The Whitest Crow เรื่องราวการเล่นเปิดคอนเสิร์ตให้กับผู้ชายชื่อ Liam Gallagher
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer : Kamonphan Amornmaekin, Insane.
“สวัสดีครับพวกเรา วง The Whitest Crow จาก Bangkok, Thailand ครับ ” นี่คือคำกล่าวแรกของวงดนตรีที่เล่นเปิดในงานคอนเสิร์ต Liam gallagher Live in Bangkok หลาย ๆ คนในงานต่างพากันสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้มาเล่นเปิดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้ Fungjaizine จึงไม่รอช้าจับ 4 หนุ่ม The Whitest Crow มาถามไถ่ก่อนขึ้นเวทีกันไปเลย
บทสัมภาษณ์นี้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
ความรู้สึกแรกที่ได้รู้ว่าต้องเล่นเปิดคอนเสิร์ต Liam Gallagher
เบน: ถามว่ารู้สึกเซอร์ไพรส์มากไหมก็ไม่มากครับ เพราะส่วนตัวเราเองรู้ข่าวนี้มาจากเติ้ล อยู่ ๆ มันก็พิมพ์ไลน์มาบอกในกลุ่มของวงว่า วันที่ 12 รอคอนเฟิร์มนะจะมีงานเล่นเปิดให้กับวงต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้บอกนะว่าวงอะไร วินาทีนั้นคือช็อกไปแล้ว แบบวงอะไรวะเนี่ย (FJZ: สรุปตื่นเต้นหรือไม่ตื่นเต้น) ในใจก็เผื่อไปว่า เราจะได้เล่นรึเปล่า มันเป็นงานเล่นจริง ๆ ใช่ไหม
เติ้ล: ตอนที่ไลน์ไปผมก็ไม่ได้บอกนะว่า คืองานเล่นเปิดวงอะไรแถมตอนที่พิมพ์ไปคนในวงก็อ่านไม่ครบอีก ต้องรอมาอ่านกันให้ครบก่อนค่อยบอกว่า เล่นเปิดใคร (หัวเราะ) สุดท้ายพี่อ๋องทนไม่ไหวต้องโทรมาหาผมส่วนตัวเลยว่าใคร
อ๋อง: ผมโทรไปเลยว่า มีอะไร บอกกูก่อนได้ไหม กูตื่นเต้นอยู่ ตกลงเล่นเปิดใคร เล่นงานอะไร แต่เติ้ลก็ไม่ยอมบอกจนต้องรอเบนอ่านข้อความในไลน์ถึงจะบอก
เบน: พอผมมาอ่านข้อความคราวนี้มาเลย ความรู้สึกแรกของจริง ไอ้เหี้ย!! เซอร์ไพร์สแบบสุดไปอีก ยิ่งพอมีการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการแล้วยิ่งทำให้เราตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก
อ๋อง: ของผมเองตื่นเต้นตอนรู้ตั้งแต่แรกเลย เหมือนวงเรามันเว้นช่วงไป ไม่ได้เล่นคอนเสิร์ตด้วยกันนานมาก เล่นกีตาร์ไม่เป็นแล้ว เล่นแต่คีย์บอร์ดให้แต่กับวง S.O.L.E. เนี่ย (หัวเราะ)
