หลังจาก ‘หน้าที่ของความรัก’ PAUSE เตรียมปล่อยอัลบั้มเต็มตามคำเรียกร้อง
- Writer: Montipa Virojpan
จากวงดนตรีขวัญใจมหาชนแห่งยุค Bakery Music สู่การต้อนรับนักร้องนำคนใหม่ในบ้านหลังใหม่ที่ค่าย Me Records มาได้พักใหญ่ ๆ วง PAUSE ก็ปล่อยเพลง หน้าที่ของความรัก ออกมา พร้อมกับได้ เล็ก พงษธร แชมป์ The Voice Thailand ปีล่าสุดมาร่วมร้อง ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขากำลังจะมีอัลบั้มเต็มในรอบหลายปีออกมาให้แฟน ๆ ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ได้ฟังกันด้วย
พูดถึง หน้าที่ของความรัก ซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยมาหน่อย
เฟ้น: เพลงนี้พี่ฟองเบียร์แต่งขึ้นมา พี่เขาอยากแต่งเพลงช้า ๆ ให้วง Pause ที่ฟีลประมาณ รักเธอทั้งหมดของหัวใจ แต่แกบอกมานานแล้วว่าอยากแต่งเพลงแนวนี้ เลยเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมา
นอ: เรื่อง wording เป็นลายเซ็น อินเนอร์ของเขาที่จะชอบเปรียบเปรยอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เพลงก่อน ๆ ที่จะมาทำกับเรา อย่างเพลงที่แล้ว ‘ยามเมื่อแดดทอดลงผืนทราย’ เขาจะมีอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เป็นสไตล์ของนักเขียนเพลงที่จะมีอะไรแบบนี้อยู่ มีวิธีเล่าที่ต่างกันออกไป เรื่องการเปรียบเทียบเรื่องนู้นเรื่องนี้เพื่อให้เพลงมีมุมมองที่แตกต่างก็เป็นลายเซ็นของฟองเบียร์
ในมิวสิกวิดิโอเป็น long distance relationship
นอ: เหมือนวงเราทำงานแบ่งหน้าที่กัน พอได้เนื้อทำนองแล้วจะไม่ปีนข้ามกัน แล้วทีมงานอะเรนจ์จะมาทำต่อ ทีมงานโปรดิวซ์มาทำต่อ แล้วพอเราทำงานเสร็จแล้วก็ส่งต่อไปให้ทีมทำมิวสิกวิดิโอ เราก็ไม่ได้ไปอะไรกับเขา เขาทำงานเสร็จก็มาเสนอเรา เราไม่ได้บรีฟต่อ ให้เขาทำงานง่าย ๆ ให้เขาคิดให้เราด้วย ก็เหมือนเป็นกระจกส่งเพลงในมุมของเขา ก็เป็นไอเดียของทางผู้กำกับ ผู้เขียนบท
ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์แบบนี้ไหม รักระยะไกล หรือส่งจดหมายคุยกัน
นอ: เมื่อก่อนก็ทั้งนั้นแหละ สมัยก่อนการสื่อสารยังไม่ได้ดีขนาดสมัยนี้ ปิดเทอมเพื่อนก็หายหมด เพื่อนสนิทก็ต้องเขียนจดหมายหากัน 2-3 วันถึง มันไม่ได้สื่อสารง่ายแบบสมัยนี้ บางที message มันยังมีความหมายมากอยู่
บอส: สมัยเรามัธยม ก็ยังใช้จดหมายเขียนกัน ของพี่นี่ตรงเลย เป็นแฟนคนแรก จบ ม.6 ไปแล้วแล้วเขาต้องย้ายจังหวัดไปอยู่กับพ่อแม่อีกจังหวัด เราก็อยู่อีกจังหวัดนึง โทรศัพท์มีแล้วแต่โทรศัพท์ทางไกลสมัยก่อนมันแพง เลยเขียนจดหมายอยู่พักนึง ก่อนจะมาเข้ามหาลัยปีหนึ่งเริ่มมีเพจเจอร์ ส่งอีเมลแทน แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว
บางคนอาจจะไม่ทันว่าเพจเจอร์มีระบบยังไง
นอ: สมมติอยู่มหาลัย ใช้โทรศัพท์หยอดเหรียญ กด 162 มีโอเปอเรเตอร์รับ เราก็ให้เพจไปที่เบอร์นี้ จะใส่ข้อความอะไรบ้าง เหมือนโทรเลขสั้น ๆ เช่น ‘โทรกลับหาแม่ด่วน ที่บ้าน’
บอส: เหมือนเราส่งไลน์ แต่นี่สะดวกแล้วนะ เพจเจอร์คือเครื่องรับข้อความติดตัวของแต่ละคน มันใช้โทรออกไปหาอีกคนไม่ได้ (นอ: แต่เมื่อก่อน messenger ก็ยังใช้กันอยู่นะ) ช่วงหลัง ๆ ที่มีโทรศัพท์มือถือกันบ้างแล้ว บางคลื่นวิทยุก็ยังใช้เพจเจอร์อยู่เลย แต่ก็เป็นสิบปีแล้วครับที่ไม่เห็นคนใช้ ป่านนี้คงเลิกใช้ไปหมดแล้ว
นอ: ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีเพจเจอร์ลำบากกว่านี้อีกนะ สมมติลูกออกจากบ้านไม่รู้จะตามยังไง อยู่ไหน สมมติเรานัดเพื่อนเจอกัน 10 โมง เราต้องไปอยู่ตรงนั้นแล้ว คนไหนเบี้ยว คนไหนมาสาย ไม่มีสิทธิ์รู้เลย ต้องไปถึงตรงนั้นก่อน มีเพจยังพอตามได้
ทำไมถึงได้ เล็ก The Voice มาร้องด้วย
นอ: เป็นไอเดียของคุณฟองเบียร์ตั้งแต่ตอนแรกเลย เขาบอกผมว่าเขาชอบ รักเธอทั้งหมดของหัวใจ แล้วหลัง ๆ เวลา Pause ทำเพลง ผมพยายามจะโยงเรื่อวราวให้เกี่ยวกับ Pause ในยุคก่อน คือเราทำงานมาหลายอย่าง ก็รู้สึกว่าทำกับ Crescendo เป็นแบบนี้ กับ T-Bone เป็นแบบนี้ พอทำกับ Pause ก็จะเป็นอีกแบบนึง ลักษณะการคิดเพลงจะไม่เหมือนตอนทำเพลงวงอื่น ก็คือเราใช้ reference เพลงตัวเองในสมัยนั้น ก็มีเพลงนึง reference เป็นเพลง สัมพันธ์ พอมาถึงตอนนี้คุยกับฟองเบียร์เขาบอกว่าเรายังไม่มีเพลงช้าเหมือน รักเธอทั้งหมดของหัวใจ เลย ผมก็บอกว่า ‘ถ้าอยากให้มีเบียร์ก็แต่งดิ’ เพราะผมคงไม่ได้แต่งเพลงเก่งขนาดนั้น แล้วก็รู้มาว่ามีน้องคนนึงที่เอาเพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ไปประกวดใน The Voice ก็เลยลองมาคุยกันว่า ถ้างั้นถ้าได้เขามาร่วม featuring ด้วยก็น่าจะเป็นสีสันที่สนุกดีนะ ก็พอติดต่อไป คุณเล็กเขาชอบ Pause มาก แล้วเขาได้แชมป์ด้วย พอได้เพลงมาก็ไม่ใช่การทำงานที่ยากเย็นอะไร เพราะว่าเสียงเขาก็คล้าย ๆ กับเฟ้น ร่องเสียงคล้ายกัน แต่ถ้าคนคุ้นเคยผมว่าแยกออกว่ามันไม่เหมือนกัน
แล้วเพลงนี้ก็ประสบความสำเร็จมาก ๆ
เฟ้น: จากที่ผมฟังคนอื่นก็เขาบอกว่าเพราะ ผมว่าก็โอเค
นอ: เรามาจากยุคเพจเจอร์ เวลาดูฟีดแบ็กก็คือเพลงได้ออกวิทยุ พอไปคอนเสิร์ตแล้วมีคนร้องตาม แต่สมัยนี้ดูยอดวิว ซึ่งคนที่ยอดวิวเยอะกว่าเรามันก็มี เลยไม่รู้ว่าอันนี้เรียกว่าดังหรือเปล่า บางเพลงอย่าง ที่ว่าง ไม่มียอดวิว แต่ไปเล่นที่ไหนคนก็ร้องตามได้ ผมก็งงว่ามันดูจากอะไรเพลงไหนดังไม่ดัง เห็นเขาว่าล้านนึงมันก็ดีมั้ง เพราะตอนนี้มันล้านแล้ว แล้วก็เคยเอาไปเล่นครั้งเดียวหลังจากปล่อยไป มีงานเข้ามางานนึง คนที่มาเขาเป็นแฟนคลับส่วนใหญ่ก็ร้องได้อยู่แล้ว
อัลบั้มเต็มจะมีคอนเซ็ปต์ยังไงบ้าง มีเพลงที่ปล่อยไปแล้วก่อนหน้ามารวมไว้ในนี้ไหม
นอ: มีครับ แต่คอนเซ็ปต์คิดอยู่ อัลบั้มแรกเป็น Push (Me) Again ก็สมัยยังเรียนอยู่ ก็เป็นไปตามวัย ต่อมาเป็น Evo & Nova ตอนนั้นชอบหนังอวกาศ เรื่อง sci-fi แล้วชุด Mild ก็เป็น Pause เบา ๆ Rewind เป็นรวมฮิต แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก
บอส: แต่มีเพลงเสร็จแล้ว 8 เพลง ที่เป็นเพลงใหม่ แล้วถ้าจะให้ครบ 10 เพลงอาจจะให้เพลง รักอยู่รอบกาย มาเรียบเรียงใหม่ ให้เฟ้นร้อง อีกสองเพลงก็ทำเวอร์ชัน live session
นอ: จริง ๆ เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่ามันก็เหมือนการทำอัลบั้มสมัยก่อน คือปล่อยอัลบั้มมาก่อนแล้วไล่โปรโมตทีละเพลง แต่สมัยนี้มันกลับกัน คือปล่อยเพลงไปก่อน แล้วอัลบั้มอยู่ตอนท้าย คือการทำทีละซิงเกิ้ลก็คิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องมารวมในอัลบั้มอยู่ดี เพียงแต่ว่าจะถูกทำออกมาเป็นซีดีหรือเปล่า หรือจะทำเป็นแค่สตรีมมิง อยู่ที่ว่าจะมีคนซื้อไหม แต่พอคุยกับทางค่ายก็ดูเป็นกิจกรรมนึงเหมือนกันนะ ที่จะทำเป็นของที่ระลึกให้แฟนคลับ limited edition ให้พรีออเดอร์เข้ามา คงไม่ทำเยอะไปวางแผงขายแล้ว แต่อาจจะมีถึงขั้นทำเป็นแผ่นเสียง
บอส: เหมือนทำตามความเรียกร้องของแฟนคลับ ไม่ทำเพื่อการค้าขนาดนั้น เพราะแฟนเพลง Pause ก็ยังฟังเทปหรือซีดีกันอยู่ คนกลุ่มเนี้ยเขาก็ยังชอบอยู่ บางคนเล่นถึงขั้นไวนิลแล้ว ซึ่งพวกนี้ก็ส่งมาเป็นปากต่อปากไปทางค่ายว่าเขาคุ้นเคยกับของพวกนี้ ก็อยากได้เป็นของที่ระลึกเก็บไว้ เขาชอบ physical ไม่ได้ชอบ digital มากมาย บางทีโหลดมาไว้นั่นไว้นี่แล้วจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ไหน เปิดจากฟังใจเขาก็ฟังได้แหละ แต่ซีดีมีคุณค่าทางใจกับเขามากกว่า
นอ: แฟนเพลงส่วนนึงของเราที่ไม่น้อยเลยที่เป็นคนยุคนั้น มีคนนึงเขียนมาคุยในแฟนเพจว่าเขารู้สึกกำลังเอาเปรียบอยู่ เขาอยากให้วงบ้างแต่ไม่รู้ว่าจะจ่ายเงินยังไง เขาชอบ Pause มานานแล้ว แต่ซิงเกิ้ลใหม่ ๆ เขาฟังฟรี จาก YouTube ก็ถามว่ามีวิธีไหนที่พอจะช่วยเราได้บ้างไหม ผมเดาว่าอายุไล่ ๆ กับเรา บางคนบอกว่าแค่ช่วยแชร์ก็ดีแล้ว แต่ซีดีมันตอบโจทย์ คือซื้อไปแล้วเหมือนก็ได้สนับสนุนแล้ว ก็เข้าใจเหมือนกันนะว่ายุคปัจจุบันมันไม่ใช่การทำ product แบบนั้นแล้ว เมื่อก่อนการทำซีดีหรือเทปเป็นเป้าหมายในการทำกิจกรรมของศิลปิน แต่ตอนนี้เป้าหมายโดนตัดออกไปแล้ว เราไปเอารายได้จากทางนึงแทน ซึ่งอันนี้เราก็เข้าใจ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
รู้สึกยังไงที่ตอนนี้ physical copy กลายเป็นแค่ของทีระลึกไปแล้ว
นอ: ผมเฉย ๆ ในยุคผมก็ไม่ได้ฝืนหรือยึดติดกับเรื่องเดิม มันมีทางออกเสมอ อย่างทุกวันนี้รายได้ที่มาหาเรามาจากการแสดง แสดงว่าคนที่เป็นศิลปินต้องเอาใจใส่เรื่องการแสดง เมื่อก่อนอาจจะไม่เท่าไหร่ เราทำงานในห้องอัด ขายเพลง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้อย่างเดียวแล้วต้องขายการแสดงด้วย ก็ถ้าอยากให้มีรายได้มาถึงตัวดี ๆ ก็ต้องมีการแสดงที่ดี มันแค่เปลี่ยนวิธีการแค่นั้นเอง
เห็นว่าจะมีแฟนมีตติ้งด้วย
บอส: คุยไว้น่าจะช่วงที่ผลิตซีดีเสร็จแล้ว ช่วงที่ส่งมอบให้ถึงคนที่สั่งก็จะจัดเป็นกิจกรรมมารับซีดีกัน ก็ให้เป็นแฟนมีตติ้งไปด้วยเลย แต่ถ้าวันนั้นใครไม่ได้สั่งซีดีแต่แค่อยากมาร่วมจอยกันก็มาได้ จริง ๆ เราเคยจัดไปแล้วสองหน หนแรกยังไม่มีเฟ้น เหมือนแค่ประกาศข่าวว่า Pause กลับมาทำงานกันใหม่ มีสมาชิกเดิมสามคน แล้วหนที่สองก็มีเฟ้นเข้ามาแล้ว ช่วงซิงเกิ้ล ประโยคสุดท้าย เมื่อไม่นานมานี้ แล้วหนที่สามจะเป็นอีเวนต์นี้แหละครับ
ฝากผลงาน
นอ: ในปัจจุบันที่ก็มีเพลงมากมาย Pause ก็เป็นทางเลือกนึงสำหรับคนที่ชอบเพลงยุค Mild ที่เราคงตกผลึกมาเป็นแบบนั้นแล้ว Pause ก็เคยพยายามเป็นวงร็อกมาก่อน เวลาเราทำเพลงออกมาก็จะรู้ว่านี่เป็นเพลงของวง Pause ยังหวังว่าจะเป็นทางเลือกสำหรับเพลงฟังสบาย เพลงสนุกสนานก็แค่โยก ๆ หวังว่าทุกคนจะชอบกันกับเพลงใหม่ ๆ อยากฝากสวัสดีถึงเพื่อนเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยที่เรายังเป็นวัยรุ่น รวมถึงสวัสดีน้องรุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาตอนเฟ้นมาเป็นนักร้องแล้ว ยังอยากให้เราไปเจอกันตามงานอยู่เพราะตอนนี้คนชอบดู live ในมือถือ ผมก็ถ่ายนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ออกมาเจอ มาทักทายกัน ถ่ายรูป ได้คุยกัน ผมว่าการพูดคุยกันเห็นหน้าเป็นเรื่องพิเศษจริง ๆ
เฟ้น: ฝากเพลงใหม่ หน้าที่ของความรัก กับอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกมา เป็นอัลบั้มแรกในชีวิตของผมที่ได้ทำกับพี่ ๆ เขา แล้วก็ฝากแฟนมีตติ้งด้วยนะครับ ใครที่จะมาเจอกับพวกเราก็เตรียมตัว เดี๋ยวจะมีซีดีด้วย
บอส: นอกจากเพจ Instagram แล้ว YouTube เราก็มี ถ้าเป็น official mv ก็ดูได้ในช่องของ Me Records แต่ถ้าเป็นสัพเพเหระของพวกเราทำกันเองก็มาดูได้ที่ Pause Official