ชวน Petite คุยแบบผู้หญิงถึงผู้หญิง ‘อย่ามูฟออนเป็นวงกลม’ แบบในเพลง ‘Gift’
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
ก่อนหน้านี้ Petite หรือ เปอติ๊ด—ญาดา โกเมศ ได้ปล่อย EP High Soul มามอบรสชาติใหม่ ๆ ให้กับซีนเพลงไทย ล่าสุดเพลงใหม่ของเธอ Gift ที่ทุกวันนี้ทุกคนเรียกเป็น ‘อย่ามูฟออนเป็นวงกลม’ จนติดปาก กลายมาเป็นกระแสฮือฮาจากเนื้อหาและเมสเสจต่าง ๆ ที่ส่งผ่านเนื้อเพลงและมิวสิกวิดิโอ ทำให้เราต้องชวนเธอมาคุยถึงประเด็นความสัมพันธ์ toxic ที่สาว ๆ หลายคนต้องเจอ
จากชุดก่อน Petite เขียนเพลงด่าผู้ชาย มาคราวนี้ ด่าเพื่อน
มันเป็นเรื่องของเพื่อนสนิท กิฟต์อะ ผู้ชายมันไม่ดี บอกห้าล้านรอบแล้วมันเองก็รู้ มันก็บอกจะเลิก ๆ แต่พอผู้ชายทำดีนิดหน่อยมันก็กลับไป แบบ มูฟออนเป็นวงกลมอยู่นั่นแหละ รำคาญ แล้วด้วยความที่มันเป็นเพื่อน ก็ไม่ใช่ว่ากูจะไม่เตือนมึงละ แต่เราเลิกคิดว่ามันจะไม่กลับไปจริง ๆ แล้วอะ เอาเป็นว่ามึงก็ไปเสียใจให้พอละกัน กูจะเปิดเหล้ารอมึงอยู่ที่ Whab ก็คือ based on true story นั่นเอง
แต่นี่ดูหนักมากถึงขั้นเอาชื่อเพื่อนมาตั้งเป็นชื่อเพลงเลย
เออ หนักมาก คือได้โปรดดด เป็นเพื่อนกิฟต์มาเป็นสิบปีไม่เคยทำกิฟต์ร้องไห้เพราะเสียใจเลยสักครั้ง มีแต่เคยซื้อรองเท้าให้แล้วร้องไห้ปลื้มปิติมาก ไม่เคยมีใครซื้อของให้มาก่อน แต่ในขณะที่อีเหี้ยนั่นเป็นใครหรอ เข้ามาไม่ถึงปี ทั้งปีนี้อีกิฟต์มีแต่ร้องไห้ ๆๆๆ แล้วเราก็รู้สึกว่า เชี่ย ทำไมเพื่อนกูต้องมาจมปลักอยู่กับอะไรแบบนี้ด้วยวะ
อันที่จริงแล้วผู้หญิงไทยเจออะไรแบบนี้เยอะนะ
ความจริงผู้หญิงในแก๊งทุกคนมีคนที่เป็นอย่างนี้เยอะมาก แต่อาจจะเป็นเพราะสนิทกับกิฟต์สุดก็เลยรู้สึกว่า คนยิ่งสนิทกันจะให้พูดเรื่องนี้ด้วยยาก จะให้มายื่นคำขาดให้เลือกแบบ มึงจะเอากู หรือจะเอามัน มันก็ไม่ใช่ ต่อให้เราเป็นเพื่อนหรือรักมันมากแค่ไหนมันก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ จนมันมีจุดพีคของเราคือเราจะแต่งเพลงนี้ ตอนนั้นเราไม่ไหวแล้ว ถ้าต่อไปนี้มึงจะมาปรึกษากูเรื่องคนนี้ กูจะให้คำปรึกษาเหมือนเดิมเป๊ะเลย ถ้างั้นเป็นไปได้ก็ไม่ต้องมาปรึกษาแล้วก็ได้ มันเหนื่อย แต่เรื่องทั่วไปอะไรปรึกษาได้หมดเลย ถ้าเป็นไอ้เหี้ยนี่มึงไปเจ็บให้พอ เลิกได้จริง ๆ แล้วค่อยมาบอก ไม่ใช่จะเลิก ๆ ขี้เกียจฟังแล้ว
เป็นเพราะผู้หญิงไทยชอบยอมหรือเปล่า
ใช่ กิฟต์มันชอบบอกว่ามันรู้สึกว่ามันเสียใจได้มากกว่านี้ เราแบบ เฮ้ย ตรรกะนี้มันไม่ได้ ทำไมคนเราต้องยอมเสียใจได้กว่านี้อีกอะ จะทดสอบตัวเองว่าเสียใจได้ถึงขนาดไหน เราว่าไม่ใช่ คือถ้ามึงอยู่ในจุดที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่มีค่าแล้วเสียใจสัส ๆ ความจริงคือมึงควรจะหยุด พอ แล้วก็ดึงตัวเองออกมา ไม่ใช่ทน คือถ้ามึงทนจนถึงที่สุดแล้วเขาจะกลับมารักมึงหรอ ก็ไม่ใช่ สุดท้ายผู้ชายก็ยังเหี้ยอยู่ดี จนตอนนี้มันเหี้ยมาก ล่าสุดคือเมื่อสัปดาห์ก่อนที่จะปล่อยเพลง ความสัมพันธ์มันก็คบ ๆ เลิก ๆ เพราะมันชอบมีเหตุการณ์ที่รถชนด้วยกัน ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ แล้วผู้ชายบอกกิฟต์ว่าจะไปคลีนตัวเอง ไปญี่ปุ่นกับพ่อแม่ ปรากฏว่าไปกับผู้หญิงจ้ะ ใครจับโป๊ะได้ กู คือเราสร้างแอคเคาต์หลุมในอินสตาแกรมแล้วไปตามผู้ชาย ไปแอบตามผู้หญิงที่อีผู้ชายไปด้วย แล้วเราก็แคป ๆๆๆ ทำเป็นอัลบั้มไว้ในแชตไลน์เลย เผื่อวันนึงมึงอยากกลับไปหามัน กูมีหลักฐานเพียบ คือทำเพื่อเพื่อนของจริง นี่สุดแล้ว และตั้งแต่ปล่อยเพลงไป กิฟต์มันก็เลิกเลยเว่ย เหมือนมันไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่พูดแล้วอะ มีคนอื่นมาคอมเมนต์ กิฟต์มันก็นั่งอ่านนะ แล้วก็รู้สึกว่ามันทนเป็นตัวอะไรไม่รู้อยู่ตั้งนานได้ยังไง
‘ผู้ชายไทยเจ้าชู้’ ความคิดนี้จริงหรือไม่ อะไรทำให้เกิดค่านิยมแบบนี้
จริงค่ะ ทำไมกันนะ คือผู้ชายไทยเจ้าชู้เริ่มจากความ friendly คนไทยขึ้นชื่อเรื่องความ friendly เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว say hi กับชาวบ้านได้เรื่อย ๆ แล้วคนไทยมีหลักจริยธรรมที่ต่ำพอสมควร มันมีเรื่องที่ปลูกฝังในชีวิตอยู่แล้ว เรื่องนอกใจ เรื่องกิ๊ก คิดดูดิว่ามีสถานะกิ๊กขึ้นมาในบ้านเรา ดูที่ประเทศอื่นเขามีซะที่ไหนล่ะ แต่ที่ไทยบัญญัติให้มีคำนี้ขึ้นมาเพราะเราเองก็ไปช่วยส่งเสริมให้มันมี ความจริงไม่ใช่แค่ผู้ชายที่เจ้าชู้ ผู้หญิงก็มี แต่อาจจะเนียนกว่า มันรู้สึกว่าเป็นฝ่ายที่เสียหายกว่าพอมาถึงเรื่องเซ็กซ์ มันไม่ได้มีใครอยากดูเสียหายอยู่แล้ว แล้วผู้ชายก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียหายอะไรมากก็เลยเจ้าชู้เปิดเผยได้มากกว่า แต่ด้วยความเจ้าชู้แล้วผู้หญิงผู้ชายเนี่ยพอกัน
แล้วทำไมผู้หญิงต้องโดน slut shame เวลาทำแบบเดียวกัน
เพราะมันเป็นค่านิยมที่ปลูกฝังมาแต่ไหนแต่ไร เช่นเมียน้อยต้องโดนตบกลางตลาด ส่วนตัวคือไม่เห็นด้วย แล้วนี่ก็คือถ้าเจอคนเจ้าชู้ก็ไม่เอาเหมือนกัน สมมติคุยกับคนนี้อยู่ แล้วคนคุยของเราคุยกับอีกคนอยู่ด้วย งั้นไปเลย เราไม่ชอบเป็น second priority ใคร คือถ้าไม่ได้เป็นที่หนึ่งก็ไม่เอาเลย
แล้วการมีคนคุย คือการไม่ได้มีสถานะ ดู ๆ กันไปก่อน มีสิทธิจะคุยกับใครก็ได้หรือเปล่า
