ถาม She Should be a Machine กันตรง ๆ ทำไมต้อง หงุดหงิดระดับ 7
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot, Malama
จากที่เพลง คิด ยูโทเปีย สู่ หาย และซิงเกิ้ลล่าสุดที่พวกเขาเพิ่งปล่อยมาให้เราฟังกันเมื่อเดือนก่อนอย่าง หงุดหงิดระดับ 7 ที่ได้รับความสนใจจากผู้ฟังจำนวนมาก นอกจากตัวเพลงที่ได้ Nil Lho Hitz ที่มาช่วยแร็พแล้วก็คงเป็นหน้าของสาวที่มาขึ้นปกซิงเกิ้ลนี่แหละ เรามาพูดคุยกันถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ She Should be a Machine กัน
สมาชิก
กันต์—กันดิศ ป้านทอง (ร้องนำ,กีตาร์)
ฟิว—วรทย์ สีนวน (กีตาร์)
ทอย—กฤตภาส บุณกังวาน (เบส)
นัท—ณัฐ ดุลยไชย (กลอง)
She Should be a Machine คือวงดนตรี 4 ชิ้นที่เริ่มขึ้นจากรั้วสถาบันพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 5 ของพวกเขากันแล้ว แม้ความรับผิดชอบทางสังคมจะแทรกแซงการทำงานเพลงไป แต่ทั้งสี่ก็ยังตั้งใจทำเพลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะออกมาปีละเพลงก็ยังดี โดยที่มาของชื่อพวกเขาก็มาจากโควทของ Andy Warhol ที่ว่า ‘Everybody should be a machine’ แต่ด้วยความที่อยากให้มีกิมมิกของวงเป็นการพูดถึงผู้หญิงในเพลง จะหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น และเธอก็เป็นเหมือนเครื่องจักร ที่เวลาไปมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เธออาจจะอยู่เฉย ๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับถ้าหากไม่ได้ถูกโปรแกรมเอาไว้ก่อน ทั้ง 4 รู้สึกว่าเป็นการตอกย้ำความเป็น loser ของพวกเขาในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี
“พอตั้งชื่อแบบนี้แล้วคนส่วนมากจะมองว่าเพลงของเราต้องเป็นอิเล็กทรอนิกแน่เลย” กันต์เล่า
แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำเพลงอิเล็กทรอนิก แต่เป็นวงที่ได้อิทธิพลหลักมาจากอัลเทอร์เนทิฟร็อก ทั้ง Arctic monkeys, Red Hot Chili Peppers, Slur, Knock The Knock, The Yers เพราะเป็นสิ่งที่สมาชิกแต่ละคนชอบฟังแล้วเอามายำรวมกันก่อนจะตกผลึกเป็น She Should be a Machine แต่ด้วยการเสพอะไรที่เปลี่ยนไปก็เริ่มได้ความเป็นโพสต์ร็อก เน้นท่อนบรรเลงที่สื่อบรรยากาศเข้ามามากขึ้น หรือมีการสื่อสารแบบป๊อปตรง ๆ เลยก็มี ซึ่งจากการลองผิดลองถูกเปลี่ยนสไตล์เพลงของพวกเขาไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเพลงของ She Should be a Machine เติบโตไปในทิศทางไหน
“ปัจจุบันวงเรามันคือร็อกปกตินี่แหละ เน้นฟังง่าย เน้นความหมาย ไม่ต้องเข้าใจยาก มึงไม่ต้องไปเท่ไปแอ็คอาร์ตเหี้ยอะไร มึงก็เป็นแบบนี้”
มีอะไรที่ทดลองทำแล้วรู้สึกผิดแบบไม่น่าทำเลยไหม
ก่อนหน้านี้เรามีเพลงชื่อ หาย ปล่อยมาแล้วแม่งหายไปเลย จริง ๆ เพลงนั้นเป็นเพลงสุดท้ายในสต็อกที่วงมีอยู่ กับอีกสองเพลงคือ คิด กับ ยูโทเปีย แล้วจะเอาสามเพลงนี้จะเล่นไปเรื่อย ๆ ทุกโชว์เลย จนถึงจุดนึงก็ได้ทำเพลง หาย เป็น audio พอทำแล้วมานั่งฟังปุ๊บก็รู้สึกว่านี่ที่ทำกันมาพวกมึงทำอะไรกันอยู่วะเนี่ย บวกกับพอดีตอนนั้นพี่นัทเพิ่งเข้ามาเลยยังไม่ได้ใส่ความคิดของตัวเองลงไปในเพลงเต็มที่ ซึ่งตอนหลังเลยได้เรียนรู้ว่าเราต้องหาไดเรกชันในการทำเพลงก่อน คือตอนเพลงแรกเรายังไม่ได้กำหนดคอนเซปต์ มีเนื้อเพลงมาเสร็จแล้วก็มาแจมกันในห้องซ้อมเลย ไม่ได้คุยกันก่อน ตอนนี้เลยรู้ว่าต้องกลับไปตั้งแต่เริ่ม มาคุยกันเรื่องมู้ดของเพลง ดนตรีควรจะเป็นประมาณไหน อยากได้เพลงเกี่ยวกับอะไร ก็ช่วย ๆ ทำกันหมดเลย
ทำไมหงุดหงิดจะต้องอยู่ที่ระดับ 7
หงุดหงิดมันก็คืออารมณ์ที่เกิดจากความไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ในเพลงนี้คือความไม่พอใจระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงสักคู่นึง อย่างผู้ชายตื่นขึ้นมารอจะเจอเธอ อยากจะไปทำนู่นทำนี่กับเธอ แต่พอมาเจอปุ๊บ ผู้หญิงไม่สนใจ ติดโซเชียล เลยทำให้เขาเริ่มหงุดหงิด ส่วนคำว่าระดับ 7 คือเราไม่รู้ว่าจุดสูงสุดของความหงุดหงิดมันอยู่ระดับไหน เลยสมมติขึ้นมาว่าระดับ 7 มันคือสุด ๆ ละ ถ้าฟังตามเนื้อเพลง จะเหมือนเราดูหนังเรื่องหนึ่ง คือนึกภาพตามเนื้อเพลงได้เลย
ทำไมถึงได้ Nil Lho Hitz มาช่วยแร็พด้วย
จริง ๆ จะมีท่อนนึงที่ฟิวต้องโซโลกีตาร์ แต่กันต์รู้สึกว่าควรมีท่อนที่เอามาจิกกัดผู้หญิงในเพลงหน่อย เลยอยากจะให้เป็นท่อนแร็พ แต่ตอนที่เขียนแร็พก็ยาก หรือลองมาแร็พเองยังรู้สึกว่าไม่เข้า เพราะคนจะแร็พต้องมีพื้นฐาน ต้องรู้บีท แล้วต้องแร็พได้เข้ากับเพลงของเราด้วย เดิมทีเราอยากให้เป็นงานที่จบโดยพวกเราเองทั้งหมด แต่ในเมื่อมันไม่ได้ก็เลยนั่งคุยกันว่าจะเอาใครมาแร็พ เลยเปิด Rap is Now สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Nil Lho Hitz คือจริง ๆ นิลเป็นคนที่เราอยากร่วมงานอยู่แล้ว เพราะเป็นคนแร็พแล้วไม่พูดคำหยาบ สองคือรู้สึกว่าเขาชอบกัดผู้หญิง ก็เลยทักไปหาน้องเขา ซึ่งก่อนหน้านั้นเราเคยส่งเพลงหายไปให้เผื่อว่าอนาคตจะร่วมงานกัน แล้วน้องตอบกับมาว่า ‘ผมไม่อินเพลงพี่เลยครับ’ (หัวเราะ) กูก็แบบเหี้ยละ ทำไงดี ก็เลยลองทักไปใหม่ คราวนี้เลยโทรไปคุยว่ามาแต่งเพลงด่าผู้หญิงกันมั้ย แม่งก็เงียบไปแป๊บนึง ก็ตอบกลับมาว่า ‘ได้เลยครับพี่ผมพร้อมแล้ว ลุยเลยครับ’ ตอนนั้นก็เลยทำ demo ส่งกันไปมา จนสุดท้ายน้องก็แร็พจัดมาให้ตามในเพลงนี้เลย
กระแสตอบรับ
ถามว่าคนฟังเยอะมั้ย มันก็เยอะนะ เยอะแบบตกใจเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาเวลาปล่อยเพลงก็จะหายไปกับสายลม คือมันเป็นเรื่องปกติของวงอินดี้เหมือนกันเพราะเราก็ไม่มีสื่อ แต่ทีนี้ Rap is Now เขาแชร์ให้ วงโน้นวงนี้ก็แชร์กัน แสดงว่าเพลงที่เราทำรอบนี้มันตอบโจทย์คนหมู่มากมากขึ้นด้วย แต่ก็มีบางคอมเมนต์ว่าตามพี่ Nil Lho Hitz มา แต่ฟังไปฟังมาเพลงเพราะดี ก็รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งเอาตรง ๆ พอเพลงนี้มี Nil Lho Hitz พ่วงเข้ามา มันทำให้คนเข้ามาฟังเยอะด้วย (หัวเราะ) สรุปอีก 9 เพลงที่เหลือเดี๋ยวจะ feat. ทุกเพลง (หัวเราะ)
แต่ฝั่งงานเล่นก็ยังเงียบ ๆ อยู่
อาจจะด้วยความที่วงของเรามันออกปีละเพลงด้วย ความต่อเนื่องของคนเวลาจะจ้างงาน มันก็จะเป็นแบบ มึงหายไปไหนกัน ก็เข้าใจได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นปีนี้น่าจะทำเพลงเยอะขึ้น และคิดว่าเป็นปีที่ทำเพลงเยอะที่สุดของเราละ เพลงต่อไปก็จะทำให้เป็นเพลงที่ฟังไม่ยาก เนื้อเพลงเข้าถึงง่าย บวกกับซาวด์ที่ทำให้มันกระชับมากขึ้น และจะมีเพลงช้าด้วย ตอนนี้ก็จะวางโชว์ใหม่ ทำอะไรใหม่ ๆ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ก็คงน่าจะมีโชว์แล้วแหละ
รอบนี้กะจะทำอัลบั้มเลยไหม
ยังไม่คิดครับ ตอนนี้สำหรับเราเป้าหมายคือทำ EP ได้ก็ดีใจแล้ว (หัวเราะ) เพราะว่าอยู่กันมานานแล้ว เป็น 5 ปีที่ผจญภัยกันแบบวุ่นวาย ให้มันค่อย ๆ ไปไม่ต้องรีบ ทำไปเรื่อย ๆ เพราะว่าแต่ละคนมีงาน คือมีเวลาว่างก็มาเจอกัน แต่ปีนี้ก็อยากทำให้ได้เยอะมากที่สุด เพราะบางทีก็รู้สึกว่าสถิติการออกเพลงเราแย่มาก ปีละเพลง ดังนั้นปีนี้คิดว่าถ้าได้ 2-3 เพลงยิ่งดี จะพยายามทำให้ได้เยอะที่สุด
น้องบนหน้าปกซิงเกิ้ลเกี่ยวอะไรกับเพลง
เป็นโจทย์ของกันต์อีกเหมือนกัน ตอนแรกที่คิดไว้ เพลงมันมีนิลแล้ว จะต้องมีการตลาดเกิดขึ้นด้วย ใช้อารมณ์ที่ว่าอยู่กับวงการตรงนี้มามาก ๆ เลยเริ่มรู้ว่าเวลาเขาถ่ายรูปปกต้องเอารูปเท่ ๆ แต่ถ้าให้ 4 คนนี้มายืนทำหน้าหงุดหงิดคนก็คงจะแบบ… นี่อะไรของพวกมึงเนี่ย ตอนนั้นเลยคุยกับน้องบุ๊กช่างภาพว่าอยากได้ผู้หญิงมาขึ้นปกซิงเกิ้ล เพราะวงเรามันชื่อ She Should be a Machine คาแรกเตอร์ของปกก็น่าจะเป็นผู้หญิง อีกอย่างที่ผ่านมาหน้าปกแต่ละอันของเรามันเป็นกราฟิกหมดเลย ก็รู้สึกเบื่อด้วย อยากได้อะไรที่มันเรียล ๆ แล้วบุ๊กก็ส่งรูปนางแบบในสต็อกมาให้ แต่การคัดเลือกก็ต้องตรงกับคาแรกเตอร์เพลงเราด้วย ซึ่งน้องคนที่เลือกมา เราก็ไม่รู้จักน้อง ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้นะว่าเขาเป็นใคร มีคนก็มาขอวาร์ปกันใหญ่เราก็ไม่รู้จะให้ยังไง มันก็เลยรู้สึกว่ามันก็ค่อนข้างอิมแพคคน และเข้ากับเพลงตามที่เราต้องการจริง ๆ
มีคนบอกว่าจริง ๆ แล้ววงนี้มีนายแบบ
ก็กะว่ารับงานเพิ่มด้วย วงเราต้องมีดาราด้วยไง ก็เลยคิดว่ามันก็ควรจะมีคนที่โดดเด่นในวง แบบเป้ Slur อะไรงี้ (หัวเราะ) ล้อเล่น มันก็ไม่ใช่นายแบบหรอก ตอนถ่ายรูปมันก็ต้องแอ็คเป็นปกติของศิลปินอยู่แล้ว จะมายืนนิ่งได้ไง คือว่าเรา 4 คนปกติก็ไม่ค่อยถ่ายรูป พอถ่ายรูปวงก็จะมาอีกโหมดนึง สไตล์ลิสต์ก็จะบิ้วว่าต้องแอ็คหน่อย ๆ กูแบบ อะ แอ็คก็ได้ พอแอ็คแล้วไงก็แซวกู โธ่ ชีวิตไม่ได้เกิดมาแอ็คอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ)
ฝากผลงาน
อยากเล่นครับ งานอะไรก็ได้ เล่นฟรีก็เล่น (หัวเราะ) ก็อยากให้ติดตามการเติบโตของเราต่อไปถึงชื่อวงมันอาจจะยาวหน่อย เรื่องชื่อยาวหลาย ๆ คนก็ยุให้เปลี่ยนหลายรอบแล้วแหละ ซึ่งตอนแรกก็จะเปลี่ยน ตอนนั้นไปยืนเลือกกันในร้านโดมิโนพิซซ่า แต่ว่าพออ่านแล้วก็รู้สึกตะขิดตะขวงในใจแบบกูต้องเริ่มใหม่กับชื่อนี้จริง ๆ เหรอ เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้นด้วย สมมติชื่อวง Tomato ตอนแนะนำตัวก็จะพูดว่าพวกเรา Tomato (มะเขือเทศ) ครับ มันรู้สึกไม่เท่แล้ว มันไม่เหมือน สวัสดีครับผมกันต์ She Should be a Machine อันนี้ฟังไม่รู้เรื่องดี คือถ้าตั้งใจฟังมึงก็จะรู้จักชื่อวง มันยาวแต่มีกิมมิกก็เลยไม่เปลี่ยน ถ้ามันจะยาวก็ปล่อยมันไป แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ ที่ฟังกัน
รับฟังเพลงของ She Should be a Machine บนเว็บไซต์ฟังใจได้ ที่นี่