จาก Goose สู่ความสุกสกาวครั้งใหม่ในนาม Sunrise, Moon Bright
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Narawit Suksawat
ช่วงเดือนที่ผ่านมาหลายคนต่างให้ความสนใจกับเพลง เพื่อนในจินตนาการ ผลงานเพลงร็อกโดยวงหน้าใหม่โดยหารู้ไม่ว่านี่คืออีกแง่มุมของ โต้ง อดีตฟรอนต์แมนวง Goose อัลเทอร์เนทิฟร็อกสุดดุดันในตำนาน ที่กลับมาทำงานเพลงร่วมกับศิลปินรุ่นน้องอีก 5 ชีวิตโดยใช้ชื่อว่า Sunrise, Moon Bright แต่ยังคงให้กลิ่นอายดนตรีที่เราคิดถึง บวกกับส่วนผสมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งตอนนี้พวกเขามีแผนที่จะปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกกันแล้วด้วย บทสัมภาษณ์นี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกงานเพลงใหม่ของพวกเขากัน
สมาชิก
โต้ง—นเรศ วิโรจน์ธนะชัย (กีตาร์, ร้องนำ)
เจมส์—นนทพัทธ์ บุญพัฒน์ (กีตาร์)
โอเค—ปวนนท์ ศฤงคไพบูลย์ (กีตาร์)
ต่อ—ธิตินนท์ คูณผล (คีย์บอร์ด)
แบงค์—พงศ์ภรณ์ คงเหมาะ (เบส)
เฟิร์ส—ติยพันธ์ ศรีกุลมนตรี (กลอง)
ตอนที่กลับมารวมตัวกันที่งาน เห็ดสด ของ ฟังใจ ตอนนั้นนึกว่าจะทำ Goose ต่อ
โต้ง: ก็ชวนเพื่อนมาทำแหละ แต่ไม่ว่าง เขาก็แยกย้ายไปทำภารกิจส่วนตัว แล้วผมก็ทำงานประจำ ตอนนี้ว่างแล้วก็เลยมาลองดู
คาดหวังอะไรไหมกับการกลับมาครั้งนี้
โต้ง: ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนะครับ ทั้งกับคนฟัง แล้วตัวผลงานก็ไม่ได้คาดหวังว่าสมาชิกในวงจะต้องเล่นออกมาแบบนั้นแบบนี้ ไม่ได้ขีดเส้นอะไรเลยครับ
จากที่เป็น Goose จนมาเป็น Sunrise, Moon Bright มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง
โต้ง: แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยครับ แต่ว่า ความพยายามจะมากขึ้น และความเป็นศิลปินจะลดลง หมายความว่า ความอดทนในการทำอะไรสักอย่างนึง เช่นการรอคอย การประนีประนอม การเด็ดขาดกับชีวิตก็จะมากขึ้น แต่มันก็ทำให้การเป็นศิลปินสูง ความติสต์น่ะ ลดลงด้วย
ชีวิตช่วงที่พักจากงานเพลงไป ได้ส่งผลอะไรกับเพลงที่เขียนออกมาในชุดนี้ไหม
โต้ง: ไม่นะครับ ช่วงแย่ ๆ เพลงก็จะแย่ไปเลย แล้วก็จะหม่นมาก ซึ่งผมมีความคิดว่าจะอยู่ในอัลบั้มที่สอง ผมคุยเล่น ๆ กับโอเคว่าเราทำเป็นอัลบั้ม Eclipse กันไหม (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนี้เพิ่งได้ซิงเกิ้ลแรกเลยยังไม่ได้คิดอะไรมาก Eclipse เนี่ยจะรวบรวมเพลงที่อยู่ในช่วงที่เป็นจิตเภท แล้วก็ไม่ได้ทานยา แต่ก็แต่งเพลง ทำให้ผมได้อะไรที่แปลก ๆ มาเยอะเหมือนกัน
นี่เพิ่งปล่อยเพลงแรกก็จะมีอีกชุดนึงแล้วหรอ ชุดแรกไปถึงไหนแล้ว
โต้ง: ชุดแรกเรียบเรียงกำลังจะเสร็จในเดือนนี้ (หัวเราะ) ผมแต่งเพลงไว้เยอะมาก ตั้งใจว่าจะชื่อ Sunrise, Moon Bright and the Fallen Star ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษครับ แค่มีดาวตก (หัวเราะ)
เคยได้ยินให้สัมภาษณ์ว่าการมาเป็น Sunrise, Moon Bright เหมือนได้ถ่ายทอดอีกด้านนึงของชีวิตที่คนยังไม่เคยรู้
โต้ง: กับ Goose มันจะแต่งมาจากความคิดกับสิ่งรอบตัวครับ แต่อันนี้บางเพลงจะเกี่ยวกับนก ต้นไม้ น้ำตก เกี่ยวกับความรัก มันแตกต่างกันนิดนึง แล้วก็อาจจะยังไม่ได้อยู่ในอัลบั้มนี้
เห็นว่าแนวเพลงในชุดแรกค่อนข้างจะวาไรตี้ แล้วเนื้อหาที่พูดในเพลงจะไปในทิศทางเดียวกันไหม
โต้ง: ไม่ครับ มันจะเป็นหลาย ๆ อย่างเลย ความรักก็มีหลายรูปแบบ ความเข้าใจในชีวิตก็มีหลายแง่มุม
ที่มาของชื่อ Sunrise, Moon Bright
โต้ง: น้องแบงค์เป็นคนตั้งครับ เขาตื่นมาเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงเลยได้คำว่า ‘sunrise’ ซึ่งตัวผมเองก็คิดว่าเหมาะกับเขาที่เป็นนักดนตรีหน้าใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในอุตสาหกรรมการดนตรี บวกกับที่เขายังอายุน้อย แล้วพวกเขาอายุเท่า ๆ กัน ประมาณ 27 แต่เจมส์นี่ 22 ก็เหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้น แล้วผมก็คิดว่า ถ้ากลางวันสว่าง กลางคืนก็ควรจะสว่างด้วย เลยต่อเป็น ‘moon bright’ ไป แต่เพลงของพวกเราจะมีความหม่นเหมือนกัน
ตอนที่ประกาศรับสมาชิกวงในเฟซบุ๊ก อะไรทำให้แต่ละคนอยากเข้ามาเป็นส่วนร่วมในผลงานชิ้นนี้
เจมส์: ทุกคนจะเห็นจากเฟซบุ๊คหมด แต่คืนนั้นไม่รู้เป็นอะไร เป็นช่วงผมดาวน์ ๆ ไม่ได้นอน เปิดเฟซบุ๊คตอนเช้าเลื่อนดู ก็มีประกาศรับนักดนตรี ตอนแรกคิดว่าประกาศหานักดนตรีเล่นร้าน เพราะว่าในรั้วมหาลัย (ราชภัฏจันทรเกษม) มันจะมีคนมาหานักดนตรีไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ตอนแรกคิดว่ามันแปลก ๆ เพราะเห็นพวกคนที่แชร์เป็นฝั่งพี่เบิร์ด Desktop Error ก็แบบ หานักดนตรีเล่นร้านต้องแชร์กันขนาดนี้เลยหรอวะ เข้าไปดูผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟซบุ๊กเป็นของพี่โต้ง เป็นเพื่อนกันเมื่อไหร่วะ เลื่อนไปดูรูปเรื่อย ๆ ก็เห็นเด็กผู้หญิงก็ไม่คุ้นหน้า จริง ๆ นั่นเป็นลูกพี่โต้ง (หัวเราะ) แล้วก็ขำในใจครับ คือข้อแม้ในการหาสมาชิกมันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ครบตามเกณฑ์ที่ตามหา อย่างเรื่องอีโก้ เรื่องการทำงาน เรื่องกินเหล้าเมายา อันนี้เราไม่อยู่แล้ว แต่มันมีเรื่องเวลา เด็กเพิ่งจบใหม่เรื่องนี้มันยากสำหรับผม จนเลื่อนไปเลื่อนมาก็เจอคอมเมนต์เลยรู้ว่านี่คือพี่โต้งวง Goose ก็เลยลองส่งคลิปที่ตัวเองเคยเล่นคนเดียวไปให้เขาดู แล้วพี่โต้งก็โพสต์คลิปผมที่ส่งไปในหน้าเฟซของตัวเอง คือไม่คุยกับผมในแช็ตเลยนะ บอกว่าได้สมาชิกอีกคนนึงแล้ว ผมก็งงเลยติดต่อเข้าไปคุยกับแกว่า เออ ผมเป็นคนแบบนี้ ประมาณนี้
แบงค์: ก่อนหน้านั้นผมรู้จักกับพี่โต้ง ก็คุยกันมาก่อนแล้วเรื่องดนตรี แล้ววันนึงพี่โต้งเขาก็ประกาศหานักดนตรี ผมก็เข้าไปแซวเฉย ๆ ว่าผมติดตามอยู่นะครับ พี่โต้งเขาก็ตอบกลับมาว่า ‘เฮ้ย มึงก็มาเล่นด้วย’ อะไรทำนองนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาจริง พอพี่โต้งได้นักดนตรีครบแล้วก็ได้ไปซ้อมด้วยกัน ซ้อมเสร็จตอนนั้นผมก็งู ๆ ปลา ๆ ตอนนั้นผมเล่นกีตาร์ พี่โต้งจะร้องอย่างเดียว แล้วมีมือเบสอีกคน ซึ่งมือเบสเป็นน้องของผม แต่พอจะซ้อมอีกทีก็ไม่สามารถมาได้เพราะมันอยู่ต่างจังหวัด ผมก็เลยคุยกับพี่โต้งว่า งั้นผมไปเล่นเบสนะ พี่โต้งก็กลับมาเล่นกีตาร์เหมือนเดิม
ต่อ: พี่โต้งเขาหาคนมาเล่นด้วยครับ แล้วก็ พี่ตูน Behind the Smile เหมือนเขาเป็นเพื่อนพี่โต้ง เขาก็ตาม Bedroom Studio แล้วเขาก็เห็นเพจแชร์หามือคีย์บอร์ดกับซินธ์ เขาก็เลยแท็กชื่อเฟซผมไป แล้วผมก็เลยทักพี่โต้งว่า สนใจนะครับ เขาก็บอกว่า ได้แล้ว ก็ได้โอกาสนี้ ขอบคุณพี่โต้งและพี่ตูนด้วยนะครับผม
โอเค: จริง ๆ ผมชอบฟังเพลงแล้วก็ชอบเล่นดนตรีอยู่แล้ว ฟังทางนี้แหละ SO::ON DRY FLOWER, Panda Records ไปร่วมงาน Stone Free ที่เขาจัดกัน ก็ชอบทาง ๆ นี้ หลังจากค่ายโซออนปิดตัวไปพักนึง ก็เห็นพี่โคอิชิ (Koichi Shimizu ผู้บริหารค่ายโซออน) เขาประกาศรับโปรดิวซ์ศิลปินใหม่ที่หนัก ๆ หน่อย เป็นฮิปฮอปอะไรประมาณนี้ เราอาจจะไม่ได้ไปทางนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็เห็นพี่ออฟ Desktop Error แชร์ว่ามีคนชื่อ Nares บอกว่าจะได้ทำกับพี่โคอิชิ กำลังหาสมาชิก ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคนนี้คือใคร