แบงค์: ดีใจนะครับ ตอนที่รู้ว่า Liam Gallagher เล่นปิดเรา ล้อเล่นนะครับ (หัวเราะ) ส่วนตัวค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก ตอนแรกเราแค่รู้ว่าเขาจะมาเล่นในไทยก็รู้สึกว่า เออน่าไปดูดีนะ แต่พอเรารู้ว่าเราได้เล่นเปิดงานนี้ เหี้ยแล้ว! ทุกอย่างในงานมันดูตรงกับเราหมดเลย ทั้งโทนของงาน แนวเพลงต่าง ๆ นี่มันงานใหญ่นะ มันเป็นโอกาสที่ดี เราจะไม่พลาดมันแน่นอน
เติ้ล: ตัวผมเองเป็นคนรับโทรศัพท์คนแรกเลย รู้เรื่องคนแรก มันเลยรู้สึกพีคมาก ๆ ตอนที่พี่อู (สมิทธิ เพียรเลิศ) จากทาง Very TV โทรมาหาแล้วถามว่าวันที่ 12 มกราคมว่างรึเปล่า สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือ เช็กในอินเตอร์เน็ตเลยว่าวันนั้นมีคอนเสิร์ตอะไรบ้าง แต่ผมหาไม่เจองานนี้ก็ตกใจแบบตกลงเราเล่นให้ใครเนี่ย Foster the People แน่ ๆ (หัวเราะ) สรุปสุดท้ายมารู้ว่า The Whitest Crow ต้องเล่นเปิดให้ Liam Gallagher ณ ขณะนั้น ผมดีใจมาก ส่งเสียงออกมาเลย วู้ว!!! แบบไม่มีเสียงอยู่หน้าตู้ แต่มันก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มทุกอย่าง 100% นะครับ แค่ได้รู้ว่ามีโอกาสแล้วได้หรือไม่ได้ก็ช่างแม่งล่ะ ความรู้สึกมันคือเราข้ามไปทุกจุดที่เราเคยไปเลย มันโชคดีมาก ๆ ที่ได้โอกาสนี้มา เชื่อว่าชาตินี้มันคงไม่ได้มีอะไรแบบนี้อีกแล้วล่ะครับ
รู้สึกอย่างไรที่ได้ยินคำว่า The Whitest Crow เป็นวงตัวแทนจากประเทศไทย
เบน: เขาประกาศจริง ๆ ใช่ไหม (หัวเราะ)
เติ้ล: รู้สึกดีนะ แต่ไม่ได้คิดว่าเราเป็นส่วนหลักของงานครับ เรารู้สึกว่าได้โอกาสมาเล่นเปิดแล้ว แม้จะเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยของงานเราไม่ซีเรียส อย่างน้อย ๆ เขาอาจจะโผล่มาดูบ้าง แค่นั้นก็โอเคมากแล้ว
ความทรงจำกับผู้ชายที่ชื่อว่า Liam Gallagher และวง Oasis
อ๋อง: เราเริ่มฟัง Oasis ก่อนที่จะมาเล่นกับ The Whitest Crow จริง ๆ ผมชอบตอนเขาอยู่กันเป็นวงมากกว่า ถ้ากับ Liam Gallagher อาจจะไม่มีความทรงจำมากมายเท่าไรครับ
เบน: เมื่อก่อนฟังวง Oasis นะ แต่ไม่ได้ฟังบ่อยมาก จนมาเริ่มฟังบ่อยช่วงหลัง ๆ เพราะต้องเล่นวง The Whitest Crow แนวเพลงแบบนี้มันได้ แถมวงนี้มีส่วนที่เป็นหนึ่งในจุดตัดของพวกเราด้วย เลียมเหมือนเป็นตำนานคนนึงครับสำหรับผม ที่สำคัญเชียร์แมนเชสเตอร์ซิตี้ด้วย (หัวเราะ)
แบงค์: เอาจริง ๆ เขาดูเป็นคนเกรี้ยวกราดดีนะ Liam Gallagher เขาเป็นไอคอนของคนยุค 90s เลย ส่วนตัวเพลงเราอาจจะไม่ได้ไปฟังแล้วติดอะไรขนาดนั้น ส่วนตัวเขาเองแม่งต้องเป็นคนที่มีอะไรอยู่แน่ ๆ มันก็เป็นโอกาสทีดีที่ได้เล่นคอนเสิร์ตของเขาครั้งนี้
เติ้ล: Liam Gallagher แม่งคือ (หัวเราะ) เขาเหมือนคนแก่ที่ไม่ยอมแก่ครับ เหมือนว่า เราต้องเลือกฝั่งเลยว่ามึงจะเอาเลียมหรือเอา Noel Gallagher แต่ตัวเราเลือก Damon Albarn (Blur) นะ (หัวเราะ) เราฟัง Oasis มานานแล้วชอบเพลงเขา รวมไปถึงบุคลิกของเขาที่มันเห็นแล้วจำง่าย เช่น ถ้าเจอใครใส่สเวตเตอร์ใหญ่ ๆ พอจะไปซื้อเสื้อแบบนั้นใส่บ้างจะกลายเป็นเลียมทันที พอไว้ผมหน้าม้าร้องเพลงเชิด ๆ หน่อย มึงร้องเพลงแบบเลียมเลยทันที เหมือนเขาเป็นไอคอนแห่งยุคไปแล้ว ความรู้สึกมันเหมือนพ่อมา พ่อกลับมาแล้วมาทวงคืนบัลลังก์บริตร็อกให้กับทุกคน
เพลงที่ชอบของ Oasis หรือ Liam Gallagher
อ๋อง: เราจำชื่อเพลงไม่ค่อยได้นะ แต่ถ้าให้เลือกก็คงหนีไม่พ้น Wonderwall, Don’t Go Away ครับ
เบน: ชอบ Champagne Supernova เพราะเป็นเพลงแรก ๆ ที่ฟังแล้วติดหูในรอบแรก รู้สึกว่ามันป๊อป มันเป็นเพลงที่คลิกสุดของเรา
แบงค์: ถ้าเป็น Oasis ผมชอบ Don’t Go Away, Slide Away ถ้าเป็น Liam Gallagher ผมชอบ For What It’s Worth, Wall of Glass, China Town ผมรู้สึกว่าอัลบั้มที่ออกมามันมีความเป็น Oasis ค่อนข้างสูง ฟังง่าย ทำให้เราเข้าถึงง่ายด้วย
เติ้ล: ผมชอบ I’m Outta Time แม่งเป็นเพลงเดียวที่ Liam Gallagher แต่งแล้วเพราะเลยนะกับเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Dig Out Your Soul จริง ๆ ผมชอบเลียมร้องเพลงมากกว่าโนลนะ ความรู้สึกตอนฟังโนลมันจะเป็นแบบคุณอามาร้องเพลงให้ฟัง ส่วนเลียมมันจะแบบเหมือนพ่อชวนลูกที่ดูดยาอยู่มานั่งร้องเพลงให้ฟัง ทรงมันดูเท่กว่านิดนึง
โชว์ของ The Whitest Crow ในค่ำคืนนี้ที่จะเกิดขึ้น มีอะไรเตรียมไว้พิเศษบ้าง
เติ้ล: คงไม่มีอะไรหวือหวามากครับ แต่จะมีบางเพลงที่เราไม่ได้เล่นนานมาก ๆ อยู่ในโชว์ของเราวันนี้ด้วย
อ๋อง: มีเพลงทั้ง 2 อัลบั้มที่ปล่อยออกมา เราคัดสรรมาอย่างดีครับสำหรับโชว์นี้
เพลงของ The Whitest Crow ที่อยากให้ Liam Gallagher ได้ลองฟัง
เติ้ล: เอาไปทั้งแผ่นเลยครับ (หัวเราะ) ถ้าต้องเลือกเพลงนึงใช่ไหมครับ ให้ฟังเดโม่เพลงใหม่ดีกว่า เดโม่ที่ยังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ทำด้วย จะได้ดูเหมือนว่า เขามาโปรดิวซ์เพลงนี้ให้เราจริง ๆ ผมล้อเล่นนะครับ ความจริงอยากให้เขามาด่าเราเฉย ๆ ก็พอแล้วครับ แต่ถ้าเป็นเพลงที่อยากให้ฟังคงเป็น Bangkok Blondie ครับและก็เพลง Siam Psyche
ถ้ามีโอกาสถาม Liam gallagher ได้สักหนึ่งคำถาม อยากถามคำถามอะไร
อ๋อง: ต้องถามจริงจังไหมอ่ะ
เติ้ล: ถ้าเป็นคนไทยอยากมีชื่อว่าอะไร
อ๋อง: ก็เลียม (เรียม) ไง (หัวเราะ) ชื่อไทยแล้วเนี่ย
เบน: ยากจริง ๆ
อ๋อง: ไม่กล้าถามอ่ะกลัวเขาด่า
เติ้ล: อาจจะถามว่าชอบวงไทยวงไหนไหม เคยฟังวงไทยรึเปล่า
อ๋อง: จริง ๆ อยากให้เขาด่าเรามากกว่า มันดูแบบให้พรพวกเราดี
เบน: อยากถามนะ ถ้าเกิดไม่ทำเพลงแนวที่ทำอยู่ เลียมจะไปทำแนวไหนต่อ ถ้าต้องตัดความเป็น Oasis จะไปทำเพลงแนวไหน
สมมุติถ้าวันนี้วง The Whitest Crow โดน Liam Gallagher ด่าจะรู้สึกอย่างไรบ้าง
เติ้ล: ต้องถ่ายคลิปครับ ผมแม่งจำไปจนวันตายเลย
อ๋อง: ขอบคุณเลย ต้องยกมือไหว้อ่ะ (หัวเราะ) ผมเนี่ยอยากโดนด่าเรื่องทรงผม แบบด่ามาเลย ไอ้หัวหยิก Fuck you, curly hair
The Whitest Crow คิดว่าแมนซิตี้กับแมนยูใครเก่งกว่ากัน
เบน : ผมเชียร์แมนยูครับ แต่อยากจะบอกเลียมว่า บางทีก็เปลี่ยนทีมมาเชียร์ทีมเพื่อนร่วมเมืองบ้างก็ได้ (หัวเราะ)
การเล่นเปิดคอนเสิร์ต Liam Gallagher ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในการเล่นดนตรีของวงแล้วรึยัง
เติ้ล: เหมือนเราเคยบอกหลาย ๆ ครั้งนะ เราไม่มีเป้าหมายหลัก ๆ ในการเล่นดนตรีขนาดนั้น เราไม่เคยคิดว่าเราจะเล่นเปิดให้วงแบบนี้ เราไม่เคยวางไว้ก่อนเลย สุดท้ายโอกาสมันมาหา เราก็เดินไปเรื่อย ๆ ต่อไป
เบน: เป้าหมายเรามันก็เหมือนตอนแรก ๆ นะ ทำยังไงก็ได้ให้ได้ไปเล่นต่างประเทศ ต่างประเทศในที่นี้ คือ งานเฟสติวัลใหญ่เลยอ่ะ
เติ้ล: เราแค่รู้สึกว่าทำไปเรื่อย ๆ โอกาสมันจะเข้ามาหาเราเรื่อย ๆ เองแน่นอนครับ
ผลงานหลังจากนี้ของ The Whitest Crow ที่เรากำลังจะได้ฟังกัน
เติ้ล: มีอัลบั้มเดี่ยวพี่อ๋องฮะ (หัวเราะ) เดี๋ยวจะมีเพลงใหม่ในโปรเจกต์ Fungjai Crossplay Season 2 ครับ เล่นครั้งแรกในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย วันที่ 10 มีนาคมSky Arena ดาดฟ้า Fortune Town เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ส่วนวงที่เราไปร่วมงานในโปรเจกต์นี้ด้วยคือ Arak and the Pisat Band ส่วนจะเป็นเพลงอะไรอยากให้ติดตามกันให้ดี ๆ ครับ
ได้ข่าวว่ากำลังทำเพลงภาษาไทยกันอยู่ด้วย ความยากง่ายในการทำเพลงครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เติ้ล: ยากเหมือนกันนะ มันมีความลำบากในการนั่งเขียนเนื้อเพลง การออกเสียงด้วย มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากกว่า ก็พยายามทำดนตรีให้มันแบบถูกใจคนฟังและตัวเราด้วย
อ๋อง: แต่ถ้าถามว่ามันแปลกใหม่ยังไงจากเดโม่ที่เราเคยทำกัน มันต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลย เราว่ามันดีกว่า ณ ตอนนั้นเยอะ
เบน: เหมือนเพลงไทยเมื่อก่อนของเรามันมีความวัยรุ่นอะ มันมีความเด็ก ๆ อยู่ เฟี้ยวฟ้าว อันนี้มันคือเราโตขึ้นมาเยอะแล้ว มันมีความแก่แต่เก๋ามากขึ้น เรารู้สึกว่าอัลบั้มนี้มันจะเป็นอัลบั้มที่ดี อัลบั้มที่ 3 แล้วอะ
เติ้ล: มันเป็นเรื่องของเวลาด้วยล่ะที่เรารู้จุดว่าตอนนี้เราต้องทำเพลงประมาณนี้ ทุกอย่างมันหลอมรวมมาว่าต้องทำแบบนี้แล้ว
สุดท้ายนี้ฝากถึงคนที่ได้ดูหน่อยในค่ำคืนนี้หน่อย
เติ้ล: อยากฝากครับ สำหรับคนตั้งใจมาดูพวกเรา ขอบคุณมาก ๆ นะครับ เรารู้สึกดีใจมากงานวันนี้เหมือนเป็นของขวัญปีใหม่ให้ทุกคนด้วยล่ะกัน ถ้าหากเราเล่นดีหรือไม่ดียังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย ส่วนสำหรับคนมาดูวงเราครั้งแรกวันนี้ก็ฝากกันด้วยนะครับ เร็ว ๆ นี้จะมีเพลงใหม่มาให้ฟังด้วย แล้วเจอกันครับ
After the Show
หลังจากที่วง The Whitest Crow ได้แสดงจบไปแล้วในครั้งนั้น ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ เติ้ล—ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์ ฟรอนต์แมนของวงต่อเกี่ยวกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นบนเวทีทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความรู้สึกของพวกเขาที่ลงมาจากเวทีแล้วเป็นเช่นไร เชิญอ่านกับบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมตรงนี้ได้เลยครับ
ความรู้สึกหลังจากที่ก้าวขึ้นไปบนเวที
เติ้ล: ตอนเราเดินเข้ามา เราเข้าด้านหลังเวทีใช่ไหมครับ มันก็จะไม่เห็นนะว่าคนดูเยอะมากน้อยขนาดไหน ตอนแรกไม่มีความตื่นเต้นเกิดขึ้นเลย แต่พอใกล้เวลาจะเล่นจริง ๆ ทุกคนเริ่มล่กกัน ผมเลยไปแอบชะโงกดูตรงม่านว่าคนเยอะแล้วรึยัง ในใจคิดไว้ว่าคนแม่งโล่งชัวร์ ๆ ปรากฏพอเอาเข้าจริงคนเพียบเลย ทุกอย่างมันเกร็งไปหมด ยิ่งปล่อยคิวของเรา ความรู้สึกมันเหมือนกลับไปเล่นดนตรีครั้งแรก ๆ เลย พอจังหวะที่เราหยุดพักแล้วไฟในฮอลล์สว่างขึ้นแม่งคือภาพที่แบบสุดจริง ๆ สำหรับเรา
ความคิดเราที่เกิดขึ้นตอนอยู่บนเวที คิดอะไรอยู่
เติ้ล: คิดเยอะที่สุดแล้วในชีวิต เล่นผิดเล่นถูกบ้าง แต่ดีใจมาก ๆ ที่มีคนมาดูวงเรา บนเวทีเราก็เห็นนะว่ามีคนเดินเข้าเดินออก ซึ่งมันปกติมาก ๆ แต่สำหรับเรามันรู้สึกเกร็ง ๆ มากกว่า ณ เวลานั้น
บรรยากาศคนดูวันนั้น ภาพที่เราเห็น เราเห็นอะไรบ้าง
เติ้ล: วันนั้นได้ยินทุกอย่างเลย มีคนพูดแกล้งเรา ด่าเรา คนทำอะไรกัน เราเห็นหมด แต่ก็รู้สึกว่า เขาก็คงสนุกของเขาล่ะ ส่วนตัวเราไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ถ้าทำแบบนี้แล้วสนุกของเขา ก็แล้วแต่เขาเลย ไม่ได้แบบเก็บไปคิดเป็นเรื่องเครียดอะไรมากมาย
พอใจกับโชว์ในวันนั้นมากน้อยแค่ไหน
เติ้ล: พอใจและแฮปปี้มาก เปิดการเปิดปี 2018 ที่ดี มันกลายเป็นทำให้เรามีไฟขึ้นอะ จากที่วงเราพักไปนานมาก ๆ พักเหนื่อยจนแบบเหลวไปแล้ว มันกลายเป็นแบบ ทุกคนมีไฟกลับมาลุยหมดเลย แล้วมันเป็นโชคดีก่อนที่เรากำลังจะปล่อยเพลงด้วย หลังจากนี้ก็ยาวล่ะ ได้สนุกกันตลอดปีแน่นอน
เสก โลโซ มาดู The Whitest Crow รู้สึกอย่างไรบ้าง
เติ้ล: มันเป็นอะไรที่ inception มาก ๆ เลยนะ ต้องไล่เรียงลำดับกันก่อน เริ่มจากพี่อู๋ The Yers คนถ่ายภาพนี้ พี่เขา คือ ไอดอลของเราเลย ชอบมาก ๆ แกใส่เสื้อวงเราขึ้นไปเล่นบ่อยด้วย พี่เขามาดูเราเล่นอันนี้คือสเต็ปนึงแล้ว แล้วพี่อู๋ถ่ายรูปพี่เสกกำลังดูวงเราอีกที มันก็เหมือนกับซ้อน 2 ชั้นแล้ว พี่เสกเขาดูสนุกสนานกับบรรยากาศวันนั้น แถมได้เล่นเปิด Liam Gallagher อีก ถ้าแคปภาพนั้นแม่งความรู้สึกทุกอย่างมันครบมาก ๆ จริง ๆ
บรรยากาศหลังลงจากเวที เกิดอะไรขึ้น
เติ้ล: เรา 4 คนแทบไม่ได้พูดกันเลยนะ แต่เป็นครั้งแรกที่เล่นเสร็จแล้วทุกคนกอดกันหมดเลย เล่นดนตรีมา 4 ปี ไม่เคยมีบรรยากาศแบบนี้มาก่อน งานนี้มันคือสิ่งที่ดึงวงเราให้กลับมาเดินต่อ มันเหมือนเป็นยาวิเศษที่ดีมากสำหรับเรา
ความทรงจำกับโชว์ของ Liam Gallagher
เติ้ล: เราก็รู้สึกถึงความเก๋าของเขานะ เหมือนมาเล่นให้เด็ก ๆ ดูว่า รุ่นเราทำกันแบบนี้นะ ส่วนตัวเราเข้าใจสิ่งที่เขาจะถ่ายทอดออกมาหมดนะหรืออารมณ์ต่าง ๆ สิ่งที่ต้องเจอ ไม่ได้รู้สึกว่าแบบจบแล้วเหรอคอนเสิร์ตนี้ ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าได้อยู่ในโมเม้นต์นั้นก็แฮปปี้มากแล้ว