Interview

เตรียมเก็บกระเป๋า แล้วเดินทางไปพร้อมกันใน Sanamluang Music Journey

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Neungburuj

 

static1-squarespace-49

Sanamluang Music ค่ายเพลงที่มีโปรเจกต์สนุก ๆ ออกมาให้เราได้เห็นได้ฟังกันอยู่ตลอด กำลังจะมีการ Collaboration ครั้งใหญ่ ระหว่างศิลปินในสังกัดกับศิลปินต่างสังกัดที่น่าสนใจ ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นสนามเปิดกว้าง โปรเจคพิเศษนี้ชื่อ มิวสิกเจอร์นี่ย์ (Music Journey) : เพราะดนตรีพาคุณเดินทางได้ไกลกว่าที่คุณคิด  การเดินทางครั้งใหม่ของ 8 ศิลปินที่มาทำงานเพลงร่วมกันครั้งแรก ในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

•    Lomosonic x ป๊อด ธนชัย อุชชิน (อิสระ)

•    อพาร์ตเมนต์คุณป้า x Yellow Fang (อิสระ)

•    พิจิกา x The Parkinson (Spicydisc)

•    TABASCO x Atom (White Music)

โดยการจับคู่ครั้งนี้ พวกเขาจะสร้างสรรค์เพลงใหม่ออกมาคู่ละสองเพลง รวมเป็นผลงาน 1 อัลบั้มพิเศษ ที่บรรจุไปด้วย 8เพลงใหม่ ที่เขียนด้วยกัน ร้องด้วยกันและ ภาพมิวสิกวิดีโอคู่ละ 1 เพลง ที่สร้างสรรค์ จาก 4 ผู้กำกับมากฝีมือของเมืองไทย อย่าง  ผึ้ง สาลินี เขมจรัส , อั๋น วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร, แอ๊ ชาติฉกาจ ไวกวี  และ เบสท์ อรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย , นัท นันทวัฒน์ จรัสเรืองนิล ในนามของ Eyedropperfill และที่สำคัญ 8 ตอนพิเศษ : Journey Documentary ภาพเบื้องหลังการเดินทางของศิลปินและผู้กำกับในการทำงานทั้งด้านภาพและเพลง ที่ควบคุมการผลิตดูแลภาพรวมทั้งหมดโดยผู้กำกับคนเก่ง มุก ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ

วันนี้ 4 ศิลปินสนามหลวงมิวสิก ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า , พิจิกา , บอย โลโมโซนิค และ

แชมป์ TABASCO เปิดบ้านต้อนรับเราเล่าเรื่องราวของ มิวสิกเจอร์นี่ย์ (Music Journey) :

เพราะดนตรีพาคุณเดินทางได้ไกลกว่าที่คุณคิด ให้เราฟังว่าการทำงานในโปรเจกต์นี้เป็น

อย่างไรกันบ้าง

ไอเดีย Music Journey มีที่มาจากอะไร

ตุล: Music Journey ก็เป็นการพูดถึงการเดินทางและมิตรภาพ โปรเจกต์นี้เราเพิ่มเพื่อนร่วมทางขึ้นมาอีก มีศิลปินต่างค่ายที่เราชวนมาเดินทางด้วยกัน แล้วก็ยังมีผู้กำกับอีก 5 ท่านมาร่วมเดินทางด้วยกันอีก หลังจากทำเพลงด้วยกันเสร็จเราก็ให้ผู้กำกับฟังเพลงของเราแล้วก็ให้เขาจินตนาการว่า ฟังเพลงของเราแล้วอยากพาเราเดินทางไปที่ไหน อย่างที่บอก เพราะดนตรีพาคุณเดินทางได้ไกลกว่าที่คุณคิด ผมว่าไอเดียมันก็คือ ดนตรีที่พาเราเดินทาง มันไม่ใช่แค่ว่าเป็นการเดินทางจากสถานที่สู่สถานที่ ดนตรีมันพาให้เราเดินทางย้อนเวลาก็ได้ หรือว่าจะไปในที่ที่ไม่มีอยู่จริงก็ได้ นี่คือคอนเซปต์ของโปรเจกต์นี้

static1-squarespace-50

แล้วการจับคู่ของแต่ละคู่ไปไงมาไง

บอย: สำหรับ Lomosonic กับ พี่ป๊อดนี่มาจาก พี่เปิ้ล (จิราภรณ์ สุมณศิริ ผู้บริหาร SanamLuang Music) คิดว่าเราเหมาะสมกับอะไร เคมีเราโอเคกับใคร อย่าง Lomosonic กับพี่ป๊อดนี่จะได้เจอกันตาม festival แล้วก็จะมีพี่ที่ดูแลศิลปินมาบอกว่า พี่ป๊อดเขาไม่ค่อยดูใครข้างเวทีนะ แต่เขามาดูเรา แล้วเราก็เห็นแกจริง ๆ เรารู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มันเป็นเกียรติ คือ Lomosonic ก็โตมากับเพลงของพี่ป๊อดอยู่แล้ว อย่างผมเนี่ย ผมดู Moderndog มาตั้งแต่เด็ก ผมเจอพี่ podครั้ง แรกตอนผมอายุ 15 ที่คอนเสิร์ต การกุศลของสาธิตเกษตร ผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ไปยืนดูหน้าเวทีแล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ย !! การเล่นคอนเสิร์ตมันทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอวะ อยู่ดีดีก็ลงมา ผ่านไปแป๊บเดียวเอง เหมือนลืมตาแล้วก็โป๊ะ พี่ pod มายืนข้างข้าง เราได้ featuring เพลงด้วยกัน ก็ดีใจครับที่พี่เปิ้ลไปชวนพี่ป๊อดมาแล้วเขาก็โอเค ก็เลยได้ทำงานด้วยกัน รู้สึกสุดยอดมากรู้สึกแบบโคตรสุดยอดอ่ะ

บอย: เป็นครั้งแรกที่ Lomosonic ได้ร่วมทำงานกับศิลปินท่านอื่น ตอนที่เรารู้ว่าจะได้ร่วมงานกับพี่ป๊อด เราคิดก่อนว่า พี่ป๊อดจะเข้ามาปรากฎตัวในงานนี้ยังไง ก็มองว่าน่าจะเป็นพี่ชายที่คุยกับน้องชาย  จริง ๆ ผมเขียนเพลงนี้ไว้ชื่อ เพลงกลับบ้าน (Lullaby) มันมาจากว่า คงจะมีสักวันแหละที่เราทำงานกันเหนื่อย ๆ โดนเจ้านายด่า ทุกอย่างมันดูหนักไปหมด ตื่นก็สาย ไปทำงานเลท รถติด อย่างคนบ้านอยู่มีนบุรีแล้วมาทำงานที่สีลม นั่งรถไฟฟ้าไปลงจตุจักรต่อรถเมล์สายนี้ แล้วนั่งเบาะก่อนรองสุดท้าย ฝนกำลังตก แอร์เย็นเฉียบไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาอีก ก็เป็นอารมณ์เหงา ๆ ที่พอรถเคลื่อนก็จะผ่านแสงไฟไปเรื่อย ๆ ชีวิตมันท้อมาก แต่เพลงนี้จะพูดว่า พรุ่งนี้ต้องเริ่มใหม่ แต่วันนี้คงต้องนอนก่อนแหละ เดี๋ยวค่อยว่ากัน พอมีพี่ป๊อดเข้ามาช่วยเขียน ก็จะมาเสริมในความเป็นพี่ชาย ที่มาตบไหล่แล้วบอกว่า “เฮ้ย เดี๋ยวเอาใหม่”