ก็ใช่ แต่การคุยกับใครก็ได้มันก็แค่การคุย 2-3 เดือนแรก คุยกัน ดูกัน มันต่างคนต่างมีสิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราคุยกันแล้วนะว่ามันจะเป็นยังไง ไม่ใช่ว่ามึงติ๊ต่างเอาเองว่าเขาก็รับรู้ด้วยว่ามึงจะมีใครก็ได้ ก็ไม่ใช่ อย่างเราคือคุยตลอดว่า อะ เราจะมีเส้นประมาณนี้ แล้วคนที่คุยคือเลือกมาแล้วว่าจะไม่ข้ามเส้นกัน แล้วก็ลองศึกษา ถ้าไม่ใช่เราก็พูดตรง ๆ ว่าจะเลือกอีกคน เป็นพี่น้องกันดีกว่า ชิล ๆ แล้วค่อยเจอกันที่ Whab
ปัญหาของทุกความสัมพันธ์คือการไม่พูด
ใช่ เราชอบเข้าใจกันไปเอง คิดแทนเขาเอง การสื่อสารสำคัญ ไม่ค่อยมีใครสื่อสารกัน
ถ้าปาน ธนพร Taylor Swift และ Petite ได้ร่วมงานกัน จะเป็นยังไง
เราว่ามันละ จะทำเป็นซีรีส์ไปด้วยเลย จริง ๆ อยากทำซีรีส์สั้น ๆ เป็น 4 ตอน อย่างกรณีกิฟต์ที่มูฟออนเป็นวงกลม หรืออีกกรณีที่เลิกแล้วจะกรีดข้อมือ ทำร้ายตัวเอง อารมณ์แบบเนี้ย ปัญหาหลัก ๆ ของวัยรุ่นไทยที่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้ายไปเรื่อย ๆ ให้เสียใจไปเรื่อย ๆ หรือว่าคาดหวังว่าคนคนนึงจะเปลี่ยนเพื่อเรา กิฟต์ก็ทนเพราะกิฟต์คิดว่า ถ้าเราทำให้เขาเห็นว่าเรารักเขามาก ๆ วันนึงเขาอาจจะเปลี่ยน เราแบบ โน! คนแม่งจะเปลี่ยนให้ใครสักคนนั่นคือเขารักคนคนนั้น แต่เขาจะไม่เปลี่ยนให้มึง! เขาไม่ได้รักมึงขนาดนั้น
สร้างความชอบธรรมให้ชายไทยหน่อยไหม ดูเราโจมตีเขามาทั้งบทสัมภาษณ์เลย เขาอาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ไปซะทั้งหมด
ก็ใช่ คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนทำเพลงออกมาแบบนั้นเอง (FJZ: สมัยก่อนมีเพลงแต่งด่าผู้หญิงเยอะอยู่นะ) ไม่เป็นไรเดี๋ยวแต่งด่ากลับ แต่อันที่จริงเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งเพลงด่าผู้ชายหรอก คิดว่าด่าโดยรวม แต่ตอนนั้นคำว่า ‘ผู้ชายเฮงซวย’ มันมาจากเพื่อนเราไง แล้วจริง ๆ ก็เขียนเป็น ‘ผู้ชายหัวค*ย’ ไปด้วย แต่ก็คงแรงไป คือ ไรห์มมันเข้าปากพอดี ตอนแรกไม่กะให้เป็นผู้ชาย อยากให้เกี่ยวกับคนรักที่ไม่ดีมากกว่า มันจะได้เพศอื่นด้วย
คำว่า ‘อย่ามูฟออนเป็นวงกลม’ มาได้ยังไง จริง ๆ ไม่ใช่ชื่อเพลงด้วยซ้ำ
ใส่เติมเข้ามา ตอนนั้นด่าไอ้กิฟต์ มันชอบพูดประโยคนี้ ‘เฮ้ย กูไม่เอาแล้ว กู move on แล้ว done’ เฮ่อ! ตอนนั้นน้องที่สมอลรูมก็บอกว่า เออพี่เปอ จะปล่อยเพลงแล้วนะ ให้ลองคิดสเตตัส ก็เลยเหมือนจะประชดกิฟต์ ตั้งเป็น ‘เออ เพื่อนกูมูฟออนละ แต่มันมูฟออนเป็นวงกลม’ กัด ๆ มัน แล้วทุกคนก็บอก เฮ้ย คำนี้ดี ก็เอามาใส่ชื่อเพลงด้วยเลยละกัน (FJZ: แล้วคนก็ไม่ได้จำว่าเพลงชื่อ Gift ไปจำว่า อย่ามูฟออนเป็นวงกลม) ใช่ ทุกคนบอกว่า ขอเพลง อย่ามูฟออนเป็นวงกลม เราก็ ไม่เป็นไร เอาชื่อนี้ก็ได้
จะว่าไปเพลงนี้ก็มีความเพื่อนหญิงพลังหญิงมาก
ตอนแรกอยากให้เป็นปาน ธนพร นั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นกิมมิกของเรา แต่ไม่ใช่ปานตบตี เป็นปานเวอร์ชันสอนหญิงด้วยกัน คือไม่ใช่ว่ากูจะเป็นคนที่ไม่เสียใจจากความรักเลย เสียใจ แต่ไม่ทำตัวให้ไร้คุณค่า ไม่เสียใจยาวนาน ไม่ girly เกินไป เข้าใจได้ บาย ไป แล้วรู้สึกว่าการใช้ชีวิตของตัวเองที่ผ่านความรักมาก็รู้สึกว่าโอเค มันเป็นตัวอย่างให้หลายคนได้ เช่น ทำไมเพื่อนกูอยู่ดี ๆ พอมีแฟนแล้วกลายเป็นคนงี่เง่า กูก็คุยกับมันว่า ‘เฮ้ย มึงรู้ตัวปะว่ามึงเป็นผู้หญิงที่คูลมาตลอดเลย ทำไมมึงกลายเป็นผู้หญิงงี่เง่า’ พูดให้มันเห็นตัวเอง อยากเปลี่ยนตัวเอง แล้วก็ชอบมีคนมาปรึกษาเรื่องความรัก เรื่องการวางตัวเยอะ คือถ้ามันเป็นประโยชน์ที่เราทำได้ก็ดี ยิ่งเอามาทำเพลงได้มันก็ยิ่งดีเลย เป็นเมสเสจใหญ่มากที่จะได้กระจายออกไป
เรื่อง mv มีกระแสถกเถียงกันว่าเดี๋ยวนี้ LGBT ถูกเอามาใช้เป็นการตลาดมากกว่าเป็น movement จริง ๆ แล้วเปอติ๊ดตั้งใจทำออกมาเพื่ออะไร
ส่วนตัวไม่รู้จริง ๆ เพราะใคร ๆ เขาก็ทำ (หัวเราะ) เราแค่รู้สึกเบื่อ mv ชายหญิง มันมีเยอะแล้ว เลยบอกพี่รุ่งว่า เป็นหญิงหญิงมะ กำกับง่ายดี เพราะทั้งเรากับไอกิฟต์ต่างคนต่างก็เป็นทอมมาก่อน มีแฟนเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ดังนั้นมันก็ง่ายมากที่จะถ่ายทอด แล้วก็เอาอีโดนัทมาเล่นด้วย สบายมาก ตอนแรกจะถ่าย mv ก็อยากได้ซีนนัว ๆ เลย มีใครที่นัวได้บ้าง กูนึกออกเลยคนแรก ‘โดนัว’ ต้องคนนี้ ซึ่งมันออกมาเพอร์เฟกต์มาก ๆ ความจริงไม่คิดจะเอาหญิงหญิงมาเป็นมาร์เก็ตติ้ง แต่มันน่าจะดีถ้าสิ่งเหล่านี้มีคนมองมันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ชายชาย หญิงหญิง เป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะสำหรับเราก็หญิงหญิงมานานแล้ว ก็แค่อยากให้มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่นด้วย มันควรปกติ ไม่ได้อยากให้ยกมาเป็นประเด็น (FJZ: แล้วมันจะมีพวกที่ชอบมี sexual fantasy แบบนี้) เออ จิ้น ๆ แต่ห้ามจิ้นกูกับกิฟต์ คือคนชอบมาจิ้นแล้วพวกเราคือไม่ได้อะ เป็นทอม ผีเห็นผีอะ จะอ้วก
รู้สึกยังไงที่เพลง Gift ทำให้เพื่อนเลิกกับแฟนได้ขาดจริง ๆ
ดีใจกว่ายอดวิวอีก!!! เอาจริง เพลงนี้ยอดวิวแทบจะสูงสุดในบรรดาทุกเพลงที่ทำมาแล้ว เพลง Ai ปล่อยมาเป็นปี ยอดวิวอยู่สามแสน นี่ปล่อยไปอาทิตย์เดียวยอดวิวจะสามแสนแล้ว คือเร็วมาก แต่ดีใจที่เพื่อนเลิกได้มากกว่าอีก มันเป็นจังหวะพอดีกันพอดีกับที่ผู้ชายไปญี่ปุ่นแล้วโป๊ะแตก คราวนี้แหละ ต้องได้จริง ๆ แล้ว คือที่ผ่านมามันไม่มีเรื่องคนอื่น มันก็ไปไหนไม่ได้สักที ดึงกันไปดึงกันมา แต่พอเป็นเรื่องมือที่สาม เราแบบ บาย
แรงบันดาลใจเนื้อเพลงมาจาก Polycat หรือเปล่า เห็นใช้คำว่า ‘แก’
ทีแรกเป็นกูมึง ความจริงพี่นะ Polycat ก็บอกว่าใช้กูมึงไปเลย แต่มันก็หยาบไป เลยเปลี่ยนมาเป็น ‘ชั้น’ ‘แก’ มันมีความผู้หญิงคุยกัน แล้วมันก็ได้ฟีลด่า แต่ไม่หยาบเท่ากูมึง
ชุดใหม่นี้แนวดนตรีจะเปลี่ยนไปบ้างไหม
ฟังง่ายขึ้น แล้วก็มีแร็ปเข้ามาด้วย EP แรกไม่มี ยังกลัว ๆ ไม่กล้าหลุดกรอบความโซล แจ๊ส แต่เพลงนี้คือหลุดมาเลยว่าอยากจะแร็ป เพลงอื่นก็อยากทำแร็ปอยู่แล้วเพราะส่วนตัวชอบ ตอนไปร้องคอนเสิร์ต Polycat เอาเพลง Gift ไปร้องตอนยังไม่ปล่อย แต่รู้สึกว่าด่ามันมาก
ได้น้องชายมาเป็นโปรดิวเซอร์
ดีมาก ความที่มันเป็นอีกก้อนเนื้อนึงในชีวิตเราก็เลยทำงานด้วยง่ายมาก แต่ก็ยากกึ่งง่ายเพราะทะเลาะกัน ไม่ก็เมาจนไม่ได้งานอะไรเลย แต่มันดี ตรงที่กิฟต์ก็สนิทกับกู้ คือสนิทกันหมด การเขียนออกมามันเลยง่ายเพราะทุกคนรู้เรื่องการมูฟออนเป็นวงกลมอันน่ารำคาญยืดเยื้อเป็นปี ๆ ของกิฟต์อยู่แล้ว แล้วก็ tie-in ร้านเข้าไป ต้องมีการขายเกิดขึ้น เพราะกูเป็นหุ้นส่วน (หัวเราะ) ก็ต้องทำอย่างนั้นปะวะ
จริง ๆ ก่อนหน้านี้เคยไปร้อง fan song ให้กู้ ที่ทำให้ ปัญ BNK48
ตอนนั้นไม่ได้ตามเรื่องไอดอลเลย เราก็เฉย ๆ กับเกิร์ลกรุ๊ป แต่กู้กับแปม (สแปม Fever) เป็นโอตะมาก ๆ แล้วพอกู้ชอบมาก ๆ เราก็ทำให้ได้แหละ ก็ไปช่วย เหมือนโปรเจกต์เพลงนั้นก็มีหลายคน นาว TELEx TELEXs ก็ทำ
แล้วพอน้องสาวเป็นไอดอลแล้วรู้สึกว่าชีวิตเข้าใกล้สังคมนี้มากขึ้น เขาใจเขามากขึ้นไหม
เรายังไม่เข้าใจเลยว่ามันเข้าไปเป็นไอดอลได้ไง เศร้าเหี้ย ๆ เราถามว่า แปม ทำไมมึงออดิชันผ่าน มันก็บอกว่า ‘แปมอะ เรอ A-Z ได้ แล้วก็ทำเสียงเหมือนหมาได้ หมาเล็ก หมาใหญ่’ เราแบบ ฮะ จริงหรอวะ เชี่ยชิบหายละ มึงออดิชันอันนี้เข้าไปหรอ กูอายมากเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) ตั้งแต่เด็กจนโตแปมร้องเพลงเพี้ยนมาก เต้นก็ไม่ตรงจังหวะ เป็นอะไรที่แปลกใจมากตอนที่เห็นแปมเต้นและร้อง ก็คิดว่า เออว่ะ ความจริงแล้วครอบครัวเราคงมาทางดนตรีหมดเลย ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่ คือแปมมันเขียนนิยายเกย์จริงจัง วางแผง แล้วเราคิดว่ามันชอบอยู่เงียบ ๆ เขียนนิยายของมันไป แต่ไม่คิดว่ามันจะมีมุมร้องเต้น เพราะอยู่ที่บ้านมันก็เป็นแปมอะ น่ารำคาญ อยากเป็นลูกคนเดียว (หัวเราะ) เหนื่อยกับมันจริง ๆ เป็นตัวป่วงสุดในบ้านแล้ว
เปอติ๊ดเป็นคนที่แสดงออกตัวตนออกมาชัดมากผ่านทั้ง mv โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งว่าตามตรงก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับ norm ของคนไทยที่ ‘เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย’ ‘ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงขี้เมา’
เอาจริงเราไม่ค่อยแคร์เรื่องแบบนั้นเลยเพราะที่ผ่านมาก็มีผู้ชายเข้ามาชอบมากกว่าคนที่ไม่เมาอีก (หัวเราะ) คือไม่อยากกินเหล้าก็เรื่องของมึง มันเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลอะ นึกออกปะมึง!!! คนเราจะมีความคิดแบบนั้นก็ได้ ก็เข้าใจขนบธรรมเนียมประเภณี ไม่ได้จะไปลบหลู่อะไร แต่สิ่งที่เราทำก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ยกเว้นเดือดร้อนจิตใจผู้ชายก็เท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร อย่างงั้นเป็นต้น แต่สุดท้ายกินเหล้าแล้วเอาขวดไปฟาดหัวใครไหม ก็ไม่ สิ่งเดือดร้อนเดียวคือการ hangover ซึ่งก็เป็นการที่เราทำตัวของเราเอง ต้องยอมรับสภาพตัวเอง ดังนั้นคิดว่าจะดีมากถ้าคนเราใส่ใจชีวิตของคนอื่นให้น้อยลง ก็คือเสือกให้น้อยลง เอาจริงตราบใดที่มันไม่ได้เดือดร้อนใคร แล้วเราก็ไม่ได้ถึงขั้นจะจูบหรือเอาโชว์ในที่สาธารณะ นี่คือแค่แต่งตัว ดื่มเหล้าในร้านเหล้า ไม่ได้ไปนั่งหน้าวัด ก็อยู่ในที่ที่ถูกควรแล้ว การแสดงออกในโซเชียลก็รู้สึกว่า ก็เป็นตัวเองไง ก็ไม่ได้ผิดนะตราบใดที่ไม่ทำร้ายใคร
แต่มันก็มีบางคนที่ตามโซเชียล แล้วชอบวิจารณ์ว่า ‘ทำไมไม่เป็นตัวอย่างให้ดีกับเยาวชน’
โอ๊ย โดนด่า มีแม่คน direct message เข้ามาในอินสตาแกรมว่าเราชอบลงสตอรี่อยู่ร้านเหล้า ก็เลยแจกแจงคุณแม่เป็นข้อ ๆ เลยว่า 1) หนูหุ้นร้าน มันเป็นช่องทางทำมาหากินของหนู 2) นี่มันเป็นแชแนลของหนู เป็นที่ของเรา ถ้ามันไปเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับลูก ขอแนะนำให้บล็อก บล็อกยังไง แคปวิธีให้แม่ดู ไม่ต้องให้ลูกดูเรา ให้ไปเสพคนอื่น เพราะเราก็จะเป็นเราแบบนี้
เล่าประสบการณ์เมาที่หนักที่สุดให้ฟังหน่อย ไหน ๆ ก็พูดถึงร้าน Whab ละ
เราเมาที่ร้านกับกิฟต์ แล้วก็จองตั๋วไปลาว ตอนประมาณตีสาม แล้วพอตีสี่ก็ไปสนามบินกัน ไฟลต์ดอนเมืองหกโมง วาร์ปแล้วไปอยู่นานเฉยเลย โคตรพัง ไม่ได้ลงตรงไปที่ลาวด้วยนะ ลงเขตแดนไทย แล้วไปถึงก็เปิดพันทิปเอาแล้วเดินตามเขา แล้วเมาสัส ๆ ทั้งคู่ ยังไม่ได้นอน เพิ่งออกมาจากร้านเหล้า แล้วไปแบบไม่มีเสื้อผ้าด้วย ไปซื้อเอาที่นู่น นั่งรถจากที่เขตชายแดนข้ามไปวังเวียง ประมาณ 6-7 ชั่วโมง ไม่หลับนะ ซื้อเบียร์ขึ้นมานั่งกินกัน พอถึงก็เพิ่งรู้ว่ามีบราวนี่อยู่ในกระเป๋า แล้วไปต่อที่ซากุระบาร์ ซึ่งเละชิบหาย ไม่ได้นอนเป็นเวลาสองวัน ก็ตี้ ๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวอีกทีคือตอนไปนอนแล้วตื่นมางง ๆ กับไอ้กิฟต์อะ ‘มึง นี่เหมือนเราฝันอยู่เลยเนาะ’ มาอยู่ลาวอะ! แล้วเป็นงี้หลายรอบมาก เวลาเมาแล้วชอบพกพาสปอร์ตกันไง ตอนนั้นเมาแล้วทำบัตรประชาชนหายเลยพกพาสปอร์ตแทน แต่เดี๋ยวนี้ไปทำเพราะกูไม่อยากบินแล้ว กูเหนื่อย
แล้วก็มีโผล่ไปหัวหิน เมาสัส ๆ ปีนขึ้นเรือรบจะขอเขาติดไปฟูลมูนปาร์ตี้ (FJZ: วอทเดอะ…) เออ มันเป็นเรือทหารที่ท่าเรือ แล้วมันก็จอดอยู่ เรากับกิฟต์อยากไปไดหมึกตอนตีสาม ก็โบกรถแว้นซ์ เราเมามาก มันกำลังแข่งรถกันอยู่ ก็บอกน้องขอยืมที่ชาร์จแบตแว้นซ์ด้วย พอไปถึงมันไม่มีเรือตกหมึกแล้ว เกลี้ยง เพราะมันดึกเกิน ก็เอาไงดีวะ นั่งแปปนึงก็เห็นเรือใหญ่สัส ๆ มีรูปอยู่ในอินสตาแกรมด้วย แล้วเขาก็ผูกเชือกใหญ่ ๆ กับโป๊ะเรือ เราปีนขึ้นไปแล้วให้แว้นซ์ถ่ายรูปให้ กูกับกิฟต์ทำท่าแจ็คกับโรส ไปเคาะข้างในเขาถามว่า พี่ผ่านพะงันปะคะ เขาก็ไล่พวกเราออกจากเรือ ก็ปีนลงมา เละดี สุดท้ายไม่ได้ไป แล้วก็ไปหารุ่นพี่คนนี้ ‘พี่ขอนอนหน่อยดิ’ แล้วเขาก็ให้ไปนอนในโกดังร้านเหล้าเขา เป็นสายวาร์ปสัส สุดสัส ตอนนี้เริ่มเบาแล้วเพราะเริ่มรักชีวิตตัวเองมากขึ้น ลาวนี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยน เพราะเราคิดว่ามันเกินไปกับการที่เมาแล้วข้ามไปประเทศอื่นขนาดนี้ ครั้งหน้าอาจจะไปอังกฤษกันก็ได้ น่ากลัวเกินไป
เอ้อ มีที่เวียดนามด้วย แต่อันนั้นกดตั๋วไปนานแล้ว ลืม จนวันที่จะไปมันเตือนมาในอีเมลว่าพรุ่งนี้เช้ามีไฟลต์ เรากดดูสตอรี่เห็นกิฟต์แดกช็อตอยู่ที่ Whab ไอ้เหี้ย ชิบหายละทำไงดีวะ โทรไปหากิฟต์ ‘กิฟต์ มึงจำทริปเวียดนามที่เราซื้อไว้กันได้ปะ’ มันตอบมาว่า ‘อะไรวะ’ …’พรุ่งนี้ไปเวียดนาม เช้า 6-7 โมง ทำไงดีวะ’ ‘มึงมาเจอกูที่ Whab ไปพร้อมกัน’ ‘แล้วเสื้อผ้าอะ’ ‘ค่อยซื้อ’ แล้วก็ไป อีกแล้วอะ ก็บินแล้วไปพังที่เวียดนาม เหนื่อยอะ
ซิงเกิ้ล Ai ได้ไปวางขายที่ญี่ปุ่น
ตอนแรกพี่นะไปทัวร์ญี่ปุ่น แล้วเอาเพลงนี้ไปเปิด เสียงตอบรับค่อนข้างดี คนญี่ปุ่นก็ชอบ เลยลองเอาเพลงนี้มาทำเวอร์ชันญี่ปุ่น ให้คนญี่ปุ่นเกลาเนื้อให้ใหม่ อัดใหม่ แล้วเอาทำเป็นแผ่นซีดีไปวางตามร้านที่โอซาก้า โตเกียว เอาจริงไม่ได้ตามว่าขายหมดหรือยัง เพราะมันติดต่อกันยาก เขาไม่คุยภาษาอังกฤษกับเรา เราก็ญี่ปุ่นได้งู ๆ ปลา ๆ มาก ๆ ก็คือต้องมีตัวกลางเป็นอากิติดต่อให้ เช็ก ๆ ดูถ้าแผ่นหมดอีกเดี๋ยวเขาคงมาบอกว่าจะเอาเพิ่มอีกไหม แต่คิดว่าก็ดีนะ ได้ไปเปิดสถานีวิทยุตรงชิบุย่าด้วย ก็แฮปปี้
คนไทยส่งเพลงไปขายที่ญี่ปุ่นเยอะมาก ถ้าอยากส่งไปเองทำได้ไหม
ได้ ก็เนี่ยส่งไปเอง เริ่มจากอยากทำ แล้วปรึกษาอากิ เขาก็รู้จักกับคนนี้ คนนั้น บอกต่อ ๆ กันเอง คือเราไปเมาที่ญี่ปุ่นบ่อย ชอบไปเจอศิลปินคนนั้นคนนี้ ฮิปฮอปใต้ดิน ก็มีขออินสตาแกรมเขาไว้ แล้วทักเขาไปว่ากำลังจะมีซิงเกิ้ลฝากไปวางขายหน่อย หรือร้านไหนเคยไปเมาก็เก็บคอนแท็คร้านนี้ไว้ พอไปก็ ‘จำได้ปะที่ไออ้วก’ คุยด้วยตัวเองด้วย จนล่าสุดมีค่ายชื่อ FabTone ไม่รู้ด้วยว่าเขาได้คอนแท็คมายังไง เขาก็ติดต่อมาเองอยากได้แผ่นซิงเกิ้ลที่มาวาง เราก็เอาแผ่นไปให้เขา แล้วก็อยากให้ทำมาเพิ่มอีก จริง ๆ มันมีอีเวนต์ที่ญี่ปุ่น แต่พอมันมีอยู่เพลงเดียวก็ไม่สามารถจะไปอยู่ในโชว์ไหนได้ เขาก็บอกว่าให้ทำเพลงเพิ่มอีกเป็น EP เลยก็จะดีมาก เผื่อเขาจะจัดสรรโชว์ให้ได้ แต่มันเหนื่อยเพราะจำเนื้อไม่ได้ การต้องมานั่งจำก็เป็นงานยากพอสมควร
สมมติมีซิงเกิ้ลอื่นออกจะทำภาษาญี่ปุ่นไหม
ใจจริงอยากทำภาษาอังกฤษ แต่อีกใจก็อยากทำญี่ปุ่น เพราะชอบไปญี่ปุ่น ก็เลยยังไม่รู้ ดูความเหมาะสมของเพลงก่อนว่ามันจะไปเวย์ไหน จริง ๆ เพื่อนเชียร์ให้ทำเกาหลีเพราะเพื่อนรู้จักพวกค่ายเพลงที่เกาหลีเยอะ ดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง
อะไรทำให้ประเทศที่เป็นชาตินิยมมาก ๆ ถึงเปิดใจฟังเพลงไทยและฮิตขึ้นมาได้ อย่าง Safeplanet ติดชาร์ต หรือ Stamp ได้ออกรายการทีวี
นั่นดิ ความจริงญี่ปุ่นมันค่อนข้างมีความอนิเมะ เจป๊อปโหดสุดแล้ว คิดว่าคงเหมือนไทยยุคแรก ๆ ที่อินเกาหลี ความที่มันนำเข้าเคป๊อป ที่เป็นเพลงนีโอโซลแปลก ๆ ของเขาคงคิดว่าที่ไทยทำก็คงไปถูกจริตเขาพอดีที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยทำ
จริง ๆ บ้านเขาฮิปฮอปกับเร็กเก้นี่ฮิตมากเลยใช่ไหม
ใช่ ฮิปฮอปเขานี่โหดสัสเลยนะ เคยไปดูสด เป็นศิลปินที่ไม่มีค่ายเลยแต่เวลาไปเล่นร้านไหนคนบุ๊กเต็ม เป็นเพื่อนนี่ ไม่งั้นก็เป็นเจพังก์ไปเลย
เร็ว ๆ นี้จะมีไปเล่นที่ไหน
ยังไม่มี ก็รอดูกันค่ะ ทุกวันนี้รู้ตารางชีวิตตัวเองแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ยังงง ๆ เบลอ ๆ อยู่ อาจจะมีงานไปต่างจังหวัด
มีแพลนจะกลับไปร้องเพลงที่ร้านบ้างไหม
ความจริงมีติดต่อไปร้าน Crimson Room มันกำลังจะเปิดวันที่ 25 นี้ มันเหมือน Moulin Rouge เป็นบาร์สมัยก่อนมีเวที อยู่หลังสวน แล้วอยากแต่งตัวแบบ Gatsby ไปร้องแจ๊ส ถุงมือ สร้อยไข่มุก อยากมาก เสนอตัวไปแต่ไม่รู้ว่าจะว่างไปร้องหรือเปล่า ถ้าได้ก็จะเป็นร้านแรกในรอบ 5 ปีที่ร้องแจ๊สล้วนเลยนะ
ฝากผลงาน
ฝากหน่อยค่ะ Gift อย่ามูฟออนเป็นวงกลม ค่ะ แค่นี้แหละ ให้เพลงมันทำหน้าที่ของมันเองแล้วกัน
อ่านต่อ
ตีความเพลงรักแบบแสบ ๆ คัน ๆ กับ เปอติ๊ด ศิลปินสาวซ่าคนล่าสุดแห่งค่าย Smallroom