Article Interview

เพื่อนรัก เพลง soul pop บีบหัวใจคนรักเพื่อน จาก The Parkinson

เรื่อง กันดิศ ป้านทอง และ ศศิลักขณ์ พิจิตรวรการ
ภาพ รวีภัทร พิมแก้ว

เปิดตัวได้อย่างสวยงามสำหรับซิลเกิ้ลล่าสุดของ The Parkinson อย่าง เพื่อนรัก กับความลงตัวในการถ่ายทอดอารมณ์เศร้าอัดอั้นจากมิวสิกวิดีโอที่นิยามการรักเพื่อนจากมุมของ transgender ที่จุดประกายให้ใครหลายคนเริ่มสำรวจแง่มุมของความรักด้านอื่น ๆ Fungjaizine เลยชวนพวกเขามาพูดคุยเรื่องราวระหว่างการเดินบนเส้นทางสายดนตรี soul ในแบบของพวกเขาไปด้วยกัน

img_9585

สมาชิก
กานต์ ร้องนำ กีตาร์ คีย์บอร์ด เปียโน เครื่องสี แทมบูริน
โต เบส
เบียร์ กลอง

 

ที่มาที่ไปของเพลง เพื่อนรัก

กานต์: อยากมีเพลงช้าอีกสักเพลงครับ ให้มันกระตุ้นยอดขายหน่อย (หัวเราะ) แฟนเพลงเขาถามถึงว่า เมื่อไหร่จะปล่อยเพลงซึ้ง ๆ อีก อยากฟังเพลงฟีลช้ากระแทก ๆ ฟีลคล้าย ๆ จะบอกเธอว่ารัก เราก็เลยเอาซะหน่อย

กระบวนการทำงานเพลงคล้ายกับเพลง จะบอกเธอว่ารักไหม

กานต์: เรียบเรียงเหมือนกันเลยครับ กระบวนการทำงานเหมือนเดิมเลย ตัวผมจะเขียนเมโลดี้เค้าโครงมาให้เพื่อน ๆ ดูว่าชอบไหม ประมาณนี้ พอเขาโอเคก็จะทำกันต่อ เพลงนี้เราใช้เวลาแปปเดียวครับ แต่งไม่เกิน 2-3 วัน

มาจากประสบการณ์จริงหรือเปล่า

กานต์: ไม่มีครับ (หัวเราะ) ทุกเรื่องที่เขียนขึ้นมาเป็นเรื่องที่เรานึกถึงเฉย ๆ

เรื่องราวใน MV เพื่อนรัก

เบียร์: พอกานต์แต่งเพลงเสร็จก็มาเสนอพี่ ๆ ทีมครีเอทีฟของ Spicy Disc และผู้กำกับ

กานต์: จริง ๆ เราเลือกทีมเองด้วยแหละ ซึ่งเราก็ไปสะดุดกับพี่ ๆ ทีม Hello Filmmaker ผู้กำกับคนนี้เราชอบมาก (หมิง อภิวัฒน์ สุภธีระพงษ์) เพลงนี้แต่งด้วยความรู้สึกที่อึดอัดที่สุดและ 99.99% ไม่น่าจะสมหวัง ก็พยายามตีโจทย์กันว่าแอบรักเพื่อนโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จะนึกถึงอะไร ก็เลยตีความไปถึง transgender ที่ไปหลงรักเพื่อนผู้หญิงอีกทีหนึ่ง

เบียร์: แล้วเหมือนเป็นพล็อตเรื่องจริงด้วยใช่ไหม

กานต์: เป็นเรื่องจริงของเบียร์สมัยก่อน

เบียร์: เพิ่งแปลงกลับมา ถุย!

ส่วนตัวเรามองความสัมพันธ์ในเพลงเป็นแบบไหน

เบียร์: ผมว่าน่าจะเป็นเพื่อนเนี่ยแหละที่สนิทกันมาก ๆ

กานต์: พูดชื่อได้ไหม

เบียร์: อย่าพูดเลย (หัวเราะ)

พอใจกับกระแสตอบรับไหม

เบียร์: เกินคาดครับ ดีมาก

กานต์: ยอดวิวอาจจะไม่เยอะทะลุ 20 – 30 ล้าน แต่ว่าไปเล่นทุกที่ ลั่นมาก

เบียร์: มีวันที่เราปล่อยเพลง แล้วอีกวันนึงไปเล่นที่เชียงใหม่ คนร้องได้ ตกใจมากเลย

ที่ผ่านมากระแสเพลงก่อนหน้าดีมาก กดดันไหมกับการทำเพลงนี้

เบียร์: กดดันระหว่างทำเพลง ที่ใกล้ถึงเวลาส่ง (หัวเราะ)

กานต์: วงเราค่อนข้างทำงานกัน (เบียร์: ขี้เกียจ) สมมติ บอกเรามานานมากแล้วว่าให้ส่งเพลงวันที่ 30 เรารู้นะ แต่เวลาก่อนหน้านั้น  2 – 3 เดือนเราไม่ทำอะไรเลยครับ มาทำกันประมาณวันที่ 15 ของเดือนสุดท้าย

วางเพลงต่อไปไว้หรือยัง

กานต์: หลังจากที่โดนคอมเมนท์มาหนักหน่วงจาก Spicy Disc ว่า “เฮ้ย ขี้เกียจเกินไปนะวงนี้” เราก็เลยทำเสร็จแล้วฮะ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายคือให้พี่เต้ง (พิชัย จิราธิวัฒน์) มาช่วยร้อง

เบียร์: ก็ถ่าย MV ใกล้จะเสร็จแล้วครับ

กานต์: เป็นเพลงเร็วเพลงแรกครับ เป็นแนวที่อยากทำมาก ๆ เพราะเมื่อก่อน The Parkinson เล่นเพลงแบบนี้กันมาเยอะมาก แต่พอมาทำเพลงเราได้แต่ทำเพลงช้า เพลงนี้จะเป็นเพลงที่ได้ปล่อยของ ไม่ได้ปล่อยเทคนิกอะไรมากมาย แต่ปล่อยความชอบลงไปในแบบที่มันลึกนิดนึง

ความชอบที่ว่าคืออะไร

กานต์: เราชอบ soul funk เก่า ๆ เพลงนี้ทุกอย่างจะเก่าหมด คือเราชอบ motown ซาวด์มันจะเก่า ๆ เบียร์นี่ก็จูนทุกอย่างให้เป็นดึกดำบรรพ์ยุคนั้นเลย

เบียร์: หนังกลองนี่หย่อนจนแทบไม่ได้จูนเลย

ถ้าให้ลองเปลี่ยนจาก soul เป็นแนวอื่นบ้าง

กานต์: ของเราทำร็อกเลยครับ ตัวเราเองอยู่ประเทศไทย ยุคที่เราเริ่มฟังเพลงเป็นยุคร็อกพอดี Blackhead, Silly Fools เราก็เลยโตมากับเพลงเหล่านั้น

เบียร์: ถ้าไม่ใช่ soul ก็มีแนวหนึ่งที่อยากเล่นมากเหมือนกันเป็น beat pop ถ้าวงในไทยก็ประมาณ Scrubb เน้นสนุกอย่างเดียว เพลงช้าไม่ค่อยมี

โต: ร็อกเหมือนกันเลยครับ ช่วงนี้อึดอัดเบื่อ ๆ อยากระบาย เล่นร็อกก็ดีนะครับ คลายเครียด

กานต์: เราทำอีกวงไหม เบียร์มึงก็ทำอีกวง ไปทำ beat pop

เบียร์: กลองอย่างเดียว ไม่มีร้องด้วย (หัวเราะ)

มีคนบอกว่าวิธีการร้องเพลงของกานต์ เหมือน ตู่ ภพธร

กานต์: เคยคุยกับพี่ตู่ด้วยครับ มันคล้าย ๆ กับว่าเราทั้งคู่ฟังเพลงเหมือนกัน ชอบดนตรี soul ชอบศิลปินต่างประเทศคนเดียวกัน เพลงไทยก็ฟังแต่ Bakery Music เลยกลายเป็นว่าสำเนียงคล้าย ๆ กัน เพราะเราฟังแบบนี้อยู่ตลอด ฟังอะไรได้อย่างนั้น แต่เสียงคนละคนเนอะเลยไม่เหมือนกัน แค่เทคนิกหรือการสื่อสารอาจจะใกล้เคียงกัน

จากประสบการณ์ทำเพลงที่ผ่านมา คิดว่าจะพัฒนาแนวทางของวงไปในทิศทางไหนบ้าง

โต: ก็อยากออกไปเล่นเยอะ ๆ ก่อนครับ เพราะการไปเล่นเยอะ ๆ มันได้ประสบการณ์แล้วเรากลับมาแก้ในสิ่งที่ผิดหรือสิ่งที่เราไม่มี อย่างตอนนี้เราก็ไม่มีหลายอย่าง ทั้งเรื่องโชว์ ตัวเพลง บางเวลามันเป็นเรื่องความต้องการของคนฟังด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้เราก็ทำเพลงตามใจตัวเองก่อนครับ แต่ประสบการณ์มันก็จะนำมาซึ่งการแก้ไขในการโชว์

กานต์: ของผมต่าง ของพี่โตอาจจะรู้สึกว่าต้องปรับตัวกับทุกอย่าง ส่วนของผมในฐานะคนเขียนเพลงคือทำยังไงก็ได้ให้คนไทยเสพเพลง soul ให้ได้มากที่สุด อย่างที่ผ่านมาก็โอเค คนสัมผัสได้อาจจะไม่ทั้งหมด ซึ่งเราก็อยากทำเพลงที่คงความเป็น soul แท้ ๆ แต่คนไทยทุกคนจับต้องได้ ผสมอะไรก็ได้แต่ไม่จำเป็นต้องป็อปนะ เราเห็นบางวงดังมากแต่ก็ยังคงเป็นตัวเขา อันนั้นเรานับถือที่เขาทำได้แล้ว

เบียร์: ของผมอยากพัฒนาให้ไปถึงแบบ Soul After Six ที่เขาไปสุดในแนวทางนั้นแล้ว เพลง soul เก่า ๆ ของไทยก็จะมีโซน Bakery Music เก่า ๆ ที่พี่ป๊อด Moderndog ร้องไว้ แล้วก็ Soul After Six อยากไปถึงจุดนั้น

กานต์: ยุคนั้นเขาจะเรียก soul R&B

static1-squarespace-63

เรานิยามแนวเพลงของเราไว้แบบไหน

กานต์: soul pop แล้วแต่เพลงครับ แต่คือจะมี soul นำหน้าแหละครับ

เบียร์: Blue-eyed soul

กานต์: ใช่ครับ เป็นดนตรี soul สำเนียงคนขาวหน่อย คือดนตรี soul จริง ๆ เป็นของคนผิวสีเลย แต่พอคนขาวเอามาเล่นก็จะเป็นอีกสำเนียงหนึ่ง จะฟังดูรู้ว่าเป็นคนขาวร้อง การสื่อสารเหมือนกันทุกอย่างแต่จะต่างกันที่จิตวิญญาณเล็ก ๆ ของคนผิวสีกับคนขาวที่ไม่เหมือนกัน เราก็อาจจะจัดเป็น blue-eyed soul เพราะสำเนียงร้องอะไรเราไม่เหมือนทางคนผิวสี แต่เพลง คืนนี้ ก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง กลิ่นเหมือน motown คือค่ายเพลงตอนนั้นจะทำบีทเพลงแบบนี้เยอะมาก โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ ตึกโป๊ะ ตึกโป๊ะ เราก็เลยเอาบีทตัวนี้มาเขียนเพลง เป็นเหมือน signature ของยุคนั้น ส่วนเพลงที่สามนี่ก็ร็อกเลย เบสกีตาร์จะเดินไปด้วยกัน เป็น soul blues ผสมเข้ามาแต่กลองนี่ออกไปทางร็อกเลย อยากให้รู้ว่าดนตรี soul เข้มแข็งได้เหมือนกัน

แล้วอัลบั้มเต็มจะมีหรือยัง

กานต์: จริง ๆ ตอนนี้ก็มีเกือบครบแล้วครับ ขาดอีกไม่กี่เพลงปล่อยประมาณปลายปีนี้เลยครับ กำลังทำกันอยู่ตอนนี้ประมาณ 80%

เบียร์: ทำไปแล้วเหรอ

กานต์: เปล่า เหลือ 80% (หัวเราะ)

จากเพลงแรกถึงเพลงนี้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตในการเล่นดนตรีอย่างไรบ้าง

กานต์: เปลี่ยนไปเยอะนะครับ จากช่วงก่อนทำเพลงเรายังใหม่มาก เริ่มทำโดยที่ไม่ได้หวังว่ามันต้องมาถึงจุดนี้ แต่พอมาถึงตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากทั้งวิถีชีวิต วิธีการทำเพลง การคิด

คิดว่าเพลงเราจะมาถึงล้านวิวไหม

เบียร์: ตอนนั้นไม่นึกถึงอะไรเลยครับ คิดว่าฟังกันเองด้วยซ้ำ อย่างตอนแรกที่ออกมาเพลงค่อนข้างร้องยาก เราก็เลยคิดไปด้วยว่ามันฟังยาก ค่อนข้างจับต้องยาก แต่พอออกไปปุ๊บมันกลายเป็นว่าความยาก ทำให้คนท้าทาย นักดนตรีก็เอาไปแกะร้องคัฟเวอร์เยอะแยะไปหมดเลย

วินาทีแรกที่เห็นคน cover เพลงของเรา

กานต์: ดีใจครับ เพราะว่าผมก็ไม่เคยเขียนเพลงมาก่อน จะบอกเธอว่ารัก เป็นเพลงแรกที่เขียน ผมทั้งสามคนเล่นดนตรีมานานเหมือนกันก่อนที่จะมีผลงาน ไปเล่นเพลงคนอื่น ความภูมิใจและอินในเพลงมันก็ประมาณนึง แต่พอเป็นเพลงของตัวเองมันรู้สึกว่าเรามีความสุขที่ได้เล่น มันเป็นผลงานของเราทั้งสามคน พอมีคนร้องตามได้ด้วยมันยิ่งไม่เคยเบื่อเลยครับ มีความสุข อินกับเพลงทุกครั้ง

static1-squarespace-64

งานที่ประทับใจที่สุดที่เคยเล่นมา

กานต์: จริง ๆ ประทับใจเกือบทุกครั้งนะ แต่มันยังมีข้อแตกต่างระหว่างการเล่นผลงานของคนอื่นกับเพลงตัวเอง เวลาไปเล่นทุกที่เราก็พยายามทำโชว์ให้สนุกก็จะมีคัฟเวอร์เพลงของคนอื่นบ้าง แต่ทุกครั้งเพลงที่คนสนุกที่สุดก็คือเพลงของเรา คือทุกคนอินกับเพลง แต่พอถึงเพลงคนอื่นก็จะเป็นที่ ๆ ไป บางที่ไม่เอาเลยคือนั่งเฉย ๆ และหายไปจากการแสดงเราเลย

มีนักดนตรีบ่นไหมว่าเพลงยาก

กานต์: มีทุกวันครับ (หัวเราะ) ตอนที่ปล่อยเพลง เพื่อนรัก ผมก็เขียนคอร์ดไปแล้วก็แชร์ในเฟสบุ๊กจากตอนแรกที่เขาตื่นเต้นกันว่าจะแกะเล่นกันนะ ทั้งเฟสบุ๊กหายไปประมาณ 80%

อยากปรับเพลงให้ง่ายกว่านี้ไหม

กานต์: จริง ๆ เราก็ยืนกรานมาตั้งแต่เพลงแรกแล้ว ถ้าผมเขียนคอร์ดไปคนจะตายกว่านี้อีก เพลงแรกคอร์ดยากแต่ว่าผมไม่ได้เขียน พอคนไปแกะกันเองก็จะคลำหาในแบบที่เขาเจอ แต่เพลง เพื่อนรัก มันอาจจะเป็นข้อเสียก็ได้ที่ผมเขียนออกไป แต่จริง ๆ มันเป็นคอร์ดที่ทุกคนเล่นได้อยู่แล้วด้วยซ้ำ แค่ไม่ค่อยได้เรียกชื่อมัน แต่ถ้าเราเอาแค่เสียงเฉย ๆ ผมว่าทุกคนต้องเคยเล่นแน่นอน เพราะผมไม่ได้เอาอะไรใหม่ ๆ มาใช้เลยครับ แค่เอามาเรียบเรียงในแบบที่ผมชอบแค่นั้นเอง

มองวงการเพลงบ้านเราตอนนี้เป็นอย่างไร

โต: ผมไม่ค่อยชอบครับ ผมว่ามันน่าเบื่อหลาย ๆ อย่าง หรือว่าผมอาจจะติดยุคเก่าด้วย ยุค CD หรือ เทป อะไรแบบนั้น รู้สึกว่ายุคนี้มันฉาบฉวย อะไรก็ฟรี จนทุกคนคิดว่าทุกอย่างมันต้องฟรี ว่า เฮ้ย ทำไมไม่ฟรีวะ มีแต่คนพูด พอเราเก็บตรงนี้มาคำนวณมองแบบนี้มันก็น่าเบื่อ ทั้งที่ทุกอย่างมันมีต้นทุนถึงแม้จะไม่ออกเงินแต่ก็มีต้นทุนสมอง แล้วเพลงมันมาเร็วไปเร็ว แต่มันมีข้อดีอย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจมาก ไม่แข็งจริงมันอยู่ไม่ได้ จุดนี้เราถึงได้ทำวงของเราให้แข็งให้มีจุดเด่น เพื่อให้เพลงของเราอยู่ไปอีกเรื่อย ๆ แต่โดยส่วนตัวยุคนี้ผมไม่ค่อยชอบ

อยู่ในจุดที่แฟนคลับโหลดเพลงเราจากเว็บเถื่อนหรือยัง

กานต์: ไม่แน่ใจว่าแบบนี้เรียกว่าเถื่อนหรือเปล่า เขาโหลดจาก Youtube เก็บไว้แล้วบอกว่า นี่ผมโหลดเก็บไว้เลยนะพี่ เราก็คิดในใจ น้องฟังในเน็ตก็ได้ พี่ได้ยอดวิวด้วย เหมือนที่พี่โตบอก ทุกคนดูโมโหกับสิทธิที่ไม่ควรได้ ของที่มีราคาแต่เขาใช้วิธีการอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาฟรี ๆ พอวันหนึ่งทำไม่ได้เขาก็โมโห ทั้งที่มันทำไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สีกบั่นทอนกำลังใจครับ เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ระบบในธุรกิจของดนตรีทุกวันนี้คือการออกไปแสดง ยังหาอะไรมาแทนไม่ได้

ความรู้สึกแรกที่โดนคนมาขอถ่ายรูป

กานต์: ครั้งแรกผมคิดว่าเขาแกล้ง นึกว่าเป็นเพื่อนของใครสักคน แต่ไม่ใช่ เขามาจากที่ไหนสักที่แล้วมาดูเรา ดีใจครับ ตัวผมเองไม่ชอบถ่ายรูป ไม่รู้จะถ่ายอะไร แต่พอมีคนมาขอถ่ายรูป บางคนแค่นั้นเขาก็มีความสุขแล้ว เอารูปมาดูแล้วรู้สึกดี สองคนนี้ก็จะมีแฟนคลับของเขาเอง นักดนตรีที่เล่นเบสทั้งหลายแหล่บูชาพี่โตมาก

ในอนาคตจะมีสมาชิกเพิ่มไหม

กานต์: อยากได้นักร้อง ไม่ใช่ (หัวเราะ) พูดเล่น ถ้าพูดถึงสมาชิกหลัก ถ้าไม่เจออะไรที่ฟ้าส่งมาจริง ๆ คงไม่มีครับ จริง ๆ ก็อยากได้นักร้องที่เล่นคีย์บอร์ดได้ คือผมก็เล่นคีย์บอร์ดด้วย เปียโนด้วย แต่ผมดันเล่นคนเดียว กีตาร์มันก็ครอบคลุมทุกเพลง แต่ถ้ามีแค่ เบส กลอง เปียโน ไปเล่นร็อกนี่เหงามาก แต่ถ้ามีคนที่เล่นคีย์บอร์ดได้อีกสักคนที่เข้ากับเราจริง ๆ ก็ดี

static1-squarespace-65

วงรวมตัวกันมากี่ปีแล้ว

เบียร์: ประมาณ 3 ปีครับ

กานต์: จริง ๆ The Parkinson ตอนแรกมี 5 คน ประมาณ 4 ปีที่แล้ว แล้วก็ออกไปทีละคน (หัวเราะ)

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากบอกอะไรกับตัวเองบ้าง

กานต์: ทำอะไรกันอยู่อะ (หัวเราะ) คือตอนนั้นเล่นดนตรีกัน 7 วัน วันละ 2 – 3 ที่ ก็เลยอยากถามว่า ทำอะไรกันอยู่ ทำไมไม่คิดเร็วกว่านี้

โต: อยากบอก 2 คนนั้นว่าพลาดมากเลย (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ ผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันดำเนินไปได้เรื่อย ๆ ถึงย้อนกลับไปได้ก็ไม่อยากเปลี่ยนอะไร ตอนนี้มันดีอยู่แล้วครับ

เบียร์: ของผมก็อยากจะบอกว่า ซ้อมให้เยอะหน่อย เพราะมันมีโอกาสรออยู่ตอนนี้นะ เมื่อก่อนก็ซ้อมเยอะแต่ช่วงนี้เริ่มไม่ค่อยเยอะ

เป้าหมายสุดท้าย

กานต์: เป้าหมายของผมคืออยากทำอะไรใหม่ ๆ ไปตลอดชีวิตเลย มีเพลงใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ได้ร่วมงานกับคนนู้นคนนี้ ได้เจอส่วนผสมของดนตรีเรากับสิ่งอื่น ๆ อัลบัมหน้าอาจจะไม่ใช่ soul ก็ได้ใครจะไปรู้

อยากร่วมงานกับใครบ้าง

กานต์: จริง ๆ ชอบเยอะ

โต: พี่เสก Loso

กานต์: ได้ครับ เพิ่งกลับไปฟัง Loso ทั้งอัลบั้มมา วงเขามีทุกอย่างอยู่ในอุดมคติหมดเลย ดิบ เถื่อน จริงใจ ของจริง เล่นโคตรเก่ง ซ้อมกันหนักมาก แล้วก็เสพหนัก ไม่ใช่ (หัวเราะ)

โต: เสพเพลง ๆ

ตอนนี้ถือว่ารับงานเยอะไหม

กานต์: เรื่อย ๆ ครับ ก็เยอะแหละ หลัง ๆ มีงานอื่น ๆ ด้วย

โฆษณาตัวเองหน่อย

กานต์: เบียร์ทำได้หลายอย่างนะครับ (หัวเราะ)

เบียร์: จริงๆจ้างเราไปครับ จุดขายวงเรา over all สามารถเล่นได้หมด เรามีลิสต์เพลงหลายแบบมาก เพื่อชีวิต เล่นโจ๊ะก็แล้ว เพลง soul หรือสากลได้หมดเลยครับ

กานต์: ถ้าโจ๊ะไม่ไหวแล้ว เรามีทีมงานที่ขึ้นมาร้องด้วยแบบคาราบาวเลยครับ

เบียร์: เราสามารถตอบสนองทุกงานได้เกือบหมดครับ (หัวเราะ)

static1-squarespace-66

ฝากผลงาน

เบียร์: ฝากเพลงของพวกเรา เพื่อนรัก เพิ่งปล่อยไปเมื่อไม่นานมานี้ครับ อยากให้ทุกคนลองฟัง soul ในแบบของพวกเรา ใครที่มีเพื่อนที่รักอยู่ก็ลองส่งให้เขาฟังนะครับ ติดตามพวกเราได้ที่เฟซบุ๊กของ The Parkinsonและเฟสบุ๊กของ  Spicy Disc ก็จะมีตารางงานของพวกเราอัพเดตอยู่ในนั้น ไปติดตามกันได้ครับ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง