Roots อัลบั้มพิเศษจาก Rasmee ที่อยากชวนคนรุ่นใหม่มาสรรเสริญหมอลำให้ถึงแก่น
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
กลับมาพบกับ รัสมี เวระณะ หรือ Rasmee Isan Soul อีกครั้ง หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จในระดับประเทศและนานาชาติมาตั้งแต่ปี 2015 ตอนนี้เธอยังคงไม่หยุดเดินทางพาหมอลำอีสานไปทำความรู้จักกับชาวโลกในรูปแบบที่ต่างกันไป แต่ล่าสุดเธอตระหนักได้ว่าลึก ๆ แล้วก็คิดถึงหมอลำแบบดั้งเดิมอยู่เหมือนกัน นี่จึงเป็นจุดกำเนิดของอัลบั้ม Roots สรรเสริญหมอลำ ที่จะทำให้พวกเราได้ลงลึกถึงดนตรีอีสานขนานแท้อีกครา
เราได้คุยกันครั้งแรกตอนเดือนมิถุนายน 2016 แล้วก็ได้มาขึ้นปก Fungjaizine ตอนเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นรัสมีมีอัลบั้ม Isan Soul ได้รางวัลสีสันและคมชัดลึกอวอร์ดส์ และได้ไปทัวร์ต่างประเทศเยอะมาก
รางวัลมันก็เป็นตัวการันตีหนึ่งอย่างที่ทำให้คนรู้จักเรา แต่ในด้านผลงานแล้วเราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ด้วยยุคสมัยมันก็ต้องทดลองหาแนวทางใหม่ ๆ เราก็มีอะไรเยอะแยะมากมายที่เราต้องค้นหามัน ถามว่าประสบผลสำเร็จไหม ก็สำเร็จตั้งแต่แรกที่ได้ทำแล้ว แต่ส่วนอื่นที่เข้ามามันเหมือนกับมาเติมเต็มให้เรามากกว่า
จากที่ทีแรกมีแค่รัสมีกับก้อง ตอนนี้มีต้นตระกูล และนักดนตรีอีกหลาย ๆ คนเข้ามาทำให้วงสมบูรณ์ แต่นอกเหนือจากการเป็น full band แล้วพวกเขาเหล่านี้ทำให้เพลงของ Rasmee Isan Soul เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนบ้าง
การที่เพิ่มส่วนอื่น ๆ เข้ามาเพราะเราก็อยากให้งานคอนเสิร์ตหรือเล่นไลฟ์แต่ละงานมีสีสัน มีความบันเทิงมากขึ้น ซึ่งเขามีส่วนทำให้ดนตรีเปลี่ยนแปลงแน่นอนเพราะแต่ละคนก็มีฝีไม้ลายมือที่เป็นตัวเองสูง อย่าง percussion เข้ามาก็ทำให้เพลงอีสานมีกลิ่นอายของละติน หรือแอฟริกัน หรือต้นเองก็แน่นอนว่าเป็นอีสาน ความเป็นอีสานของเราก็คล้ายกันอยู่แล้ว ทำงานด้วยกันง่าย
แล้วตอนแรกที่เน้นทำเพลงโซล แอโฟร ตอนนี้เปิดรับแนวดนตรีอะไรเข้ามาในเพลงของเราอีกบ้าง
ด้วยความที่เราเจอนักดนตรีที่แตกต่าง อยู่เชียงใหม่ มันเลยทำให้หมอลำมีสีอื่นเข้ามา ตอนนั้นมันเหมือนมีหลายแนวเพลงเข้ามาอยู่ในอัลบั้ม ซึ่งตอนนี้พี่อยากกลับไปเป็น traditional จริง ๆ เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นคนหมอลำก็อยากทำอะไรสักหนึ่งอัลบั้มที่มันเป็นสิ่งที่เราอยากทำตั้งแต่เริ่มต้น
การทำเพลงทุกเพลงมาจากการฟังหมอลำพื้นบ้านก่อนจะปูต่อให้เป็นเพลงสากล สองสายนี้มาเข้ากันได้ยังไง แล้วรู้ได้ยังไงว่าเพลงนี้ต้องทำให้เป็นเพลงสากลแนวนี้
ส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดสินใจอะไรหรอก คุยกันในห้องซ้อม หรือว่าเริ่มเล่นสดด้วยกันบนเวที หรือซาวด์เช็ก มันก็มีแนวใหม่ ๆ เข้ามา แล้วเราก็ไม่ได้ไปกำหนดแต่ละคนว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ด้วยความเป็นตัวเรา เรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นหมอลำ แต่ว่าสิ่งใหม่ที่จะเข้ามาเราก็พยายามดึงศักยภาพว่าคนนี้เขาเก่งอะไร เขาทำอะไรได้บ้าง เพราะงั้นความเปลี่ยนแปลงของเพลงก็ไปตาม vibe ตอนนั้น
ตอนนี้เพลงอะไรที่เวลาไปเล่นสดนี่คือ ไม่เล่นไม่ได้
เราว่าเมืองชุดดำ ลำดวน ต้องมีในทุกโชว์ นอกนั้นก็จะเลือกเอาว่าเทศกาลดนตรีแบบนี้เล่นดนตรีแบบนี้ เพลงช้า เพลงเร็ว แล้วแต่
จากอัลบั้ม Isan Soul มาเป็น อารมณ์ แนวดนตรีเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน
อัลบั้มแรกถือว่าเพลงยังดิบอยู่ แต่อัลบั้มนี้มีนักดนตรีคนอื่นเข้ามาช่วย มีเครื่องดนตรีเยอะขึ้น ทำงานเยอะขึ้น มีสตูดิโอที่ดีขึ้น ซาวด์เอนจิเนียร์ที่มาช่วยเราได้มากกว่าอัลบั้มแรก แต่พวกเราก็เหนื่อยมาก การทำงานมันค่อนข้างจะยุ่งยาก โปรดิวเซอร์ก็ไม่มีเราก็ช่วย ๆ กันเอง ก็ไม่รู้หรอก อะไรที่ออกมาเราก็ว่าดีหมด เพราะไม่มีคนมองจากข้างนอกเข้ามา การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกเรา ซึ่งมันยุ่งยากมากกับคนที่ไม่ได้เรียนดนตรีมา
อัลบั้มอารมณ์ไม่ได้เป็นอัลบั้มที่เพอร์เฟกต์ มันมีข้อผิดพลาดในห้องอัดเยอะแยะมากมาย แต่เรารู้สึกว่าคอนเซ็ปต์ของเราคือ ‘อารมณ์’ อย่างเสียงพี่เอง พี่ไม่ตัดเลย ตรงไหนที่มันแฟลต มันเกิน ดนตรีทุกคนสามารถทำตามอารมณ์ตรงนั้น แล้วเราก็อยากเก็บอารมณ์ตรงนั้นไว้พร้อมกันหลาย ๆ ชิ้น ก็จะมีบางเพลงที่เอามาอัดอะคูสติกแยกบ้าง ตัวพี่เองไม่ซีเรียสตรงนี้ รู้สึกว่าถ้าการทำงานเพอร์เฟกต์ไปเลย เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไร แต่ก็พอใจมากที่ผลงานออกมาเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ มีรางวัล มีอะไร ก็ถือว่าโอเค
ส่วนคอนเซ็ปต์ อารมณ์ เนี่ย มันมาจากการที่จะมีคอมเมนต์บางอย่าง แบบ ‘เฮ้ย เพลงสายเขียว’ เงี้ย ซึ่งเราแบบ อย่าพูดอย่างนี้ได้ไหม บางเพลงเราก็ไม่ได้แต่งตอนเรา high นะ เราไม่ชอบคนที่มาพูดแบบนี้เลย คือมันเป็นงานศิลปะเว้ย ตอนเราแต่งเรา stable มาก แต่มันเป็นอารมณ์ของผู้หญิง อย่างเพลงนี้เราแต่งที่ชายทะเล อยากแต่งเรื่องราวให้คนที่เรารักว่า ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วคนที่รับอารมณ์เราคือผู้ชายที่อยู่กับเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันไม่แฟร์สำหรับเขา แล้วเราก็พยายามโทษอย่างอื่นด้วย แสงแดด อากาศ บรรยากาศทุกสิ่งอย่าง มีผล หรือตัวเราเอง ทำให้อารมณ์เราเปลี่ยน ก็แต่งตามสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ได้เสแสร้งหรืออะไร พี่คิดว่ามันเป็นเพลงที่ทำให้ผู้ชายรู้จักตัวผู้หญิงมากขึ้นด้วยซ้ำ
มีช่วงนึงที่เหมือนเห็นว่ารัสมีท้อมาก ๆ กับการทำเพลง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น แล้วอะไรทำให้ฮึดกลับมา
พี่เหนื่อยเพราะ process มากกว่าที่เราต้องไปไหนทำอะไร เราทำเพลงแล้วทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อน พอมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องไหลไปตามกระแส ไม่ใช่แค่ไปร้องเพลงแล้วจบ มันก็มี process อื่นเข้ามา เราจะจัดการกับงานแต่ละงานยังไง ใครจะเป็นคนรับโทรศัพท์ ไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง แล้วพอเราทำมามาก ๆ เรารู้แล้วว่าเราต้องมีคนช่วย เราพายเรือคนเดียวไม่ได้ ก็เริ่มเข้าใจ แต่ถามว่ามันคงที่ไหม มันก็ไม่คงที่ มันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถามว่ายังอยากร้องเพลงไหม ก็แน่นอนว่าอยาก แต่มันก็ต้องมีเบรก ซึ่งถือว่าดีนะการได้เบรกไปพักนึง ไม่เหมือนเป็นค่ายที่เราต้องทำตามตารางที่เขาจัดมาให้ตลอดเวลา อันนี้เราเป็นเจ้านายตัวเอง อย่างตอนนี้เราไม่ไหวแล้วเราก็ขอพักก่อน แต่ในขณะที่เราหยุดเราก็เขียนเพลง ทำเพลง หาอะไรใหม่ ๆ ทำอยู่ตลอด
ทำไมอัลบั้มนี้ถึงชื่อ Roots สรรเสริญหมอลำ
ตอนที่เราลงไป เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย พอลงไปปุ๊บก็ไปได้เพลงที่สกลนคร 2-3 เพลง แล้วเริ่มอัดเดโม่ที่บ้านคุณต่าย อภิรมย์ การเขียนเนื้อเพลงตอนนั้นมันมาจากความบังเอิญมาก ๆ พอมาอ่านดูแล้วมันเหมือนการสรรเสริญหมอลำ ให้ความสำคัญกับหมอลำในทุก ๆ เพลงเลย ก็เลยใช้ชื่อนี้วงเล็บเข้าไป แล้วหลัก ๆ คือพิณแคนมันเป็นอะไรที่ฟังได้มากกว่าที่เป็นแค่แบ็กกราวด์ เราอยากให้ความเป็นหมอลำจัด ๆ มาเลย เหมือนยุคก่อนที่หมอแคนก็เล่นเมโลดี้ตามเนื้อร้องของหมอลำไป พิณก็เล่นตาม แล้วทำนองเราก็เอามาจากลำเต้ย ลำเพลิน ลำตั่งหวาย ก็กะว่าจะทำ 4-5 เพลง สุดท้ายก็มี 6 เพลง
หมอลำจงเจริญ เป็นเพลงเกี่ยวกับที่รู้สึกเบื่อเหนือละ คิดถึงอีสาน โหยหาหมอลำเหลือเกิน ไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เพื่อจะแต่งเพลง แต่งตั้งแต่ตอนเก็บเสื้อผ้า ก้าวลงบันได ขึ้นเครื่องออกไป ไปเจอใคร ทำอะไร ก็เป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับหมอลำ แล้วสุดท้ายก็อยากจะขอให้หมอลำจงเจริญต่อไป เราได้แรงบันดาลใจมาจากหมอลำเพลิน ก็แต่งจังหวะนี้แล้วขอให้หมอแคนหมอพิณเขาเล่นแบบไม่จบเหมือนทั่วไปได้ไหม ให้มันมีอิมโพรไวส์ ให้หางมันยาว ๆ ขึ้นไปหน่อย
ญ้อน สกลนคร สะกดด้วย ญ แปลว่าการฟ้อน อันนี้จะมีเฟสติวัลนึงที่สกลนคร แล้วช่วงนั้นน้อง ๆ เขาก็ชวนพี่ไป พี่ก็เลยแต่งเพลงขึ้นมาตอนอยู่เฟสติวัลนั้น เราเห็นท้องนาแห้ง ๆ สีจาง ๆ มีกลิ่นกองฟาง มีเวที แล้วทุกคนก็มาก่อไฟ มันฤดูหนาว คนก็มาปิ้งย่างอะไรกินกัน มาเต้นรำ มาญ้อนกัน เพลงนี้จะแตกต่างจากเพลงอื่นตรงที่มีบองโก้เล็ก ๆ เหมือนสมัยก่อน เล่นแทนเบสไป เพลงอื่นก็จะเป็นแคนอย่างเดียวไปเลย พิณอย่างเดียวไปเลย
ที่เข้ามาเป็นความท้าทายของพี่คือมือเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษอยู่ในนั้นบ้างบางเพลงอย่างเช่น We Love Molam แต่ใช้ไลน์หมอลำเต้ยเลย เพลงนี้ก็ร้องให้ฟังว่าหมอลำมีดียังไง มันก็ไม่ได้เชยอย่างที่คุณคิดหรอกนะ ต้องเปิดใจฟังมันแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง เพลงนี้สนุก
ฟังน้องแหน่ เป็นเพลงลำทางสั้น ทางสุดสะแนน เป็นประสบการณ์ของพี่เองที่เกี่ยวกับดนตรีนิดนึงที่เหมือนการดูถูก เหยียด ก็เอามาแต่งเป็นทำนองนี้ที่ คุณอย่าเพิ่งตัดสินอะไรหมอลำได้ไหม คุณคิดว่าสิ่งที่เป็นของเก่า ของโบราณ วัฒนธรรม หรือตึกสูงใหญ่ของคุณ อันไหนที่มันดีกว่า ลองชั่งน้ำหนักดู คือเราแค่อยากบอกว่า ไม่เป็นไร ถึงคุณจะพูดอะไรยังไง พูดไป มันไม่ได้มีผลกับเรา เพราะมันเหมือนพูดหูซ้าย ทะลุหูขวา หมอลำยังอยู่ในโลกนี้ต่อไป แต่เราก็เหมือนพูดในมุมมองของคนทำเพลงที่ว่า คุณอย่าเพิ่งตัดสินวัฒนธรรมของตัวเองได้ไหม เพลงนี้เคยเอาไปพูดเป็นกลอนใน Ted Talk ที่บึงแก่นนคร ก็เลยเอามาลงในอัลบั้มนี้เลย เป็นแคนกับร้อง
I Don’t Care อีกแล้ว ความเป็นหมอลำ เราอยากเอาออกมาทำโดยไม่ได้แคร์ว่าคนจะคิดกับหมอลำเป็นยังไง หยิบทำนองลำตั่งหวายเข้ามา
เดี่ยวแคนกะโซ่ นี่คือเดี่ยวแคนของเผ่าโซ่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของอัลบั้มนี้ เป็นเพลงบรรเลง
มือพิณคนที่มาเล่นด้วยคนนี้เป็นใคร ทำไมต้องคนนี้
เป้เป็นสมาชิกหนึ่งในวงเราอยู่แล้ว คือมีเป้ (ณัฐพงษ์ นาพงษ์) ที่ตอนนี้เป็นมือพิณของวงจุลโหฬาร กับต้น (ต้นตระกูล แก้วหย่อง) อยู่วงก็เล่นเครื่องอีสาน ก็จะสลับกัน ซึ่งสองคนนี้มีความแตกต่าง พิณของเป้จะเป็นพิณโปร่งบ้าน ๆ ธรรมดา ทำขึ้นมาเอง เราก็ชอบ ก็คือพอได้คุยกัน สตอรี่เขาน่าสนใจ เขาเป็นชนเผ่าโซ่ ชนเผ่าใหญ่ของทางอีสานเหนือ เช่น อำเภอกุสุมาลย์ สกลนคร แล้วมีอยู่คืนนึงนั่งคุยกัน เขาก็พูดเรื่องการเยียวยารักษาในชนเผ่าเขาด้วยการใช้แคน ซึ่งประหลาดมากที่เขาสามารถเป่าไลน์แบบนี้ได้ทั้งที่อายุยังน้อย ถ้าไม่มีเขาก็คือไลน์แคนแบบนี้คงไม่มีใครสืบทอด ซึ่งพี่สนใจไง พี่บอก โอเค อยากขึ้นไปทำเพลงหมอลำ แล้วอยากให้เขามีแคนโซโล่ไลน์นี้เก็บไว้ใน recording ชุดนี้
จากที่ทำอัลบั้ม Roots มาแล้วได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหมอลำมากขึ้น ได้รู้ว่าหมอลำไม่ได้มีแค่ที่เราเห็นใน YouTube มันมีที่ซ่อนอยู่อย่าง เป้เขาใช้หมอลำเป็นยาเยียวยารักษาเวลาไม่สบาย เป็นการใช้เซ่นไหว้ ทำให้เห็นมุมต่าง ๆ แบบนี้
เคยเอาเพลงใหม่ไปเล่นที่ไหนบ้างหรือยัง
เอาไปเล่นที่เชียงใหม่ ท่าแพอีสต์ค่ะ แล้วก็มีการแจมเกิดขึ้น ทั้งพิณและแคน เล่นสองรอบแล้ว แต่ก็เอามาผนวกกับโปรเจกต์ Isan Soul ด้วย ซึ่งบางเพลงเราก็เล่นไลฟ์แล้ว
ก่อนหน้านี้ Isan Soul ทำออกมาเป็นคาสเซ็ต ล่าสุดทำออกมาเป็นไวนิลแล้ว ส่วนตัวเป็นคนชอบ physical format มากกว่า
ส่วนตัวพี่ชอบความรู้สึกที่เราได้สัมผัสกระดาษ ได้ดูดีไซน์ แต่ว่าดิจิทัลมันก็เหมาะกับสมัยใหม่ไง มันง่าย ไม่ต้องทำแล้วซีดี ทำเป็น usb เขาก็มีแล้ว เสียบฟังไป แต่เราชอบอะไรเก่า ๆ เราเติบโตมากับแบบนั้น อยากออกเทปอะ แล้วเราก็ได้ออกเทป ส่วนไวนิลก็มาซื้อได้ที่ร้านแผ่นเสียง ประดิพัทธ์ ซอย 19 สั่งได้ที่เพจของทางร้าน เทป ซีดี ก็มีที่นี่ หรือจะสั่งกับเพจเราก็ได้ อัลบั้ม Roots ตอนนี้ก็ให้พรีออเดอร์กันไปก่อน สั่งกันเข้ามาแล้วประมาณ 100 คน (ยิ้ม)
เดี๋ยวนี้เพลงหมอลำลูกทุ่งก็กลับมาเป็นเพลงท้อปชาร์ตของบ้านเราแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง อย่าง เต่างอย หรือ ห่อหมกฮวก คือดังมาก ๆ
มันก็พัฒนามาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว มันไปอย่างนี้ของมันตามดนตรีสมัยใหม่ เราจะเห็นอยู่บ่อย ๆ ว่ามีแนวเพลงที่ดัง ๆ ผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา มันจะมีคนที่เสพแนวเพลงต่างกันไป อย่างเราก็เฉพาะกลุ่มจริง ๆ อันนั้นก็เป็นป๊อปไป คนก็เลือกฟังได้ว่าต้องการฟังแบบไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ดีกับหมอลำที่มันมีความหลากหลายแตกกระจายออกไปให้คนได้สัมผัสมันในหลาย ๆ แบบ
อยากให้เพลงลำอีสานแท้ ๆ มาอยู่ ณ จุดตรงนี้บ้างไหม
แน่นอนว่าตอนนี้เพลงหมอลำเป็นที่ยอมรับในเมืองไทย เมืองนอก แต่เรากลัวว่าพอมันเยอะเกินไปกับการมิกซ์อะไรแล้วของเดิมมันจะหายไปหรือเปล่า ตอนนี้เรากำลังมองว่า มีคนจ้างวงที่เป็นสมัยใหม่นะ แต่ว่าคนแก่ เก่า ๆ รุ่นก่อนหน้ากลับไม่มีงานเลย ไม่ห่วงที่หมอลำที่มันจะไปข้างหน้า แต่ข้างหลังมันจะมีคนที่อนุรักษ์ไว้ไหม จะมีคนฟังไหม เพราะเด็กก็ไปฟังอิเล็กทรอนิกหมอลำ อันนี้พี่ก็เลยอยากทำ อยากให้มีเวทีให้กลุ่มคนเหล่านี้ในบ้านเราด้วย มันเหมือนเป็นการศึกษาอะเนาะ ถ้าเราได้เห็น คนรุ่นใหม่ก็อาจจะเก็ตมากขึ้น
บางคนอาจไม่รู้ว่ารัสมีเป็นศิลปินวาดภาพด้วย ภาพที่วาดส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ถ่ายทอดเรื่องอะไร
มันก็เกี่ยวเนื่องกับแนวเพลงเลยนะ เรื่องสังคม และผู้หญิงเนี่ยจะเป็นหลัก เป็นเรื่องต่าง ๆ นานาที่กดทับความเป็นผู้หญิง มีทั้งที่เป็น symbol, figure, expressionist ความเจ็บปวด อารมณ์ก็เกี่ยว เราก็มานั่งเซอร์ไพรส์เหมือนกันว่างานเพลงเรากับงานศิลปะตอนเราเรียนทำไมมันเหมือนกันเลย เราเริ่มเข้าใจว่าคนเรามันหนีตัวเองไม่ได้ มันก็ยังคงอยู่วนเวียนอยู่แบบนี้ จนพี่ว่าอยากทำ exhibition ที่มันเกี่ยวเนื่องกับเพลงและภาพวาดด้วยสักวันนึง แต่รอเวลาอยู่ ไปดูสตูดิโอ ดูสถานที่ที่อยากจัดมาเรียบร้อยแล้ว แต่เราต้องมีเวลาเพื่อทำงานศิลปะ มีเวลาวาดรูป ทำงานต่อเนื่อง ตอนนี้ยังวุ่น ๆ กับ Roots อยู่
งานต่อไปจะมีไปเล่นที่ไหน ทัวร์ หรือออกเพลงใหม่อีกหรือเปล่า
ยังไม่รู้ อยากเบรกอีกแล้ว (หัวเราะ) ให้มันเป็นไปเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติดีกว่า ไม่ฝืนอะไร ตอนนี้เราอยากไปทัวร์ที่เมืองนอก กำลังทำเรื่องอยู่ อยากไปฝรั่งเศส
การไปทัวร์ต่างประเทศเป็นเรื่องยากไหม
ก็ง่ายนะ แต่สำหรับพี่มันไม่ง่าย คือพี่ไม่ค่อยเข้าใจ process ของวงการเพลงว่าพี่ต้องไปหาใคร ยังไง แต่พี่รู้สึกว่าถ้าเราทำงานศิลปะ เราทำงานเพลง อยากให้งานมันดี แล้วคนที่ชอบเราคือต้องการให้เราไปจริง ๆ มันก็จะมาของมันเอง แต่ตอนนี้เราก็เริ่มพัฒนาตัวเองแหละ ดูว่าเราต้องไปหาใคร หาคนมาช่วยพายเรือให้มันไปให้ได้
ตอนนี้มองเป้าหมายว่าอยากให้ Rasmee Isan Soul ไปถึงตรงไหน
ทำไปเรื่อย ๆ พักบ้าง ไปบ้าง ตอนนี้อยากทำหลายอย่าง แต่อย่างที่บอกก็คือไม่มีเวลา เป็นข้ออ้างของพี่ (หัวเราะ) ก็อยากทดลองดนตรีกับนักดนตรีที่หลากหลายด้วย บลูส์ แจ๊ส อยากลองทำ ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ก็ยิ่งทำให้อยากทำดนตรีกับนักดนตรีเชียงใหม่หลาย ๆ คนที่ยังไม่ได้ร่วมงานด้วย โปรเจกต์ใหม่จะเริ่มกระจายแล้ว ใครถนัดบลูส์ ถนัดแจ๊ส ก็น่าจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ จากหมอลำว่ามันจะไปในทิศทางไหน ก็ค่อย ๆ ทำ
เวลาไปเชียงใหม่มักจะเจอรัสมีไปแจมกับนักดนตรีที่ North Gate Jazz Co-op. บ่อย ๆ
เขาก็จะมีวันแจมของเขาทุกวันอังคาร เหมือนที่นั่นเป็นบ้านหลังแรกที่ทำให้เราได้รู้จักนักดนตรีแจ๊ส ได้รู้จักคน ที่ทำให้อยากทำงานกับนักดนตรีก็มาจากที่นั่นแหละ ที่เราไปเจอกัน ก็ไปคุยกับทุกคนว่าอยากทำเพลงแบบนั้นแบบนี้ ตรงนั้นเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีเลย ทั้งคนไทยและต่างชาติ ถ้าใครเก่งก็จะได้ไปเล่นที่นั่น แล้วมันเป็นที่ที่เราไปหาประสบการณ์ หาคนมาทำงานได้
ล่าสุดไปเล่นกับ Asia 7 มาที่งาน Thailand International Jazz Conference (TJIC) เป็นยังไงบ้าง
ดีนะ ชอบมากเลย คือพอเพลงเราไปแต่ละที่มันก็จะมีเวอร์ชันของมัน อย่างเพลง ลำดวน เมืองชุดดำ วิน Srirajah Rockers เอาไปเล่นก็มีกลิ่นของเขา เป็นเร็กเก้ไปเลย ของต้นก็ชัดเจนเลย เล่นออกมายังไงก็เป็น Asia 7
ฝากถึงแฟน ๆ
อยากขอบคุณคนที่ให้การสนับสนุนตลอดมาตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ขอฝากอัลบั้มใหม่ Roots ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าหมอลำจะไปในทิศทางไหน แต่ก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด แล้วก็ให้หมอลำไปต่อได้ในแบบของเรา แล้วก็ยินดีกับหมอลำที่แตกกระจายไปเยอะเหลือเกิน ดีใจมาก ภูมิใจมากค่ะ