Article Interview

เรื่องราวที่ไม่เหมือนเดิม… ชีวิตที่เปลี่ยนไปของ Pimrat

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Saind Pradthana

3 ปีที่แล้วหากใครติดตาม Fungjaizine มาอย่างยาวนานจะได้เห็นว่า หน้าปก ‘Girl Power’ ในเดือนสิงหาคมคือเรื่องราวเกี่ยวกับพลังผู้หญิง เป็นการรวบรวม 7 ศิลปินสาวที่กำลังจะเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเพลงมาไว้ด้วยกัน แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่หลายคนสงสัยว่าทำไมอยู่ ๆ ดีมาโผล่บนหน้าปกฉบับนั้นได้ ในวันนี้พวกเราทุกคนน่าจะได้คำตอบกันไปแล้วนะครับว่าเธอเป็นใคร เพราะเธอมีซิงเกิ้ลแรกในชีวิตแล้ว และคนที่ผมกำลังพูดถึงอยู่จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก พิม—พิมพ์รัตน์ จาดศรี ศิลปินสาวหนึ่งเดียวแห่งค่าย Parinam Music และนี่คือเรื่องราวของเธอที่เราอยากให้ทุกคนได้รับรู้ครับ

พิมพ์รัตน์คือใคร ?

ถ้าย้อนกลับไปตอน 3 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นปี 2015 เราก็จะเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนจบ จริง ๆ เราเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีและอัดคลิปลงเป็นงานอดิเรกเลยนะ เป็นช่วงที่ว่างจากการเรียนก็ทำคลิปเล่นดนตรีกับเพื่อนมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งพอขึ้นปีสูง ๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป เราเองก็เลยต้องเล่นดนตรีคนเดียว แต่ก็ยังคงลงอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วเหมือนพี่โอ๊ต วง Wave and So เขาเข้าไปฟังก็เลยส่งให้พี่ปูม เจ้าของค่าย Parinam Music ฟัง พี่ปูมก็เลยสนใจและติดต่อให้เราไปลองคุยเพื่อเป็นศิลปินดู ซึ่งตอนที่ไปคุยกับทางค่ายตอนนั้นก็งง ๆ เหมือนกันค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง ส่วนอะไรที่ตัดสินใจให้เป็นศิลปินกับค่ายนี้เราคิดว่า มันเป็นสิ่งนึงที่เราอยากลองทำดูเหมือนกัน

ที่มาของชื่อจริงมาจากไหน

ตอนแรกถามคุณพ่อ พ่อก็บอกว่ามันมาจากคำว่า ‘พิมพ์’ ผสมกับคำว่า ‘รัตน์’ เป็นคำที่ดีอะไรประมาณนั้น แต่พอไปถามคุณแม่ แม่ก็บอกว่าที่พ่อบอกมันไม่ใช่ แต่มันเป็นชื่อแฟนเก่าพ่อตอนเรียนมัธยมต่างหาก อะไรแบบนี้ เราเองก็ไม่รู้จริงรึเปล่า แต่แอบไปเปิดดูหนังสือรุ่นของพ่อแล้วมันก็มีคนชื่อนี้จริง ๆ เลยไม่รู้ว่าใช่ไหม ไปถามพ่อ พ่อก็ไม่ยอมตอบ สงสัยน่าจะเป็นชื่อแฟนเก่าพ่อ (หัวเราะ) 

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเด็กสาวผู้ที่กำลังจะเป็นศิลปินสู่แอร์โฮสเตสสาวพราวเสน่ห์

ตอนแรกที่เรียนจบมา เรายังไม่ได้ใบ transcript ที่มันเอาไว้รับรองว่าเรียนจบแล้ว โดยใบนี้มันก็ต้องเอาไปสมัครงานตามหน่วยงานรัฐหรือเอกชนอะไรแบบนี้ เลยยังไม่ได้ทำงานที่ตรงตามสายที่เรียนจบมาก็คือวิทยาศาสตร์ ช่วงนั้นรู้สึกว่า อยากลองทำงานเองดู มีพี่ชวนไปทำร้านกาแฟที่เอกมัยพอดีเลยไปทำ part time สักพักเราก็ชอบ เพราะมันได้คุยกับคนเยอะดี ได้มีแบบปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ได้เจอกับคนเยอะ ๆ ได้ทำหลายส่วนเลย สนุก ทำให้ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่อยากจะทำงานที่ตรงสายแล้ว เพราะตอนที่ทำโปรเจกต์จบมันทรมานตัวเอง แอบรู้สึกนิดนึงว่า หรือมันไม่ใช่ทางที่เราชอบ มันดูเครียดมาก ๆ ถ้าเราต้องทำงานนี้จริง ๆ ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลา ต้องเป๊ะทุกอย่าง มันเครียดไปไหม ทำอะไรที่มันคล่องตัวกว่านี้ดีกว่า จากนั้นก็บังเอิญไปเห็นว่า มันมีการเปิดรับสมัครแอร์โฮสเตสเลยไปลองสอบภาษาอังกฤษดู ไปสมัครพอติดปุ๊ปก็ได้ไปเป็นแอร์โฮสเตสเลย

ตอนนั้นทิ้งความฝันการเป็นศิลปินไหม

ไม่ได้ทิ้งนะ เพราะที่ค่ายก็เรียกตลอด แต่เราก็จะมีวันที่ว่างบ้างไม่ว่างบ้างอยู่ ชีวิตมันก็จะยุ่ง ๆ ปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่า จะต้องอะไรยังไงกับชีวิตดี เพราะเราเองก็ยังไม่ผ่านช่วงโปรตอนทำงานด้วย เวลามันก็ต้องจำกัดตลอด แลกตารางบินก็ยาก

แบ่งชีวิตการเป็นศิลปินกับแอร์โฮสเตสยังไง

ตอนนี้มันเหมือนเป็นช่วงที่เราต้องปรับตัวให้ได้แล้ว เราต้องทำเพลงด้วย ทำงานของเราไปด้วย เราแบ่งเวลาทุกอย่างได้ดีขึ้น จัดสรรทุกส่วนให้เข้ากันมันก็เลยได้ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกเพลงนี้ล่ะ 

ถามเจ้าของค่าย Parinam Music ว่าช่วงที่พิมรัตน์ไปเป็นแอร์โอสเตส รู้สึกอย่างไรบ้าง

พี่ปูม: จริง ๆ ก็มีช่วงนึงที่ชีวิตมันหายไปเลย ขาดการติดต่อนะ แต่หลังบ้านทางค่ายเองก็เตรียมทีมทำเพลงของเขาไว้อยู่ โอ๊ต Wave and So กับ กราฟ Folk9 ก็พยายามทำกันอยู่แต่ว่า มีใจหาย ๆ เหมือนกัน ข่าวเงียบหายไป (หัวเราะ) วิธีดึงเขากลับมาก็จะไปพิมพ์ข้อความตามในสเตตัสเขาก็จะไปพิมพ์ว่า ทุกคนรอนายอยู่นะ (หัวเราะ) 

เรื่องราวที่ไม่เหมือนเดิม เพลงแรกในชีวิต

เพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้แล้วไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว เลิกไปแล้วแต่เรายังคิดถึงอยู่ เราเลยขอเลือกที่จะเก็บความทรงจำดี ๆ ไว้ เพลงนี้มันก็เป็นเพลงที่คุย ๆ กันในทีมแต่งเพลงว่า อยากจะเล่าแบบนี้ออกมาค่ะ เนื้อเพลงก็จะได้พี่โอ๊ตเขียน ตอนอัดร้องเราก็พยายามเน้นเรื่องของอารมณ์ให้มันสอดคล้องกับเพลงนี้ค่ะ 

ร่วมงานกับทีมทำเพลงเป็นไงบ้าง

สนุกนะ พี่โอ๊ตก็เป็นคนสนุกคุยง่าย เราอาจจะรู้สึกเกร็งนะ ถ้าต้องร่วมงานกับศิลปินที่เขาเป็นศิลปินจริง ๆ บรรยากาศการทำงานที่นี่มันไม่ได้เครียด มันชิล ๆ มากกว่า ทุกคนใจดี เลยไม่เกร็งเท่าไร

กดดันไหมกับการเป็นศิลปินเดี่ยวของค่าย Parinam Music 

ก็กดดันนะ มันก็น่าจะต้องฝึกอะไรอีกเยอะเลย ต้องไปเจอคนฟังทุกคน แต่ก็โชคดีที่มีพี่ ๆ ให้คำปรึกษาได้ ตอนนี้ก็เริ่มมีแบ็กอัพแล้วค่ะ ที่ทางค่ายเตรียมไว้ให้

งานแสดงสดครั้งแรกในชีวิต 

(หัวเราะ) ตอนนี้มีช่วง 8 สิงหาคมค่ะ จะเป็นงานที่มีวงปลานิลเต็มบ้านกับ Folk9 และก็จะมีโชว์ของเราในงานนี้ด้วย

ตื่นเต้นกับการเป็นศิลปินครั้งนี้ขนาดไหน

ตื่นเต้นมาก ตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นศิลปินจริง ๆ ขนาดนั้น เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่าไร เพื่อนก็ตื่นเต้นว่าจะเป็นนักร้องเหรอ เราก็ไม่อยากจะใช้คำนี้เท่าไรก็บอกว่า ทำเพลงมากกว่า

เวทีที่อยากไปเล่นในตอนนี้

ยังไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้น อยากให้งานที่เปิดตัวเดือนหน้านี้ผ่านไปได้ด้วยดีก่อน งานนี้เราจะร้อง 2 เพลงนะ (หัวเราะ)

วางแผนการทำงานไว้อย่างไร

ตอนนี้ก็มีเพลงที่ทำไว้อยู่ 2 เพลง เดี๋ยวมาลองดูกันว่ามันเป็นยังไง ยังทำไปเรื่อย ๆ ก่อน ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องออกมาเป็นอัลบั้ม

ความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่กับการเห็นลูกสาวเป็นศิลปิน

เขาตื่นเต้นนะ ให้กำลังใจเราและให้เราอยากทำอะไรก็ทำเลย แต่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเฉย ๆ นอกนั้นก็เต็มที่เลย

อยากร่วมงานกับวงไหนใน Parinam Music บ้าง

เอาเป็น Wave and So ละกัน เพราะว่าทำงานด้วยกันมา พี่โอ๊ตเป็นคนชวนมาที่นี่ด้วยก็เลยอยากจะทำดนตรีกับเขา

ตอนนี้มองภาพตัวเองในอนาคตอีก 5 ปีไว้อย่างไร

คิดว่าจะยังคงทำเพลงต่อไปอยู่นะ แต่งานของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหนเหมือนกัน แต่ปีนี้ในงาน CAT EXPO น่าจะมีอะไรให้ได้ติดตามกันนะ (ยิ้ม)

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากคนที่ฟังเพลงนี้หน่อย

ขอฝากเนื้อฝากตัวฝากเพลงไว้ด้วย อาจจะตรงกับชีวิตบางคน ก็อยากให้ลองฟังดู เพลงฟังง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนและคิดว่าน่าจะชอบกัน ไม่มากก็น้อย เราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่มีพื้นฐานทางด้านดนตรีขนาดนั้น แต่ก็เป็นคนที่ตั้งใจเหมือนกัน ถ้าชอบไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ให้ลองฟังดูก่อน

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง