Interview

The Dai Dai สีสันใหม่ของซินธ์ป๊อปไทย

  • Writer: กันดิศ ป้านทอง
  • Photographer: ชวิชญ์ มายอด

เชื่อว่าหลายคนที่ได้ฟังเพลง หากค่ำคืน ในครั้งแรก จะต้องมีอาการแบบ “ฟังวนไปค่ะ!” เกิดขึ้นอยู่แน่ ๆ เราเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับวงหน้าใหม่แต่ฝีมือไม่ธรรมดาจนเพลงติดหูกันทุกวันนี้อย่าง The Dai Dai

แนะนำตัวสมาชิกในวงหน่อย

 มิ้น : ชื่อมิ้น ร้องนำค่ะ

โดนัท : โดนัท เล่นเบสครับ

คามิน : คามิน เล่นซินธิไซเซอร์ครับ

“จริง ๆ คำว่า ‘ไดได’ มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ผลไม้”

จุดเริ่มต้นของวง

มิ้น : จุดเริ่มต้นคือมิ้นแหละ ด้วยความที่เราอยากมีวงดนตรี เราอยากทำเพลงที่เราชอบ พอเริ่มคิดว่าจะทำอะไรที่มันเป็นโมเดิร์นมาก ๆ ก็เกิดแรงบันดาลใจ เราได้รู้จักกับพี่นะ Polycat และเริ่มปรึกษาว่าอยากจะทำเพลง พูดแค่นี้แหละ พี่นะก็บอกว่าเอาสิ คืองมกันอยู่เหมือนกันจนกระทั่งเริ่มเขียนเพลง ให้พี่นะช่วยดูแล้วมาคิดกันว่าจะเอาไปเสนอค่ายไหนบ้าง ด้วยความตั้งใจเราอยากเป็นวง ก็ทำไปด้วยเริ่มมองหาสมาชิกไปด้วย  พยายามหาคนที่มีแอททิจูดตรงกัน คือแจมจากคนรู้จักกันก่อนเลยว่าพี่ชอบแนวนี้ไหม เพราะเดโม่ส่วนหนึ่งที่ทำไว้อะค่ะ ก็แต่งไปและให้พี่นะช่วยหาดนตรี ก็จะมีการลองดูว่าเราอยากได้ซินธ์ ตกลงว่าชอบซาวด์ซินธ์เหมือนกัน แล้วพี่นะน่าจะเลือกซาวด์ซินธ์ได้อย่างที่ต้องการ ก็คุยกันตลอดว่าซาวด์ซินธ์ยังไงตรงไหน เป็นเพลงที่ไม่ได้ arrange อะไรเลย เรารู้สึกว่ามันลงตัว นี่แหละทางของเรา จนกระทั่งมาเจอโดนัทเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นนักดนตรีกลางคืน เราก็มีเล่นกลางคืนด้วยก็ไปดูเพื่อนเราเล่นตลอด แล้วเจอโดนัทบ่อยมาก เห็นหลายครั้งแล้วรู้สึกว่า ไม่ได้แล้วแหละเราต้องชวน เราก็รู้สึกว่าคนที่มาอยู่ตรงนี้ได้น่าจะมี attitude อะไรสักอย่าง เลยชักชวนโดนัทมา เขาก็บอกชอบ สนุกดี

ซึ่งก่อนหน้านั้นรู้จักกันอยู่แล้วใช่ไหม

โดนัท : อ่อเคยเจอกันครับ เป็นเพื่อนนักดนตรีด้วยกัน

มิ้น : แล้วก็คามินเป็นรุ่นน้องที่จุฬา ฯ คือคามินเขาจะเล่นซินธิไซเซอร์อยู่แล้ว เล่นคีย์บอร์ด เขาเรียนวิศวะทำงานด้านคอมพิวเตอร์ แล้วก็เป็นคนทำเพลงด้วยเลยชวนเขามา เพราะเห็นว่าอยู่จุฬา ฯ ด้วยกัน เราก็ส่งเพลงให้เขาถามว่าโดนหรือเปล่า เค้าก็ตอบกลับทันทีว่า “ชอบมากพี่”

ตอนนั้นคือเดโม่เพลงนี้เลย

มิ้น : ใช่ค่ะ

จึงเริ่มกลายเป็นสมาชิกยุคใหม่ของจริง แล้วเพราะเท่าที่ผ่านมาคือเป็นแบ๊กอัพมาตลอด

มิ้น :  ใช่ค่ะ มันก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง คือมันใหม่มากแล้วเราก็ทำแบบงง ๆ กันอยู่ว่าเราจะไปส่งใคร แล้วเหมือนตอนนั้นมันเป็นโอกาสที่จีนี่เขามาถามว่ามีใครที่เป็นผู้หญิงบ้างจึงลองส่งดู แล้วตอนนั้นเดโม่ยังไม่เรียบร้อย เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวคุยกัน เขาก็บอกว่าน่าสนใจ เลยให้เอาเดโม่มาส่ง จนกระทั่งทำแล้วรวมตัวกันตรงนี้ มันเร็วมากที่เขาบอกว่าจะทำ G16 และเวทีนี้เค้าจะให้เราไปเล่น ก็ปรึกษาพี่นะว่าเล่นดีไหม พี่เค้าก็บอกว่าเล่นสิ แล้วรวบรวมเพื่อนให้มาช่วยเล่น ก็ไปชวนบาบูน Mattnimare เพราะรู้จักซุง ก็เลยกลายเป็นการรวมตัวเป็นเพื่อนช่วยกัน

pci1

ชื่อวงมาจากไหน มีชื่ออื่นไหมก่อนที่จะมาเป็นชื่อนี้

มิ้น : ก่อนหน้านั้น มีปะวะ (นึก) คือเมื่อก่อนเราเจอคำหรือเจออะไรเราจะชอบจดไว้ เพราะรู้สึกว่ายังไงต้องมีโอกาสได้ใช้แน่นอน เราเป็นคนชอบญี่ปุ่นมาก ชอบสตรีทแฟชั่นของญี่ปุ่น แล้วไปเจอคำว่า Dai Dai เราก็เก็บเอาไว้ พอมีโอกาสที่ว่าตั้งชื่อวงขึ้นมาก็จำได้ว่าชอบคำนี้ เลยเติมคำว่า The เข้าไป จริง ๆ คำว่า ‘ไดได’ มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ผลไม้ แต่ญี่ปุ่นเค้าชอบเอาคำว่าไดไดมาใช้กับสี เค้าเรียกว่าอิโนะ อินุ หรืออะไรสักอย่างที่แปลว่า สีส้ม ๆ เหลือง ๆ ของผลไม้ที่กำลังสุกงอม เราเลยรู้สึกว่า เฮ้ยความหมายดีจังเลย มาประกอบกับภาษาไทยอะ คำว่า ใดใด อื่นใดใด เราเลยรู้สึกว่าว่านี่แหละ เราต้องการอย่างนี้ เราต้องการอะไรที่มันไม่มีคำจำกัดความ ที่ไปได้ไกล ด้วยคาแรกเตอร์ สีสันของไดเรกชันที่ค่อนข้างจะหลุดกรอบ ที่มันดูขัดแย้งแต่มารวมกันได้ มันแปลก ฟังแล้วรู้สึกว่าเพี้ยน ๆ ดีค่ะ “The Dai Dai” ฟังแล้วรู้สึกงง ๆ ว่า อะไรอะ วงนี้คืออะไร มันไม่ได้ติดปากด้วยนะ เราต้องการอะไรที่แปลก ๆ หลุด ๆ เลยคิดว่า นี่แหละสิ่งที่เราต้องการ

มีคนมาถามเยอะไหมชื่อวง

มิ้น : เยอะมากค่ะ

คามิน : คือแต่ละคนก็ทักมาว่า “เอ้า วงได๋ได๋เหรอ เอ้าได้ได้”(หัวเราะ) อะไรอย่างนี้ บางคนก็มาเถียงว่ามันไม่ได้อ่านว่าไดไดแน่นอน มันต้อง “ได้ ๆ” หรือมีคำอ่านประมาณนี้ แต่เราก็อยากจะอ่านแบบนี้อยู่แล้ว

แนวเพลงของวง

คามิน : ก็เป็นซินธ์ป๊อบครับ จริง ๆ ตัวเพลงที่แต่งมาก็ฟังค่อนข้างง่ายอยู่แล้ว แต่เหมือนมันมีจุดเด่น ก็คือต้องบอกว่า พี่มิ้นมี vision ที่มองว่าภาพกับเสียงต้องไปด้วยกัน แล้วเค้าก็ชอบหยิบทั้งสีสันทางภาพ และทางด้านดนตรีมาด้วย อย่างซินธ์เนี่ยเหมือนมันมี possibility เยอะว่าเราสามารถเล่นเสียงฟุ้งหรือเสียงใหม่ที่โลกไม่เคยได้ยินก็ได้ ก็เลยลงตัวที่เป็นแนวซินธ์ป๊อป

มีความกึ่งญี่ปุ่นไหม

มิ้น : เหมือนมันบังเอิญมากกว่าค่ะ ถึงแม้ว่ามิ้นจะชอบประเทศเขาก็จริงแต่ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้มันออกมาเป็นญี่ปุ่น มันมาเองด้วยเมโลดี้ที่ฟังแล้วเหมือนว่ามีกลิ่นนะ จริง ๆ มันเป็นความบังเอิญ

แล้ววิธีการทำงานในวงแบ่งการทำงานแต่ละส่วนยังไงบ้าง

คามิน : เหมือนพี่มิ้นจะขึ้นมาก่อนนะ อาจมีเมโลดี้หรือเนื้อ บางทีเนื้อยังแต่งไม่เสร็จ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีเมโลดี้ แล้วก็คอร์ดประมาณนึงที่เป็นพื้นเป็นโครงมาก่อน แล้วก็ส่งให้พี่โดนัทให้ผมฟัง

โดนัท : แล้วเราก็จะมานั่งประชุมกันส่วนใหญ่จะเป็นห้องคามิน ไม่ก็ห้องซ้อม มานั่งฟังเพลงก่อน พอฟังกันเสร็จ ทำการบ้านเสร็จก็ เฮ้ย ลองกรูฟมา คอร์ดอย่างนี้ประมาณนี้ทำยังไงดี ก็จะช่วยคุยกันมากกว่า เราจะรวมตัวช่วยกันเพื่อคิดมากกว่าที่จะแยกกันคิดแล้วมาทีหลัง

ใช้เวลาทำนานไหมซิงเกิล “หากค่ำคืน”

มิ้น : เพลง หากค่ำคืน เนี่ย กระบวนการก่อนออกมาเป็นมาสเตอร์ถามว่านานไหม ตอนทำจริง ๆ ไม่นานแต่การเดินทางของมันน่ะนาน

ตอนที่ประกาศบนเวที G16 ว่าเราคือวงหน้าใหม่ The dai dai ก็หายไปเลย ผลุบ ๆ โผล่ ๆ บ้างแต่ก็ไม่ได้เปิดตัว

มิ้น : ใช่ค่ะ เกือบ 2 ปีค่ะ ปีกว่าค่ะ

ช่วงนั้นถอดใจไหม

มิ้น : ไม่ถอดค่ะ เพราะเราเชื่อว่ายังไงก็ต้องได้ออกค่ะ หมายถึงว่ายังไงก็ต้องปล่อยซิงเกิล คือใครไม่ปล่อยเราก็จะปล่อยอะไรอย่างนี้ มันเลยไม่ได้ถอดใจ แต่จะมีอุปสรรคในการเดินทางมากกว่า

pic2

พูดถึงการแต่งตัวบ้าง ลุคชัดเจนมากใครเป็นคนดีไซน์

คามิน : นักร้อง (หัวเราะ)

มิ้น : ก็คือ คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าวงก็จะมีคนคุม image ของวงไว้ คุมภาพรวม อาร์ตไดเรกชั่น แล้วเราก็ถามว่าใครจะเพิ่มเติมแต่งอะไรไหม เพราะเรามองเห็นและหยิบตัวเขาแต่ละคนขึ้นมา แล้วเบลนด์ให้มันไปกับคาแรกเตอร์วง คาแรกเตอร์เพลง อย่างโดนัทเนี่ยเขาจะมีลูกเล่นเป็นคนเกรียน ๆ ที่สุดในวง

ตอนนี้ยังนิ่งอยู่นะ

มิ้น : ตอนนี้นิ่งอยู่แต่จริง ๆ มันเกรียนค่ะ เกรียนแล้วก็ฮา น่าจะเป็นฟีลขี้เล่น เท่ ๆ ได้ ส่วนคามินเนี่ยเค้ามีสองโมเมนต์ จะมีโมเมนต์ที่เค้าเป็นเจ้าของบริษัทอะค่ะ เขาจะทำเกี่ยวกับเป็นซอฟต์แวร์ คือแต่ละคนเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นมากเอาจริง ๆ เคยดูการ์ตูนมารูโกะแล้วมีหัวหน้าชั้นที่แบบ “สวัสดีครับคุณซากุระซัง” (ทำเสียงการ์ตูน) เขาจะเป็นแบบนี้เพราะเขาเก่งทางด้านทำเพลงและอยู่กับโปรแกรมช่วยในการ analyze ทุกอย่าง เวลาเราโยนอะไรที่เป็นฟีลลิ่งหรือความรู้สึก เขาจะเป็นคนกรองให้มันเป็นรูปธรรมออกมาจากนามธรรม

คามิน : โหมดเนิร์ด

มิ้น :  ใช่ แล้วเราก็มองว่าคุณซากุระซังต้องเป็นผู้ชายที่ดูน่ารักที่สุดในสองคน โอเคไหมกับแบบนี้ เค้าก็บอกว่าโอเค ส่วนโดนัทก็จะเป็นลุคแบบสายบู๊ ไจแอนท์ นิดนึง ก็จะเป็นอะไรเยอะ ๆ ไป

เรื่องอาร์ตไดเรกชันของวงก็ไม่ต้องให้มีใครมายุ่งเลยจัดการกันเองเรียบร้อยเสร็จสรรพ

มิ้น : ใช่ค่ะ ช่วยกันคิดแล้วเอามาวาง

แล้วเวลาไปเล่น เจอ คนทักว่าแต่งตัวแปลกไหม

มิ้น :  เจอตลอดเวลา

โดนัท : เราจะเจอคำถามที่ว่า “เสื้อพี่ซื้อที่ไหนครับ” “เอ่อ มีซื้อที่ไหนผมจะไปซื้อตาม” บอกว่า อ่อ นักร้องไปสั่งทำมา “แล้วนักร้องไปสั่งทำที่ไหนครับ” อ้าว นี่คือลึกปะ คืออยากได้มาก ๆ ก็บอกว่าไปถามนักร้องเอาละกันนะครับ “สีสันเจ็บมากเลย ซื้อที่ไหนอะไรยังไง” นักร้องเค้าเป็นคนแฮนด์เมดเอง

กะทำขายหรือเปล่า

มิ้น : ทำค่ะ (หัวเราะ) ตรง ๆ ไปเลยดีกว่า จะไม่มี “อาจจะ” แต่ “ต้องทำแล้วแหละ” เพราะเจอเยอะมาก คนถามเยอะมาก ก็เลยอยากจะทำ

โดนัท : ทั้งหมดตอนนี้ผมก็สั่งทำหมดเลย กางเกงก็มีตัวเดียวในโลก (หัวเราะ)

พูดถึงกระแสตอบรับ พอเพลงปล่อยออกไปวันแรก ๆ รู้สึกเป็นไงบ้าง

มิ้น :  ใจชื้นขึ้นมาก ในแง่ดีก็เหมือนเราก้าวไปอีกหนึ่งสเต็ป เราอยากให้คนรู้จักเราแล้วล่ะ เพราะบางทีคนจะงง ๆ ตั้งแต่คอนเสิร์ต G16 ว่าเป็นรูปแบบไหน คือ เราอยากแนะนำตัวมาก ๆ แล้วก็อยากเปิดตัวด้วยเพลงของเราเอง พอคนรู้จักว่าเราเป็นแบบนี้แล้วชอบ เราก็มีความดีใจมาก คนฟังแล้วรู้สึกอยากโหลดเพลงเก็บเอาไว้ก็ยิ่งดี เหมือนสองวันจะขึ้นดาวน์โหลดอันดับสอง iTunes อะค่ะ ก็อยากให้คนชอบเพลงที่เราทำออกมาเยอะ ๆ

โดนัท : feedback ดีครับ ส่วนใหญ่เพื่อนผมทางนักดนตรีจะเข้ามาคอมเมนต์กัน ก็จะเข้ามาบอกว่า “เพลงดีนะ ชอบ” ภาพและเสียงชอบหมด รายละเอียดดนตรีมีความเป็นซินธ์เยอะหน่อย มันไม่เหมือนเพลงบางเพลงในปัจจุบันที่ตู้มออกมาก็เป็นป๊อป เป็นร็อกธรรมดา แต่อันนี้ก็ดูมีสีสันดี ประกอบกับเอ็มวีด้วย โลเคชั่นดี การแต่งตัวดูแปลกตา บ้าดีว่ะ อะไรอย่างนี้

มิ้น :  คือส่วนใหญ่นักดนตรีเขาชอบอยู่แล้วแหละ ยิ่งอะไรที่มีการใส่ซาวนด์ ใส่เสียงเครื่องดนตรีลงไปเยอะ ๆ นักดนตรีก็จะชอบ ตอนแรกก็คิดว่าคนจะเก็ตไหมกับแนวเพลงนี้ สรุปก็คือจริง ๆ มันไม่ได้ฟังยาก

โดนัท : แต่สำหรับคนฟังที่ไม่ได้เป็นนักดนตรี เค้าก็บอกว่า เออเพลงเพราะ เมโลดี้เพราะดี คือชอบลีดเมนร้องคำแรก “ลัลลัลลัลลัล ล้าลัล” (ฮัมเมโลดี้) คือร้องตาม อย่างพี่สาวเป็นคนร้องเพลงไม่เป็น แต่เดินฮัมเพลงออกมาตั้งแต่หน้าบ้าน เออดีใจ ไม่เคยร้องเพลงให้ฟังเลย

“พี่มิ้นมี vision ที่มองว่าภาพกับเสียงต้องไปด้วยกัน แล้วเค้าก็ชอบหยิบทั้งสีสันทางภาพ และทางด้านดนตรีมาด้วย”

พูดถึงเพลงไปแล้ว การเล่นโชว์ของเราทำไมต้องใส่พลังไปขนาดนั้น มีร้อยใส่ไปสองร้อย

มิ้น : ใส่ไปพันเลยดีกว่า (หัวเราะ) เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว เต็มที่ ไม่ค่อยกั๊ก เวลาที่ทำอะไรสักอย่างแล้วเราไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงนั้นได้นานแค่ไหนเมื่อไหร่ แล้วเรามีโอกาสขนาดนั้นเราก็อยากเต็มที่เลย ให้โลกแม่งได้รู้ไปเลย คือเป็นคนสุดอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กทุกคนก็จะพูดว่ามิ้นพลังเยอะ มีเอ็นเนอร์จี้เยอะมาก คือเราชอบเกี่ยวกับศิลปะ เอนเตอร์เทน แล้วเราก็ฝันมาตลอดว่าเราอยากจะสร้างสรรค์ บางทีเราดูใครแล้วรู้สึกว่าทำไมเขาไม่อย่างนั้นทำไมเค้าไม่อย่างนี้ เราเลยคิดว่าถ้าเรามีโอกาส เราจะทำอย่างนั้น เราจะทำอย่างนี้นะ เลยทำให้มีแพสชันเป็นแรงบันดาลใจตลอดว่า ฉันจะเป็นตัวแทนของอย่างนั้น อย่างนี้นะ พอเราได้มีโอกาสตรงนั้นแล้ว เราเลยใช้สิ่งที่มันอยู่ข้างในเรามาตลอดหลายปี ซัดไปเลยว่าเราอยากจะทำ

แล้วคนอื่นตามกันไหม

มิ้น : แต่ละคนนี่ไม่ได้น้อยเลยค่ะ(หัวเราะ)

โดนัท : แต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ของตัวเองกันอยู่แล้ว มันเป็นฟีลของการเล่น ผมก็ไม่รู้ว่าจะยืนนิ่งทำไม หรือไม่รู้ว่าจะสร้างลุคทำไม

คามิน : จริง ๆ พี่โดมันมากนะ เหมือนมือเบส วง Earth, Wind & Fire อะ

โดนัท : คือมีความเดิดมาก แล้วที่ผมมาเล่นเพราะมิ้นด้วย “เฮ้ย มิ้นมันบ้าว่ะ” แล้วเราก็รู้สึกไม่เคอะเขินนะ ถ้าเกิดว่าเราดีดอยู่คนเดียวแล้วคนอื่นยืนนิ่ง เราก็รู้สึกว่าฟีลมันจะต่างเกินไป แต่พอเรารู้ว่า อ๋อ ไอ้นี่มันบ้ากว่าว่ะ ไม่ใช่น้อยแล้วนะเว้ย เฉยไม่ได้ เราก็ใส่ไปเลย ด้วยความรู้สึกมั่นใจในกรูฟมันก็จะออกไปเอง

มิ้น :  ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว รู้สึกว่ามันได้อะ

โดนัท : ผมคิดว่ากรูฟเบส พวก rhythm อะ การออกมาให้เป็นกรูฟได้คือใช้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งไปด้วย เราจะอยู่เฉยไม่ได้ต้องนั่งโยกไปด้วย สักพักเริ่มมาละ เริ่มเยอะ

มิ้น : ตอนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน เล่นแล้วก็สายเบสนี่หลุดไปหมด คือพยายามจะปีนขึ้นไปบนกลองตลอดเวลา

โดนัท : เงิบไปประมาณสิบวิ เรียกแบ๊กสเตจมา “พี่ ๆ สายสะพายหลุด” วิ่งไปสักพักนึงเอาใหม่อีกละ พอรู้ว่ามันจะหลุด เราก็ไปต่อ

ด้วยความรู้สึกที่นักร้องส่งมาสองร้อย ไม่ตามก็ยังไงอยู่

โดนัท: ตามไป 185 180

มิ้น : คามินเป็นสายกระบวนการโพรเซสเรื่องของคิดเป็นหลัก มีอะไรก็จะสาวว่าตรงนั้นตรงนี้ไล่มาเป็นขั้นเป็นตอนเป็นโพรเซส พวกเราก็เหมือนแบบ เป็นนามธรรมอะไรบางอย่าง ส่วนเค้าก็จะโพรเซสอย่างนี้นะครับ ค่อนข้างจะแบบสาระอะ

เหมือนเป็นอาจารย์ใหญ่คุมเด็ก

โดนัท : ต้องคุมเรื่องซาวด์ด้วยไง ก็เลยต้องคิดด้วยแต่ก็ไม่น้อยเหมือนกัน เอาเรื่องอยู่ 

pic3

ตอนนี้วางเพลงต่อไปไว้หรือยัง

มิ้น : เพลงต่อไปวางแล้วค่ะ แล้วก็คิดว่าน่าจะเซอร์ไพรส์มาก ไม่รู้เหมือนกัน สำหรับส่วนตัวคิดว่าไม่ว่าจะวางเป็นเพลงอะไร คิดว่าคนน่าจะเซอร์ไพรส์อยู่แล้ว เพราะตอนนี้คนเดาไม่ได้หรอก ว่าเพลงต่อไปจะยังไง เราสนุกมากถ้าคนจะจินตนาการ ทุกคนก็ feedback กลับมาว่าเพลงต่อไปต้องอย่างนู้นอย่างนี้แน่เลย เราก็ เอ้อ สนุกจังเลยที่เค้าเดาไม่ได้ เราชอบความเดาไม่ได้ตรงนี้มาก

เพลงต่อไปจะออกช่วงไหน

มิ้น : อันนี้จะต้องอยู่ที่จังหวะนิดนึงค่ะ แต่ระหว่างนี้เราน่าจะมีอะไรออกมา ซึ่งเรากำลังคิดทำอยู่ เพราะเค้าบอกว่าฟังแล้วดูเป็นฟีลญี่ปุ่น กำลังจะมีเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น

แต่เพลงสองต้องรอสักพักนึงใช่ไหม 

มิ้น : ใช่ค่ะ ต้องรอจังหวะก่อน ก็อาจจะมีอะไรให้ติดตามกันเรื่อย ๆ ไม่ให้หายไป จะพยายามให้มีเพลงต่อไปให้ได้ค่ะ

พูดถึงโปรเจกต์ Showroom พอเราได้มาอยู่โปรเจกต์นี้รู้สึกยังไงบ้าง

มิ้น : รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ เพราะเห็นพี่เขาเป็นไอดอลตั้งแต่เราเรียกว่าเป็นฝุ่นด้วยซ้ำ แล้ววันนึงเราเดินตามรอยเส้นทางที่พวกเขาเคยประสบความสำเร็จมา เราก็คาดหวังไว้ว่าจะเดินตามทางนั้นแล้วประสบความสำเร็จแบบพี่เขาบ้าง เป็นเกียรติที่ได้เดินตามรอยของศิลปินที่ประสบความสำเร็จแต่ละท่าน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงใหม่วงเล็ก ๆ อย่างเรามากค่ะ

ศิลปินใน Genie Records อยากร่วมงานกับใครบ้าง

มิ้น : อยากร่วมงานกับ Paradox ค่ะ อยากร่วมงานกับ 25 hours ถ้าเป็นไปได้ แปลก ๆ อีกก็ไม่แน่นะคะ Retrospect หรือ Bodyslam ก็น่าจะงงนิดนึงว่าจะอยู่กันยังไง จริง ๆ ได้หมดค่ะ ขอแค่เขาอยากร่วมงานกับพวกเราใช่ไหม (หัวเราะ)

pic4

แผนอนาคตของ The Dai Dai

คามิน : อย่างปล่อยเพลงมาผมก็จะคิดถึงสเต็ปถัดไป พี่มิ้นมีอะไรก็อาจจะตื่นเต้นอยู่แล้วใช่ไหม แต่ผมจะเป็นคนนิ่ง ๆ เลยเหมือนกับว่า ณ ตอนนี้เราก็ต้องทำเพลงเตรียมไว้ก่อน ระหว่างซิงเกิลที่สองที่อาจต้องรอจังหวะของทางค่าย เราคงจะทำผลงานทางด้านอื่น เช่น มินิคอนเสิร์ตของเราไหม หรือไลฟ์ re-arrange cover ไปเรื่อย ๆ แผนก็น่าจะประมาณนี้ เราก็ต้องค่อย ๆ บิลด์กลุ่มฐานแฟนของเรา สุดท้ายวงก็ต้องขายที่ตัวผลงาน ตอนนี้ซิงเกิลแรกเป็นตัวเซ็ตโทนแล้วว่าสไตล์เราน่าจะเป็นอย่างนี้นะ แต่เหมือนว่ามันยังมีอะไรให้เราได้ทดลองเล่นอีก ก็กะว่าระหว่างรอที่ซิงเกิลสองยังไม่รู้ว่าจะปล่อยตอนไหน เราอาจจะโยนผลงานเล็ก ๆ ที่เราสามารถทำเองได้ ณ ตอนนี้ เพื่อเป็นการเทสต์ว่าเวิร์กหรือไม่เวิร์ก

ซึ่งถือว่าทางค่ายก็ให้อะไรที่อิสระกับสิ่งที่เราคิดอย่างเต็มที่

มิ้น : ใช่ค่ะ จริง ๆ แล้วเพลงนี้เรียกว่าทำเองเกือบจะทุกขั้นตอน นอกจากตอนโปรโมตอย่างเดียวตั้งแต่ดนตรี อัดเพลง จนไปถึงอาร์ตไดเรกชัน เราก็ช่วยกันตลอด สมมติหนูโยนไปก่อน ทุกคนเห็นว่ายังไง ก็ลองตบ ๆ แล้วก็เอาไปเสนอค่ายว่านี่คือสิ่งที่เราลงไปแล้วเป็นอย่างนี้ ส่วนตัวเอ็มวีเราก็ช่วยเลือกทีมงานผู้กำกับเองว่าเราจะเอาใคร อยากให้มันมีอะไรบ้าง เราก็จะคุย แล้วก็จะไปดูสถานที่ด้วยกัน แม้กระทั่งเสร็จงานปุ๊บ เอาฟุตเทจมาตัดต่อ ช่วยกันดู ทีมเขาก้จะเป็นคนตัดต่อมาแล้ว ทุกคนดู เอาตรงไหนยังไง แล้วก็ไปดูตอนแก้ด้วย กว่าจะมาถึงตรงนี้มันผ่านกระบวนการ

ซึ่งก็จะเป็นเหมือนกระบวนการของวงอินดี้ในปัจจุบันนี้ที่สามารถทำเองได้แต่เราอยู่ในจีนี่เรคคอร์ด

อยู่ค่ายนี้มาแล้วกี่ปี

มิ้น :  1 ปีค่ะ

ความอิสระจากค่าย Genie Records คือ ความสบายใจของ The Dai Dai

 คามิน : ค่ายให้อิสระพวกเราเต็มที่เลยและยุคนี้ศิลปินก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ

มิ้น : มันหมดยุคโรงงานแล้ว ยุคที่โยนทุกอย่างไปให้แล้วจับแล้วคุณต้องสำเร็จ คือมันไม่มียุคนั้นอีกต่อไปแล้ว มันเป็นยุคของศิลปินตัวจริงมากกว่า ใครจะอยู่ใครจะไป ก็อยู่ที่ว่าคุณจะจริงมากน้อยแค่ไหน เราก็เป็นวัยรุ่นที่รักความอิสระ เราอยากทำอะไรก็ทำ จะไม่ให้อะไรมาขวางเราได้

ในอนาคตจะเพิ่มสมาชิกวงรึเปล่า 

มิ้น : อันนี้ก็ต้องรอดูอนาคตค่ะ เราไม่สามารถรู้ได้ 

pic5

ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ มองวงการเพลงบ้านเราเป็นยังไงบ้าง

คามิน : ผมว่าด้วยเทคโนโลยี ศิลปินก็ไม่ต้องพึ่งค่ายมากขึ้น เรามีโอกาสทำทุกอย่างเองได้ แต่ในอีกมุมนึง เศรษฐกิจไม่ค่อยดี วงการบันเทิงหรือดนตรีเป็นสิ่งที่คนมักตัดออกก่อน ก็มีผลกับคนที่ทำอาชีพนักดนตรีหรือศิลปินอย่างเดียว ยิ่งศิลปินอินดี้ยิ่งน้อยคนที่จะทำเป็นอาชีพหลักได้ มันก็แย่ในมุมนั้น แต่ในอีกมุมนึงก็กดดันให้ศิลปินต้องคิดมากขึ้น เราไม่ได้แค่เล่นดนตรีอย่างเดียวหรือร้องเพลงอย่างเดียวแล้ว เราต้องแต่งเพลงเอง ทำดนตรีเองได้ ต้องรู้ว่าเราจะทำมาร์เก็ตติ้งยังไง มันเหมือนจะถอยหลัง แต่ผมว่ามันก็เป็นการฟอร์ซให้ศิลปินเริ่มเรียนรู้อย่างอื่นกว้างมากขึ้น ก็ดีมั้งครับ อย่างฟังใจก็ชอบจริงครับ

มิ้น : มองวงการเพลงยังไง คือตอนนี้มันเป็นยุคของความอิสระมากเลยนะคะ รู้สึกว่ามันก็เปลี่ยนไปเยอะ เพราะว่าเราจะเห็นหน้าใหม่เยอะมาก จริง ๆ ก็รู้สึกดี เพราะมันก็มีทางเลือกให้เรา เมื่อก่อนจะมีแค่หนึ่งสองสาม แต่เดี๋ยวนี้มีเป็นพันให้เราได้เสพดนตรี หรือเสพแนวเพลงที่เราชอบ มันมีอะไรแปลกใหม่หลากหลาย แล้วก็รู้สึกว่าดีที่วัยรุ่นยุคใหม่เค้าเริ่มที่จะมีอิสระในการทำงานที่ไม่ได้อยู่ในกรอบในเกณฑ์ มันก็ดีกับวงการนี้ แต่มันก็เป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่งว่า สุดท้ายแล้วอะไรก็ตามถ้ามันจะอยู่รอดได้ มันก็วัดกันที่งานแล้วก็ความเป็นตัวจริง ใครที่ยังอึดอยู่และสร้างงานในทางของตัวเองอย่างจริงจังต่อไปก็น่าจะยังอยู่ และเราก็เป็นคนติดตามว่าใครที่สร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอด

โดนัท : ผมว่ามันยากนะตอนนี้ ยากที่จะทำเพลงให้ดังเหมือน Bodyslamหรือดังแบบอะไรที่มันป๊อปปูล่ามาก ๆ เลย เพราะวงมันทางเลือกเยอะมาก ทำง่ายมาก นอน ๆ อยู่ ตื่นมาทำเพลงก่อน แล้วปล่อยออกมาแทบจะทุกวัน แทบจะทุกชั่วโมง บางเพลงก็ตูมมาเลย บางเพลงก็ดังมาก ดังได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมเล่นกลางคืนอยู่ผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย เพลงนี้มันเพลงอะไรวะ แล้วบางเพลงที่ดังมากคนขอเยอะมาก ผมก็ฟังผ่าน ๆ สักพักคนขอเยอะนี่มันเพราะอะไรวะ ทำไมมันถึงดังขึ้นมา พอเล่นไปประมาณสามสี่อาทิตย์ก็ไม่ดังและ ทำไมเดี๋ยวนี้มันมาเร็วไปเร็วมาก ศิลปินบางคนที่เพลงดังผมยังไม่รู้จักเลยว่าคือใคร หลายวงมาก หกสิบล้านสี่สิบล้านวิว ไม่รู้จักหน้าไม่รู้จักตา ไม่เหมือนเมื่อก่อนผมโชคดีมากที่อยู่ในยุคเทป คือหัดแกะเพลงจากเทป กรอไปกรอมา ทำให้เรารู้จักเพลงทั้งหน้า A และหน้า B อาทิตย์นึงเก็บตังค์ เรียนเสร็จ ไปซื้อกว่าจะได้เพลงมา แล้วพอย้อนมาตอนนี้ผมว่ามันง่ายไป มันมาไวไปไว ผมว่าอย่างที่มิ้นบอก อยู่ที่ตัวจริง นักดนตรีก็ต้องซื่อสัตย์กับความเป็นดนตรีของตัวเอง ไม่เกาะมากเกินไปหรือไม่เอาของคนอื่นมามากเกินไป เพราะว่าเดี๋ยวนี้จับง่าย พี่ว่าจริงปะล่ะ เฮ้ย เพลงนี้เหมือนไอนี่ว่ะ มาละตั้งกระทู้ละ เฮ้ย เพลงนี้ไปลอกเขามาหรือเปล่า

“เราทำเพลงให้คุณฟังคุณจะไม่ซื้อก็ได้ แต่ถ้าฟังใน YouTube แล้วคุณชอบก็ลองช่วยแชร์หน่อยไหม ลองบอกต่อเพื่อน ๆ หรือถ้ามันจะอินสไปร์ให้คุณต่อไป “เฮ้ย ดนตรีแบบนี้ก็ได้ แต่งตัวแบบนี้ก็ได้ว่ะ” ยิ่งอินสไปร์ให้คุณทำอะไรเป็นของตัวเอง ก็ลอง feedback กลับมาหาเราหน่อย มันก็เป็นกำลังใจให้เรานะ”

The Dai Dai เคยโดนหาว่าไปลอกเพลงคนอื่นไหม

โดนัท : ยัง ๆ ยังไม่เคยโดน ผมว่าไม่มีอะ จริง ๆ แล้วถ้าเราพูดแบบโง่ ๆ เลย โน้ตแม่งมีไม่กี่โน้ตหรอก เมโลดี้มันก็เหมือนกันอะ ทั้งโลกแม่งร้องอย่างนี้ แต่บางทีเราฟังเพลงอยู่เรายัง “เฮ้ย แม่งเหมือนกันว่ะ ก๊อปแน่เลย” แต่คือบางทีเรารู้อยู่แก่ใจว่า มันมีแค่ reference ได้ว่าเราชอบอะ เราชอบวงนี้ แต่ถ้าผมคิดเพลงหรือจะเล่น บางทีเราก็ต้องล้างสมองบ้าง อย่าไปฟังแม่งอยู่อย่างงั้น อย่างผมชอบพาราด็อกซ์ ก็ เฮ้ย ห่าเอ๊ย แม่งเริ่มพาราด็อกซ์แล้วว่ะ ผมว่าถ้าจะให้อยู่ได้ก็ต้องซื่อสัตย์กับดนตรี ต้องฝึกฝน ฟังเพลงเยอะ ๆ ผมว่าได้เปรียบ

ฟังเพลงวงหน้าใหม่อะไรบ้าง 

คามิน : ตอนนี้ผมจะฟังแรนด้อมมาก เหมือนที่พี่โดนัทบอกว่าฟังโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นวงอะไร มันก็จะมีเว็บ แอพพลิเคชัน หรือแทร็กอะไรเหมือนเป็นเพลย์ลิสต์มิกซ์มาแล้วแรนด้อมฟังทั่วโลก ผมก็จะฟังพวกนั้น ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ตามศิลปินหน้าใหม่เท่าไหร่ แต่รู้ว่าเยอะแหละ

โดนัท : หลัง ๆ นี่นั่งเปิดยูทูบ จะมีหน้าอัพโหลดล่าสุด แนะนำ ก็เปิดดูเปิดฟังไปเรื่อย อย่าง Helmet Head ผมก็ฟังมาตั้งนานแล้วนะ

คามิน : Postbox มั้ง ล่าสุดที่ผมฟัง

โดนัท : มีวงอะไรนะ เดอะลูป เพื่อนกัน ๆ เค้าทำเพลงดี Polycat ไง

คามิน : หน้าไม่ใหม่แล้วมั้ง (หัวเราะ)

