Article Interview

VEGA ไซคีเดลิกร็อกจากเชียงใหม่ แวะมาบ้านฟังใจก่อนไปลุ้นรางวัล ‘สีสันอะวอร์ดส์’

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Tas Suwanasang

เกือบ 3 ปีที่แล้ว เราได้พูดคุยกับ VEGA เพราะเราชอบเพลง เคมี ที่อยู่ในโปรเจกต์ No Signal Input ของพวกเขามาก ๆ ถึงกับชวนมาเล่นที่งาน ฟังใจมัน 2 และได้กระแสตอบรับที่ดีทีเดียว หรือเวลาเราขึ้นไปเชียงใหม่ก็จะได้เจอพวกเขาตามร้านต่าง  ทั้ง Hard Rock Cafe หรือร้านประจำของนักดนตรีอย่าง North Gate Jazz Co-Op และได้รับการทักทายอย่างเป็นกันเองเสมอมา

วันนี้พวกเขากลับมาเยือนกรุงเทพ อีกครั้งในฐานะศิลปินจาก Minimal Records ซึ่งการมาครั้งนี้ไม่ได้พกมาแค่อัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิต Macaron Psych Trip แต่ VEGA ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ก่อนที่จะรู้ผลในค่ำคืนนี้ เราเลยชวนพวกเขามาคุยสบาย ๆ กันที่บ้านฟังใจ เพราะก็อยากรู้ว่าทั้ง 5 คนมีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนหลังจากวันแรกที่เราได้เจอกัน

สมาชิก
มิว — นัฐนันท์ ประสาท (ร้องนำ, กีตาร์)
โย — พงศธร แพงจีน (เบส)
เฟี้ยว — ปิยะพันธ์ ตาคำ (กลอง)
กันย์ — อานุภาพ เฟยลุง (กีตาร์,คีย์บอร์ด)
เจมส์ — พรหมเทพ อุทธิยา (คีย์บอร์ด,ซินธิไซเซอร์)

เจอกันครั้งแรกตอนงานฟังใจมัน จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเวทีแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

เจมส์: ก็รู้สึกชินกับเวทีขึ้น ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว งานที่คนเยอะสุดนี่ Cat Expo อะเนาะ

มิว: ไม่ Minimal Live in Bangkok ที่ Voice Space (กันย์: คนเยอะสุดละ ประมาณต้นปีที่แล้ว)

รู้สึกยังไงที่ตอนนี้คนรู้จักเรามากขึ้น แล้วมองว่าเพลงไม่ได้เหมือน Solitude is Bliss อีกแล้ว

มิว: ก็ดีใจนะที่พวกเราสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในระดับนึง ที่ทำให้คนมองว่าพวกเราคือพวกเราแล้ว

ในอัลบั้มเต็มชุดนี้ใช้เวลาทำกันนานไหม

มิว: จริง ทำกันมาก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 ปี แต่อัดจริง อะปีนึง

เจมส์: เพลงทำเสร็จแล้วเก็บไว้อัดทีเดียวหลาย เพลง จะมาเร่งตอนเรามาอัดเนี่ยแหละ ตอนนั้นอะเหนื่อย

มิว: เพลงชายชุดดำ เป็นเพลงแรกที่ทำกันเลยนะ พร้อมกับเพลง เคมี ระบำ แต่เอามาใส่อัลบั้มเต็ม ก็มีตั้งแต่ปี 2016 แล้ว (เจมส์: ตั้งแต่จบ No Signal Input) เพิ่งมาเสร็จ 2019

สไตล์ดนตรีต่างจากตอน EP หรือเปล่า

มิว: เราได้อิทธิพลจากเพลงที่เราเล่นคัฟเวอร์กันที่ร้านซะส่วนใหญ่ แล้วก็เพลงที่เราฟังครับ หลัก ก็ The Beatles, Pink Floyd พวกผมจะเล่นเพลงประมาณนี้เยอะ พวกฝั่งอังกฤษ

เจมส์: เราไม่ได้วางคอนเซ็ปต์ไว้ มันก็คละสี คละลาย

มิว: แต่เราจะเน้นเรื่องซาวด์ในอัลบั้มนี้ ค่อนข้างโดดเด่นในการดีไซน์ซาวด์แต่ละเพลง ให้ความสำคัญในการบันทึกเสียง ลองวิธีอัดแบบใหม่ ผสมเอฟเฟกต์บ้าง (เจมส์: จากซินธิไซเซอร์) ลองทำอะไรแปลก ที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน

แล้วทำไมถึงใช้ชื่อ Macaron Psych Trip

กันย์: ตามปกอัลบั้มเลยครับ เห็นสีเยอะ ก็คิดถึงขนมมาการองไว้ก่อน Psych Trip ก็มาจาก psychedelic trip

มิว: เนื้อหาโดยรวมก็เกี่ยวกับวิถีชีวิต สิ่งที่พบเจอกันได้ตลอด เป็นเรื่องที่เราเจอได้ในชีวิตจริง

ยังได้ โด่ง Solitude is Bliss มาโปรดิวซ์ให้อยู่หรือเปล่า

มิว: ครับ ยังช่วยคุมการผลิตทุกขั้นตอน คนที่มาเอี่ยวเพิ่มก็มีพี่เฟนเดอร์ พี่เบียร์ Solitude is Bliss แล้วก็น้องในวงการที่เชียงใหม่ ชื่อ บอย ภาคินัย โปรดิวซ์กับเขียนเนื้อเพลง Ocean for a Dime?

เล่าที่มาแต่ละเพลงในอัลบั้มให้ฟังหน่อย

VEGA

มิว: เพลงแนะนำตัว ร้องว่า ‘We are VEGA, we come from Lanna’

เจมส์: คำว่าล้านนานี่พอฟังแล้วก็รู้ว่ามาจากตอนเหนือ ชาติพันธุ์ก็เจาะจงอยู่

มิว: จริง เพลงนี้ผมเขียนน่าจะเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มแล้ว ก็คิดถึงวงกะลา My Name is KALA ผมชอบนะ มันเป็นเพลงที่เจ๋งดี ใครเอาไปร้องก็ยังต้องร้องว่า ‘My name is KALA’ เราก็อยากมีเพลงอย่างนั้นบ้าง ถ้าใครคัฟเวอร์เพลงของเราก็จะเป็น ‘We are VEGA’ (หัวเราะ)

F# Astonishing

มิว: เพลงนี้ผมจินตนาการด้วยความอยากรู้อยากลอง เกี่ยวกับ LSD ตอนนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องนี้ (FJZ: ตอนนี้รู้ยัง) นิดนึง (หัวเราะ) ก็ลองไปถามคนนู้นคนนี้ที่เขามีประสบการณ์ ว่าเราจะเขียนเนื้อเพลงยังไงให้คนเขาเข้าใจไปอย่างนั้น พอผ่านไปจุดนึงเนื้อเพลงเพลงนี้ก็กลายเป็นจินตนาการมากกว่าเพราะเราไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ ก็จะเล่าถึงความอยากรู้อยากลอง ท่อนฮุกก็พูดถึงมิติที่มันต่างไปว่าคนที่เขาได้รับสารเข้าไปแล้วรู้สึกยังไง ส่วนดนตรีก็ช่วยเสริมเนื้อร้องอีกทีนึง

เจมส์: เพลงนี้คือเพลงของขี้ยา (FJZ: แหม ตั้งแต่เคมีแล้วมั้ย) ที่เป็น F# เพราะว่ามันเป็นคอร์ดที่ขึ้นมาในเพลงนั้น คือถ้าจะไปตั้งเป็นคำตรง เลยว่าลองยามันก็ไม่ได้อะ เลยคิดว่าเราน่าจะใช้คีย์เวิร์ดหรือสัญลักษณ์อะไรสั้น เห็นแล้วเก็ตเลย เหมือนเวลากัญชาเราจะพูดว่าเนื้อหรือเขียวแต่ผมไม่ได้คิดว่าจะใช้คำว่า ‘L’ หรืออะไร ก็ดึงจากตัวเพลงมันเป็นคีย์ F# เลยดีกว่า ใช้คำที่เป็นภาษามันจะตรงเกินไป

Shine for Child

เจมส์: ตอนอะเรนจ์คิดว่ามันต้องมีเพลงให้คนเข้าถึงได้ง่ายด้วย ใช้ harmony ใช้คอร์ดง่าย ตรง ไปเลย ส่วนเรื่องซาวด์คุยกันในวง เขาก็เสพ Mac DeMarco กัน เลยได้เป็น lo-fi มา

มิว: จริง อัลบั้มพวกผมจะบอกว่าป๊อปมันก็ป๊อปนะ คือวางแผนกันพอสมควรแล้วว่าเราจะขายเพลงไหนบ้าง ก็ขายให้สุดเลย เพลงลึกก็ลึกให้สุดไปเลย ตอนแรกที่ปล่อยไปก็คุยกับพี่เมธ (สุเมธ ยอดแก้ว ผู้บริหารค่าย Minimal Records) ให้คนงงไปก่อนว่า เฮ้ย มันเปลี่ยนแนวกันหรอ แล้วค่อยตบด้วยเพลงลึกทีหลัง (เจมส์: ผมว่าวิวมันขึ้นไวมาก) ค่อนข้างทำงานดีเลยแหละ ถือเป็นการปล่อยเพลงที่ดีนะครับที่เลือกเพลงนี้เป็นเพลงแรก เหมือนเบิกทางให้คนได้มาฟังเพลงอื่น

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่วงยังไม่รู้จะไปทางไหน ผมเขียนเพลงนี้มานานแล้วตั้งแต่ตอนเพิ่งจบ No Signal Input แล้วเพิ่งเอามาทำ ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่มีค่ายไหนมาสนใจ อาจจะทำต่อแหละ แต่ก็เป็นเรื่องยาก ช่วงนั้นผมก็ท้อ เลยเขียนเพลงนี้ให้กำลังใจตัวเอง (FJZ: แล้วตอนที่ Minimal Records มาติดต่อรู้สึกยังไง) ก็ดีใจนะ

เจมส์: เป็นคนเดียวที่มาจีบอะ เราก็ต้องรับโอกาสจากเขา แต่ถ้าหมดสัญญาหรืออะไรในอนาคตก็ค่อยดูกันอีกที อยู่ในนี้ก็โอเค แต่วงใน No Signal Input ที่ไม่ได้อยู่ Minimal ก็มี อย่าง Polycat เนี่ย

กันย์: เรื่องของเรื่องคือบางวงเขาไม่ได้ทำต่อด้วยแหละ พวกผมเนี่ยดื้อ ยังทำกันอยู่

Hystman

เฟี้ยว: แปลว่า ‘ชายหื่น’ ย่อมาจาก hysteria ไง

มิว: เวลามีเซ็กซ์ผมชอบฟังเพลงของ Pink Floyd ในอัลบั้ม Dark Side of the Moon ผมอยากได้เพลงที่สามารถฟังแล้วมีเซ็กซ์ได้ หรือฟังแล้วรู้สึกได้ขับอารมณ์นั้นออกมา ก็เลยได้เพลงนี้ แต่กันเขียนท่อนฮุกเพลงนี้นะ

กันย์: ไม่มีอะไรครับ ก็เขียนตามที่มันมีมาตั้งแต่แรกแล้ว เราแค่เข้าไปเติมมันเฉย เขียนตอนกลางวันด้วย ไม่ได้เขียนตอนมีเซ็กซ์อะไร เขียนปกติเนี่ย คิดมั่ว

VEGA

Tiredland (ชายชุดดำ)

มิว: เพลงนี้พูดกว้าง เกี่ยวกับทุนนิยม หลัก เลยคือผมเขียนเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์หาเสียงเวลาเลือกตั้ง ตอนเด็ก เราจะเห็นคนที่เขามาซื้อตามบ้านกันเยอะ แล้วพอโตมาผมก็เลยคิดว่า วงน่าจะมีเพลงที่เสียดสีการเมืองบ้าง เลยเอาตรงนั้นมาเขียน ซึ่งมันก็เหมาะเจาะพอดีกับเหตุการณ์บ้านเมืองตอนนี้

โย: ปล่อยแฮปปี้เบิร์ธเดย์ลุงตู่พอดี (หัวเราะ)

เฟี้ยว: แล้วไม่รู้ด้วยนะ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเป็นวันเกิดแก (FJZ: แต่เราว่าค่ายอาจจะรู้ ฮ่า)

กันย์: เพลงมันออกแนวชนเผ่า ตั้งแต่เขียนทีแรกแล้ว เลยหาเครื่องดนตรีที่ได้ฟีลนั้นพอดีรู้จักกับวงรุ่นพี่ชื่อ TUKU  เขาเล่นดิดจาริดู เป็นเครื่องดนตรีแอฟริกัน เสียงมันเท่ อินโทรเพลงเราเลยได้เขามาช่วยอัดให้ วงเขาก็มีผลงานนะครับ ทำ world music ถ้าอยากดูเขาก็มีวันอาทิตย์ ที่ถนนคนเดิน ท่าแพ

Salmon Says

มิว: เป็นเพลงที่มีดนตรีมาก่อนอยู่แล้ว ไม่มีเนื้อร้อง ผมคิดว่าตอนแรกจะทำเป็นเพลงบรรเลง แต่คุยกันไปคุยกันมาก็อยากโกอินเตอร์กับเขาบ้าง ก็เลยไปขอให้พี่เฟนเดอร์เขียนเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษให้ แล้วให้แกจำลองเมโลดี้ที่พวกผมมีให้นั่นแหละ ก็ใกล้ กัน แล้วเราอยากจะพรีเซนต์เพลงนี้มาก เลยเพราะเหมือนเป็นเพลงเอกของอัลบั้ม แสดงถึงตัวตนวงได้ดีที่สุด ทั้ง sound design และ performance ของเพลงนี้ค่อนข้างที่จะสุดที่สุดในอัลบั้มแล้ว อยากให้ลองฟังเพลงนี้กันเยอะ

เนื้อหาในเชิงของพี่เฟนแกตีความว่า เป็นความกลัวระหว่างการเปลี่ยนผ่านยุค เหมือนยุคนี้เราสามารถรู้เห็นทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ด้วยโทรศัพท์ ไม่เหมือนคนแต่ก่อนที่ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ก็ไปศึกษาจริง เลย แล้วพอเรารู้แค่ผ่าน เราก็กลัวว่าในอนาคตถ้ามีลูกหรือจะบอกคนรุ่นหลังยังไงให้มันถูกหลักจริง เพราะความรู้ที่เรารู้มาอาจจะไม่จริงเสมอไป (เจมส์: อย่างข้อมูลในวิกิพีเดียก็ยังแก้ไขกันเองได้) เกิดจากความกลัวที่ยุคสมัยมันไปไวเกิน

Ocean for a Dime?

มิว: เช่นกันครับ เราคิดว่าอยากมีเพลงสากลอีกเพลงนึง แต่ตอนนั้นมันช่วงเดดไลน์แล้ว เราคิดว่าไม่สามารถทำได้ทันแน่เลยต้องหาตัวช่วย ก็ได้น้องบอยเนี่ยแหละ (เจมส์: เขาจบภาษาอังกฤษมาด้วยแหละ) เราไม่ได้ไกด์ว่าอยากได้แบบไหน เขาปึ้ง มาทั้งเดโมดนตรี ทั้งเนื้อเพลงเลย เอาจริงพวกผมเอามาแก้ไม่ถึง 20% ที่เหลือส่วนเพลงเป็นของเขาหมดเลย แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ปวดหัวกันมาก เพราะค่อนข้างเป็นร็อกหนัก มันไม่ได้หนีเพลงที่พวกผมเล่นที่ร้านกันเลยนะ แต่มันจะหนีจากเพลงตัวเองในอัลบั้ม ไม่รู้จะจบกันยังไงให้มันดีที่สุดในเวลาที่สั้น ซึ่งมันก็ออกมาประมาณนั้น

เนื้อเพลงบอยเขียนมาค่อนข้างดีมาก เลยนะครับ เน้นไปที่เรื่องการแบ่งแยกชนชั้นและชนชาติ มันมีตัวละครอยู่สองตัวในเพลงนี้ คือคนนึงอยากไปทำตามความฝัน ทำสิ่งที่อยากทำ แต่อีกคนนึงบอกว่าอย่าทำเลย พยายามดึงให้มาเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เขาเปรียบเทียบเป็นคำในหนังสือที่เขาอ่าน

Y Reverse (ตายก่อน)

มิว: เป็นเพลงอะคูสติกเพลงเดียวของพวกเรา เป็นเพลงช้าที่สุด เมโลดี้ คอร์ดอะไรเป็นเหมือนในเพลงหมด แต่มันยังไม่สุด แล้วเพลงนี้ผมเลยส่งเดโมให้พี่เบียร์ลองฟังดูว่าเราจะสามารถทำให้มันดีได้กว่านี้ไหม เพลงนี้ผมเขียนมาประมาณสองปีแต่ตันมาก เขียนฮุกไม่ได้ แล้วเวิร์สสองมันที่สุดในความหมายของผมละ แต่เพลงมันต้องมีท่อนฮุก แล้วพี่เขาชอบเพลงนี้ แกก็อาสาขอโปรดิวซ์ให้ เขียนเนื้อท่อนฮุกให้ด้วยก็เลยออกมาเป็นแบบนี้

รู้สึกยังไงบ้างที่ได้รับการเสนอชื่อในสาขาศิลปินกลุ่มหน้าใหม่ สีสันอะวอร์ดส์

เจมส์: ไม่คิดว่าจะถูกส่งชื่อ เกินความคาดหมายแล้ว กับวงที่ได้นี่ก็คิดว่าเราสู้เขาได้ด้วยหรอวะ (หัวเราะ)

กันย์: เราไม่เคยรู้เลยว่าเขาตัดสินจากอะไร คะนงคะแนน รู้ตัวอีกทีก็มีชื่อเข้าไปแล้ว

มิว: ตื่นเต้น ดีใจ นี่นั่งรถกันมากินฟรีครับ (หัวเราะ)

โย: พี่ Foxy เขาบอกว่าอาหารที่งานอร่อย (มิว: เขาได้รางวัลตอนปีที่แล้ว)

กับวง จุลโหฬาร No One Else แดเนียล ดิษยะศริน YERM แล้วก็ ชาติ สุชาติ รู้สึกยังไงกับผลงานของวงเหล่านี้

มิว: เพลงเขาดีมากเลยนะ วงพวกผมนี่โนเนมที่สุดละในการเข้าชิงรางวัลในครั้งนี้ แล้วเราก็คิดว่า หรือว่าเพลงเราดีวะเลยได้เข้าชิง ก็มโนไปแล้ว เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาใช้อะไรตัดสิน (เจมส์: แต่จุลโหฬารโหดอยู่) เออ จุลโหฬารน่าจะได้ เขาชัดเจนในตัวตน

คิดว่า 3 ปีหลังจากเปิดตัว VEGA ใน No Signal Input มาถึงจุดนี้ได้ไวไปหรือเปล่า

มิว: ผมว่าไม่ไวเลย เราทำงานกันทรหดมาก อยู่บนความคาดหวังที่ไม่รู้ว่างานเราจะมีไหม

เจมส์: ตอนแรกเราคิดว่าอัลบั้มนี้ก็ปล่อยไปทำสนุก แล้วทำแผ่นใหม่ให้ป๊อปขึ้นแล้วขายได้มากขึ้นไหม ไม่คิดว่าจะได้เงินหรืออะไรจากชุดนี้ ปรากฏว่าเราได้ชิงรางวัลจากชุดนี้

มิว: จริง เหมือนโชคดีด้วยนะ วงพวกผมอะ ตอนปล่อย เคมี มาก็ได้มาเล่นงาน ฟังใจมัน มาเล่นงาน Cat Expo มีคนสนใจ พอปล่อยนี่ไปอีกก็ได้มาสีสันอะวอร์ดส์ มากับดวง

การประสบความสำเร็จของ VEGA คืออะไร

วง: อยากไปเล่นต่างประเทศ

กันย์: ถ้าเล่นในไทยก็อยากเล่นเปิดให้วงที่ชอบ (มิว: อยากเล่นงานไร Maho Rasop Festival มั้ย) อยากเล่นให้ King Gizzard and the Lizard Wizard ต้องมาซักที

มีวง คณะเบียร์บูด พูดชม VEGA ตลอดเลยนะ

กันย์: พวกผมก็ชมพี่เขา (หัวเราะ) (มิว: คุยกันบ่อยครับ) เขามีค่ายต้นสังกัดอยู่ที่ญี่ปุ่น (Guru Guru Brain Records) แต่วงเจ้าของค่ายเบสที่ยุโรป (Kikagaku Moyo) เลยได้ไปขายไปทัวร์ที่นั่น เลยมีคอนเน็กชันตามไปได้ แต่ก็ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งเยอะเกินไปสำหรับพวกเรา เราก็อยากจะทำแบบนั้นได้บ้าง

เจมส์: เอารถไปจำนอง กลับมาค่อยเอาเงินไปไถ่คืน (กันย์: แต่เขาได้กลับมาเยอะกว่าที่ลงทุนไปทีแรกนะ ไม่รู้ว่าคุ้มเขาหรือเปล่า)

มิว: แต่ได้ประสบการณ์ก็คุ้มแล้ว (กันย์: แต่เขาเล่าให้ฟังว่าเหนื่อยมาก ใช้ชีวิตอยู่บนรถตลอด เพราะขับรถเอง) แล้ววงที่ทำเพลงในประเทศไทยแบบพวกผม ผมว่าจุดประสงค์คือก็อยากออกไปเล่นต่างประเทศกันหมดแหละ เพราะเขารู้ว่าเพลงเขาทำงานกับคนไทย กับต่างชาติยังไง ผมว่าฝรั่งเขาโอเคกว่านะ เหตุผลที่พวกผมเล่นกลางคืนกันที่ร้านที่ชาวต่างชาติเยอะ เราจะเห็น feedback เวลาเราเล่นเพลงแบบนี้ ถ้าไปเล่นบางที่ก็อกหัก คนไม่ค่อยเข้าใจบ้าง แต่จินตนาการว่าถ้าได้ออกไปเล่นต่างประเทศก็อาจจะดีก็ได้

มีต่างประเทศติดต่อมาบ้างหรือยัง

มิว: ไม่เคยเลย (หัวเราะ) แต่ลองถามพวกพี่ The Octopuss ว่าไปเล่นกันยังไง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าก็ต้องมีเงินออกเอง แล้ววงพวกเราจนด้วย (หัวเราะ) ทำงานอยู่แบบมื้อต่อมื้อ วงพวกผมอะ ถ้าจะไปถึงจุดนั้นต้องให้มีใครเห็นอะไรในตัวพวกเรา ตอนนี้เลยวางแผนกันว่า ถ้าได้ทำซิงเกิ้ลหรืออัลบั้มต่อไป เราจะทำให้เป็น world music มากกว่านี้ ผสมผสานความเป็นไทย แล้วนำเสนอให้ต่างชาติฟัง เน้นตีตลาดตรงนั้น (กันย์: ฝรั่งเขาชอบชาติพันธุ์บ้านเรานะ) ทำให้มันสุดโต่ง เพราะผมมองว่าวงผม ถ้าจะให้มันป๊อปกว่านี้ มันจะเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว ขนาดอัลบั้มนี้พยายามทำกันป๊อปที่สุดแล้วมันก็ยังทำงานได้แค่นี้ มันเฟลอะครับ เลยจะไม่ทำเอาใจใครแล้ว ทำให้สุดไปเลยดีกว่า

มากรุงเทพ คราวนี้จะได้ไปเล่นที่ไหนหรือเปล่า

วง: พรุ่งนี้แล้วเนี่ย! (23 เมษายน 2562) ที่ The Gru วงศ์สว่าง

แวดวงดนตรีที่เชียงใหม่ตอนนี้คึกคักขึ้นบ้างไหม

มิว: ซบเซาเหมือนเดิม ด้วยเศรษฐกิจเลย (เจมส์: ไม่มีโชว์ ไม่มีงาน) ภาพรวมทั่วฟ้าเมืองไทยนี่ดีนะ วงปล่อยเพลงเยอะ วงใหม่เยอะ เพลงดีมีมาเรื่อย ผมมองว่ามันคึกคัก แต่เชียงใหม่ไม่

อีสานกลายมาเป็นศูนย์รวมใหม่อินดี้แล้วนะ

มิว: คนอีสานเขาเอานะ เวลาไปเล่นดนตรี แทบจะที่สุดแล้ว เหมือนเขามีน้อย เขาเพิ่งมา แต่กลัวอย่าให้เป็นแบบเชียงใหม่เลย เขาจะกั๊ก นิ่ง กัน แต่คนอีสานโอเคเลย ไม่เคยคิดว่าเพลงตัวเองจะทำงานได้ขนาดนั้น พอไปเล่นอีสาน มีเพลงที่เราไม่ปล่อย เขาร้องได้หมดเลย

เจมส์: คนอีสานเขาใจ ตามมาดู ศิลปินก็ใจ (กันย์: ผู้ประกอบการด้วย) กล้าได้กล้าเสีย

กันย์: PLASUI PLASUI เขาอยู่สารคามอะ ขับรถมาเองเพื่อมาเล่นเชียงใหม่ ร้านเพื่อนพวกผมเล็ก เพิ่งเปิดใหม่ ค่าตัวก็ไม่น่าจะพอ เขาก็คิดว่า feedback ไม่ได้ดีมาก แต่เขาใจถึง

แล้วจะทำให้ซีนเชียงใหม่กลับมาคึกคักได้ยังไง

เจมส์: แค่วงใน Minimal มันก็ไม่ได้ หลาย ค่ายต้องช่วยกัน ผมว่าในเชียงใหม่มันไม่ค่อยมีใครทำผลงานเพลงแบบไม่มีค่ายช่วยแล้วไปได้ดี บางคนก็ปล่อยเพลงเดียวแล้วเงียบไป วงจริง เยอะนะครับ แต่ปล่อยไปแล้วไปต่อไม่ได้ ไม่มีงบหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อีสานบางวงไม่มีค่ายเหมือนกัน แต่เขาขยันทำ ไม่รู้เขามีเงินหรือจัดการตัวเองยังไง หาทางที่จะหาทางปล่อยงานออกมาได้

กันย์: แต่เชียงใหม่ก็มีค่ายเพลงเปิดใหม่ Children Says

เจมส์: มีวงเด็กมัธยมที่ไปประกวดฮอตเวฟ แล้วแกรมมี่จะจีบไป แต่ค่ายนี้เขาชิงมาทำก่อน เป็นเพลงร็อก

ตอนนี้เล่นร้านไหนบ้าง เผื่อใครจะตามไปฟังที่เชียงใหม่

กันย์: เจมส์ไม่ได้เล่นกับพวกเรา แต่ที่คนอื่นเล่น กันก็มี Boy Blues Bar ที่ Night Bazaar, HardRock Cafe, North Gate Jazz Co-Op แล้วก็ Lonely Heart ม้านั่ง Nabe ม้อ ที่ Think Park

มิว: เล่นเอาเป็นเอาตายอะ ถ้าพวกผมอยู่กรุงเทพ นี่รวยไปแล้ว

กันย์: กรุงเทพ เล่นทีก็ 700 อัพ แต่ถ้ายัดคิวเล่นมากสุดก็คืนละสองที่

คิดจะเลิกเล่นกลางคืนบ้างไหม

โย: ให้หยุดเล่นเลยก็ยากครับ

กันย์: อยากเล่นน้อยลง แต่ไม่อยากเลิก

เฟี้ยว: เคยอยากเล่นน้อยลง แต่ตอนนี้อยากเพิ่ม ไอสัส (หัวเราะ) ไม่มีกินแล้ว

มิว: จริง เห็นบางวงในกรุงเทพ ที่พอเขาดังก็ไม่เล่นกลางคืน ถือเป็นข้อดีอย่างนึงที่วงจะมีคนตามมาดู แต่พวกผมทำอย่างงั้นไม่ได้ เพราะยังสนุกกับการเล่นเพลงคัฟเวอร์อยู่ อยากพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด

เจมส์: พี่โก้ Mr. Saxman ยังเล่นเล้ย เปิดร้านก็เล่นเพลงตัวเอง

การที่ค่าย Minimal เป็นสัญลักษณ์ของวงเชียงใหม่ เป็นจุดช่วยขายไหม

มิว: คำว่า Minimal ช่วยให้คนเข้าถึงวงใหม่ อย่างพวกเราได้ง่ายขึ้น อย่างคนจะรู้จัก Solitude is Bliss

เจมส์: เขาก็มั่นใจได้เวลาบอกว่า มาจาก Minimal ก็เหมือนมีดีกรีอะไรก็ว่าไป

มิว: แต่เพจพวกผมส่วนมากคนกรุงเทพ กับอีสานมาไลก์เพจเยอะกว่าคนเชียงใหม่ด้วยกันด้วยซ้ำ จริง ที่เชียงใหม่วงพวกผมก็เล่นกันบ่อยแล้วเขาก็เบื่อแล้ว แต่จะมีพวกพี่สนิมหยกที่เขามีฐานแฟนเพลงกันมาเป็นสิบปี เล่นกันมานาน

เป้าหมายปีหน้า

มิว: เกณฑ์ทหารครับ (หัวเราะ) ผมกับกัน จะอยู่จะไป รู้กัน เมษาปีหน้า โคตรเซ็งครับ ก็ต้องพักไปปีนึง แต่ระหว่างนั้นพวกผมคงไม่ปล่อยเวลาเสียเปล่าหรอก ตอนนี้พวกผมกำลังปั่นเพลงใหม่ Minimal ไม่ให้ทำอัลบั้มละ ทำซิงเกิ้ลแทน อาจจะทำ 3 เพลงก่อนที่จะถึงเมษาปีหน้า ถ้าโชคร้ายต้องเข้ากรมก็ให้เพลงใหม่ทำงานไป ช่วงนั้นก็ไม่รับงาน ไม่ให้มันขาดช่วง เพราะว่าผมสังเกตดูว่าวงต้องปล่อยเพลงตลอด จะดังแค่ไหนถ้าหายไปคุณจบอะ ห้ามให้ขาดช่วง ต้องวางแผนไว้ก่อน

เมื่อวาน เป็นวัน 420 พอดี คิดยังไงกับการมีเสวนากัญชาจริงจังหลายที่ กับเทศกาลดนตรีที่บุรีรัมย์

เจมส์: ผมว่ามันจัดได้ง่าย เลยนะถ้ามันเป็น case study ไม่ได้เป็นเสรีให้ดูด (กันย์: เขาเหมือนจะบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็งด้วยปะ) แต่คิดว่าจัดงานได้ใหญ่ก็สุดยอดแล้วนะ ตอนนี้มันเป็นกระแสด้วย คนรุ่นใหม่รอและให้ความสนใจอยู่แล้ว มีพรรคการเมืองตอนที่เลือกตั้งก็หาเสียงกับเรื่องนี้ ไปเรื่อยเลย (หัวเราะ)

กันย์: แต่ถ้าทำได้จริงก็ต้องควบคุมได้ด้วยไม่งั้นฉิบหาย เราก็รู้นิสัยคนไทย นอนชิลไป

เจมส์: อย่างน้อยคิดว่าเด็กแว้นซ์จะน้อยลง เพราะมันจะไปมั่วสุมเยอะขึ้น โอกาสการเสียชีวิตก็น้อยลงนะเว่ยไปนั่งดูดที่บ้าน (หัวเราะ) แล้วเคยมีโพสต์บอกว่า ขับรถเนี่ยดีกว่ามั่วสุมเสพยา แต่ถ้ามึงตายมาพ่อแม่มึงเสียใจนะ (มิว: แต่เดี๋ยวเขาก็ดันให้มันถูกกฎหมายจนได้ ขายให้มันแพง ) คิดว่าก็จำกัดอายุการซื้อนั่นแหละ แต่คิดว่าพอทำอย่างงั้น ประเทศไทยมันไม่เข้มงวด มันก็เหมือนทุกวันนี้เด็กมอสามสูบบุหรี่ได้ยังไง สุดท้ายมันเป็นไปได้ยาก

อยากเห็นอะไรในซีนดนตรีของเราอีก

มิว: จริง ดนตรีบ้านเรากำลังดีมากเลย มาถูกทางแล้ว แต่มันต้องมีวิธีซัพพอร์ตวงใหม่ ที่จะออกมาให้ดีกว่านี้ คนดูก็ควรจะสนับสนุนเพราะว่าวงเล็ก เนี่ยมันไม่มีเงินทุนทำเยอะ ขนาดวงพวกผมก็ถ้าค่ายไม่ออกให้อาจจะไม่มีโอกาสทำอัลบั้มเหมือนกัน

โฟล์กก็มาแรงมาก แต่บางทีก็เป็นปัญหานะทำให้การจ้างงานน้อยลง บางทีเขาคิดว่าเอาวงอะคูสติกไปก็ขายบัตรได้ ไม่ต้องเรื่องมากกับเครื่องสงเครื่องเสียงอะไรด้วย เขาก็ไปกันคนเดียวได้ มีหลายงานติดต่อให้วงพวกผมไปเล่นสองคน อะคูสติก แต่พวกผมไม่รับ VEGA มันเล่นไม่ได้!!! (หัวเราะ) กีตาร์โปร่งเงี้ย หลายวงในเชียงใหม่เจอเหมือนกัน สนิมหยกให้ไปเล่นเงี้ย ก็จะเป็นอย่างงั้น ต้องรอให้มันหมุนมาถึงวงร็อกอย่างเราอีกรอบนึง

แล้วก็อยากให้ตั๋วคอนเสิร์ตถูกกว่านี้ (หัวเราะ) จริง เพราะคนที่อยากจะมาศึกษาเรื่อง performance หรือมาดูวงที่ตัวเองชอบจะได้มีเงินจ่ายพอสำหรับกรณีศึกษา อยากให้ถูกลงอีกนิดนึง แล้วก็อยากให้คอนเสิร์ตกระจายหน่อย มีคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่บ้าง อีสานบ้าง ไม่ใช่ที่เดียว

กันย์: บางทีคนต่างจังหวัดเขาเสียโอกาส ค่าตั๋วมันรับได้อยู่แล้ว แต่บางทีถ้าต้องลงมาจากเชียงใหม่ ค่าเดินทางเนี่ย บานอะ เหมือนเราซื้อตั๋วสองใบ (มิว: ทริปนึงประมาณเจ็ดพัน)

ฝากผลงาน

มิว: จริง พวกเราก็ปล่อยเพลงเรื่อย ทุกเพลงในอัลบั้ม น่าจะปล่อยเพลง F# สิ้นเดือนหน้าเพราะทำ mv อะไรเสร็จหมดแล้ว

เฟี้ยว: ฝากติดตามเราที่ The Gru มากันเยอะ นะครับ เดี๋ยวพวกเราไม่มีค่ารถกลับบ้าน (หัวเราะ) จริงจังนะเนี่ย

กันย์: ขายบัตรหน้างานครับ ใครอยากมาก็มาเลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้