Article Interview

The Raven Doll วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกมีสไตล์ที่ศรัทธาในเสียงดนตรี

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Photographer: Me Records

หลายคนอาจผ่านตากับเพลง เหมือนเดิมรึเปล่า บนหน้า YouTube ที่เมื่อกดฟังก็ต้องคล้อยตามไปกับดนตรีอัลเทอร์เนทิฟร็อกเท่ ๆ ชวนคิดถึง mv จัดเต็มจนต้องฟังวนซ้ำไปซ้ำมา มันคือผลงานของอีกหนึ่งวงที่น่าสนใจ ดีไซน์จัดจ้าน ผสมดนตรีกับแฟชั่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สไตล์การแต่งตัวก็เนียบสะดุดตา แถมยังมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดา ลองไปทำความรู้จักกับเจ้าของเสียงดนตรีเข้ม ๆ แบบนี้ในนาม The Raven Doll

สมาชิก
วัช—วัชระ บรรณสาร (ร้องนำ)
บูม—พุทธิพงศ์ เลิศวนัสวงศ์ (กีตาร์)
นะ—ณพวุฒิ วิทิตปรียารักษ์ (กลอง)
บัง—คณิณ สมันเลาะห์ (เบส)
แฟ้ม—วิษณุ หอยสังข์ (คีย์บอร์ด)

เหมือนเดิมหรือเปล่า มีที่มายังไง

วัช: มาจากแฟ้มมือคีย์บอร์ดครับ เป็นเรื่องราวของเขาที่ผมเขียนให้เขากับแฟนที่ก่อนหน้านี้ที่เขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และเราก็ขึ้นโครงเพลงนี้ขึ้นมาแล้วไม่มีเนื้อ พอนั่งคุยกันแฟ้มก็เลยเสนอเรื่องของแฟ้ม เลยเกิดเป็นเพลงนี้ที่เราอยากเขียนให้เขา เรื่องราวของคนสองคนที่อยู่ไกลกัน พอแฟ้มพูดมาผมก็เข้าใจว่าผมอยากจะได้เพลงที่ส่งต่อให้กัน เป็นคำถามและเป็นคำตอบให้กัน ส่งไปปุ๊บก็เหมือนคำถามอยู่ในเพลงนี้แล้ว เธอก็แค่ตอบมา ต่างคนก็ต่างส่งให้กันได้ เป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของความสงสัยคำถาม หรือความคิดถึง บางทีคนเราก็แค่ต้องการความสบายใจ เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ทำให้สบายใจ

เห็นบอกกำกับมิวสิกวิดิโอกันเองด้วย

วัช: ทั้ง mv เสื้อผ้า รวมถึงโปรดิวซ์ mv ด้วย ก็ดูแลตั้งแต่หานางเอก ดูโลเคชั่น สรุปคือทุกอย่าง (หัวเราะ)

พอพูดถึงดูโลเคชั่นเลยอยากรู้ว่าไปปิดถนนที่ไหนใน mv มันดูหวาดเสียวมาก

บูม: เป็นความลับครับ (หัวเราะ)

วัช: จังหวัดสระบุรีครับชื่อว่าน้ำตกโกรกอีดก คือตรงเนี้ยต้องบอกว่าความเชื่อมโยงมันคือโลเคชั่นแรกตั้งแต่เราทำซิงเกิ้ลแรกเมื่อสามปีที่แล้ว ผมกลับไปที่นั่นเพื่อเป็นการยืนยันว่าตอนนั้นเราก็เริ่มต้นนับหนึ่งของการเกิดวง The Raven Doll ประมาณว่าเรากลับมาที่เดิมในวันที่เริ่มต้นกับค่าย เลยอยากกลับมาเพื่อสร้างเรื่องราวให้กับวงของตัวเอง และเราก็ยังไม่เคยใช้โลเคชั่นที่เป็นถนนและปิดภูเขาขนาดนั้น ก็อยากจะทำ พี่นะมือกลองยังงงเลยครับ ‘เอาจริงหรอ จะให้กูตั้งกลองตรงนี้จริงหรอ’ จะไม่มีรถโผล่มาใช่มั้ย (หัวเราะ) ผมมั่นใจมากว่าไม่มี แล้วก็ไม่มีจริง ๆ