โดนัท : โพลี่แคท ผมก็ฟังมานานมากแล้วนะ เพลงตั้งแต่วงที่มีทรัมเป็ตอะSka Rangers ช่วงนั้นสกาแรง ๆ เมื่อก่อนที่ผมเล่นกับเพื่อนเล่นเครื่องเป่า ผมก็ฟังพวกนี้แหละ พอสักพัก พบกันใหม่ มา ก็เข้าไปดู หน้าคุ้น ๆ งงว่ามาได้ไงวะ

มิ้น : จริง ๆ ก็ในหน้า news feed จะขึ้นตลอดเวลา เราก็จะกดดู แต่จริง ๆ เป็นคนที่ชอบตามเพลงที่มันมา คือไม่ใช่ตามหรอก มันมาเราก็จะเข้าไปดู อย่างเช่นตอนนี้ฟังเพลงเพลงของ TJ  อะค่ะ คือเราก็ไม่รู้จักแล้วอยู่ดี ๆ ก็แบบอะไรอะ ทำไมอยู่ในชาร์ต คือเราจะสนใจเพลงพวกนั้น มันมายังไงอะไร แล้ววงอินดี้อะ เค้าจะมาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เราก็จะตามจากแคท ฟังใจแชร์ จะสนใจแล้วจะชอบวิเคราะห์ว่าแบบ ทำไมอะ พวก TJ, Illslick อะไรอย่างงี้ค่ะ

pic6

อยากฝากอะไรถึงคนกลุ่มใหม่ที่ยังไม่ได้ฟังเพลงของวงThe Dai Dai

โดนัท : ก็ มันก็เป็นทางเลือกนะครับ เหมือนกินข้าวแบบสั่งเพิ่มเติม ไม่ได้กินแต่ผัดกะเพรา ผัดผักอย่างเดียว กินอย่างอื่นมั่ง กินแกงเผ็ด ๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ก็คือกินอะไรที่มันแปลกไปกว่าเดิม ลองเสิร์ฟอะไรแปลก ๆ ทั้งภาพและเสียง แล้วมันก็จะเพิ่มอรรถรส ฟังเพลงด้วย ดูเอ็มวีด้วยอะไรอย่างงี้ มันก็จะเป็นสีสันของวันใหม่ งง ๆ เนอะ (หัวเราะ)

คามิน : จบแล้วเหรอ

โดนัท : เออ จบแล้ว (หัวเราะ)

คามิน : พี่มิ้นเลยครับ

มิ้น : ทำไมถึงอยากให้ฟังพวกเราใช่ไหมคะ อืม…ยังไงดี มันเหมือนกับว่าอย่าเพิ่งตัดสินเราโดยดูจากรูปลักษณ์ ชื่อวง หรืออะไรก็ตามที่คุณจะคิดว่า แม่งอินดี้ แม่งอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง บ้า ๆ บอ ๆ อย่าเพิ่งตัดสินเรา อย่าเด็ดขาด เรารู้สึกว่าทุกอย่างคุณยังไม่ได้ทานเลย เหมือนบางทีคุณก็คิดว่า อุ๊ย ร้านดูดีจังเลย ของต้องแพงแน่เลย มันไม่ใช่เสมอไป เพราะฉะนั้นอย่ามาเพิ่งมาตัดสินเราจากอะไรที่คุณไม่เข้าใจ บางสิ่งที่ดูแล้วรู้สึกว่า อะไรอะ ไม่สวยงามเลย หรือบางอย่างดูแบบอะไรก็ไม่รู้ แต่คุณแหวกเข้ามาดูก่อน ว่าในนั้นมันมีอะไรบ้างมันมีรสชาติของความที่…ไม่รู้สิ สำหรับหนูมองว่ามันไม่ได้ย่อยยากขนาดนั้นเลย อย่าเพิ่งคิดว่าเราต้องลึกแน่เลย ไม่อยากให้ใช้คำว่า อินดี้ แต่อยากให้ใช้คำว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์แล้วกัน ที่ยังไม่มีผู้หญิงที่เยอะขนาดนี้ (หัวเราะ) เลยคิดว่าพอมันไม่มีปุ๊บเนี่ย ก็อยากให้มามาเสพสไตล์ใหม่ ๆ ที่น่าจะฟังได้ คือจริง ๆ เราไม่ได้ต่างจากวงอื่นที่ในเรื่องของการทำงาน วงดนตรีมันก็เดินทางมาเหมือนกัน ทุกคนทำเพลง เราเป็นคนที่เดินตามฝัน เราก็เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ใช้ใจในการทำงาน เราผ่านการเดินทางผ่านอะไรมา อยากให้ดูว่าทำไมยังไม่ไปไหน เพราะถ้าถามจริง ๆ ว่านานไหมมันก็นาน ตั้งแต่แรกก็มาพร้อมความตั้งใจของเราทุกอย่าง เราทำงานด้วยความที่ไม่คิดว่าจะไปทำอะไรที่เป็นหลักขนาดนี้อีกแล้ว มันเป็นความฝัน เป็นความตั้งใจอย่างนึงของเรา เราเลยรู้สึกว่า ณ ตอนนี้มันยังเป็นสิ่งที่เราทุ่มเทมากที่สุด ฉะนั้นอยากให้มาดูว่า “อ๋อ มึงบอกว่ามึงทุ่มเทใช่ไหม” อยากให้มาดูความตั้งใจตรงนั้น การเดินทางมันผ่านมาจนกระทั่งมีซิงเกิลนี้ แล้วซิงเกิลนี้มันก็ผ่านการเดินทางมาเหมือนกัน ผ่านมือทุกคนที่เชื่อ และได้เห็นในแบบที่เราเห็น เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แค่ว่าเรานำเสนอ เฮ้ย สิ่งใหม่ มาฟัง ๆๆ เรามีความแตกต่าง มาดู ๆๆๆๆ แต่เราสู้แล้วเราก็เดินทางมา เพราะฉะนั้นมาดูความพยายามของเราหน่อย แล้วก็อยากเป็นตัวแทนของคนที่ตั้งใจทำผลงานของตัวเอง ต้องยืนหยัดให้ได้จนถึงวันที่มีผลงาน แล้วก็เดินต่อไป อึดให้ได้เท่าที่จะทำได้ คืออยากบอกว่าทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมามันมีหัวใจอยู่ในนั้น  ก็อยากให้แหวกมาดูไม่ใช่ตัดสินเราจากแค่นั้น คุณอย่ามาตัดสินเราจากแค่บอกว่า อ่อมึงบ้า ก็เลย… อะไรอย่างนี้อะค่ะ อาจจะพูดไม่รู้เรื่องนะ (หัวเราะ)

