SloJoe สองหนุ่มธรรมดา ที่นำพากลิ่นอายของ Bakery กลับมาสู่หูของเราอีกครั้ง
- Writer: Peerapong Kaewthae
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเติบโตมากับเพลงอันไพเราะของค่าย Bakery ในระดับที่ร้องตามได้เกือบทุกเพลง จนวันที่ค่ายได้เปลี่ยนชื่อเป็น LOVEiS ก็ยังคงมีศิลปินหน้าใหม่มากมายที่ยังทำเพลงออกมาในแบบที่เราอยากฟังกันอยู่ วันนี้ได้มาจับเข่านั่งคุยกับ SloJoe สองหนุ่มที่ดูธรรมดา ๆ แต่มีฝีมือการเล่นดนตรีที่ไม่ธรรมดา กับแนวเพลง r&b ช้า ๆ ซึ้ง ๆ หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นของ Bakery ยุคเก่า เจ้าของเพลงชื่อสะใจ โปรดลงโทษ (กระทืบ) ฉัน ย้อนวันคืนเหงา ๆ ที่เราคิดถึงให้กลับมาได้อีกครั้ง
สมาชิก
ปาล์ม — นิติภูมิ ภู่กฤษณา (ร้องนำ)
แบงค์ — นันทรัฐ ช่วงงาม (กีตาร์)
มาอยู่ค่าย LOVEIS ได้ยังไง
ปาล์ม: ผมมีโอกาสไปรู้จักกับ พี่ต๋อง The Begins ซึ่งเขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับรายการ The Voice Thailand ที่ผมไปประกวดเลยรู้จักกัน พอผ่านมา 2-3 ปี พี่ต๋องก็ชวนส่งคลิปมาที่ค่ายเพราะตอนนั้น พี่บอย โกสิยพงษ์ กำลังหาศิลปินหน้าใหม่ของ LOVEiS อยู่พอดี พอได้มาคุยกับพี่บอยเขาก็โอเค เราเลยลงตัวอยู่กับค่ายนี้ เราเลยชักชวนพี่แบงค์เข้ามาเพราะเราเล่นอยู่วงเดียวกันอยู่แล้ว มาเป็น SloJoe ด้วยกัน ทำเพลงด้วยกัน ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรก โปรดลงโทษ (กระทืบ) ฉัน
ชื่อ SloJoe มีที่มายังไง
ปาล์ม: มันมาจากคำว่า slow jam เหมือนเป็นแนวดนตรี r&b ช้า ๆ ของคนผิวสี เป็นเพลงเซ็กซี่ make love อะไรยังงี้ ตอนนั้นเขาก็ถามว่าจะชื่อวงอะไรกันดี ก็บอกกับพี่บอยว่าเราชอบคำว่า slow jam มากเลย เขาก็พูดสวนขึ้นมาว่าเป็น SloJoe มั้ย ผมก็ว่าชื่อมันคล้องจองกัน น่าค้นหาดีครับ Joe ก็หมายถึงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งด้วย SloJoe คือดนตรีของคนธรรมดา ๆ
ก่อนจะมาเป็น SloJoe นี่แต่ละคนผ่านงานดนตรีอะไรกันมาบ้าง
แบงค์: อย่างผมก็เล่นแบ็กอัพมาก่อน แล้วก็เคยขายเครื่องดนตรีอยู่ที่ฟอร์จูน
ปาล์ม: ผมก็เคยเป็นครูสอนร้องเพลง พวกเราจบดนตรีกันมาครับ ซึ่งมันทำอะไรอย่างอื่นไม่ค่อยได้ละ (หัวเราะ)
อะไรทำให้ปาล์มอยากไปประกวด The Voice
แบงค์: อยากดังเนี่ยแหละครับ (หัวเราะ)
ปาล์ม: ไม่ใช่อยากดังสิ คิดว่าเรามีศักยภาพในระดับหนึ่งน่ะครับ ถ้าเรายังร้องเพลงทั่วไปอาจจะไม่ได้อะไร ลองไปชาเลนจ์ตัวเองดู ผมก็รู้จักกับ ตุ๊กตา The Voice ด้วย เขาก็ชักจูงให้ไปประกวดตั้งแต่ซีซันที่สอง เลยได้เจอพี่ต๋องด้วย
อย่างแบงค์ก็เคยประกวดกีตาร์
แบงค์: Overdrive Guitar Contest ครับ รายการนี้มันมีมานานแล้ว ตั้งแต่ผมเรียนมัธยมอยู่เลย ผมก็จะติดตามตลอดเห็นคนที่ไปประกวดก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้น แต่ก่อนก็ชอบซื้อนิตยสาร Overdrive มานั่งอ่าน มันเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดของมือกีตาร์ประเทศไทยด้วย อย่าง The Toys ก็เคยเป็นแชมป์รายการนี้ด้วย ผมเป็นคนต่างจังหวัดก็ได้แต่ซื้อซีดีมานั่งดูความเก่งของ พี่หนึ่ง วินัย แชมป์ปีแรก พี่ป๊อป วรวิทย์ แชมป์ปีที่สอง จนวันหนึ่งได้มาเจอตัวจริงเขาผมก็พูดกับตัวเองว่าซักวันหนึ่งต้องไปเหยียบเวทีนี้ให้ได้ แล้วบังเอิญที่ช่วงหนึ่งผมได้สนิทกับแชมป์ปีที่ห้าซึ่งตอนนี้เป็นมือกีตาร์ให้วง Instinct ครับ เขาก็แนะนำให้ผมไปประกวดเพราะรายการมันดี พอได้ยินคำนี้ผมก็เลยตั้งมั่นว่าต้องไปประกวดให้ได้ ก็ได้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายครับ
ปาล์มกับแบงค์เคยผ่านแต่งานประกวดมา พอมาเป็นศิลปินจริง ๆ แล้วแตกต่างกันมากไหม
ปาล์ม: แตกต่างนะครับ
แบงค์: แค่ขึ้นเล่นบนเวทีก็รู้สึกแปลกแล้วครับ ปกติเล่นดนตรีเราไม่ต้องโฟกัสอะไรเยอะขนาดนั้น พอเป็นศิลปินแล้วต้องทำหน้าที่เป็นฟรอนต์แมน ผมไม่เคยต้องทำขนาดนี้
ปาล์ม: เราก็ไม่ได้เล่นดนตรีไปวัน ๆ แล้ว เหมือนมันจุดมุ่งหมายหลาย ๆ อย่างก็ตามมา ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นในทุก ๆ ด้านด้วยไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทำดนตรี
ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ มีมุมมองต่อค่าย LOVEiS ยังไงบ้าง
ปาล์ม: สุดยอดมากครับ เป็นความใฝ่ฝันมาตลอด ผมเนี่ยก็โตมากับค่ายเพลง Bakery ครับ มันดีทุกเพลง ศิลปินทุกคนมีความสามารถมาก ๆ ชอบมาตั้งแต่แรกเลย ชอบที่สุดเลยด้วย
แบงค์: จะมีคาแร็กเตอร์ชัดเจน พอฟังแล้วจะรู้เลยว่านี่คือ Bakery นะ
ได้อะไรบ้างจากการทำงานกับ บอย โกสิยพงษ์
ปาล์ม: พอได้มาเจอพี่บอยจริง ๆ แล้วรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก ๆ เหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องคุยกัน ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นบอสหรือโปรดิวเซอร์ใหญ่ รู้สึกห่างไกลอะไรแบบนั้น เหมือนครอบครัวที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษาได้ทุกเรื่อง นั่งกินข้าวกันได้ เป็นกันเองมาก รู้สึกอบอุ่น มันดีกว่าที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรก
แบงค์: ผมอยากพูดถึงพี่ต๋อง The Begins ด้วย เขาเทคแคร์พวกผม เวลาทำเพลงก็คอยกระตุ้นตลอด เขามีส่วนร่วมหรือทำให้พวกผมไม่ได้หยุดนิ่ง ปกติพวกผมจะชิล ๆ หน่อย (หัวเราะ) อะ เสร็จละ พอละ แต่เขาจะบรีฟพวกผมตลอดว่าไม่มีอะไรที่ดีที่สุด เป็นอีกแรงผลักดันของ SloJoe เหมือนกัน
ปาล์ม: เนี่ยถ้าดูจากใน mv จะเห็นว่าพี่ต๋องอยู่ในเครดิตเยอะมาก เขามีส่วนช่วยเยอะมาก ไม่ว่าจะคุมร้อง คุมกีตาร์ตอนอัด เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย
ปรึกษากับพี่บอยได้ทุกเรื่อง เคยปรึกษาอะไรเขาบ้าง
ปาล์ม: เนี่ยแหละครับ เรื่องความรัก (ยิ้ม) การใช้ชีวิตคู่ ทะเลาะกับแฟนมาก็มาคุยกับพี่บอย เขาก็ให้ข้อคิด ให้กำลังใจอะไรอย่างเงี่ย
แนวเพลงของ SloJoe ได้แรงบันดาลใจมากจากใครบ้าง
ปาล์ม: ส่วนใหญ่เป็นศิลปินผิวสีจากต่างประเทศน่ะครับ Craig David, Joe กับ Musiq Soulchild
มีศิลปินคนไหนใน LOVEiS หรือ Bakery ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ SloJoe
ปาล์ม: โห ผมมีเยอะมาก ผมเนี่ยชอบ พี่เบน ชลาทิศ มากตั้งแต่เด็ก ๆ วง B5 ก็ชอบทั้ง พี่เค้ก อุทัย พี่คิว Flure ด้วย ชอบทุกคนเลย เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมในการร้องเพลงจนถึงทุกวันนี้ตั้งแต่เด็กเลย
แบงค์: ชอบวง MEAN ครับ (หัวเราะ) เพลงเขาเพราะดี เป็นแรงบันดาลใจ
เพลงของ SloJoe ค่อนข้างเป็น r&b เหมือนยุค Bakery เก่า ๆ เลย แนวเพลงของเรายังเชื่อมต่อกับคนยุคนี้ได้ไหม
ปาล์ม: ผมว่าดนตรีมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทันสมัยหรือตกยุคนะครับ ผมมองว่า r&b มันมีเสน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว เราชอบในสิ่งที่เราทำออกมาดีกว่า เพลงของเราก็อยู่บนเนื้อหาของความเป็นป๊อบอยู่แล้ว เสียงตอบรับก็ค่อนข้างดีพอสมควร
แบงค์: เนื้อหามันก็ดูวัยรุ่นนะครับ สไตล์อาจจะเก่าแต่เนื้อเพลงมันจะโดนใจเขา ดนตรีมันเป็นภาษาสากล
ปาล์ม: ผมไม่รู้ว่ายุคนี้ฟังอะไรกัน อย่าง The Parkinson เพลงเขาก็ยุคเก่านะ ดนตรีของผมอาจจะเป็น r&b มากขึ้น ซาวด์อาจจะดูโบราณขึ้น เราก็พยายามทำให้มันฟังง่ายขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว คนฟังก็ค่อนข้างโอเคนะครับ แต่ที่บอกว่าฟังเพลงพวกเราแล้วนึกถึง Bakery ยุคเก่าแล้วผมรู้สึกดีใจนะครับ สิ่งที่เราฟังตั้งแต่เด็ก ๆ พอมันออกมาในตอนนี้คนก็ยังนึกถึง Bakery บอกได้เลยว่าค่ายนี้เป็นคนเอาแนวดนตรี r&b เข้ามาในประเทศไทย รู้สึกเราดีใจมากกว่าที่เราได้ทำแบบนี้ ได้อยู่ LOVEiS แล้วได้ทำเพลงออกมาเป็น Bakery
ปัจจุบันคนหาเพลงฟังได้หลากหลายแนวมากขึ้น ทำให้คนฟังแนว r&b น้อยลงด้วยรึเปล่า
แบงค์: ผมรู้สึกว่าแนวเพลง r&b กำลังเป็นกระแสมากกว่าแนวเพลงอื่น ๆ อีก อย่าง Sam Smith ก็มีวิธีการร้องแบบ r&b ด้วย
ปาล์ม: จริง ๆ แล้วผมว่านักร้องส่วนใหญ่เนี่ยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก r&b ซะเยอะ ใคร ๆ ก็ต้องเคยฟัง r&b แต่พอเราพูดถึง r&b ในเชิงลึกเนี่ย มันจะเป็นเพลงแบบ slow มันจะเป็นซาวด์เก่า ๆ ผมรู้สึกว่าเนี่ยแหละคลาสสิค ทุกวันนี้ผมกลับไปฟังเพลงยุค 90s อาจด้วยความชอบส่วนตัวของผมด้วยแหละ ผมคิดว่าเนี่ยแหละคือแรงบันดาลใจของนักร้องยุคหลัง ๆ อย่าง Michael Jackson ก็แล้วแต่ มันไม่มีทางตกยุค ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกลับไปฟัง MJ มันอยู่ที่ว่าคนเราชอบฟังแบบไหนมากกว่า ไอ้เรื่องความชอบส่วนบุคคลมันบังคับกันไม่ได้ เราทำดนตรีออกมาในแบบที่เราอยากทำหรือชอบนะครับ ถ้าเขาฟังแล้วไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่ว่าฟังแล้วทำให้เกิดแรงบันดาลใจหรือชอบ ผมก็รู้สึกดีที่มันเป็นแบบนั้น เพลงเราอาจจะตกยุคก็ได้ แต่ผมไม่สนใจเพราะผมชอบ
พูดถึงเพลง โปรดลงโทษ (กระทืบ) ฉัน หน่อย
ปาล์ม: เป็นเพลงที่มีเนื้อหาตรงไหนตรงมา ทิ่มแทงคนที่มักจะทำอะไรผิดพลาดอยู่เสมอ ผมเชื่อว่ามันเป็นเพลงที่เราจะไม่ได้ฟังกันบ่อย ๆ
แบงค์: มันคงไม่มีเพลงไหนที่ใช้คำว่า ‘กระทืบ’ ใช้คำว่า ‘ทุเรศ’ ในเพลงแนวยังงี้
ปาล์ม: พอมันมาอยู่ในเพลงแล้วมันทำให้รู้สึกว่าแปลกใหม่ดี เรื่องของเนื้อหาก็ส่วนหนึ่ง แนวดนตรี soul r&b ก็เป็นดนตรีที่เราชอบ พี่บอยก็เป็นคนแต่งเนื้อเพลงให้ด้วยครับ
เห็นได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นด้วย
ปาล์ม: ค่าย LOVEiS เราก็เป็นพันธมิตรกับค่าย Yoshimoto Entertainment ซึ่งดังมาก ๆ ที่ญี่ปุ่น เขาเลยเชิญเราไปเล่นในงาน Okinawa International Film Festival เปิดประสบกาณ์ใหม่ ๆ ให้คนญี่ปุ่นได้ฟังเพลงไทย เราก็ดีใจที่ได้เอาเพลงของเราไปเล่นที่นั่นด้วย ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ ที่ญี่ปุ่น เพราะเราก็ได้ร้องเพลงญี่ปุ่นด้วย วง MEAN เขาก็ร้องเพลงของเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นนิดนึง แล้วเราก็ได้ไปปล่อยซิงเกิ้ลของเราที่โน่นเป็นที่แรก ก่อนที่ไทยอีก เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ
จะได้ร่วมงานกับทางฝั่งญี่ปุ่นอีกไหม
ปาล์ม: ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ถ้ามีก็ดี (ยิ้ม)
เป้าหมายต่อไปของ SloJoe
ปาล์ม: ซิงเกิ้ลที่สองครับ มันน่าจะดีดขึ้น จี๊ดขึ้น ไม่น่าจะหาซาวด์แบบนี้ฟังได้ในไทยเลยครับ
แบงค์: หนักแน่นขึ้น แต่เป็น R&B เหมือนเดิมครับ
จะได้ฟังเมื่อไหร่
แบงค์: วันนี้เลยมั้ย (หัวเราะ) ใกล้จะเสร็จแล้วครับ น่าจะภายในกันยาครับ ภาคดนตรีจะหนักขึ้น เนื้อเพลงก็จะหนักขึ้น แต่เพลงจะช้ากว่าเดิม แต่จะได้อารมณ์ที่หนักแน่นกว่าเดิม
ฝากผลงานหน่อย
แบงค์: ซิงเกิ้ลที่สองน่าจะได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ครับ
ปาล์ม: ตอนนี้ก็ฟังซิงเกิ้ลแรกของเรา โปรดลงโทษ (กระทืบ) ฉัน ได้บน YouTube, JOOX และ Apple Music ครับ