กลับไปตอนนั้นมันเป็นหน้าฝนพอดีครับ แล้วมันสวย มีทั้งหมอกมีทั้งต้นไม้ที่สีเขียว ปิดถนนทุกคนสงสัยมาก (หัวเราะ) ที่ตรงนั้นขับไปสุดภูเขามันจะมีน้ำตกอยู่ แล้วมันไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีบ้านคน ไม่มีอะไรเลย ก่อนจะไปถึงโลเคชั่นเราก็มีต้นไม้ล้มทับปิดเลนอยู่เราก็หลบเข้ามา ถ้าไม่รู้จักตรงนั้นใครก็เลี้ยวรถกลับครับ แต่ผมไปบ่อย ที่เลือกเล่นกลางถนนคือเพลง เหมือนเดิมหรือเปล่า มันเกี่ยวกับระยะทาง มันมีความหมายอยู่ เราเลยเล่นกลางถนน จริง ๆ คือเราไม่ได้ปิดถนนครับแค่ไม่มีรถผ่านเฉย ๆ วันนั้นก็มีคนมาแต่ถ้านับก็มีแค่สี่คนที่ผ่านเข้ามาตอนเราถ่ายตั้งแต่ตีห้าจนถึงสองทุ่มกว่า แต่เขามาตอนเราพักกองพอดี

บนเพจของวงก็มีคอนเทนต์ที่น่าสนใจตลอดเวลา

วัช: นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ค่อยได้นอนเพราะผมพยายามคิดตลอดเวลา ทุกคนก็เป็นห่วง แต่หลัง ๆ มาทุกคนก็เริ่มชิน จริง ๆ ผมนอนนะครับแต่สมองยังคิดตลอด ด้วยยุคนี้ด้วยครับที่ศิลปินต้องคิดต้องครีเอตด้วยความที่เป็นตัวเองจริง ๆ ค่ายก็ช่วยซัพพอร์ตได้บางเรื่อง แต่ศิลปินต้องคิดมาจากตัวเองว่าเราจะเป็นใคร เราจะทำอะไร วัน ๆ เราก็จะคิดแต่เรื่องนี้เพราะมันสำคัญที่สุดในชีวิตพวกผมละ

พาร์ตดนตรีนี่แบ่งกันยังไง

นะ: ส่วนมากการทำงานก็แชร์ความคิดเห็นกันมากกว่า แนวของวงก็มาตั้งแต่ซิงเกิ้ลแรกแล้ว ทางค่ายก็ไม่ได้บีบเรามาก เขาปล่อยเราทำแบบฟรีสไตล์เลยก็ทำให้ทำงานง่าย แล้วได้มือคีย์บอร์ดมาก็เป็นสีสันให้กับวง เพลงมันก็กว้างขึ้น

วัช: การทำงานของเราอย่าง EP เนี่ย เราทำหนึ่งเพลงภายในอาทิตย์หนึ่ง เขียนเนื้อ เรียบเรียง อัด เราทำแค่เดือนเดียวอะครับ 5 เพลงนี้ อย่างวันนี้เขียนเนื้อเสร็จ วันที่สองขึ้นโครง วันที่สามเขียนกลองอัดทุกอย่าง วันที่สี่อัดร้อง วันที่ห้าเช็กและส่งมิกซ์ อาทิตย์ต่อไปก็ขึ้นเพลงใหม่ครับ ค่อนข้างหฤโหดเหมือนกันในการทำงาน ต้องเสร็จ แล้วต้องดีต้องเนียบ เราจะจำกัดเวลาในการทำ จะไม่ทำงานเรื่อยเปื่อย ค่อนข้างจริงจังมาก ๆ ในการทำเพลงให้เสร็จ

จริง ๆ The Raven Doll ก็ไม่ใช่วงหน้าใหม่แต่ทำเพลงมานานแล้ว 3 ปีที่หายไปไปทำอะไรมาบ้าง