พอผมรู้ว่าเขาจะได้ทำก็บอกว่าอยากทำด้วย ก็ส่งคลิปส่งอะไรไปตามระเบียบ แล้วเขาก็ตอบรับด้วยการโพสต์บนวอลแบบที่ทุกคนโดนว่าได้สมาชิกแล้ว (หัวเราะ) สักพักผมก็ไปเห็นโพสต์ของพี่เบิร์ด Desktop Error ว่าพี่โต้ง Goose กำลังหาสมาชิก ผมก็แบบ ชิบหายแล้ว พี่โต้ง Goose! เพิ่งรู้ครับ ก็เป็นที่มา แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่ค่ายไหน แค่รู้สึกว่าอยากทำเพลงในแนวทางที่เราชอบ ที่สนใจ แล้วก็ได้ไปเล่น
เฟิร์ส: เรื่องของผมกับโอเคต่อกันเนาะ โอเคทักแช็ตมาว่าเป็นพี่ศิลปินประกาศหาสมาชิกอยู่ มีเดโม่ให้ฟังในเฟซบุ๊กเขา จริง ๆ เพลงพวกที่ผมเล่นตอนนี้ โพสต์ร็อก ชูเกซ ผมเพิ่งมาอิน มาฟังจริงจังไม่เกิน 4-5 ปีนี้ ยุคที่ Goose ดังมาก ๆ ผมน่าจะไม่ทัน ก็มาตามเก็บฟังทีหลัง ผมเล่นดนตรีกับโอเคมาน่าจะ 4-5 ปีแล้ว ก็ชอบเสียงกีตาร์เขามาก รู้สึกว่ามันเป็นสมบัติของมนุษยชาติ ผมอยากให้เสียงกีตาร์นี้ได้ออกไปสู่มนุษย์โลก แต่ลึก ๆ ก็คิดว่าถ้าเสียงกีตาร์นี้มันไปสู่มนุษย์โลก ก็อยากให้มันไปกับเสียงกลองของผมว่ะ ผมก็พยายามตั้งวงกับเขามาตลอด แต่มันหาคนไม่ค่อยได้ คนไม่ค่อยว่าง ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าเราทำกันเองไม่ได้ ถ้าโอเคมีทีมที่พร้อมกว่าที่เราหาเองมันก็น่าสนใจนะ ก็ไปลองเปิดฟังเดโม่ที่พี่โต้งโพสต์ เราก็รู้สึกโอเคกับมัน ถ้าไม่โอเคก็อาจจะไม่ได้มา ก็สนใจ เลยทักพี่โต้ง พี่โต้งก็ให้ส่งคลิปมา แต่ผมลืมส่งคลิปไป แต่สุดท้ายก็ได้ (หัวเราะ)
โต้ง: แต่ที่ผมเลือกนี่คือเลือกที่ความสามารถนะครับ ไม่ได้เลือกที่หน้าตา ลุค หรืออะไรเลย แค่ว่าเป็นนักดนตรีคนนึงที่มาเล่นกับผมเท่านั้นเอง เพราะว่าช่วงหลัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไร เสียงของเครื่องดนตรีอะไรที่เขาเล่นกันตามที่โน่นที่นี่มันจะเพราะไปหมด แล้วเผอิญว่าผมถูกลอตเตอรี่ว่า พวกเขามีสกิลในการเล่นสูงกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้เยอะ เพลงก็เลยออกมามีสกิลค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่ได้มีสกิลเล่นดนตรีขนาดนี้จะทำเพลงเพราะไม่ได้ ก็สุดแท้แต่ว่าคนฟังจะตัดสินยังไงว่ามันเพราะหรือไม่เพราะ แต่ว่าตัวเรารู้อยู่แล้วว่าเราชอบสิ่งที่เราเล่นออกมา เท่านั้นเอง
การได้ร่วมงานกับศิลปินรุ่นน้องเป็นยังไงบ้าง
โต้ง: เขาเป็นคนร่วมแต่งพาร์ตดนตรีด้วย ไม่ใช่แค่เล่นออกมา แล้วก็เสริมตรงนั้นตรงนี้ เปลี่ยนคอร์ดผม เพิ่มเข้าไป ช่วยกันคิด คือมีความสุขมากครับที่เห็นคนมาเจอกันแล้วกล้าแสดงออกถึงความคิดของตัวเองมาก ๆ จนทุกคนเป็นตัวเองหมดแล้ว เราไม่เคยก้าวก่ายอะไรกันด้วย
ช่วงวัยที่ต่างกันทำให้งานยากไหม
แบงค์: อย่างพี่โต้งนี่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชาย เราก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน พี่ชวนมาเล่นเราก็เล่น เราก็สนุก แต่พี่ไม่ได้บังคับเรา มันก็รู้สึกอบอุ่น
ตอนทุกคนมาเจอกันตอนแรก ซ้อมกันครั้งแรกต้องปรับตัวยังไงบ้าง เกร็งไหม
โต้ง: ก็ไม่มีอะไร แต่เจมส์เนี่ยจะมาสาย เขาจะติดเรื่องเวลาเท่านั้นเอง แต่เรื่องอื่น ๆ ผมว่าเพอร์เฟกต์ครับ
ต่อ: ตอนนั้นวงเขารู้จักกันมาประมาณสองเดือน แล้วผมมีอุบัติเหตุที่หัวหิน เลือดคั่ง มาไม่ได้เดือนนึง ก็เห็นตรงนี้ว่าเขาเฮฮากัน หัวเราะกันในเดโม่ที่ส่งมา ผมก็แบบ โห ทำไมสนิทกันจังวะ (หัวเราะ) ถ้าผมไปเนี่ย มันจะทันเขาไหม ตอนนั้นนั่งรถจากหัวหิน มาสายใต้ แล้วนั่งรถมาถึงก่อนคนแรกเลยโว้ย ก็เจอพี่โต้ง ผมคุยกับเขาตอนนั้นเกร็ง ๆ อยู่ พอทุกคนมาครบก็ไหว้ทุกคน ไม่รู้ว่าใครเป็นไง แต่พอได้เบียร์เข้าไป ผมรอดแล้ว (หัวเราะ) ก็ได้รู้จักทุกคนด้วยเบียร์ คือปกติผมจะเกร็ง ๆ ถ้าได้กินเบียร์ก็สบายแล้ว
ต้องขึ้นมาจากหัวหินบ่อย ๆ ไม่เหนื่อยหรอ
ต่อ: ชินแล้วครับ ได้ไป ๆ มา ๆ หัวหิน–กรุงเทพ ฯ บ่อย ๆ ก็คิดว่าผมพร้อมที่จะมาเล่นตรงนี้แล้วครับ
แต่ละคนมีวงของตัวเองด้วย แล้วก็ยังมีความเคลื่อนไหวด้วย แบ่งเวลายังไง
เจมส์: ถ้าแบ่งเวลาเรื่องวงไม่ยาก แต่เรื่องทำงานผมอะยาก งานผมทำเลิกดึก ก็จะวางแผนเรื่องซ้อมกันของวงนี้ ก็จะให้ทุกคนซ้อมกันก่อน เราไม่ต้องมารอกัน เรื่องหน้าที่กับความรับผิดชอบมันคนละเรื่องกัน (เฟิร์ส: ต่างกันยังไง) หน้าที่ก็คืองาน ความรับผิดชอบก็คือ การตื่นสายอะไรแบบนี้ (FJZ: จะปรับหรือยัง) คือ… มันยากมากสำหรับผม ตั้งแต่ทำงานที่บ้านจริงจัง เป็นครูสอนดนตรี ก็คือยังรู้สึกว่ามันยังทำไม่ได้ เราพยายามตื่นเช้าแค่ไหนสุดท้ายก็จะวนอยู่ในบ้านตัวเองสักชั่วโมงนึง ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ แต่… ก็จะพยายามแล้วครับ (หัวเราะ)
เฟิร์ส: ผมว่าแค่แบ่งเวลาเรื่องไปซ้อม หรือว่าไปเล่น มันไม่ได้ยากมาก โอเค นัดกัน บอกว่าวงนี้มีเล่นวันนี้ก็พอขยับได้ แต่ถ้าสมมติมีงานประจำก็จะยาก ทำงานเสร็จมาต้องซ้อมอะไรบ้าง ทำเพลงก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่าจะทำอะไรกันดี ทีนี้ก็ต้องมานั่งฟัง ตกผลึกก่อน นั่งทำเพลงทั้งวัน คนก็จะบอกว่า เฮ้ย มึงมีความสุขว่ะ แต่แบบเราไม่ได้มีความสุข! กูทำงาน กลับบ้านมาก็ต้องมาลองเล่นว่าจะเล่นได้จริงไหม เวลาซ้อมมันก็จะเป็นอีกแบบ จากที่เราคิดมาแล้วเราก็ต้องมาปรับกันอีกที ถ้ามีสองวงเราก็ต้องทำสองเท่า คิดสองตลบ เวลาเรามาซ้อมไม่ได้แบบมาเปล่า ๆ มาเล่นแจมมั่ว ๆ ต้องแบ่งเวลาทำการบ้านว่าเราจะเล่นอะไร แต่เราก็จะโหมมากไม่ได้ตอนนี้อายุ 27 แล้ว ร่างกายมันไปแล้วเหมือนกัน ช่วงประมาณหัดตีกลองซัก 22 ตอนนั้นซ้อมเยอะมาก วันละ 4-5 ชั่วโมงนี่คือน้อยสุด บางที 6-7 นอนเที่ยงคืนตีหนึ่งทุกวัน ตื่นตีสี่ตีห้า มันก็รู้สึกว่าอยู่ได้ แต่ถ้าทุกวันนี้ทำแบบนั้นแล้วเละ รู้สึกว่าเวลาที่เราใช้ได้มันน้อยลง ไอ้เวลาที่มีอยู่น้อย บริหารยังไงให้เวิร์กที่สุด ผมว่าอันนี้อะยาก
ก่อนหน้านี้มีเวอร์ชันเดโม่ที่ปล่อยออกมาเงียบ ๆ แต่ก็มีคนแชร์เยอะมาก รู้สึกยังไงที่มีคนให้ความสนใจทั้งที่วงยังไม่ได้เปิดตัว
โต้ง: เราก็พยายามทำให้คนรู้จักเรา ตอนแรกเราก็พยายามทำกันเองน่ะแหละ ก็ดีครับ ตอบรับดี คนฟังก็เยอะในความคิดผม ณ ตอนนั้น ที่จริงส่วนตัวผมคุยกับ พี่อ้วน Armchair ก็บอกว่าผมจะมาหาพี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารค่ายเพลง Smallroom) นะ เขาให้คำปรึกษาผมว่า ไปเลย คือตัวผมคนเดียวผมไม่เป็นไร แต่ผมมีน้องด้วย พ่อแม่เขาจะคิดยังไงถ้ามาอยู่กับผม แต่สุดท้ายเรามาหาพี่รุ่ง แล้วผมไม่ทราบเลยว่าพี่รุ่งเขามีแฟนเพลงเยอะมากจริง ๆ เพราะพี่รุ่งเขาบอกผมว่า แฟนเพลงเขาน้อย ผมถามว่า น้อยของพี่มันเท่าไหร่ เขาก็บอก มึงก็ไปดูเอาในเพจ… ก็เยอะมาก สำหรับผมนะ แต่สมอลรูมยุคนั้นกับยุคนี้ต่างกันมาก ผมก็ถามพี่รุ่งแบบ พี่ก็รู้จักผมมา แต่ว่าเพลงผมถ้ามันไม่เข้ากับค่ายพี่พี่ก็บอกผมเลยนะครับ ไม่ใช่ผมมาหักคอพี่ว่าผมเคยอยู่หรือว่าอะไร ไม่ต้องกลัวเสียน้ำใจผม เขาเป็น pop music label ตั้งแต่ต้น แต่เขาทำ Crub ผมก็ชอบในแนวทางของเขา เขาก็บอกว่าผมก็ฟังในสิ่งที่พวกคุณฟัง คุณจะลองทำไหมล่ะ เอาเดโม่มาลองฟังดู แล้วมันก็ผ่าน และเราก็มาถึงจุดจุดนี้
เล่าที่มาที่ไปของแต่ละเพลงทั้ง 9 เพลงในอัลบั้ม เพื่อนในจินตนาการ เราพอจะรู้แล้วว่าเกี่ยวกับอะไร
ลูกเสือ
โต้ง: ตอนนั้นผมอยู่แถวบางใหญ่ บางแม่นาง มีโรงเรียนวัดอยู่ เห็นลูกเสือเนตรนารีเดินพาเหรดอยู่ริมทุ่งนา ก็ดูน่ารักดี ผมกลับไปบ้านก็เปิดเน็ตอ่านว่าลูกเสือมันเป็นยังไง มีอะไรบ้าง คำปฏิญาณมันคืออะไร ซึ่งมันมาจากคำในอินเทอร์เน็ตแล้วผมก็เรียบเรียงมัน นั่นคือการแต่งเพลงลูกเสือ
บ้าน
โต้ง: ตอนนั้นไปอเมริกามา แล้วนึกถึงการกลับมาจากตรงนั้นว่า เออ คนไทยดีนะ เวลาขับรถปาดหน้ากัน ก็เข้าใจโดยอัตโนมัติได้ว่า ไม่เป็นไร คำว่าไม่เป็นไรของคนไทยความจริงมันก็น่ารักนะ แล้วก็เลยแต่งได้รวดเร็วมาก เขียนรวดเดียวเลย ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสร็จเลย
เพียงเท่านั้น
โต้ง: แต่งนานแล้ว เป็นความคิดเกี่ยวกับถ้าเราสูญเสียความเชื่อมั่นในความคิดที่เราจะไปในทางที่ดี ซึ่งผมเชื่อว่าใครที่เจอเรื่องร้าย ๆ มาก็จะตอบโต้โดยอัตโนมัติ ด้วยการสู้กับการถากกาง การทำให้เสียใจ เราก็จะทำให้เขาเสียใจบ้าง แต่ถ้าเราคิดในอีกแง่มุมนึงคือ ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น เราหยุด ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วเราก็ move on ให้มันเป็นวันวันนึง
แด่เธอ
โต้ง: เป็นเพลงรักครับ เพลงของการจากลาแบบอารมณ์ดี ๆ ไม่ใช่การอาวรณ์ใคร่ครวญ ตั้งแต่คอร์ด ทำนอง เนื้อร้อง จะเข้ากันหมดว่า เป็นการบอกลากันแบบด้วยดี แล้วเราจะมาพบกันไหมหรือเปล่า
วันอาทิตย์
โต้ง: เป็นเพลงรักครับ ผมเจอสาวเซเว่นแล้วนึกถึง ก็แต่งเพลงว่าผมจะไปจีบเขา (หัวเราะ) วันอาทิตย์ชวนไปเที่ยว จบ แต่ไม่ได้เข้าไปจีบเขาจริง ๆ นะ
เฟิร์ส: มีเสียงนกร้องตอนเช้า ฟังสบาย
แบงค์: ตอนแรกก็นึกว่าเป็นวันอาทิตย์พี่นอนสบาย ๆ ที่บ้าน (หัวเราะ) เพิ่งรู้เนี่ย
เท่าที่ฉันมี
โต้ง: อันนี้ก็เป็นการขอร้องแฟนเก่าผมเนี่ยแหละ เขาติดอยู่ในอะไรสักอย่าง ซึ่งเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แล้วก็อยากให้เขาลองกลับมาทบทวนดู เรียกว่า กลับสู่บ้านบ้าง จิตใจอะไรให้อยู่ที่บ้านบ้าง ไม่ใช่อยู่ข้างนอกอย่างเดียว ถ้าออกไปต่อสู้รบราฆ่าฟันอะไรมากมาย ลองกลับบ้านดูเผื่อมันจะสงบกว่าหรือเปล่า
ครู
โต้ง: เป็นเพลงเกี่ยวกับครูครับ ในแง่มุมที่จริง ทำเพื่อเงิน หรือว่าทำเพื่ออะไรกันแน่ และจิตวิญญาณของครูคืออะไร
เธอคิด
โต้ง: เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่เป็นชู้กัน แล้วก็ มีเซ็กซ์กันในท่อนฮุค แล้วก็คิดถึงคนอื่นไปด้วย เป็นเพลงที่ชั่วร้าย ผมแต่งให้ชั่วมากเลยด้วย ทำตั้งแต่คอร์ด เมโลดี้ เนื้อร้อง ทำนอง ให้มันชั่วที่สุดเท่าที่จะชั่วได้ (หัวเราะ)
เฟิร์ส: เพลงนี้ชั่วร้ายจริงครับ กว่าจะหากลองลงได้ โคตรยากเลย (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงที่คนมองว่าโต้งเป็นไอดอล
โต้ง: ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นไอดอลเลยครับ เพราะว่าผมเป็นคนที่แย่มากในหลาย ๆ อย่างในสมัยก่อน ถ้าจะเรียกผมเป็นไอดอลในสมัยก่อนผมว่าเลิกเถอะครับ ถ้าต่อ ๆ ไปผมทำอะไรดีในแง่มุมใด ถ้าเอาเป็นแบบอย่างได้ก็เชิญครับ
เคยมีแว้บนึงไหมที่คิดว่า Sunrise, Moon Bright จะต้องมีเพลงชาติแบบ สิ่งดีดี ของ Goose
โต้ง: ไม่เคยคิดเลยครับ
คำแนะนำให้นักดนตรีรุ่นน้อง
โต้ง: ดนตรี ณ ตอนนี้ของตัวผมมันไม่มีแนวเพลง ผมทราบนะครับว่าแนวเพลงอันนู้น อันนี้ อันนั้นคืออะไร แต่ส่วนตัวผมฟังอะไรก็เพราะ ถ้ามันเป็นเมโลดี้ที่สวยงาม คุณภาพเสียงไม่แย่จนเกินไป เพลงฟังเพลิน ๆ เคยได้ยินไหมครับ เหมือนในลิฟต์ ในร้านอาหาร เพลงผมอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ อย่าไปซีเรียสมากว่ามันจะต้องเป็นจุดสนใจ หรือจะเป็นอะไร ซึ่งมันจะทำให้เราขาดความสุขของการทำดนตรีไป ซึ่งถ้าคนจะชอบในหมู่มาก มันอาจจะเป็นเรื่องที่โชคดีมากก็ได้ สำหรับตัวน้อง ๆ ก็อย่าไปโฟกัสกับมันมากว่าดนตรีมันจะเป็นอะไร แค่เราเล่นออกมาแล้วมีความสุขกับมัน
เรื่องคุณภาพเสียง วงรุ่นพี่ ๆ จะพูดกันเยอะมาก
โต้ง: มันฟังไม่ชัด ขอไม่ถึงต้องระดับ… ขอแค่ฟังชัดว่าเล่นอะไรก็พอ อาจจะไม่ได้มีทุนหรือว่าไม่ได้มีใครสนับสนุนอะไรมากมาย แต่ก็ขอให้ชัดทุกไลน์ เพราะเดี๋ยวนี้ computer music มันก็เยอะแยะมากมายนะ ก็ง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่เยอะ แต่พวก lo-fi เขาก็มีแนวทางของเขา My Bloody Valentine ถ้าเราฟังจริง ๆ เขาก็เล่นเป็นคอร์ด แต่ Kevin Shields เขาจะใช้เอฟเฟกต์เยอะมาก แต่เราก็พอจะรู้ว่าเขาเล่นอะไร แล้วถ้าเราแกะมันจริง ๆ เราก็เล่นได้ ถ้าสนใจจริง ๆ แล้วมันก็ฟังรู้เรื่องอะ ไม่ใช่โน้ตขาด เล่นผิด นี่ไม่ใช่เดโม่นะครับ หรือไปก๊อปเขามาก็อย่าไปทำครับ เราพอใจในสิ่งที่เราเล่นดีกว่าที่เราจะไปเอาของใครเขามา หรือว่าเล่นให้มันไม่ถูกใจเรา โน้ตขาดไป คุณภาพเสียงแย่ ฟังไม่รู้เรื่องเลย ปนเปไม่ได้แยกแยะอะไรไปหมด
ติดตามผลงานของ Sunrise, Moon Bright ได้ที่ Facebook fanpage และรับฟังบน ฟังใจ ได้ ที่นี่