สำรวจรอยมืดดำในจิตใจไปกับ torrayot โปรเจกต์เดี่ยวเพื่อระบายความในใจของ อู๋ The Yers
- Writer: Malaivee Swangpol
- Photographer: Chavit Mayot
ตั้งแต่เห็น teaser ของ torrayot ที่งาน The Yers 10Y เราก็รอคอยจะฟังเพลงเต็ม ๆ มาตลอด จนเพลงออกมาจริง ๆ ก็คุ้มค่ากับการรอคอย กับการโซโล่แบบสะใจกว่าสองนาที บวกไปกับภาพ mv ที่โคตรเท่ วันนี้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ torrayot แบบเต็มอิ่ม ใครอยากเข้าใจเหตุผลที่อู๋ The Yers ลุกมาทำงานเดี่ยว ก็ตามเรามาอ่านด้านในได้เลย
ยินดีด้วยกับงานแต่ง เป็นไงบ้าง เห็นทุกคนบอกว่าสนุกมาก ๆๆๆ
เหนื่อยกว่า 10Y อีกครับ เหนื่อยกว่าทั้งสองรอบเลยครับ แต่ก็เป็นวันที่เรามีความสุขในชีวิต
จากฉลาด ถึงรอยมืดดำ กระบวนการทำงานคนเดียวล้วน ๆ ยังเหมือนเดิมไหม
เหมือนกันมาโดยตลอด แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย ระหว่าง torrayot กับ The Yers เพราะ The Yers เราก็ทำเองหมดเลย เพียงแต่ว่าเราแจกจ่ายให้เพื่อนได้ไปคิดอะไรเพิ่ม ไปดีไซน์ไลน์อะไรเพิ่มเข้ามาเท่านั้นเอง ส่วนขั้นตอนในการเริ่มเพลง อะเรนจ์เพลง บันทึกเสียง เสียงไหนที่เราอัดได้เราอัดไปเลย แล้วก็โปรดิวซ์เองทั้งหมด
อะไรทำให้อยากโซโล่ยาวกว่า 2 นาทีในรอยมืดดำ
เราว่ามันเป็นวิธีคิด วิธีเล่น ของวงดนตรีเอ็กซ์เพอริเมนทัล ชูเกซ นอยซ์ป๊อป นอยซ์ร็อกอยู่แล้ว เราว่าจริง ๆ มันเป็นเรื่องโคตรธรรมดาเลยของคนที่ฟังเพลงแนวนี้ เราแค่ต้องการจะทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จริง ๆ เราพยายามจะยัดลงไปใน The Yers อย่างเพลงดื่ม แต่ด้วยความที่มันเป็น The Yers เราใส่ขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน แต่ในอัลบั้มนี้ของ torrayot มันมีอะไรแบบนี้อีกมากมายเลย ถ้ารับไม่ได้ก็อย่าฟังเพลง แต่ถ้ารับได้ มันจะฟินทางรูหูมาก
mv รอยมืดดำถ่ายที่ตุรกีใช่ไหม กระบวนการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
ใช่ครับ ถ่ายที่คัปปาโดเกีย ปามุกคาเล อิสตันบูล เชสเม โกเลมเม่ เอเฟซุส ก็น่าจะทุกที่ในตุรกีเลยที่ไป เราเก็บฟุตไปเรื่อย ๆ ถ่ายเองบ้าง แฟนเราถ่ายบ้าง พ่อเราถ่ายบ้าง สามคนผลัดกัน จริง ๆ คือตอนแรกไม่ได้ตั้งใจให้เป็นตุรกี เราพยายามคิดอยู่นานเพราะว่าเราอยู่สนามหลวง เราออกเงินค่า mv ค่าโปรดักชั่น ค่าทำเพลงเองทุกอย่างหมด เราก็พยายามหาวิธี แบบ เอ๊ะ mv กูยังไงดีวะเนี่ย ปรากฎว่าเราไปเจอฟิลเตอร์ในกล้องเราที่เราซื้อมา แล้วฟิลเตอร์มันเป็นภาพขาวดำแบบวูบวาบ ๆ แบบ ไอ้เชี่ย เจ๋งว่ะ แม่งคือเพลงกูเลย ก็เลยพกกล้องไปด้วยโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ mv กลับมา ถ่ายเก็บ ๆ เจอมุมไหนเท่ ๆ ฝากกล้องไว้ที่แฟน แล้วก็ลงมาเดินเก๊กไปเรื่อย ๆ ปรากฏ เอ้ย ฟุตแม่งพอว่ะ แล้วแม่งตัดได้ ก็เลยได้ mv มาฟรี ๆ จากการไปเที่ยว โดยที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม อ่อ มีฝาเลนส์หายไป ร้อยกว่าบาท (หัวเราะ)