คามิน : ก็อยากให้เปิดกว้างบ้าง จริง ๆ ในมุมศิลปินทุกยุคทุกสมัยเราทำผลงานด้วยใจ บางทีศิลปินเหมือนคนที่ปรุงอาหารให้คุณกิน โอเคคุณจะชอบหรือไม่ชอบแบบไหนก็แล้วแต่คุณ แต่สมมติเราทำเพลง เตรียมโชว์ออกมา บางทีเราไม่ได้ตังค์ เราทำฟรี เราแค่อยากให้คุณได้ลองชิม ลองนึกภาพว่าถ้าคุณทำงานอะไรสักอย่างโดยที่คุณไม่ได้เงิน ต่อให้ใจรัก คุณต้องใช้ความพยายามขนาดไหนกว่าจะผ่านมาปีนึง สองปีเราก็ยังทำอยู่ เหมือนเราทำอาหารให้คุณชิมฟรี ๆ อย่างน้อยคุณเห็นหน้าตาอาหารมันอาจจะดูแปลก แต่ถ้าคุณไม่เคยกินก็ลองชิมได้ เราทำเพลงให้คุณฟังคุณจะไม่ซื้อก็ได้ แต่ถ้าฟังใน YouTube แล้วคุณชอบก็ลองช่วยแชร์หน่อยไหม ลองบอกต่อเพื่อน ๆ หรือถ้ามันจะอินสไปร์ให้คุณต่อไป “เฮ้ย ดนตรีแบบนี้ก็ได้ แต่งตัวแบบนี้ก็ได้ว่ะ” ยิ่งอินสไปร์ให้คุณทำอะไรเป็นของตัวเอง ก็ลอง feedback กลับมาหาเราหน่อย มันก็เป็นกำลังใจให้เรานะ อย่างน้อยคุณไม่จ่ายตังค์อาหารมื้อนี้ เรามอบความสุขให้คุณ ก็โอเคฮะ แต่อยากให้เปิดใจก่อน เห็นอาหารก็อย่าเพิ่งกลัวมันนะ ลองให้ feedback กับเราเยอะ ๆ เหมือนกับศิลปะ บางทีคนมองว่าเราทำเพลง เราสื่อสารให้คุณฟังทางเดียวไม่ต้องตอบกลับก็ได้ แต่ในมุมศิลปิน เราอยากให้คุณตอบกลับนะ เหมือนสื่อสารสองทาง คุณชอบไม่ชอบตรงไหน สงสัยเสื้อผ้าพี่โดซื้อที่ไหนก็ถามมาได้ มันดีกว่าการที่ฟังแล้วก็ผ่าน กดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์ทุกอย่างเราก็อ่านหมด ก็เปิดใจแล้วก็ feedback กลับมา ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้

แล้วอย่างนี้แฟนคลับเริ่มเยอะหรือยัง

มิ้น  : ก็มีนะคะ ก็ในเพจ

โดนัท: ทางไลฟ์ ก็มีคนคุยโต้ตอบ ก็เออสนุกดี

มิ้น : คือเราใหม่มาก ๆ ถามว่ามีแฟนคลับมาไหม คงมีแน่นอน แต่ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน เพราะว่าเราปล่อยเพลง เราก็ยังไม่ถึงจุดรวมพลของเราก็คือคอนเสิร์ต หรืออะไรที่เราอยากเห็นว่าเป็นแฟนเพลงของเราจริง ๆ เพราะที่ผ่านมามันจะเป็นจุดรวมพลแบบคนผ่านไปมาแล้วก็เห็น หรือว่าเปิดตัววงใหม่ เราก็เล่นเพลงตัวเองแต่ยังไม่ได้เป็นที่จดจำเพราะว่าคนก็ยังไม่ได้รู้จัก คือยังไม่สามารถมีจุดรวมพลที่แน่นอนได้ ตอนนี้เราก็มีผลงานของเราแล้ว สักวันนึงเราอาจจะจับจุดรวมพลที่เราอยากเห็น แค่ตอนนี้เค้าอาจจะยังไม่ปรากฏตัว แต่ว่าเราเห็นได้จาก feedback ที่เค้าตอบกลับมาในเพจ คอมเมนต์ หรืออะไรก็ตามที่เขาเข้ามาตาม มาถาม อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็คิดว่ามีแหละแต่ยังไม่ได้เจอตัวอย่างชัดเจน เราเพิ่งไปขึ้นวิทยุ เพิ่งเริ่มโปรโมต ก็จะมีบ้างที่เขาอยู่แถวนั้นแล้วก็มา ซึ่งเริ่มมีบ้างแต่เรายังไม่ได้เห็นเป็นกลุ่มเป็นก้อน คิดว่ามีแน่นอน แต่ว่าอีกแป๊บนึง

“อย่าเพิ่งคิดว่าเราต้องลึกแน่เลย ไม่อยากให้ใช้คำว่า อินดี้ แต่อยากให้ใช้คำว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์แล้วกัน”

มีไรจะฝากคนที่อ่านไหมครับ 

โดนัท : ฝากช่องทางการติดตามละกัน ง่ายสุด (หัวเราะ)

มิ้น : หลัก ๆ ตอนนี้เราจะสื่อสารกันที่แฟนเพจ เราก็จะเข้าไปตอบ อ่านทุกคอมเมนต์ เพราะว่าใหม่ ๆ แบบนี้ทุกอย่างเรายังนับได้ เราก็จะรู้ทุกอย่างว่า ใครถามอะไร พูดอะไร ตรงนี้แหละเป็นจุดที่จะได้สื่อสารกับเราตรง ๆ ก็ฝากแฟนเพจเฟซบุ๊ก  เราจะตอบทุกอย่างในนั้นและรับความเคลื่อนไหวในนั้นเป็นจุดเริ่มต้น แล้วกระจายไปช่องทางอื่น ๆ เช่น Instagram ก็ @thedaidai แล้วก็อะไรอีก

คามิน : ช่องทางดาวน์โหลด iTunes store  Joox แล้วก็ KKBOX

 

ได้พูดคุยกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ The Dai Dai ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปว่าเพลงหน้าของพวกเขาจะมีความโดดเด่นแตกต่างกว่างานชิ้นแรกยังไงบ้าง แล้วรอฟังพร้อม ๆ กัน

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง