Tilly birds เจ้านกเทพที่เติบโตมากับซาวน์ที่แข็งแรง
- Writer: Teeraphat Janejai
- Photographer: Varinthorn Pormajunya
ก่อนหน้านี้พวกเรา Fungjaizinr ได้ฟังและรีวิวถึง EP ชุดแรกของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ซาวด์จัดจ้านอย่างกับอิมพอร์ตวงจากเมืองนอกมา Tilly birds ฟังวนไปมา แหม่ ติดหูเอาเรื่อง แบบนี้ก็คงอดไม่ได้ที่จะเชิญตัวมาพูดคุยกันหน่อยว่าบริโภคอะไร คิดอะไร ฟังอะไรกันมาถึงได้ทำเพลงดี ๆ ออกมาได้แบบนี้
สมาชิก
เติร์ด—อนุโรจน์ เกตุเลขา (ร้องนำ)
บิลลี่—ณัฐดนัย ชูชาติ (กีตาร์)
เบ๊บ—บรรณวิทย์ ศรีสันต์ (กีตาร์)
ไมโล—ธุวานนท์ ตันติวัฒนวรกุล (กลอง)
มารวมตัวทำวงกันได้อย่างไร
บิลลี่: ถ้านับจากที่วงของเราแอคทีฟจริง ๆ ก็เกือบสองปีแล้ว แต่จุดเริ่มต้นมันมาจากผมกับเติร์ดเริ่มกันมาก่อน ตอนช่วงม.4 ตอนนั้นก็ทำเพลงแบบฟูลแบนด์ ผมกับเติร์ดเขียนเนื้อร้องวางดนตรีกันเอง แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยเติร์ดก็ได้ไปรู้จักกับทั้งสองคน ก็ชักชวนกันมาเล่นครบ 4 คนลงตัวพอดี
ชื่อวงมาจากไหน
บิลลี่: จริงๆ ที่มาของชื่อวงเรามันไม่เท่เลย Tilly bird มันมาจาก บิลลี่ – เติร์ด แค่นั้นเลยครับ
เติร์ด: แต่ผมไปลองเสิร์ชดู มันมีความหมายนะ ในวรรณคดีของอังกฤษมันแปลว่านกที่แข็งแรง
ก่อนที่จะมี EP เคยทำซิงเกิลเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนด้วย
บิลลี่: ใช่ครับ ทำวงกันมา 4 ปีถึงปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมา ก็ฝึกฝีมือไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นผมอยู่ปี 2 และก็ปล่อยอีกสองสามเพลง ปีละเพลง เราก็อัพเพลงไว้บนยูทูปไม่ได้ทำอะไรกับมันมาก
ฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้างกับการทำเพลงสากล
เติร์ด: ช่วงแรกฟีดแบคส่วนใหญ่ที่ได้ก็จะมาจากเพื่อน ๆ มากกว่า แต่พอเราจบมัธยมมาก็เริ่มทำ mv กันเอง เพลงเราถึงได้ออกไปในวงกว้าง ก็ไม่เคยถึงกับโดนว่ากระแดะ อาจจะเป็นเพราะด้วยแนวเพลง และความถนัดของเรา มันเลยทำให้เพลงมันไปสุด ไม่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ก็มีคนถามบ้างว่าทำไมไม่ทำเพลงไทย
ทำไมถึงเริ่มต้นที่การทำเพลงด้วยเนื้อร้องภาษาอังกฤษ
เติร์ด: ด้วยพื้นฐานผมกับบิลลี่ เราเริ่มต้นมาจากฟังเพลงสากลเสียเป็นส่วนใหญ่ เราก็เลยถนัดที่จะทำเพลงสากลมากกว่า ด้วยภาษาและดนตรีมันก็จะแตกต่างจากการทำเพลงไทย อย่างเนื้อร้องถ้าเป็นภาษาไทยเราต้องมาคำนึงกันถึงเรื่องวรรณยุกต์ สระ เสียงสั้นเสียงยาว ซึ่งภาษาอังกฤษจะฟรีสไตล์กว่า
บิลลี่: และจำนวนเพลงสากลที่มีอยู่บนโลกก็ย่อมมีมากกว่าเพลงไทยอยู่แล้ว ทำให้แนวเพลงที่ผมสองคนได้ยินมาก็จะหลากหลายกว่า ทำให้พวกผมมีอะไรให้ลองเล่นหลายอย่าง
แล้วทำไมถึงหันกลับมาทำเพลงไทย ต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง
เติร์ด: เราอยากเจาะกลุ่มคนไทย ซึ่งถ้าเราเลือกทำเพลงสากลแต่เพียงอย่างเดียวคงเจาะกลุ่มคนไทยได้ไม่มากขนาดน้ัน ส่วนเรื่องปรับตัวก็คงปรับที่ผมคนเดียวในเรื่องการแต่งเนื้อร้อง ก็ต้องฝึกอยู่นาน เพราะเราไม่เคยชินกับการแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาไทยแบบจริงจัง ก็แก้เนื้อกันอยู่หลายรอบ เนื้อร้องไม่เข้าปากบ้าง เมโลดี้ไม่ได้บ้าง แต่ก็สนุกดีกับความท้าทายนี้
บิลลี่: เอาเข้าจริงมันก็ท้าทายพวกเราอีกสามคนในเรื่องการทำดนตรีด้วย ตอนแรกเราประหม่าที่จะทำมาก กลัวว่ามันจะออกมาเป็นเพลงทั่ว ๆ ไป แต่สุดท้ายเราก็ยังคงแนวดนตรีของพวกเราไว้ได้ และก็สื่อสารข้อความออกมาเป็นภาษาไทยได้อย่างที่เราต้องการด้วย
คอนเซปของ Ep นี้ว่าด้วยเรื่องอะไร
เติร์ด: 5 เพลงนี้เป็นเพลงอกหักหมดเลย ไม่มีความสมหวังเลย พวกเราเป็นคนที่คิดแบบว่า ถ้าปล่อยให้เขาไปแล้วเขาจะไม่มีความสุข เราก็จะยื้อเขาไว้ จุดยืนเราชัดเจน เราดื้อ ก็เลยส่งผลมาถึงดนตรีที่หนักหน่วง เป็นอกหักใน 5 รูปแบบ มีเต้น มีสนุก มีโยกหัว มีดาร์กด้วย
แนะนำเพลงที่คุณชอบให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักพวกคุณมาก่อน
เบ๊บ: ฉันไม่ใช่ (คนที่ใช่) ผมชอบต้นกำเนิดของเพลงนี้ คงเล่าลึกมากไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องประหลาด ๆ อยู่ที่ได้เพลงนี้ขึ้นมา ในเรื่องดนตรีก็จะเต้นๆ หน่อย สนุก
ไมโล: เพื่อ เป็นเพลงที่ผสมผสานของพวกเรา มีทั้ง soul และ garage – rock ชอบที่มันมีจังหวะบิ๊วท์อารมณ์ได้ด้วย ส่วนตัวผมเองก็ยังเลือกที่จะฟังเพลงนี้อยู่ทุกวัน
เติร์ด: คนที่มีความหมาย เป็นเพลงแรกที่ผมแต่งเนื้อแล้ว มันติดหูมาก บางท่อนในเพลง ผมรู้สึกว่ามันเอาไปเป็น quote ดี ๆ ได้เลย เพราะเพลงอื่นอาจจะยังไม่มี punch line ที่ดีเท่าเพลงนี้ ริฟฟ์กีต้าร์ก็มีความเป็นสากลมากด้วย
บิลลี่: เพื่อ มันเป็นเพลงที่ใหม่ที่สุดใน Ep ใหม่สำหรับพวกเรา และก็คิดว่าใหม่สำหรับวงการเพลงไทย เพลงอื่นอาจจะยังบอกได้ว่ามันมีกลิ่นอายมาจากเพลงอะไร หรือเป็นแนวอะไร แต่เพลง เพื่อ มันตอบยากที่สุดว่ามันเป็นแนวอะไร มันเศร้า แต่ก็โยกได้ แต่ส่วนตัวจะชอบเพลง เรื่องดี ๆ ที่สุด เพราะเมโลดี้มันลงตัวที่สุด ไลน์กีตาร์อาจจะดูรก แต่ก็เข้ากัน ถึงแม้ว่าดนตรีจะเมนสตรีมมาก ๆ แต่พอทำมาสเตอร์ออกมาแล้ว ผมทึ่งกับเพลงนี้ที่สุด
ทำเพลงสากลแบบนี้ได้อิทธิพลหรือชื่นชอบวงอะไรกันบ้าง
เบ๊บ: ก่อนที่จะเริ่มทำเพลงกับวง ผมก็พยายามหาวงที่จะทำให้ผมพร้อมกับการมาทำเพลงกับพวกเขา ก็เลยชอบฟัง The Black Keys กับ The Stroke
บิลลี่: ถ้ากลับไปฟังซิงเกิ้ลแรก ๆ ก็คงจะเห็นว่าผมฟังอะไรมาบ้าง ก็จะมี Green day กับ Arctic monkeys แต่พอสมาชิกเราครบแล้ว ก็ทำให้เพลงที่ออกมาไม่ได้บ่งบอกว่าผมฟังเพลงอะไรอยู่ แต่ถ้าตอนเด็กๆ ผมก็จะฟังเพลงยุค 70 hard rock
เติร์ด: ผมแปลกสุดในวง ผมฟัง Mariah Carey หรือพวกวง soul เก่า ๆ แต่พอได้มารู้จักกับบิลลี่ เขาแนะนำเพลงให้ฟังพวก Arctic Monkeys หรือ Red Hot Chilli Peppers แต่ที่ฟังแล้วชอบที่สุดคือ The Black Keys เพลงเขาเท่มาก เราก็เลยนำสิ่งที่เราฟังตั้งแต่เด็ก มาผสมผสานกับสิ่งที่เรารับเข้ามาใหม่
ไมโล: ตอบยากเหมือนกัน เพราะเวลาเราทำเพลง ทุกอย่างที่เคยฟังมันก็จะเข้ามาผสมผสานกันไปหมด หน้าที่ของผมคือ พอรู้ว่าคนนี้ชอบแบบนี้ แล้วเพลงนี้จุดประสงค์มันคืออะไร ช้าหรือเร็ว ผมก็จะเลือกหยิบแต่ละอย่างที่อยู่ในหัวของผมออกมาใช้
แล้วเพลงไทยล่ะ มีเพลงหรือศิลปินที่ชื่นชอบไหม
บิลลี่: ผมเป็นคนที่แทบจะไม่ฟังเพลงไทยเลย แต่ตอนนี้ก็ต้องเริ่มฟังบ้าง เรียกว่าทำความรู้จักวงการ ทำความรู้จักกับธรรมชาติของคนฟังเพลงไทย เรามี input ของวงต่างชาติแล้ว ถ้านำมาทำเป็นเพลงไทยมันก็จะได้สิ่งที่แปลกใหม่ แค่ต้องระวังเรื่องการใช้ภาษาเท่านั้นเอง
ไมโล: จริง ๆ เรื่องไม่ฟังเพลงไทยของบิลลี่นี่ถือเป็นเรื่องโจ๊กของพวกเราเลย เราเคยพูดถึงเพลง แสงสุดท้าย ของ Bodyslam แล้วบิลลี่ทำหน้างงๆ อย่างผมจะโตมากับ Silly fools, Pru และ Flure
เติร์ด: ผมก็โตมากับเพลงไทย แต่ส่วนใหญ่จะค่อนไปทาง Pop rock เพิ่งมาจากรู้จักวงการเพลงไทยอินดี้เมื่อไม่นานมานี้ เราก็เริ่มฟังเพลงของพวกเขาบ้าง เพื่อศึกษาว่าเขาแต่งเนื้อร้องกันอย่างไร แต่ผมก็จะมีแรงบันดาลใจมาจากพี่นิ่ม สีฟ้า, พี่ฟองเบียร์, พี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ และพี่บอย โกษิยพงษ์ เราอยากจะทำเพลงที่มีเนื้อร้องดี ๆ แบบพวกพี่ ๆ
เบ๊บ: ผมฟังเพลงตลาดทั่วไปเลย ไม่ได้ชื่นชอบใครเป็นพิเศษ
ยังสนุกกับการทำเพลงกันเองหรือว่าสนใจที่จะสังกัดค่าย
บิลลี่: ผมว่าการแต่งเพลงกันเอง โปรดิวซ์เพลงกันเอง ถ่ายเอ็มวีเอง มันไม่ใช่ปัญหาเลย พวกเรายังมีความสุขกับการทำแบบนี้อยู่ แต่ความลำบากและปัญหาที่เจอคือ พอเราไม่ได้สังกัดค่ายไหน เราก็จะไม่มีช่องทางในการโปรโมตเท่าที่ควร แต่ในอนาคตก็คิดว่าคงจะดีถ้าได้ทำงานร่วมกับค่ายใดสักค่ายหนึ่ง
ในฐานะที่บิลลี่เป็น YouTuber คนหนึ่ง มองเห็นโอกาสจากการนำเสนอเพลงผ่านช่องทางโซเชียลอย่างไรบ้าง
บิลลี่: ผมว่าวงการยูทูป กับวงการเพลงมันค่อนข้างแตกต่างกัน มันแยกออกจากกันพอสมควร ที่ผมทำแชนแนลของตัวเองขึ้นมาส่วนหนึ่งก็หวังว่าจะสามารถดึงคนมาฟัง Tilly birds ได้ แต่สุดท้ายเราก็รู้ว่าเป็นคนฟังคนละกลุ่มกัน อาจจะได้มานิดหน่อย แต่มันก็เป็นช่องทางที่ดีสำหรับการเริ่มต้น อย่าง Boyce Avenue เขาก็เคลมว่าเขาเป็นวงอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขและการออกทัวร์ก็คงจะจริงอย่างนั้น แต่ถามว่าสำเร็จหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ เพราะคนส่วนใหญ่ก็จะฟังแค่เพลงโคเวอร์มากกว่าเพลงที่เขาแต่งเอง ซึ่งผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับ Tilly birds ผมเลยตัดสินใจที่แยกทั้งสองส่วนออกจากกัน
มีอะไรแนะนำวงใหม่ ๆ สำหรับเส้นทางการเข้าสู่วงการดนตรีบ้าง
บิลลี่: ผมว่าการที่จะเข้ามาอยู่ในวงการเพลงได้ ก็คือการออกไปเล่นสด เราต้องออกไปให้ได้ เริ่มรู้จักคนที่เล่นดนตรีเหมือนกัน รู้จักวงอื่น ๆ บ้าง หาที่เล่นไปเรื่อย ๆ จริง ๆ ก็เป็นวิธีแบบเดิม ๆ อย่างเราก็ได้ไปเล่นที่งาน Noise Market ได้เล่นเป็น opening act ให้กับงานของค่ายสนามหลวงมิวสิค ซึ่งก็เริ่มจากการที่เราเข้าไปคุยกับทางค่ายว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าเขาเห็นว่าเราเล่นได้จริง พอเขามีงานก็จะมาชวนเราไปเอง ซึ่งน่าจะดีกว่าการอัดคลิปลงยูทูปแต่เพียงอย่างเดียว
เติร์ด: ผมเชื่อว่ายังมีนักแต่งเพลงอิสระที่เก่ง ๆ อีกเยอะ ขอแค่ลงมือทำเลย ทำอย่างไรก็ได้ให้เพลงที่เขียนในกระดาษ ถูกอัดลงไปอยู่ในโปรแกรมอัดเสียงอะไรก็ได้
ไมโล: จริง ๆ ก็เหมือนบอกตัวเองไปด้วย เพราะเราก็ยังเป็นวงรุ่นใหม่เหมือนกัน ก็อยากจะชวนให้เพื่อน ๆ ที่สนใจและรักในการทำเพลง อยากชวนให้ทำเพลงออกมาเลย ปล่อยทางไหนก็ได้ จะใช้เวลาทำแค่ไหนก็ได้ เป็นปีก็ยังได้ แต่ต้องปล่อยออกมาให้คนฟัง
เบ๊บ: ผมแนะนำให้สร้างคอนเนกชันนะ ผมเชื่อเรื่องการมีพวกพ้อง อย่างตัวผมก็เป็นคนที่เข้าหาคนไม่ค่อยเก่ง มันก็ทำให้ผมเห็นช่องโหว่ระหว่างคนที่เข้าหาคนเก่ง กับ คนที่อยู่กับตัวเองอย่างเดียว คนที่เข้าหาคนได้มากก็ยิ่งมีโอกาสใหม่ ๆ มากขึ้น มันต่างจากการเกาะเพื่อหาผลประโยชน์นะ บางทีเราก็แลกเปลี่ยนกัน
ฝากอัลบั้มนี้ถึงคนอ่านหน่อยว่ามันสำคัญกับพวกคุณอย่างไร
บิลลี่: อยากฝากอัลบั้มนี้ไว้กับทุกคนด้วย อยากให้ลองเปิดใจฟังดู เพราะมันเป็นผลงานที่เป็นก้าวสำคัญของพวกเราทั้งสี่คนที่ทำกันมาเป็นปี ๆ พวกเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่ด้วยสำหรับเพลงไทย ก็หวังว่าเพลงของพวกเราจะสามารถเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับวงการดนตรีไทย และพวกเราก็จะยังทำอะไรใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ก็ฝากติดตามพวกเราด้วย มีช่องทางติดตามได้ทั้งทาง Facebook Twitter และ Instagram ส่วนเพลงก็สามารถหาฟังได้ที่ฟังใจและสตรีมมิ่งอย่าง Joox, Itunes และ Deezer ส่วนแผ่นซีดีก็น่าจะตามมาในเร็ว ๆ นี้
เติร์ด: พอเราได้ออกไปเล่นมาบ้าง ก็เริ่มมีน้อง ๆ มัธยมมาขอคอร์ดเพลงของพวกเรา เราก็รู้สึกว่ายังมีคนที่เห็นคุณค่าและความรักที่พวกเราใส่เข้าไปในเพลง เราก็ดีใจมากที่สามารถขับเคลื่อนให้น้อง ๆ รุ่นใหม่ได้ทำในสิ่งที่รัก
ไมโล: ผมว่า Tilly birds ก็น่าจะเติบโตได้อีกเรื่อย ๆ ด้วยความสามารถของทุกคน บิลลี่เขาก็วางแผนไว้สำหรับพวกเรามากมาย พวกเราก็ค่อย ๆ เดินไปทีละก้าว แต่ก็มองเห็นฝันที่อยู่ไกล ๆ ที่สำคัญคือเราก็ยังมีความสุขกับมันอยู่ เราก็อยากจะส่งต่อความสุขของพวกเราไปสู่คนฟังให้กว้างกว่านี้ ถ้าเราสามารถส่งความสุขออกไปได้มาก เราก็จะมีโอกาสในการทำเพลงหรือเล่นสดมากขึ้นตามไปด้วย
เบ๊บ: อัลบั้มนี้ถือว่าเป็น 5 เพลงแรกในชีวิตของผม ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานครั้งนี้ ก็อยากให้ลองมาฟังเพลงจากเด็กหัดทำเพลงกันดู ดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผมมาก ๆ
รับฟังเพลงจาก Tilly birds บนเว็บไซต์ฟังใจได้ที่นี่