ใครเป็นคนตัด mv
(ชี้มาที่ตัวเอง) ตัด mv เอง จริง ๆ เราเคยเป็นผู้กำกับ mv มาก่อนตอนอยู่ smallroom งานวิดีโอก็เป็นงานที่เราถนัดอีกแขนงนึง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ เราทำ mv ให้ smallroom น่าจะมีเกือบ 20 ตัว ในช่วงที่เราอยู่อะ เราเป็นอาจารย์สอนวิดีโอด้วยนะ ที่ดุริยางคศิลป์ มหิดล mv ตัวต่อ ๆ ไปก็น่าจะดูแลเอง เพราะว่าภาพในหัวเรามันชัดจนเกินจะให้คนอื่นทำได้ แล้วเรากลัวไปอยู่ในมือคนอื่นแล้วมันผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่เราคิดไว้
ได้เพลงอะไรมาไหมจากทริปนั้น
ไม่มีเลยครับ ได้สองอย่างคือได้ mv กับได้ขอแฟนแต่งงาน (หัวเราะ)
ตุรกีเป็นอย่างไรบ้าง ชอบมั้ย
ไม่ชอบคนกับไม่ชอบอาหารครับ ที่เหลือโอเคหมด บริการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอไปเจอร้านอาหารไทยที่มีคนไทยก็คือแฮปปี้มาก ๆ เลย เราดันไปเจอที่ไม่เวิร์กเยอะเกินไปจนไม่แฮปปี้ด้วย แต่อากาศกับทัศนียภาพสุดยอด
เห็นว่าในอัลบั้มจะเกี่ยวกับเรื่อง ‘ด้านมืดของจิตใจ และความไม่สมบูรณ์แบบ’ ทำไมถึงเลือกเล่าเรื่องนี้
เราเล่าเรื่องนี้มาตั้งแต่ The Yers แล้ว เราเล่ามาตลอด แต่เราแค่ขุดให้มันลึกขึ้น เพราะว่าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเล่าใน torrayot มันไม่สามารถเล่าใน The Yers ได้ The Yers มันมีความ outside in ด้วย มันเป็นเรื่องของคนอื่นที่มาเชื่อมโยงกับเราด้วยอะ มาจูนกับเรา แต่เรื่องนี้มันคือเรื่องที่เราเสียใจพอ ๆ กันกับ The Yers แต่เราอยากนำเสนอให้มันรุนแรงและให้มันส่วนตัว ให้มันซีเรียสมากขึ้นไปอีกโดยที่ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของคนฟัง หรือว่าไม่ต้องมานั่งจูนให้มันมีสถานการณ์อะไรตรงกันกับคนฟังเลย ไม่แคร์เลย
ใช้วัตถุดิบอะไรเล่าเรื่องความดาร์ก หรืออกหัก ทั้ง ๆ ที่คบกับแฟนมาตลอด 17 ปี
เราเป็นคนคิดมาก เราเป็นคนชอบเก็บเรื่องไม่ดีไว้กับตัว แล้วเราเจอคนเกลียดเราเยอะมาก จริง ๆ ก่อนที่เราจะมาเป็นนักร้องเนี่ย ตั้งแต่มัธยมแล้ว เราโดนหาเรื่อง โดยเฉพาะผู้หญิงจะรังเกียจเรา ผู้ชายก็จะประมาณนึง บุคลิก นิสัย ท่าทาง วิธีการพูด หน้าตา เราจะเป็นที่รังเกียจของคนมาโดยตลอด ซึ่งความเกลียดเหล่านั้นเราก็เคยน้อยใจกับมันนะ ในช่วงที่เราอยู่กรุงเทพมาราธอน เราเคยได้ยินคนพูดว่าแบบ ‘มึงไม่ใช่คนไม่ดีเว้ย มึงไม่ใช่คนน่ารังเกียจ แต่หน้าตามึงอะ มันน่ารังเกียจ บุคลิกมึงมันน่ารังเกียจ’ ก่อนที่เราจะเป็น The Yers คือเรารู้ตัวเองเลยอะว่าคนประเภทนี้คือคนประเภทที่คนส่วนใหญ่จะอี๋ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งก็ยังเจอคนเหล่านั้นมาเรื่อย ๆ แล้วมันก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงของเรามาโดยตลอด อย่างเพลงนึงในอัลบั้มนี้ก็มาจากคน ๆ นึงที่ทำกิริยาแบบนั้นกับเรา เป็นผู้หญิงที่เป็นรุ่นน้องในวงการเดียวกัน แต่ไม่เคยไหว้ ไม่เคยอะไร ทำหน้าตาแบบ กูไม่อยากคุยกับมึงอะ กูไม่ชอบมึงอะ เราก็ไม่รู้จะระบายยังไง เราระบายด้วยปากกานี่แหละ (หัวเราะ) ให้เค้ารู้
อย่างเพลง ฉลาด ด่าคนพวกนี้ไหม
ไม่น่าเกี่ยว เราแค่ด่าคนที่พูดกับเราไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)
ทำไมพาร์ตดนตรีมีลึกไปถึงดูมเมทัลเลย อันนี้เอาสะใจล้วน ๆ เลยใช่ไหม
เรามาหลงใหลเมื่อช่วง 3-4 ปีมานี้ที่เริ่มทำอัลบั้ม เราเคยชอบวง Queens Of The Stone Age มาก ชอบ Kyuss มาก เป็นวงสโตเนอร์แล้วเราก็พยายามขุดลงไปเรื่อย ๆ ว่า ไอ้ที่มันหม่นกว่านี้ ที่มัน deep down กว่านี้คืออะไรวะ เราไปเจอดูม เมทัล เราไปเจอ funeral metal ซึ่งมันเป็น stoner metal ที่หนืดกว่า แล้วเสียงต่ำกว่า พูดเรื่องราวที่มั่นซีเรียสกว่า เชี่ยเราแม่งเหมือนเจอพื้นที่ของตัวเองว่ะ แล้วเราก็หลงรักมันมาก บวกกับซาวด์กีตาร์ชูเกซ คือเราฟังชูเกซมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วอะ แต่เราไม่เคยชอบมันเลย เราไม่รู้ว่าเราจะชอบส่วนไหนของชูเกซ ไอ้เหี้ยกลองก็เบา ซาวด์กีตาร์ก็ดังชิบหาย ร้องก็ฟังไม่รู้เรื่อง My Bloody Valentine เราเคยไปดูเมื่อตอน 2013 ก็เฉย ๆ ก็ไม่ได้อะไรมาก จนพอมาอินมากต้องหาวิธีไปดูอีกรอบนึง เพราะว่าเรารู้ตัวเลยว่าเราชอบชูเกซมาก The Cure ที่เราชอบเราก็ชอบเพลงที่เป็นชูเกซ ทีนี้มันก็เริ่มบวกกันระหว่างชูเกซกับดูมเมทัล เพราะว่าบรรยากาศของสองแนวนี้ มันค่อนข้างซีเรียส และหม่น และดาร์ก แล้วก็ เฮ้ย เชี่ย เรามีหลายเพลงที่เราทำเป็นชูเกซที่เก็บไว้อะ ถ้ากูทำชูเกซแบบนี้ กูเหมือนหลาย ๆ วงที่ทำอยู่ตอนนี้แน่ ๆ นึกออกมั้ย ตึ่งตึ่งโป๊ะ ตึ่งตึ่งโป๊ะตึ่ง ตึ่งโป๊ะ แล้วก็วิธีการ swirr ของการเล่นกีตาร์ วิธีการสร้าง wall เสียงอะไรก็ตามที่เป็นแบบนั้นอะ เราก็เลยรู้สึกว่าเอ้ย มันมีมั้ยวะที่มันเป็นดูมเมทัลผสมชูเกซ แล้วเราเอาความชอบส่วนตัวของเราที่มันเป็นพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัล อัลเทอร์เนทีฟ โพสต์ร็อก เอามาผสมให้มันอยู่ในอัลบั้มเดียวกัน ให้มันอยู่ในความเข้าใจของเรา เราก็เลยผสมทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่าเราชอบมากที่สุดลงมาใน torrayot แล้วเรากล้าพูดเลยว่ามันไม่มีระเบียดนิ้วไหนที่เราไม่ชอบเลย แล้วมันเป็นคอนเซปต์อัลบั้มที่มันกลมมาก เรียงเพลงให้ต่อกันด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่เราหลงใหลมาก ตั้งแต่เด็กแล้ว คือถึงแม้ว่าทุกอัลบั้มของ The Yers จะมีคอนเซ็ปต์ แต่เรายังรู้สึกว่ามันยังมีความเป็นวาไรตี้อยู่ในนั้น ซ่อนอยู่ แต่อันนี้มันคือคอนเซ็ปต์อัลบั้มโคตร ๆ ด้วยเนื้อหา ด้วยดนตรี ด้วยอาร์ตเวิร์ก ด้วยทุกอย่าง
ฟังดูมเมทัลวงไหนบ้าง
Sleep, Sunn O))), Jesu, Electric Wizard, Black Sabbath คือเรายังไม่ลงลึกถึงพวกบรูทัล พวกแบล็ก สปีดเมทัล คือเรารู้สึกว่า ดูมเมทัลแม่งจูนกับเราติด แล้วเราชอบวิธีการนำเสนอของมัน เชี่ย กีตาร์ริฟฟ์แม่งโคตรง่ายเลย แต่เราฟังแล้วบรรยากาศแม่งอบอวลไปด้วยความซีเรียส เราเป็นคนหลงใหลความซีเรียสมาก ๆ อะไรที่มันกดดัน อะไรที่มันทำให้สมองเราเครียดได้ เรารู้สึกว่าตรงนั้นมีสเน่ห์
ความซีเรียส กดดัน จะออกมาในเพลง torrayot ด้วยไหม
แน่นอน แน่นอน
ทำไมถึงมาออกเพลงกับสนามหลวง
(หัวเราะ) ตอนแรกเราจะทำเองแบบไม่มีค่าย แล้วเราคุยกับที่ Genie เค้าไม่อนุญาตเพราะติดสัญญา เราก็เลยยื่นข้อเสนอกับจีนี่ว่า งั้นผมมีให้สองชอยส์นะ ให้ผมทำกับจีนี่นี่แหละ หรือ ถ้าผมไม่ได้ทำ ผมก็ออกจากจีนี่ไปเลย คือเราชั่งน้ำหนักแล้วว่า ถ้าเราไม่ได้ออกอัลบั้มนี้ มันจะแย่ขนาดไหน เพราะอัลบั้มนี้มันมีประโยชน์มากมาย กับตัวเราเอง กับวงเราเอง และกับอนาคตของเราด้วย เราก็เลยกล้าที่จะยื่นข้อเสนอนั้นกับจีนี่ ซึ่งเค้าก็ช็อก ๆ ตอนเราพูดไป แต่ปรากฎว่า เค้าหาทางออกที่มันสมบูรณ์แบบได้คือ ลิขสิทธิ์เป็นของเรา ยังอยู่ในแกรมมี่ มีคนช่วยเรื่องพีอาร์ และมีคนช่วยเรื่องอาร์ตเวิร์กนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คือสนามหลวง เราก็ อ๋อ เออว่ะ เรามองข้ามไปได้ยังไงวะ แล้วพอมาคุยกับสนามหลวง เออ ทุกอย่างเป็นอย่างที่เราต้องการ แค่นั้นเลย สนามหลวงก็น่ารักมาก จีนี่ก็น่ารักมากที่ยอมให้เราทำ ไม่มีผิดใจอะไรกันแน่นอน แต่คนที่จีนี่บางคนยังไม่รู้เลยว่าเราออกอัลบั้มเดี่ยว (หัวเราะ) ณ ตอนนี้
มีความกังวลอะไรไหม ในฐานะ torrayot
ไม่มีเลย (ตอบทันที) เราคือคนเดียวกับคนที่นั่งแต่งเพลง รถไฟ นั่งแต่งเพลงการสื่อสารอยู่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอะ และกำลังจะปล่อยเพลงแรกของตัวเอง ไม่มีความคาดหวัง หรือไม่มีความกดดัน ไม่มีอะไรมาค้ำคอเราอยู่เลยอะ เราไม่กลัวที่จะไม่มีคนชอบ เราไม่กลัวที่จะไม่มีคนฟังเลย เพราะเรารู้สึกว่าเรารีเฟรชตัวเองมาก ๆ ได้กลับมาเป็นไอ้คน ๆ เดิมที่ตื่นเต้นกับทุกขั้นตอน วันนี้เรามานั่งสัมภาษณ์ เราแม่งโคตรตื่นเต้นเลย นี่เป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรกแบบคนเดียว ทุกอย่างมันใหม่หมดเลย พอเรารู้ว่าเราจะมีเล่น เราแม่งอินกับการหาอุปกรณ์ดนตรีมาก ๆ จากที่เราหมดเรื่องนี้ไปประมาณ 6-7 ปีแล้วอะ กับ The Yers เราใช้มัลติเอฟเฟคต์ก้อนเดียว เข้าตู้กีตาร์ จบ ทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดเพราะขี้เกียจละ แต่อันนี้แม่งกลายเป็นว่าเราเหมือนไอ้เด็กคนนึงที่ยังไม่มีชื่อเสียง แล้วพยายามจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่อีกครั้งนึง แค่ได้ออกไปเล่น ได้ปล่อยเพลงที่ไหนซักที่นึง แม่งโคตรมีความสุขแล้วอะ
เหมือน 14 อีกครั้ง
ใช่ อย่างนั้นเลยอะ เราแม่งโคตรขอบคุณตัวเองเลยที่ทำโปรเจคต์นี้ แม่งมีประโยชน์มาก ๆ
ใครจะมาเล่นแบ็คอัพให้ torrayot บ้าง
เราเลือกมือเบสไว้แล้วที่ค่อนข้างแน่นอน คือน้องเซนต์ วง Town เซนต์เป็นรุ่นน้องเราที่มหาวิทยาลัย เป็นลูกของเพื่อนพ่อเรา แล้วก็เป็นผู้ช่วยเราที่สตูดิโอ ก็คืออัลบั้มนี้เราทำกับเซนต์สองคนเลย เซนต์เป็นซาวด์เอนจิเนียร์ แล้วเราก็เป็นคนวิ่งเข้าวิ่งออกไปอัดแล้วก็ออกมาเช็ค ส่วนมือกลองเราคุยไว้แล้วแต่เรายังไม่เคยมาซ้อมกันเลย ไม่เคยมาเจอหน้ากันเลย ก็คือ นนท์ Death of Heather เราหามือกลองนานมากเพราะเราซีเรียสเรื่องกลอง เราเป็นมือกลองมาก่อน แล้วเราพยามนึกอยู่ประมาณสิบกว่าคน จนวันนึงเราไปดูเค้าเล่นที่งาน Pink Cloud ก็แบบ ไอ้เชี่ย วงนี่แม่งซาวด์ดีที่สุดเลยว่ะ โดยเฉพาะกลอง แม่งตีสะอาดมาก แม่งตีเนี้ยบมาก แล้วก็เราถูกใจมือกลอง ซึ่งเวลาเราถูกใจมือกลองมันยากมาก เพราะเราเป็นมือกลองเหมือนกัน เราจะถูกใจน้อยมาก ๆ จนเราเห็นนนท์แล้วเราอยากให้นนท์ลองมาซ้อมกันดู แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มซ้อมกันนะ อาจจะเปลี่ยนก็ได้ ใครจะไปรู้ (หัวเราะ) ก็คือเล่นแค่สามชิ้นเลย
เปิดทรยศสตูดิโอมานานแค่ไหนแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง
ปีกว่าแล้วครับ สนุกมากเลย จริง ๆ สิ่งที่เราไม่ชอบอย่างนึงคือการให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน แต่ปรากฎว่า คนแปลกหน้าเหล่านั้น นำพาอะไรบางอย่างมาให้เรา อย่างความฝันอะ คือเวลาเราเห็นว่าที่ยังไม่มีชื่อเสียงมาอัดเพลง แม่งโคตรรู้สึกดีเลย แม่งรู้สึกว่าแบบ เชี่ยแม่ง ในอีกแง่นึงมันช่วยกระตุ้นความรู้สึกช่วงแรก ๆ ที่เราเล่นดนตรีตลอดเวลา แล้วพอความรู้สึกที่ดีอีกอย่างนึงคือ เราได้เจอเพื่อน ๆ ในวงการ ที่อยู่อีกเลเวลนึง วงอีกเลเวลนึงที่มีอัลบั้มแล้ว มีชื่อเสียงแล้ว แล้วมาอัดกัน มันก็ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ซึ่งกลายเป็นว่าแม่งมีความสุขมากเวลามีคนมาที่บ้าน แล้วถ้าเราอยู่บ้านแล้วเราว่าง เราก็จะช่วยแบบ เอ้ย เอฟเฟ็กต์ลองก้อนนั้นก้อนนี้มั้ย เบสลองไมค์กิ้งแบบนี้มั้ย กลองลองเอากระเดื่องมาไมค์กิ้งแบบแปลกใหม่ดูมั้ย ก็สนุกสนาน ได้อยู่กับดนตรี
การเป็นโปรดิวเซอร์ ส่งผลอะไรกับมุมมองในการเป็นศิลปินไหม
มันช่วยอย่างแรงเลยครับ วงนี้ เรารู้สึกว่าเราเล่นดนตรีห่วยมาก เมื่อเราทำงานกับ De Flamingo มันเนี้ยบมาก โดยเฉพาะไอ้ปอม (กีตาร์) มันเป็น perfectionist เลย จนเราต้องบอกมันว่า ปอม พอแล้ว ถ้าเนี้ยบไปกว่านี้มันคือหุ่นยนต์แล้ว แล้วกลายเป็นว่ามันทำให้เราพยายามจะเป็นนักดนตรีที่สมบูรณ์แบบอย่างพวกมันด้วยซ้ำ มันเก่งมาก ๆ อย่างฟักแฟงที่เราทำให้ ก็เป็นคนที่ร้องเพลงเก่งมาก แล้วก็เราทำวงอีโมวงนึง ที่ไม่มีใครรู้ แล้วมันยังไม่ออก คือ Bandit Boy มาจากเชียงใหม่ นอกจากนี้เราก็เพิ่งจบงานให้ซิน Singular ซิงเกิ้ลล่าสุด แล้วก็มีเพลงอีกมากที่ยังไม่ได้ปล่อย ของพี่ปาล์มมี่ (หัวเราะ) ซึ่งไม่รู้จะปล่อยเมื่อไหร่ คือทำแค่เพลงนวด แล้วก็อีกเป็น 10 ๆ เพลง แต่ก็สนุกนะ กับการเป็นโปรดิวเซอร์ ก็ขอบคุณเค้านะ พี่มี่เค้าเป็นคนแรกที่ตัดสินใจให้เราช่วยงานในฐานะโปรดิวเซอร์ จนทำให้มันมีผลพลอยได้หลังจากนั้นมาเรื่อย ๆ
การมีสตูดิโอทำให้กล้าทำงานเดี่ยวด้วยหรือเปล่า
ไม่เกี่ยว เพราะเราทำก่อนจะมีสตู เราเริ่มทำเดโม่ทั้งหมดตั้งแต่ก่อนทำอัลบั้ม CRY แล้ว แต่เพลงทั้งหมดเพิ่งมาอัดที่ทรยศสตูดิโอ การมีสตูดิโอมันช่วยในแง่ของความสะดวกสบาย เพราะเราสามารถจะอัดเพลงเมื่อไหร่ก็ได้ จัดการ จัดสรรเวลาได้ง่ายขึ้น แล้วก็ใช้เวลากับมันได้มากขึ้น
ตอนนี้อัลบั้มถึงไหนแล้ว
มาสเตอร์เสร็จหมดแล้ว เพิ่งเสร็จเมื่อวานซืน ตอนนี้เราได้มาสเตอร์ครบแบบสิบเพลงที่เรียงแทร็คแล้ว เหลือแค่ทยอยถ่าย mv แล้ววางแผนปล่อย อัลบั้มนี้จะยาวประมาณ 30-40 นาที
หลังจากเล่น The Yers 10Y มีความรู้สึกอะไรเปลี่ยนไปในฐานะศิลปินมั้ย
เราสนุกแค่ตอนอยู่บนเวทีวันนั้น แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วก็เจออะไรเดิม ๆ เหมือนเดิมอยู่ดี คือวันนั้นเป็นวันที่เรามีความสุขมาก มันถูกต้องอะ เราขวนขวายอยากได้คนดูแบบนี้มาตั้งแต่ทำวง คนที่แม่งสามารถร้องเพลงรถไฟได้ กล่องจดหมายได้ แล้วกลายเป็นว่าตั้งแต่ต้นยันจบโชว์แม่งกลายเป็นโชว์ที่แม่งร้องตามได้หมดอะ ไม่ได้หันหลังเพื่อรอเพลงฮิต
การไปแจมกับศิลปินอื่น อย่าง S.O.L.E. หรือ De Flamingo ช่วยให้เราสนุกกับการเล่นดนตรีเพิ่มมากขึ้นไหม
แจมกับ S.O.L.E. เพราะอยากได้บัตรฟรี ไม่ใช่ไรเลย บอก ‘เติ้ล กูอยากได้บัตรฟรีว่ะ ตังค์ไม่พอว่ะ เชี่ย ทำไรก็ได้เว้ยเติ้ล’ แค่นั้นเลยเว้ย แล้วมันก็ยอม เสือกยอมด้วย (หัวเราะ) แต่ว่ามันก็สนุกดีนะ เราก็ได้เจอน้อง ๆ ที่เป็นรุ่นใหม่ ๆ ที่มีไฟ แต่แจมกับ De Flamingo เราอยากแจมอยู่แล้วเพราะว่าเราพูดตรง ๆ คือเราอยากให้คนมาดู De Flamingo เยอะ เราเลยตัดสินใจไปแจมกับน้องมัน ถ้างานไหนที่เล่นด้วยกัน หรือว่ามีโอกาส เราสามารถเรียกแฟนของเราเพื่อมาดู De Flamingo ได้ เราจะทำ
วงกระจอกของเพื่อน ๆ จะทำต่อไปไหม
เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยเว้ย (หัวเราะ) ไอ้เต๋าแม่งจัดการหมด ไอ้เต๋าเนี่ย มันตื่นเต้นกับการจัดงานแต่งของเรามากที่สุดในบรรดาเพื่อนทั้งหมด แล้วก็ทำเพจอะไรของมันก็ไม่รู้อะ ทำทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้อะ (หัวเราะ) แต่แบบ ก็ตลกดี ก็มันดี ที่เราได้เห็นมันเล่นดนตรีอีกครั้ง ถีงแม้จะเป็นงานแต่งเราเราก็โคตรแฮปปี้เลยนะ แล้วมันเต็มที่มาก เป็นคนที่ซ้อมเยอะที่สุด คือในงานแต่งมันไม่ได้เล่นแค่เพลงมั่ว ๆ อย่างเดียวนะ มันเล่นเพลงสำหรับช่วง walk in ช่วงตัดเค้ก ช่วงโปรยดอกไม้ ช่วงโยนดอกไม้ ที่เราค่อนข้างซีเรียส แล้วโห ไอ้เต๋าแม่งอยู่บ้านซ้อมเปียโน ซ้อมกีตาร์แบบเต็มที่มาก ขอบคุณวงกระจอกด้วย
ฝากผลงาน
ฝากกดไลก์เพจ torrayot หน่อย ยอดไลค์ทั้งหมดตอนนี้ยังซื้อน้ำเปล่าขวดนึงไม่ได้เลยมั้ง (หัวเราะ) ฝากไปกดเพจ torrayot หน่อยครับ แล้วก็ฝากอัลบั้มเต็มปีหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะเดือนไหน เราขอปล่อยซิงเกิ้ลไปเรื่อย ๆ อย่างที่เราต้องการก่อน ตามอย่างเส้นทางที่เราต้องการให้มันเป็นในการโปรโมตก่อน ปีหน้าแน่นอน ถ้าเป็นไปได้เราก็จะควักเงินเพื่อทำไวนิลด้วย เพราะว่าเราซีเรียสกับการ recording อัลบั้มนี้มาก
อ่านต่อ
Rockademy diary 001 ครูอู๋ The Yers
เต็มอิ่มกับสองชั่วโมงครึ่งในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 10 ปี ของ The Yers!
ร่วม CRY ไปกับ The Yers และฟ้าฝนในคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม CRY Secret Session
‘คลาย’ ทุกความสงสัยในอัลบั้มอะคูสติกงานแรกของ The Yers ‘Cry’
ติดตามฟังใจได้ที่ ฟังใจ – Fungjai