วัช: เราก็ทำซิงเกิ้ลแหละครับ แค่เราปล่อยปีละเพลง 8 เดือนเพลง ต้องยอมรับว่าเราเป็นวงที่เล่นใหญ่ก็คือ เราทำเอง เราไม่ค่อยมีตังหรอกครับ แล้วผมกับพี่นะก็ไปหาสปอนเซอร์ ขอเงินเขามาบ้างนู่นนี่นั่น สิ่งที่ทำให้เสียเวลาคือเราพยายามสะสมเงินเพื่อมาทำเพลง เรื่องห้องอัดเราก็อัดอย่างดีฮะ สามารถให้ซาวด์มันฟังได้ตลอดไป เราหมดเงินไปกับตรงนี้ ถึงทำเองแต่มาตรฐานของวงต้องดี การกลับมาย้อนฟังเพลงเราซาวด์ก็ต้องดีทุกเพลง ตอนนี้เราก็ใช้มาตรฐานเดิม จริง ๆ ถ้ายังไม่ได้อยู่ค่ายเนี่ยเราจะทำอัลบั้มด้วยซ้ำ ในปีนี้นะครับ แต่พอพี่เบียร์มาชวนก็เลยมาทำตรงนี้ โชคดีที่พี่เบียร์ให้ทำเป็น EP

จากซิงเกิ้ลแรก ไม่ใช่เพลงรัก จนมาถึงปัจจุบัน ตัวเราหรือวงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

วัช: น่าจะในเรื่องของความคิดมากกว่าครับ เราทำงานจะรัดกุมมากขึ้น เราเห็นจุดบกพร่องทุกเพลงครับ สมมติไปเจอใครมาบอกว่าเพลงเราดีเราจะค้านทันที เพลงผมยังไม่ดีอะ เรารู้อะครับ มันเหมือนลูกเราเลี้ยงมา เรารู้จุดบกพร่องของเพลงเราคือตรงนี้ เพลงสองก็ดีขึ้นมาหน่อย เพลงสามเพลงสี่เราก็พยายามทดลองมาเรื่อย ๆ จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นประสบการณ์ในเรื่องของการคิดงาน ตีกรอบมันได้ง่ายว่าแนวเพลงแบบนี้ ภาพวงแบบนี้มันจะออกมารูปแบบไหนในเพลงต่อไป ยิ่งเราทำเองมาทั้งหมดจริง ๆ ผมก็ไปแอบทำ mv ทำเสื้อผ้าให้คนอื่นบ้าง เราก็เอามาใช้กับวงเรา ไปแอบดูการทำงานของเขาเพื่อมาหักต้นทุน เราอยู่กองใหญ่เรารู้ละอะไรสำคัญ ผมก็รู้ว่าเงินเท่านี้ก็ทำได้ในมาตรฐานแบบนี้ อาจจะต่างกันที่เลนส์หรือข้างในแต่ได้มาตรฐานที่ดีเทียบเท่าเขา

มีปณิธานในการทำวงคือ ‘อยากให้ประเทศไทยมีวงแบบเราที่ในยุคนี้ไม่ได้หาดูง่าย ๆ’ แล้วคิดว่าวงเรามีจุดเด่นแตกต่างจากวงอื่นยังไง

วัช: พลังงานมั้งครับ ทุกวงก็คงมีพลังงานแหละ แต่ผมรู้สึกว่าเราเกิดผิดยุค วงเราน่าจะเกิดเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วที่วงอัลเทอร์เนทิฟเขาเล่นกันแบบจริง ๆ เอาความรู้สึกนำทฤษฎี แล้วเราก็รู้สึกว่าในประเทศไทยตอนนี้มันไม่มี มันเห็นยาก เห็นก็วงเพื่อนวงน้องที่ยังเด็ก ๆ กันอยู่ ยังไม่แข็งแรง จุดประสงค์ที่ทำวงนี้ขึ้นมาเราอยากให้ความเป็นอัลเทอร์ยังอยู่ เล่นด้วยความรู้สึกจนคนมาดูแบบ โหย ตาดูหูฟังอะครับ เพลงเพราะ เล่นดี ร้องดี มัน ดุเดือดเลือดพลาน สนุก ประเทศไทยในยุคนี้ต้องมีวงแบบนี้แล้ว

การทำให้วงดนตรีมันยังรันไปได้ นอกจากทำผลงานดี ๆ แล้วมีอะไรที่สำคัญไม่แพ้กัน

วัช: น่าจะเป็นความเชื่อความศรัทธาในสิ่งที่ทำครับ ต่อให้ไม่ทำงานออกมา แต่ยังเชื่ออยู่ยังไงผลงานก็ออกมา ถ้าวันนึงเราทำงานไปเรื่อย ๆ แล้วความเชื่อความศรัทธาในตัววงเราหมดลง คิดว่าเดี๋ยวแม่งก็เจ๊ง คนไม่ฟังเราหรอก เรามันแปลก หรือเรายังแปลกไม่พอ เรามีตรงกลางมั้ย ถ้าเราไม่เชื่อในสิ่งที่เราทำมันก็ไม่สามารถที่จะไปต่อได้แน่ ๆ อย่างเดียวเลยคือความมั่นใจ บางคนมีความเชื่อแต่ไม่มีความมั่นใจ เพราะความมั่นใจมันจะพาความตั้งใจความทะเยอทะยานความอดทนมาหาเราเอง อาจจะช้าหน่อย แต่ไปได้แน่ ผมกับพี่นะเนี่ยลำบากกันมาตั้งแต่แรก ผมบอกพี่นะว่าถ้าสิ่งสำคัญที่สุดในการที่ทำให้งานเราไปไม่ได้คือเงิน ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็ก เราไม่มีเราก็ขอเขา เขาไม่ให้เราก็ไปกู้มาเพื่อทำเพลง ไม่มีเงินไม่เป็นไรผมหาได้ อะไรก็ตามที่เป็นอุปสรรคใหญ่ถ้าเรามองว่ามันไม่ใช่ปัญหา อุปสรรคเล็ก ๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เหมือนเราทำธุรกิจอะครับ เราต้องลงทุน เราไม่รู้หรอกว่าเราได้ตังคืนมั้ยซึ่งมันไม่ได้หรอกในยุคนี้ แต่ถ้าไม่ทำเราก็ไม่ได้ มันก็แค่นั่นทางเลือกมันไม่มีเท่าไหร่ ถ้าทำแล้วทำไม่ดีคนก็ด่าอีก นั่นก็แปลว่าเราอยากเป็นตัวจริง อยากได้รับการยอมรับ เราก็ต้องทำผลงานเราให้ดีและทำมัน

ถามนะหน่อยดีกว่า เรามีแนวคิดยังไงให้ทำวงกับเพื่อนมาได้นาน ๆ

นะ: มีสองประโยคที่ผมจะพูดกับวัชตลอดว่า ศรัทธาและไว้ใจ มันต้องเชื่อใจกัน ถ้าเราไม่มีศรัทธามันขับเคลื่อนอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย และต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน ถ้าเราไม่มีตรงนี้ตรงกลางก็จะไม่เกิดขึ้น The Raven Doll ก็จะขับเคลื่อนไปไม่ได้

วัช: ความไว้ใจ (ยิ้ม)

อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ค่าย Me Records

วัช: เอาจริงผมมีความตั้งใจไว้แล้วว่าเรามาทำตรงนี้ ผมอยากร่วมงานกับคนระดับประเทศเท่านั้น ถ้าเราจะอยู่ค่าย ก่อนหน้านี้ก็มีหลายค่ายมาจีบเยอะมากครับ แม้ตอนที่ตกลงกับพี่ฟองเบียร์ไปแล้วก็ยังมีติดต่อมาอีก และคนระดับประเทศคนนั้นต้องยอมรับในความเป็นตัวเรา ถ้าเขายอมรับทุกอย่างที่เราเป็นได้ผมก็จะไม่มีคำถามเลย ผมไปโดยที่ไม่คิดเลยแต่จริง ๆ ก็คิดไว้แล้ว นี่คือเหตุผลที่เข้ามาค่ายนี้ ซึ่งเป็นค่ายแรกด้วย ถ้าไม่มีค่าย Me ก็ไม่คิดถึงค่ายไหน รู้สึกว่าทำเองมันก็ยังดีกว่า มันขับเคลื่อนไปได้เรื่อย ๆ ช่วยกันทำได้ พอเจอพี่เบียร์และผมในฐานะคนเขียนเนื้อเราก็ชอบเขาอยู่แล้ว แล้วพี่เขามาชอบเรา รักในความเป็นเรา เชื่อในความเป็นเรา มันทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราเป็นมาก่อนหน้านี่ซึ่งมันอินดี้มาก แต่คนระดับนี้เขายอมรับในความเป็นเรา ไม่มีเหตุผลไหนที่จะไม่มาทำงานกับพี่ฟองเบียร์

พอมาอยู่ค่ายแล้วรู้สึกว่าค่ายช่วยซัพพอร์ตเรื่องไหนได้บ้าง

วัช: เรื่องเงินเลยครับ (หัวเราะ) เรื่องเงินสำคัญที่สุด ตรงนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด เหมือนผมเดินในทะเลทรายที่แห้งแล้งแล้วได้กินน้ำเย็น ๆ อะครับ ผมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว ต่อให้เงินมากเงินน้อยผมก็เอา มีคนมาให้เรานี่คือสิ่งที่ผมดีใจมาก ๆ แล้วให้ในที่นี่ไม่พอยังให้ความอิสระของเราเหมือนเดิม ผลพวงมาจากความเชื่อของพี่ฟองเบียร์ ซึ่งพี่เขาเชื่อเราและปล่อยให้เราเป็นแบบนี้ ก่อนหน้าที่จะมาเซ็นกับพี่เบียร์เราคุยกันประมาณหกเดือนอะครับ เขามาหาผมทุกอาทิตย์ มาคุยกันมาถามไถ่ว่าเราทำอะไรบ้าง ชีวิตเราเป็นไงหาเงินมาจากไหน ผมก็บอกว่าไปขอเขามา พี่เขารู้ข้อมูลเรามาตลอด พอถึงเวลาให้เราทำงานส่งเดโมไป พี่เบียร์ก็พอชอบ ซึ่งมันเป็นภาษาของผม เป็นภาษาของ The Raven Doll มันชัดเจนในความเป็นตัวเราอยู่แล้ว เรื่องภาพเขาก็เชื่อเรา เรื่องเสื้อผ้าผมหามาได้ ก็ให้ตังมา เอามาใส่แล้วจะได้เป็นตัวเราร้อยเปอร์เซ็น สิ่งที่ดีคือเราอยู่ค่ายใหญ่ ได้ทำงานกับบุคลากรหลายคนที่มีประสบการณ์และเก่งทั้งนั้น แถมเรายังได้เป็นตัวเรา ชัดเจนกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเรามีเงิน (ยิ้ม)

มีอะไรอยากแนะนำวงรุ่นใหม่ที่กำลังทำงานกันอย่างหนักหน่วง

วัช: ต้องให้ผู้ใหญ่แนะนำ

นะ: ก็ไม่มีอะไรมาก ชอบเส้นทางแบบไหน ชอบแนวไหนก็ทำให้มันดีที่สุด ผมว่าการทำเพลงใครก็ทำได้ในยุคนี้ แต่สิ่งสำคัญคือโอกาส เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจคำพวกนี้นะ แต่พอผมทำ The Raven Doll มากับน้องเนี่ย สิ่งที่ยากที่สุดคือโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต

วัช: เสริมจากพี่นะคือผมเคยโพสต์ Instagram เลยว่า ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งสิ่งนี้ที่เรียกว่า ‘โอกาส’ ต่อให้จะแลกด้วยอะไร เหนื่อยแค่ไหนหรือนานแค่ไหน ผมก็จะยอมทำเพราะว่าเมื่อผมได้มันมาแล้ว ผมจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือเด็ดขาด โอกาสมันสำคัญมาก ๆ พี่เบียร์กับพี่แก๊ก Slot Machine เขาก็มาคอมเมนต์ให้กำลังใจ ผมเคยไปหาโอกาส ยอมลางานที่เล่นกลางคืนไป เวลามีงานคอนเสิร์ตแถลงข่าวอะไรเขาไม่ได้เชิญนะครับแต่ผมก็จะไป ผมก็แต่งตัวของผมไปเพื่อสวัสดี ไปไหว้ผู้จัด ไปให้เขาเห็นหน้าแนะนำตัว ซึ่งถามว่ามันแลกมั้ย มันต้องแลกครับ ในใจมันอายแต่ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่มีใครมาให้เราแล้ว ทางเดียวที่คุณจะเดินเข้าไปในนั้นได้ คุณก็ต้องเดินเข้าไป คุณจะรอให้เขามาชวนไปเล่นมันไม่มีทางเพราะเราไม่รู้จักเรา ทางเดียวก็คือผมต้องเดินเข้าไปให้เขารู้จักเรา ก็เตรียมทั้งซีดีทั้งคำพูดเพื่อสวัสดี ปีหน้าขอเล่นได้มั้ยครับ เล่นวงเปิดก็ได้ ขอแค่มีคนเห็นเรา คอนเสิร์ตแรกของ The Raven Doll มีคนดูอยู่สี่คนอะครับ (นะ: จริง อันนี้จริง) ตัดคนรู้จักออกก็เหลือคนหรือสองคน ซึ่งเราเล่นเวทีเล็ก คนกรูกันไปเวทีใหญ่ผม แต่มีคนเดินมาดูเราสองคน ผมก็คิดว่าครึ่งชั่วโมงเนี่ยทำยังไงก็ได้ให้คนสองคนนี้ไม่เดินออกไปจากเราก็พอ เราก็เต็มที่มาก วงดังกำลังเล่นอยู่แต่เขาเสียสละมาดูเรา ผมจะทำให้เขาประทับใจและไม่ผิดหวังให้ได้ สำคัญคือเราดีใจที่เราได้โอกาสมากกว่า แม้บางคนอาจจะเห็นโอกาสและรู้สึกว่ามันไม่มีอะไร แต่ผมไม่เคยมองข้ามสิ่งเหล่านี้เพราะเราเรียกร้องมันมาตลอด

อัลบั้ม EP ปล่อยเมื่อไหร่

วัช: น่าจะปีหน้าครับ คงรอให้เราปล่อยเพลงครบก่อน 5 เพลง จะไปหมดตอนเดือนพฤษภาครับ สองเดือนปล่อยหนึ่งเพลง หลังจากนั้นก็คงปล่อย EP แต่อยู่ที่กระแสมั้งครับ อาจจะร่วมเพลงเขามาเป็นอัลบั้มเลยก็ได้ ขอให้พี่ ๆ เขารวมให้หน่อย แต่เจอกันปีหน้าแน่นอนครับ

สุดท้ายแล้วฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งรู้จัก The Raven Doll 

บูม: ฝากติดตามวงเราด้วยนะครับ เราก็อยากนำเสนอในสิ่งที่เป็นตัวเราให้ทุกคนได้ดูได้ฟัง ก็อยากให้มารู้จักกันครับ ไม่ฟังเพลงเรามาดูเราก็ยังได้ครับ อย่างน้อยให้มาเจอกัน มาสร้างมิตรภาพด้วยกัน

แฟ้ม: อยากให้มาดูพวกเราเล่นสดมากกว่า จะได้รู้ว่าพวกเราเป็นยังไง

นะ: เปิดใจซักนิดนึง ไม่ชอบไม่เป็นไร แต่ถ้าชอบฝากกดไลค์เยอะ ๆ แล้วก็ติดตามเรา

ล่าสุดวงก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อไม่มีเธอ ลองไปตั้งใจฟังกันดู และฝากติดตามผลงานที่ผ่านมาของพวกเขาด้วย ไปติดตามข่าวสารของวงได้ที่ THE RAVEN DOLL

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา