‘Silenceness’ บางทีความเงียบก็รู้สึกได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าชวน electric.neon.lamp มาพูดให้เคลียร์ ๆ
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: BEC Tero Music
การกลับมาของวงป๊อปร็อก electric.neon.lamp ต้องไม่ธรรมดา หลังปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก How To Disappoint Your Parents กับ BEC Tero Music (แต่ชุดที่สองในฐานะ e.n.l. หลังจาก Bright Side) แค่เคาะสนิม ขยับจังหวะให้กระฉับกระเฉงไม่พอ ขอเขียน Silenceness เป็นเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกในชีวิตดูสักหน่อย แล้วก็ทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ เราเลยชวนวงมาคุยเรื่องราวเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้กัน
ทำไมถึงเขียนเพลงภาษาอังกฤษ
เจน: ไม่ได้จำกัดว่าจะทำไทยหรืออังกฤษแล้ว รู้สึกว่าเพลงนี้มันควรจะเป็นอังกฤษก็เป็นอังกฤษ เพลงนี้ควรจะทำไทยก็ทำไทย คือจะพยายามออกจาก comfort zone ของตัวเองประมาณนึง ซึ่งอันนี้ก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเองครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าจะออกมาห่วยกว่านี้ เพราะเอาจริงภาษาก็ไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ก็มีแกรมมาร์ผิดบ้าง แต่ก็มีให้แฟนช่วยดูให้ โดยรวมรู้สึกว่าดีกว่าที่คิดไว้พอสมควร จริง ๆ มันก็คล้าย ๆ เพลงไทยแหละ เพลงไทยของ e.n.l เองก็ไม่ได้ลุ่มลึกหรือมีความหมายลึกล้ำขนาดนั้น เป็นเพลงป๊อปธรรมดา
ไปเจออะไรที่มีกรูฟเยอะ ๆ แล้วเกิดชอบขึ้นมาเลยใส่ไปในอัลบั้มที่แล้ว ตอนนี้เริ่มเบื่อ?
เต้: เพลงนี้อันดับแรกเราไม่ได้ตั้งโจทย์ ตั้งโครง ตั้งกรอบอะไรไว้ อารมณ์แบบซัดเลย อยากทำอะไรก็ทำ เราอยากจะยึดจากบีตเลยขึ้นเบสขึ้นกลองมาก่อน พอทำมาได้ระยะนึงแล้วรู้สึกว่าเพลงมาทรงนี้ ก็เวิร์กกับมันต่อ
เจน: ก่อนหน้านี้เราก็เป็น r&b ซะเยอะ ไม่ค่อยมีเพลงที่เป็นจังหวะดิสโก้สนุก ๆ โจ๊ะ ๆ แบบที่เราเคยทำ ก็เลยอยากลองกลับไปทำเพลงที่เราทำเมื่อก่อน พวก เธอที่ร้าย โทรจิต แต่ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะทำแบบไหน แต่ทำไปทำมา เอ๊ะ ท่อนฮุกเล่นเป็นดิสโก้ดีกว่าว่ะ ก็สนุกดี element r&b ก็น้อยลงไปเยอะ อย่าง How to Disappoint Your Parents คือเรามีธงตั้งแต่แรกเลยว่าจะเอา r&b มามิกซ์กับแนวเพลงของวง กลายเป็นว่าสิ่งที่ force มาก ๆ ทำไปก็เริ่มอึดอัด ต้องหาอะไรมาใส่ จะเอา element ของ 90s เข้ามาก็ต้องมานั่งคิดว่าจะเอาอะไรมาใส่ มันไม่ค่อยอิสระ มันจำกัดความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แต่อันนี้ไม่มี เพลงต่อไปอาจจะ r&b หรือฮิปฮอปก็ได้ แล้วตอนนี้มีเดโม่อยู่ 2-3 เพลง คนละทางกันหมดเลย แต่สุดท้ายเดี๋ยววงจะหาจุดเชื่อมได้เองให้มัน connect ยังไงให้เป็น EP เดียวกัน
เต้: เราก็วางไปถึงการเล่นสด ว่าพอมันคนละแนวเกินไปก็ไม่รู้จะทำโชว์ยังไงเหมือนกัน
แป๊ก: กับอาจจะหาซิกเนเจอร์ของตัวเองให้กลับมาอีกครั้งมั้ง
ใน EP ใหม่นี้จะมีกี่เพลง ทิศทางเนื้อหาจะไปทางไหน
เจน: 5-6 เพลง จะพยายามให้เสร็จปลายปีนี้แหละ คอนเซ็ปต์เนื้อหาทั้งหมดจะเกี่ยวกับ long distance relationship อีกคอนเซ็ปต์ที่คิดไว้และจะเอาไปทำในทุกเพลงคือพยายามจะทำเรื่องที่มันเศร้า เรื่องที่มันยากในชีวิตประจำวัน มาพูดให้เป็นเรื่องไม่ซีเรียส ให้เป็นเรื่องธรรมดา มองมันเป็นบวกมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ
ยังใช้กิมมิก ‘คำจำ’ ‘คำติดปาก’ ในเพลงอยู่หรือเปล่า
เจน: ก่อนหน้านี้เวลาเขียนเนื้อจะพยายามทำยังไงก็ได้ให้คนเก็ต ด้วยการเล่าให้เป็นเรื่องราวมากที่สุด เริ่มที่ A ไล่ไป B C จบยังไงด้วยฮุกให้คนเข้าใจ แต่ตอนนี้อยากจะคิดใหม่คือ คนอาจจะไม่ต้องเข้าใจเลยก็ได้ อาจจะมีเพลงที่เป็นอะไรก็ไม่รู้ก็ยังได้
เรื่องราวในเพลง Silenceness
เจน: มันมาจากความเงียบ เหมือนคนเราเวลาคุยกัน คบกัน ทะเลาะกัน การที่เราจะผ่านไปได้คือการคุยกัน แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ส่วนใหญ่จะโกรธกันแล้วไม่คุย เงียบ เนื้อหาก็ง่าย ๆ เลย ก็แค่คุยกันแล้วก็จะเข้าใจกันมากขึ้น ปัญหาคลี่คลาย
มีใครมาช่วยโปรดิวซ์หรือร่วมงานไหม
เจน: ตอนนี้เราจะดูเป็นเพลง ๆ เองเลย ไม่มีคนมาดูให้ แต่เพลงต่อไปอาจจะให้คนนั้นคนนี้มาดู แต่เพลงนี้มีนิค temp. มาช่วยดูเมโลดี้ให้ แล้วก็เหมือนมาเป็น vocal director ให้ เราลองหาแต่ละคนที่ถนัดทางนั้น ๆ มาช่วย อย่าง ปิ้ว TELEx TELEXs ก็ให้มาช่วยดูไลน์ซินธ์ แต่ตอนนี้มันยังไม่มา ก็คือเบี้ยวอยู่ (หัวเราะ)
เต้: อันไหนที่รู้สึกว่าต้องปรับก็จะหยิบไปให้คนนั้นคนนี้ช่วยดูให้หน่อย ส่วนเรื่องซาวด์ยังไม่รู้จะยังไง
แล้ว art direction กับโลโก้วงที่เปลี่ยนไปมีที่มายังไง
เจน: พี่อ๊อด มาช่วยดู art direction ตอนแรกคุยกันเป็นทะเล ๆ ในเพลงนี้ ภาพในหัวที่คิดไว้คือขับรถเปิดประทุน อยู่ริมทะเลไมอามี่ เดี๋ยวไปถ่ายไมอามี่จริง ๆ ขอวีซ่าก่อน (หัวเราะ)
เต้: จริง ๆ ส่งเพลงไปให้พี่อ๊อด แล้วออกมาเป็นแบบนี้ คือเป็นการตีความจากเพลงเลย เราไม่ได้ไกด์มาก่อนเลยว่าจะได้แบบไหน พอกลับมาตรงเป๊ะเลย แล้วถูกใจวงมาก
เจน: แค่ฟังเพลงอย่างเดียว แล้วกลับมาเป็น beachy vibes เหมือนกันเลย ไม่มีบรีฟ
ลายเสื้อล่าสุดที่ขายตอนงาน Cat T-Shirt ก็เกี่ยวโยงกันด้วย
เจน: ใช่ คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอยากให้มันซิงก์กลับมาที่เพลงที่จะปล่อย คนทำ mv ก็เป็น พี่ต้น ยศศิริ ผู้กำกับคู่บุญกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ก็คงจะเป็นทะเล แต่ระยำหน่อยสไตล์ e.n.l ก็อยากจะให้ออกมาหล่อนิดนึง ไม่โป๊งชึ่งมาก แต่น่าจะมีความตลกในตัวเอง ให้ดูเท่แบบเด๋อ ๆ
อุปสรรคที่เจอในการทำเพลงรอบนี้
เต้: เรื่องเวลาเป็นหลักเลย ด้วยหน้าที่การงาน มีความรับผิดชอบมากขึ้น แก่กันแล้ว ทุกคนอายุเลข 3 กันหมดแล้ว เวลาทำงานรอบนี้เน้นคุยกันออนไลน์มากกว่า
เจน: หาเวลาเจอกันยาก มีตอนแรกมั้งที่เราคิดว่าเพลงนี้จะมีทิศทางไปยังไง ตอนเราเริ่มทำยังไม่เห็นภาพว่าหน้าตาจะออกมาทางไหน ก็ struggle ประมาณนึง ชุดคอร์ดมันจะเป็นยังไง เพลงมันจะทรงไหน ก็จะกลัวว่า เชี่ย มันดีหรือยัง ดีหรอวะ ไม่ค่อยดีอะ ไม่มั่นใจมากกว่า แต่พอถึงเวลาผ่านไปได้นาทีแรกของเพลงก็พอรู้แล้วว่าหน้าตามันเป็นอย่างงี้ว่ะ
อุน: เพลงนี้ง่ายที่สุดตั้งแต่ทำมาแล้วครับ (เจน: เขาชอบกีตาร์เขามาก)
อะไรทำให้ต้องฟังเพลงนี้
อุน: มันใหม่สำหรับวง
เต้: เราเชื่อว่ามันถึงกว่าที่เคยทำแน่ ๆ มันเป็นอะไรที่สดใหม่และคนน่าจะว้าวกัน
เจน: ตอนแรก e.n.l จะกังวลว่าเพลงนั้นเพลงนี้จะฮิตมั้ย ทำเพราะอยากให้เพลงนี้ฮิต ให้เป็นเพลงที่ดัง แต่เพลงนี้ไม่ได้คิดอะไรพวกนั้นเลย เราทำเพราะอยากทำให้เพลงเสร็จ มากกว่าให้เพลงมันทำงาน เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะพาเราไปไหน
เต้: แต่อย่างเดียวก็คือ คิดมาเผื่อไว้ตอนเล่นสดแล้วว่ามันน่าจะสนุกสำหรับเราเป็ยเบื้องต้น เอื้อให้เราเล่นสดแล้วสนุกกับมันได้จริง ๆ ที่ผ่านมาเราจะเน้นให้คนเข้าใจ ให้มันฮิต ใหคนรู้เรื่อง สุดท้ายเราค้นพบว่าการไปคิดตรงนั้นมันลดทอนการเล่นให้สนุกเหมือนกัน มันฝืน จะมีบางเม็ดบางท่อนที่เรารู้สึกว่า เราอยากได้กว่านี้ แต่เพลงนี้เราคิดว่าเล่นสดต้องสนุกแน่ ๆ
เอ้า ไปลองฟัง Silenceness กันดู แล้วมาแชร์กับเราว่าชอบสีสันรสชาติใหม่ของ electric.neon.lamp ยังไงกันบ้าง แต่สำหรับเรา เราว่าอร่อยหูมาก ๆ
อ่านต่อ
เต้นไปกับ ‘Silenceness’ ซิงเกิลภาษาอังกฤษเพลงแรกของ electric.neon.lamp