อยากรู้ว่าเรากับเพื่อนจะเข้ากันได้ในด้านดนตรีแค่ไหน” นน มือกีตาร์ของวงก็ช่วยเสริมว่า “เขาเป็นนักดนตรีมาก่อน มีของเยอะ ตอนพวกเราทำวงเก่าอยู่ก็มักมายืมเครื่องดนตรีของบิ๊กไปใช้ หลัง ๆ เลยชวนบิ๊กเล่นคีย์บอร์ดดูดิ๊” บิ๊ก เล่าต่อทันทีว่าวงนี่เริ่มต้นจากการที่เขามีคีย์บอร์ดที่บ้านแล้วทุกคนก็ช่วยกันสอนเขาเล่น
พอถามถึงกระบวนการให้การทำเพลงของวง นัท ก็ตอบทันทีว่า “นนจะเป็นคนเขียนเพลงทุกเพลงของ The Vuniyerse ผมก็ไม่ได้เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษอะไรแต่ก็พยายามฝึกร้อง และรับหน้าที่เรียบเรียงดนตรีด้วย แถมวงยังมิกซ์อะไรเองหมด ทั้งที่ไม่ได้ทำเป็นแต่พยายามทำให้ดีที่สุดในแบบของเรา” เขายังเล่าเหตุผลที่วงมีซีดีออกมาเร็วเพราะเมื่อรู้ว่าเราจะต้องมากรุงเทพก็ต้องทำแผ่นซีดีมาขายเพื่อเป็นค่าเดินทางกับค่ากิน เราเลยรู้สึกแอบดีใจที่จัดแผ่นเขามาด้วย นัท ก็เล่าต่อว่าจริง ๆ วงมีสมาชิกคนที่หกด้วยคือ บิว ซึ่งค่อยทำวิชวลให้กับวง “เราคิดว่าเราเป็นวงหน้าใหม่มากเลยพยายามที่จะให้ทุกคนเข้าถึงเราง่ายที่สุด เลยเปิดเนื้อเพลงให้ดูไปเลย ทุกคนจะได้ร้องตามได้”
เราเลยอยากทำความรู้จักกับสมาชิกในวงมากขึ้น ซึ่ง นัท บอกว่าเขามีภาระหน้าที่ทางบ้านอยู่จนทำให้ไปหางานจริงจังไม่ได้ เขาเลยมีเวลาทำหนังและทำเพลงกับเพื่อนอยู่ ส่วน บิ๊ก ก็ทำ คิ้วขมวด กับเพื่อน ๆ ต่อไปโดยเพิ่งรู้จากเขาเหมือนกันว่านี่คือทีมงานที่ทำ mv และหนังสั้นประกอบเพลง Lost in Jane ของ Solitude Is Bliss แถมเขาบอกว่าตอนนี้เลี้ยงเต่าอยู่และอยากเปิดเพจเต่าด้วย ส่วน บอส ก็หันมาทุ่มเท่ให้กับดนตรีมากกว่าหน่อยและทำฟรีแลนซ์ไปเรื่อย ๆ ส่วน เกรียง นี่เป็นน้องเล็กสุดที่ นัท บอกว่าเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญมากที่อยากชวนน้องมาทำงานด้วยกันแต่น้องดันตีกลองเป็น เลยชวนเข้ามาอยู่ในวงซะเลย ส่วน นน กับ บิว ที่ยังเรียนไม่จบแต่ก็มีความสามารถเกินตัว ซึ่ง นน ก็ทำงานเบื้องหลังอยู่ ส่วน บิว ซึ่งเป็นคนทำวิชวลให้กับวงนี่แม้จะไม่ได้มาทางดนตรีเท่าไหร่ นัท ก็ยังอยากหาอะไรให้น้องทำเพราะยังไงก็ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว
แล้วในเชียงใหม่มีเวนิวไหนที่อ้าแขนต้อนรับวงหน้าใหม่อย่างพวกเขาบ้าง นัท ก็พูดถึงร้าน Minimal ทันที ซึ่ง พี่เมษ Minimal Records ช่วยหางานให้วงเล่นด้วย และวงยังช่วยเสริมร้าน Live House ที่ทำขึ้นมาเพื่อถ่ายวีดีโอไลฟ์โดยเฉพาะ ซึ่งทางร้านก็ใจดีเชิญวงไปเล่นด้วย เราเลยลองถามต่อว่าวงยังไม่มีค่ายแบบนี้ สนใจค่ายไหนเป็นพิเศษบ้างไหม นัท เลยบอกว่าเคยคุยกับ พี่ออฟ Rat Records และส่งเพลงไปให้เขาฟังแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาโอเคไหม
สุดท้ายแล้ว เราเลยให้วงขาย ‘คิ้วขมวด’ เต็มที่เลยเพราะอยากต่อยอดให้วงยังรันต่อไป นัท หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ทำสื่อทุกอย่างที่ได้เงินครับ โปสเตอร์ หนัง mv ภาพประกอบหรือแม้แต่โฆษณาทำได้หมด” และถามเขาว่าอยากฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งรู้จัก The Vuniyerse บ้าง นัท เลยฝากติดตามพวกเขาต่อไปผ่านทางแฟนเพจ The Vuniyerse และ instagarm thevuniyerse
หลังจากสัมภาษณ์เร็ว ๆ เราก็ปล่อยให้วงพักผ่อนเพราะเขาต้องไปเล่นต่ออีกสองวันก่อนจะกลับเชียงใหม่ ฝากติดตามพวกเขาต่อไปเพราะเป็นวงที่น่าสนใจทั้งแนวดนตรีและวิชวลที่พวกเขาปล่อยออกมา หวังว่าจะได้เห็นเขาลงมาเล่นในกรุงเทพ ฯ อีก หรือใครอยู่เชียงใหม่ก็ฝากไปดูพวกเขาเล่นสดด้วยนาจา ศิลปินจะอยู่ไม่ได้เลยถ้าขาดคนฟังที่สนับสนุนพวกเขา