แล้วอีกเพลงหนึ่งที่ทำด้วยกันชื่อ หากโลกนี้ไม่มีความรัก เพลงนี้พี่ป๊อดฟังครั้งแรกแล้วเขานึกถึง Fuji Rock Festival การเดินทางไปญี่ปุ่น พี่เปิ้ลก็อนุญาตให้เราไปถ่าย MV ที่ญี่ปุ่น (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ ด้วยความที่เพลงนี้มันขึ้นกีตาร์ด้วยซาวด์เฟนเดอร์ มันมีความเป็นวงญี่ปุ่น อะไรแบบนั้น ซึ่งในวงเราก็คิดว่าไหนๆ พี่ป๊อด มาแล้วให้พี่ป๊อด แรป เลยแล้วกัน มันเป็นเรื่องที่ทะลึ่งมากในการที่เด็กกลุ่มหนึ่งไปขอเขา ว่าพี่ป๊อด มาแรป ได้ไหม ซึ่งพี่ป๊อด ก็ดันแบบตอบตกลงมา ตอบมาว่าก็เอาสิ เราไม่ได้บอกใครว่าจะเอาพี่ป๊อดมาแรป (หัวเราะ) รอเจอ MC ModernPod ได้ แล้วก็ท่อนแรปผมเขียนเองงู ๆ ปลา ๆ แต่ก็ได้พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่มาช่วยดู add on บางอย่าง ตบ ๆ ให้เข้าที่ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกมาดีหรือเปล่า แต่ตอนที่เราอยู่ในห้องอัดเรารู้สึกว่ามันสนุกมาก นี่แหละมันเป็นการเดินทาง และเป็นผลของการเดินทางด้วยกันที่ดีมาก

ตุล: นี่เราผลิตแรปเปอร์คนใหม่

บอย: ใช่ (หัวเราะ) คิดว่าพี่ป๊อดมาแรปนี่ก็แปลกแล้ว ใครลองนึกถึงเพลงในยุคดนตรีที่เราเติบโตมาอย่าง Rage Against The Machine พี่ป๊อดมาแรปกับเพลงร็อกโดยใช้เสียงสูง ๆ แบบในเพลงทุเรียน มานี ที่เขาไม่ได้ร้องอย่างนั้นมานานแล้ว พี่ป๊อดก็คงเกลียดผมไปแล้ว บอก ให้กูมาทำอะไร (หัวเราะ) สนุกครับ

ส่วน MV จะเป็น เพลงกลับบ้าน (Lullaby)  เราได้ร่วมงานกับพี่ผึ้ง สาลินี เขมจรัส แกก็บอกว่า MV นี้ต้องร้องไห้นะ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วผมเรียนการแสดงมา นี่ และผมสามารถร้องให้ได้ใน MV แต่สุดท้ายมันเป็นอนิเมชัน (หัวเราะ) สุดท้ายเขาก็บอกไม่ต้องร้องจริงก็ได้ แต่ตอนที่ร้องไห้ในกองทุกคนก็ตกใจนะ แบบเงียบ ประมาณว่า มึงทำได้ด้วยหรอวะ ผมกับพี่ผึ้งก็จะเจอกันในโลกโซเชียลเพราะแกก็ชอบออกกำลังกาย แต่พอได้มาร่วมงานกันก็ได้ switch mode รอดูละกันครับว่าเนื้อหามันจะรันทดแค่ไหน

ตุล: ส่วนอพาร์ตเมนต์คุณป้ากับ Yellow Fang ก็สนิทสนมกันมานาน เจอกันแทบทุกที่ที่ไป แต่ไม่เคยร่วมงานกัน แล้วเราก็ฟังเพลงกับดูคอนเสิร์ต Yellow Fang กันบ่อย การเดินทางในครั้งนี้รู้สึกเป็นสีสันใหม่ในชีวิต นานๆทีอพาร์ตเม้นต์คุณป้า จะได้มีเสียงนักร้องเป็นผู้หญิงมาอยู่ในเพลงของเราบ้าง ผมก็คิดว่านี่จะเป็นส่วนผสมที่แปลกดีว่า ลองมาดูซิถ้าเพลงของอพาร์ตเมนต์คุณป้าแต่มีเสียงร้องเป็นผู้หญิงเนี่ย มันจะเป็นยังไงบ้าง พอโทรไปหาน้อง ๆ Yellow Fang เขาก็ตอบตกลงกันเลย ผมว่าเป็นการทำงานที่รีแลกซ์เพราะเป็นพี่เป็นน้อง มันเห็นกันมานานแล้ว แล้วเราก็รู้ในสไตล์กับศักยภาพของเขา การทำงานมันก็สนุก ลื่นไหล

static1-squarespace-51

เพลงที่จะได้ยินก่อนคือเพลง จุดที่ชัด ยิ่งโฟกัส ก็ยิ่งเบลอ เพลงนี้จะเป็นเพลงร็อกจังหวะย่ำ ๆ หน่อย แล้วจะได้เสียงร้องของ Yellow Fang มานำเสนอ แล้วผมก็คิดว่าจุดเด่นของ Yellow Fang เวลาเขาร้องประสานด้วยกัน จริง ๆ เขาเป็นคณะประสานเสียงที่ดีมาก เขาทำตรงนี้ได้อย่างมีลีลาที่เป็นเอกลักษณ์มากครับ แล้วเพลงนี้ก็ถ่าย MV ไปแล้ว จะปล่อยไปเป็นเพลงแรก ของโปรเจกต์ งานนี้ได้คุณอั๋น วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร จาก Film Factory มากำกับครับ ผมต้องไปยืนตรงรู แล้วเขาต้องมาเล็งโฟกัสให้เจอหน้าผม ตากล้องนี่เก่งมาก เขาเป็นสายเทคนิกที่ทำเหมือนแอบถ้ำมองรูประตูน่ะฮะ รูจะเล็กมาแล้วกล้องต้องแพนเข้ามาถ่ายเรา ผ่านรูให้โฟกัสผมได้ เหมือนชื่อเพลง จุดที่ชัด ยิ่งโฟกัส ก็ยิ่งเบลอ แต่คุณอั๋นเขาตั้งใจทำมากครับ เขาแค่เซ็ตฉากถ่าย ก็สนุกแทนแล้วครับ เรื่องราวก็จะเป็นเกี่ยวกับ ความระแวง ความกังวล ความไม่ไว้ใจ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนกับเรื่องราวบางอย่างที่อยู่ในห้องสัก เราไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในนั้นบ้าง ส่วนอีกเพลงจะชื่อ หลง เป็นเพลงร็อกเดือด ๆ หน่อย โดยที่ผมจะเป็นคนร้องเสียงหลักในเพลงนี้ แล้วก็มีความเป็น psychedelic rock

static1-squarespace-52

พิจิกา: ก็มีการพูดคุยกับค่ายค่ะว่าอยากจะร่วมงานกับใครในโปรเจกต์นี้ดี ก็คิดไว้ 2-3 คน สุดท้ายก็คุยกันว่าน่าจะเป็น The Parkinson จาก SpicyDisc แต่ทีนี้เราไม่เคยร่วมงานกันเลย คือชื่นชอบผลงานของน้อง ๆ เขา แล้วก็เคยไปดูน้อง ๆ เขาเล่นตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้ทำซิงเกิ้ลเลย เราก็คิดว่า เอ๊ เขาจะมาทำงานกับเราไหมนะ แต่คือ ถ้าถามว่าเราจะทำ Music Journey ทั้งที อยากจะร่วมทางกับใคร เราอยากร่วมทางกับวงเนี้ย คือมันเหมือนกับเราไม่ได้คิดถึงปลายทางอะไรนักหนา แต่เรารู้สึกว่าวงนี้เป็นวงน้องใหม่ที่เราชื่นชอบ แล้วเราอยากจะทำงานกับเขา ก็อินบอกซ์เฟสบุ๊กไปคุย แล้วได้รับการตอบรับที่ดี เขาบอกเขาเป็นแฟนเพลงเรามานาน เขาอยากทำมาก พอคุยกันส่วนตัวแล้วพยายามที่จะหาเวลามาเจอกันจนได้ทั้งที่ก็ยุ่งกันทั้งสองฝ่าย ไปเจอกันวันแรกก็คือไปร้านกาแฟแถวบ้านใส่แตะกันไป แล้วน้องเขาเอากีตาร์มาถามว่า “เอาทางไหนดีพี่” แล้วก็มีการพูดถึงเพลงที่ชอบ กลายเป็นว่าการฟังเพลงก็คล้ายกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย หรือว่าวงที่คนอื่นไม่ค่อยรู้จัก เป็นวงยุโรปแปลก ๆ ที่เราก็ฟังเหมือนกัน แบบ เฮ้ย ทิศทางดนตรีจริง ๆ เราก็ชื่นชอบใกล้เคียงกัน ดังนั้นก็เลยไม่ยากเลย กลายเป็นว่าคลิกแปปเดียวเอง ถือว่าเหมือนโชคช่วยด้วยค่ะ ก็คือคุยแค่นั้นแล้วเราเป็นแฟนเพลงกันอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการรู้จักกันครั้งแรกแล้วได้ทำงานด้วย

เพลงแรกชื่อเพลง ยินดี ค่ะ เพลงนี้ The Parkinson จะเป็นหลัก ก็คือ ทำเนื้อร้อง ทำนองมา แล้วเราก็คอมเมนต์กัน น้องก็ส่งให้เราฟัง ก็เหมือนแชร์ไอเดียร่วมกัน แต่สไตล์ดนตรีอะไรต่าง ๆ จะหนักไปทาง The Parkinson เพราะแนวเขาก็ชัดอยู่แล้ว เราก็บอกว่าเอาตามที่มันพอดีกัน แล้วถ้าน้องได้โปรดิวซ์เองแล้วสบายใจ เราก็เอาตามนั้น แต่จะขอปรับคำให้เข้าปากขึ้น หรืออย่างชื่อเพลงก็เลือกเอง คิดว่าน่าจะชื่อยินดีสั้น ๆ เป็นเพลงแรกที่เหมือนเป็นเพลงคู่ MV เพลงนี้จะได้พี่แอ๊ะ ชาติฉกาจ ไวกวี มาทำ เขาบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากช่างภาพชื่อฟรานซิส จิต ช่างภาพคนแรกของสยาม ตอนนั่งคุยกันเขาได้ไอเดียแบบ Cloud Atlas แล้วจินตนาการต่อว่าอนาคตวันนึงถ้ามันจะเกิดการล่มสลายทางอารยธรรม ทุกอย่างมันถูกรวมกันไปหมด เป็นแบบคนใส่โจงกระเบนกับรองเท้า sneaker หรือคุณเลือกจะเป็นคนชาติไหนก็ได้ แต่สิ่งที่มันอยู่ยืนยาวที่สุดมันคือความรัก แม้อะไรจะสลายไปแต่สิ่งนี้ยังคงอยู่ ฟังแล้วดูโรแมนติกมาก เราก็รู้สึกว่าเจ๋งมากเลย ก็เป็นเรื่องของช่างภาพที่ถ่ายภาพคู่รัก ก่อนที่เขาจะต้องจากกัน แล้วเนื้อหาโดยรวมของเพลงนี้ก็เป็นเพลงรัก คือยินดีที่เราได้รักกัน มันไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนมากมาย การเล่าเรื่องของพี่แอ๊ะก็น่าจะเป็นการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ นี่ก็รอติดตามว่า feedback จะเป็นยังไงบ้าง เป็นการทำงานที่สนุก ส่วนอีกเพลงนึงชื่อ ขอแค่มีเธอ เราคิดในมุมว่า เรา featuring กันในแง่ของดนตรีได้ ก็คือว่า อาจจะไม่ต้องร้อง The Parkinson จะเป็นคนดูภาพให้ มีส่วนคอรัส ส่วนคำที่เข้ามาเสริมเพลง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่เราทั้งแต่งเนื้อและทำนองเองเกือบทั้งหมด ก็จะได้พี่โตน โซฟา เข้ามาช่วยตบไอเดียนิดหน่อย จากตอนแรกอาจจะมีความดาร์ก ซับซ้อน เขาก็จะบอกว่า ทำให้มันง่ายลงหน่อยไหม แล้วพอน้องเขาฟังเขาก็ว่ามันป๊อปดี สามารถที่จะเข้าถึงค่อนข้างง่าย แล้วก็รู้สึกว่าพัฒนาให้มันออกมามีกลิ่นที่เราชอบร่วมกันได้

static1-squarespace-53

แชมป์: จริง ๆ ก็เจอกันบ่อยหลังเวที ทีนี้เราก็พยายามหาหลายคนที่จะมาร่วมโปรเจกต์นี้ฮะ พี่เปิ้ล เขาอยากได้ความใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่เหมือนกัน ตอนแรกก็กังวลอยู่เพราะเรามีความแตกต่างกันมาก ไม่รู้เลยจะทำยังไง จนได้พี่ปั๊ม อพาร์ตเมนต์คุณป้าเข้ามาช่วยโปรดิวซ์ให้สองเพลงนี้ ก็จับทุกอย่างมาเกลี่ยกันจนลงตัวพอดี เหมือนเปิดประตูแล้วได้เดินก้าวออกจากสิ่งที่คุ้นเคย ได้เจอกับแสงไฟ เจอความรู้สึกใหม่ใหม่ เจอวิธีการทำงานใหม่ใหม่ พอจูนกันแล้วก็จูนกันง่าย คือ “เหมือนเราพูดไปในทางเดียวกันแต่วิธีการพูดไม่เหมือนกัน” รู้สึกดีใจนะเหมือนได้พบเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่ง

เพลงของ TABASCO กับ อะตอมจะชื่อ ชั่วคราว กับ ไม่มีหรอก ของ TABASCO มันก็จะเป็นดิสโก้อยู่แล้ว แต่อันนี้ที่พิเศษเข้ามาในเพลงชั่วคราวคือมันมีความเป็น soul มากขึ้นด้วยเสียง adlib ของอะตอม เราก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นช่วงเบรคดาวน์ในท่อนโซโล แทนที่จะเป็นเครื่องดนตรี ก็กลายเป็นเสียงของอะตอม ส่วนอีกเพลงจะเป็น shuffle เป็นจังหวะที่ TABASCO ไม่เคยเล่นเลย เหมือนเปิดโลกใหม่ครับ

เพลงที่จะทำเป็น MV คือเพลง ชั่วคราว ครับ กำกับโดย Eyedropper Fill ครับ แล้วเขาก็ไปตีความคอนเซปต์ของ MV ให้เป็นคำว่า “ชั่ว” กับ “คาว” เล่าออกมาด้วยวิธีทำ installatin

สื่อสารกับคนดูด้วยการใช้ movement หรือท่าทางของ dancer แล้วก็มาบวกกับ visual ซึ่งก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งใหม่ซึ่งยังไม่มีใครทำ ก็จะเห็นพวกเรากับอะตอมโผล่แว้บ ๆ เนื้อเรื่องมันก็เหมือนเป็นแมงมุม

ตุล: ขยุ้มหัวใจ (หัวเราะ)

แชมป์: แมงมุมตัวผู้เวลาผสมพันธุ์กับแมงมุมตัวเมีย แล้วพอเสร็จกิจแมงมุมตัวเมียก็จะกิน ประมาณนี้ครับ

static1-squarespace-54

ถ้ามีโอกาส อยากลองร่วมงานกับใครอีก

ตุล: ผมอยากทำกับพี สะเดิด เคยเจอแล้วคุยกันเล่น ๆ นะ อยากทำร็อกแบบอีสานด้วยไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน ในอนาคตนะ อาจจะมีได้

ลูกหว้า: อยากกลับไปทำงานกับพี่ ๆ ที่สนิทกัน พี่ ๆ ETC เมื่อก่อนเราก็ทำเพลงคอรัสกันมา แต่ไม่เคย collaborate กันจริง ๆ เจอกันก็ชวนกันตลอดแต่ไม่ได้ทำสักที วันนึงถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำ

แชมป์: จริง ๆ สนุกมากในการ collaborate แต่ถ้าให้พูดจริง ๆ ก็เยอะมาก ความจริงอยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาส แล้วทุกคนก็ชอบพูดว่า ทำไมไม่ทำกับพ่อ (เหมา ประเทือง มือเบสวงชาตรี) ได้ featuring กับวงชาตรี

ตุล: ก็ทำกับแม่ก่อนสิ (หัวเราะ)

พิจิกา: เฮ้ย เก๋นะ

บอย: Justin Bieber ครับ เดี๋ยว ๆๆๆๆ เคยคุยกันครับว่าจะมีคน ๆ นึงที่เหมาะกับวงมาก คือพี่น้อย วง Pru จะเป็นอย่างไรก็รอติดตาม จริง ๆ ผมอยากทำกับพี่โป่ง หินเหล็ก ไฟ มากนะ ทุกคนที่มาทำกับวงคือต้องมาแรป (หัวเราะ)

static1-squarespace-55

“เพราะดนตรีพาคุณเดินทางได้ไกลกว่าที่คุณคิด” สำหรับคุณแล้ว ดนตรีพาคุณไปที่ไหน

แชมป์: อันดับแรกผมว่ามันพาให้เรามาเจอกับคนที่คิดว่าเราไม่น่าจะได้เล่นดนตรีด้วยกัน เราจะได้แจมหรือทำงานด้วยกันขนาดนี้ ทั้งพี่ปั๊ม ทั้งอะตอม พอมันเริ่มเดินทางมาสักพักนึงก็จะรู้สึกว่า คนอย่างอะตอมถึงภาพลักษณ์จะดูใส ๆ ทำเพลง easy listening แต่จริง ๆ มันก็แสบพอ ๆ กับเรานี่หว่า มันก็ร้ายนะ สุดท้ายปลายทางมันคือความสนุก ความมัน ความที่จะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา

พิจิกา: เราได้เดินทางไปกับศิลปินที่เราไม่คิดว่าจะได้ทำงานด้วยกัน อันนี้ต้องขอบคุณค่ายที่คิดโปรเจกต์นี้ เพราะมันเปิดโลกให้ศิลปินทุก ๆ คน คือการที่ศิลปินได้ทำงานกับอีกศิลปินนึงที่ไม่เคยร่วมงานกัน มันเป็นการเดินทางอย่างนึงนะ แล้วบางทีปลายทางมันอาจจะไม่สำคัญเท่าช่วงเวลาในการทำงานในห้องอัดหรือแลกเปลี่ยนความคิดด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าการเดินทางมันไปได้ไกลตรงที่เราได้เดินทางร่วมกับคนใหม่ ๆ ที่สำคัญที่สุดส่วนตัว ทั้ง The Parkinsonหรือ พิจิกา เอง น้องเขาก็บอกว่าเขาไม่มีเพลงร้ากรักแบบใสอย่างนี้เลย คือตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าจะเขียนเพลงรักมากขนาดนี้ เราก็แบบ โอ๊ย น้องคะ พี่ก็เป็นสาวโสด (หัวเราะ) พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่จะร้องให้อินได้แค่ไหน แต่เชื่อไหมว่าพอนั่งคิดคอนเซปต์เพลงแล้วบอกว่ามันคือ Journey แล้วเราเอาคำว่าได้เดินทางใส่เข้าไปในเพลง ยินดี ด้วย มันเหมือนกับเราได้เดินทางออกมาจากโลกดาร์ก ๆ ของเรา แล้วตอนร้องก็มีความสุข อินเหมือนเรามีความรักจริง ๆ ได้ มันทำให้เราเดินทางไปในที่ที่เป็นจินตนาการได้จริง สำหรับศิลปินคือจบแล้ว เพราะเราต่างได้เดินทางออกจากกรอบเดิมของเราแล้ว นี่ก็ได้เดินทางแบบไม่ต้องไปไหนเลย อยู่แต่ในหัวเราเนี่ย (หัวเราะ) ก็มีความสุขที่ได้ทำงานนี้ค่ะ

ตุล: ดนตรีคือความสนุกสนานครับ ผมว่าการทำงานของผมมันไม่มีอะไรซีเรียส การ collaborate ยิ่งเพิ่มความสนุก ถนนดนตรีมันเดินคนเดียวไม่ได้ มันก็ต้องเดินด้วยกันเป็นกลุ่มในกลุ่มก้อนนี้ มันก็ไม่ได้มีแค่นักดนตรี มันมีผู้เล่น มันมีวงดนตรีที่มีเพื่อนฝูง มันมีผู้ฟัง มันมีศิลปินหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ คนทำ documentary ผู้กำกับมิวสิควิดีโอ ทุกคนมาร่วมมือกันทำให้ Scene ดนตรี มันเกิด Scene ดนตรีมันเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นการที่เราจะก้าวไปครั้งหน้า เราต้องไปพร้อมพร้อมกัน ผมว่าวงการดนตรีไทยมาไกลแล้วตอนนี้  มันมีอะไรสนุกสนุกให้เราดูเยอะ  มีดนตรีหลายหลายแบบซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางด้วยกันมา ผู้ฟังก็เป็นผู้ร่วมเดินทางไปกับเราเหมือนกันนะครับ

บอย: จริง ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าดนตรีจะพาเราไปไหนบ้าง ล่าสุดก็มีโอกาสได้ไปเล่นที่ Pusan International Rock Festival แต่ถ้าเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ ผมนึกไปถึงตอนที่ผมไปเซ็นทรัลลาดพร้าวตอน ม.4 แล้วไปร้านซีดีร้านนึงเพื่อไปซื้อซีดี Moderndog ชุด Love Me Love My Life ชุดที่ทุกคนมึนงงกับมันมากที่สุด แต่ตอนนั้นมันคือความล้ำที่สุด แล้วผมก็ไปดูคอนเสิร์ตที่หอประชุมโรงเรียนสาธิตเกษตร เจอพี่ป๊อดครั้งแรก เราแบบ เฮ้ย อะไรขนาดนั้นวะ ก็รู้สึกว่าสปิริต ภาพตอนนั้น ยังอยู่กับเรา เด็กหัวเกรียน ๆ เรียน รด. คงไม่คิดว่า 15 ปีต่อมาเราจะได้ทำงานร่วมกับพี่ป๊อดจริง ๆ มันเหมือนกับการ์ตูนที่เล่าเรื่องราวของคนที่อยากเล่นดนตรี ผมชอบคำพูดแรกของพี่ตุลที่ว่าดนตรีมันพาเราไปไหนก็ได้ nostalgic moment กลับไปอดีต หรือมาจากอนาคตแบบ Love Me Love My Life ก็ได้ ผมได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกก็เพราะวงดนตรีนี่แหละ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เช้ดโด้ เมื่อก่อนที่ชีวิตไม่ได้ไปไหนเลยตอนนี้ก็ได้ไปเรื่อย ๆ เดินสายตลอด หรือสำหรับคนฟัง เพลงมันก็ยังเดินทางมาหาเรา ไม่ว่าจะฟังจากวิทยุ หรือ YouTube หลายเพลงก็ได้กลายมาเป็นส่วนประกอบในชีวิตของเรา เพลงนี้อาจจะไปอยู่ตอนที่เรานั่งรถเมล์กลับบ้าน กำลังไปเที่ยวกับแฟนครั้งแรก นั่นแหละครับ มาสนุกกับพวกเรา มาฟังพวกเราเล่าเรื่อง แล้วเดี๋ยวจะได้รู้ว่าเพลงจะพาเราไปไหนต่อ

static1-squarespace-56

การเดินทางทางดนตรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ จะนำพาคุณเดินทางทะลุมิติของเวลา ให้คุณได้มองย้อนกลับไปในอดีต ได้เดินทางไปในโลกอนาคต ได้ตีความจากบทเพลง ได้หนีตัวเอง และได้เข้าสู่จินตนาการ ประสบการณ์ที่ดี อัดแน่น เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพตลอดการเดินทาง เตรียมรอฟังเพลงของศิลปินทั้ง 8 พร้อมชมมิวสิกวิดิโอจาก 4 ผู้กำกับมากฝีมือ พร้อมเตรียมตัวพบกับ Box Set ซีดีและดีวีดีชุดพิเศษ รวมเพลงจากโปรเจกต์นี้ทั้งหมด PhotoBook ภาพพิเศษ มิวสิกวิดิโอ และ documentary เบื้องหลังการทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋า tote bag ที่จะเดินทางไปกับคุณในทุกที่ให้ได้จับจองกัน เขาแอบกระซิบมาว่ามีจำนวนจำกัด ต้องรีบกันนิดนึง ติดตามรายละเอียดได้เร็ว ๆ นี้

สนามหลวงมิวสิก ส่ง 4 เพลงใหม่ ในอัลบั้มนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณได้เดินทางไปพร้อมๆ กันกับพวกเขาทุกคน

•    จุดที่ชัดยิ่งโฟกัสก็ยิ่งเบลอ : อพาร์ตเมนต์คุณป้า x Yellow Fang (อิสระ)

•    ชั่วคราว : TABASCO x Atom (White Music)

•    ยินดี : พิจิกา x The Parkinson (Spicydisc)

•    เพลงกลับบ้าน : Lomosonic x ป๊อด ธนชัย อุชชิน (อิสระ)

จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นที่ใด  – โปรดติดตาม –

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้