Par-K EP ล่าสุดจาก Whal & Dolph ที่ขอหนีทะเลไปเต้นรำอยู่งานเลี้ยงในสวน
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
Whal & Dolph คู่หูคู่ฮาโลมากับวาฬ กลับมาอีกครั้งใน EP ชุดล่าสุด Par-K ที่ตอนเปิดให้ pre-order ยังไม่ทันปล่อยเพลงออกมา แฟน ๆ ก็พากันจับจองหมดเกลี้ยงทั้งหมด 500 ชุด แต่ตอนนี้เราสามารถฟังโดยพร้อมเพรียงกันได้แล้วทาง Spotify กับ 4 เพลงจำลองบรรยากาศงานเลี้ยงในสวน อบอวลด้วยความสุขปนเศร้าของเหล่าปลา ที่ตอนนี้ ปอ กับ น้ำวน จะมาเล่าให้เราฟังโดยละเอียด
ใน 500 แผ่นนี้มีอะไรพิเศษบ้างที่คนซื้อไม่ทันจะรู้สึกเสียดาย
ปอ: มันเป็นการใจแลกใจเพราะคนมาซื้อเขาไม่รู้ว่ามีเพลงอะไรบ้าง เราไม่มีอะไรให้เขาดูเลยนอกจากหน้าปก (น้ำวน: มีแค่อาร์ตเวิร์กให้กลับไปหนึ่งแผ่น) แล้วถ้าเขาซื้อคือต้องชอบเราในระดับนึง เราจะวัดประมาณว่ามีแฟนเพลงของเราที่พร้อมจะซื้อโดยที่ยังไม่ต้องมีเพลงก็ได้ซักกี่คน
ยังต้องวัดกันอีกหรอ แต่ละโชว์ของ Whal & Dolph คือคนเยอะมาก ร้องเพลงตามได้ด้วย
ปอ: นักดนตรีเนี่ย สุดท้ายแล้วเราไม่ได้มั่นใจหรอก มันคือการที่เราไม่ได้มองตัวเองในระดับที่มันสูงอะ พวกเราประเมินตัวเองต่ำ เรามองว่าเรายังไม่ได้โตขนาดนั้น เราอยากก้าวขึ้นไปอีก
น้ำวน: เราก็ยังไม่รู้ไงเพราะมันเป็นของใหม่ เราไม่ได้ทำ Rayon เพิ่ม หรือมีเพลงที่คนรู้จักอยู่แล้ว อันนี้คือใหม่หมดเลย คือการทดลองว่าคนจะชอบหรือเปล่าด้วย ไม่มีอะไรมาบอกเลยว่าอันนี้ดี เพลงข้างในเราอาจจะแปลกหนักเลย (FJZ: แล้วตอนนี้รู้หรือยัง) ดีขึ้น ๆ (ยิ้ม)
ทำไม EP นี้ถึงต้องเป็น 4 เพลงนี้
ปอ: EP นี้เกิดขึ้นจากเพลงชื่อ บรรยากาศดี ตอนนั้นเราทำ Rayon ขึ้นมาแล้วเรารู้สึกว่า ควรทำเพลงใหม่สักเพลงได้ละ ก็เลยขึ้นโครงกับนนท์ (น้ำวน) ตอนนั้นยังเขียนไม่เสร็จเลย แต่รู้สึกว่าเพลงมันเหมือนบรรยากาศในวันที่เรากับนนท์ไปงานเลี้ยงของพวกเศรษฐีงานนึง วันนั้นเขาจัดงานคริสต์มาส แล้วมันจะเป็นบ้านขาว ๆ สามหลังใหญ่ ๆ อยู่ในรั้วเดียวกัน ตรงกลางจะมีเวทีขึ้นมา มีคนขึ้นมาร้องเพลง มีเชฟจากโรงแรมมาทำอาหาร ทำไก่งวงให้กิน บรรยากาศชวนฝันมาก เพลงที่เปิดในงานวันนั้นมีความเป็นคล้าย ๆ ที่เราทำ (น้ำวน: แบบงานเลี้ยงในสวนตอนกลางคืน) เออ งานเลี้ยงเต้นรำแบบวินเทจอะ แล้วเรารู้สึกว่ามันเท่ดี (น้ำวน: ภาพมันชัดไง เจ้าของงานก็ใส่สูท ดูดซิการ์ในงาน) แล้วเพลง บรรยากาศดี ที่เราทำออกมามีบรรยากาศของวันนั้นอยู่ ก็เลยคิดต่อยอดจากตรงนั้นว่าอยากทำเป็น EP นี้ เป็นเพลงในสวน ออกมาเป็น Park แล้วไม่อยากให้มันซ้ำ แล้วเห็นคำว่า ‘park’ มันมี ‘ปลา’ อยู่ เลยเขียนเป็น Par-K (FJZ: ได้หรอพี่) ได้ (หัวเราะ) ให้ k ย่อมาจาก ‘kingdom’ ก็เป็นอาณาจักรของปลา หน้าปกเลยเป็นสวนสาธารณะที่เป็นงานเลี้ยง มีคนใส่สูทแล้วหัวเป็นปลา (FJZ: ตอนแรกคิดว่า Par-k นี่ไม้ปาร์เกต์หรอ) เออ มีความปาร์เกต์อยู่นะ
แล้วตัวละครปลาแต่ละตัวในรูปมีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
น้ำวน: มีทุกเพลงเลย ซ่อนอยู่ในนั้น ปลาชุดแดงเนี่ย ก็เหมือนเพลง บรรยากาศดี ชื่อภาษาอังกฤษมันคือ Red Dress มีนักร้องยืนอยู่
ปอ: อันนี้คือเพลงชื่อ Skyfall (ไม่รู้ทำไม) เราบอกคนวาด (Kanith) ว่าอยากให้เป็นคนวาดรูป แล้วทำลายรูปวาด ส่วน Secret of Star (ฝากไว้กับดาว) ก็เป็นรูปดาวบนฟ้าตอนกลางคืน อันนี้คือเพลงสุดท้าย The Golden Song (ฉันดีใจที่ได้พบเธอ) เป็นหิ่งห้อย ทอง ๆ ดูเหงา ๆ หน่อย
คอนเซ็ปต์ดนตรีใน Par-K ต่างจาก Rayon ยังไง
น้ำวน: อันนี้มีความคุมธีมมากขึ้น อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าทำให้มันเหมือนดนตรีเต้นรำในสวนตอนกลางคืน ก็ทำให้ออกเป็นเพลงสไตล์นั้น ส่วนใน Rayon จะดูเป็นเพลง ๆ ว่าเพลงนี้อยากให้เป็นแบบนี้ เพลงนั้นอยากให้เป็นแบบนั้น แต่มู้ดโดยรวมของ Rayon ก็จะดูเป็นก้อนเดียวกันแหละ ของ Par-K ก็จะดูโตขึ้น สุขุมมากขึ้น ไม่ได้ซุกซนมากขนาดนั้น
ปอ: ถ้า Rayon เหมือนทะเลตอนกลางวัน Par-K ก็คือในสวนตอนกลางคืน
เห็นว่ามีการประสานเสียงมากขึ้นด้วย
น้ำวน: เป็นความตั้งใจของปอ อยากเพิ่มพาร์ตนี้ให้เด่นขึ้นมาจะได้ต่างจากอัลบั้มแรก มันก็เหมือนเป็นเครื่องดนตรีชิ้นนึง มันก็เป็นไลน์ประสานร้องแทรกเข้ามาด้วย เป็นลูกเล่น
ปอ: คือตอนไปอัดอะ พี่ห้องอัดบอก ‘เฮ้ย อัลบั้มแรกมึงก็ประสานเสียงเยอะแล้วนะ’ เราบอก พี่ เดี๋ยวอันนี้เยอะกว่า ไม่เชื่อหรอ พอไปอัดจริงแม่งเขาช็อกเลย
น้ำวน: มีเพลงนึง ไม่รู้ทำไม อะ อัดเป็นร้อยแทร็ค (ปอ: แค่ไลน์ประสานก็ 30-40 แทร็คแล้ว) ดี ๆ สนุกดี
อะไรเป็นสิ่งที่เคยมองข้ามไปจากการทำงานทุกก่อน
ปอ: นี่แหละ พวกเสียงประสาน ไลน์สอดแทรกที่เราไม่ได้ทำ จริง ๆ มันเติมได้ จริง ๆ แล้ว Rayon มันก็ดีในแบบของมัน
น้ำวน: เหมือนเรามีเวลาทำมันมากขึ้น ตอนทำ Rayon มันมีเส้นตายอยู่ ซึ่งมันสั้น ต้องไปอัด 9 เพลงใน 2 เดือน เอาจริงมันเป็นไปไม่ได้เลย เราไม่ได้บอกว่าเราทำลวกนะ เราชอบแล้ว แต่อันเนี้ยเรามีเวลาประดิษฐ์
ปอ: เหมือน Rayon คือจัดสวนเสร็จแล้ว ไม่ค่อยได้เข้าไปดูหรือแต่งมันเท่าไหร่ จะดิบ ๆ นิดนึง (น้ำวน: เหมือนเป็นที่โล่ง ๆ เอาสวนมาลง เอ้ย สวยละ พอ) อันนี้เหมือนแต่ง นั่งมองทุก ๆ วัน แล้วก็ เฮ้ย ขาดอันนี้อยู่ ก็ไปซื้อมาแปะ ๆ เพิ่ม
ที่มาที่ไปของแต่ละเพลง
ปอ: บรรยากาศดีเริ่มจากคุณน้ำวนขึ้นกีตาร์มา จำได้เลยว่าตอนนั้นแต่งท่อนเวิร์สในห้องซ้อม ได้กีตาร์ขึ้นมานิดนึงแล้วปล่อยไว้ (น้ำวน: เหมือนเพลง ยิ้ม เลย) แล้วก็กลับไปช่วยกันคิดต่อ ผมก็ไปประดิษฐ์ท่อนอื่นเพิ่ม สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพลงนี้ แต่ความหมายของเพลงนี้มันเล่าถึง… เหมือนเราไปเจอใครสักคนที่ถูกใจมาก ๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อนเลยนะ เป็นการปิ๊งรักในชั่วขณะเวลานึง สมมติตอนนั้นอยู่งานที่กร่อย ๆ แต่พอเจอคนนี้แล้วทุกอย่างแม่งดีไปหมดเลย เฮ้ย กูอยากอยู่ที่นี่ต่อ ทำอะไรก็ดี บรรยากาศเปลี่ยนไปเลยเพราะคนคนนึง
ไม่รู้ทำไม เป็นเพลงที่ผมขึ้นมาก่อน ส่วนใหญ่เพลงจะแต่งในรถ อันนี้ก็ด้วย เป็นเพลงที่เล่าเนื้อหาเกี่ยวกับผมเอง ตอนนี้คนเริ่มพูดถึงเพลงนี้กันเยอะมาก บอกว่าเป็นเพลงของคนใจร้าย ไม่อยากจะให้ใครส่งให้ และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะส่งให้ใครเหมือนกัน เป็นการเล่าถึงเรื่องการหมด passion หมดใจในความรัก แต่เราเล่าในมุมของคนที่หมดใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป ทำไมทุกอย่างที่เขาเคยคิด เคยอยากทำด้วยกันถึงหมดไป บางทีมันก็ไม่สามารถรู้คำตอบได้ แล้วกลายมาเป็นเพลงนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราลองมาทุกอย่างแล้วนะ ถ้ายังอยู่ด้วยกัน แต่ไร้ซึ่งความรู้สึก มันก็จะตึง สู้เราปล่อยเขาไปดีกว่า สุดท้ายแล้วคนเราอยู่ด้วยกัน ไม่รู้สึกต่อกัน แต่มันก็ไม่ใช่คนรักกันจริง ๆ หรอก
ดนตรีเพลงนี้ดูเข้มข้นนะ
น้ำวน: แต่อยากจะบอกว่าเพลงนี้ขั้นตอนการคิด หรือการอัดลงไป มันมินิมัลที่สุด
ปอ: น่าจะเป็นเพราะกีตาร์ไฟฟ้ามันทำให้เพลงดูแน่น ๆ มั้ง ไลน์หลาย ๆ อย่าง
น้ำวน: น่าจะแอมเบียนต์ที่เราใส่ลงไป อยากบอกว่าเพลงนี้… ถ้าไม่นับเพลง ฉันดีใจที่ได้พบเธอ เพลงนี้น้อยกว่า ฝากไว้กับดาว กับบรรยากาศดีเยอะ
เพลงนี้คือเพลงภาคต่อของ เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน หรือเปล่า
ปอ: ใช่ ซึ่งที่พีคคือ เราเขียนเพลงนี้ให้คนคนเดียวกัน เพิ่งเจอเขาเมื่อวาน แต่คุยกันได้แล้ว
มิติการเล่าเรื่องของ Whal & Dolph มันกว้างขึ้นไปอีกเยอะเลย ใครจะไปกล้าแต่งเพลงแบบ ไม่รู้ทำไม
น้ำวน: ใจมันได้
ปอ: ไม่ ๆ คือเราไม่ได้อยากทำร้ายใคร แค่อยากเล่าว่าเราคิดยังไงกับเรื่องนี้ที่มันเกิดขึ้น เราไม่รู้หรอกว่าคนอื่นมองยังไง แต่เราคิดอย่างนี้ เราอยากเล่าให้รู้ว่าเราพยายามแล้วเหมือนกัน แต่เราทำไม่ได้
ปอ: ฝากไว้กับดาว เป็นเพลงที่ดนตรีเยอะสุด ๆ ในบรรดาที่เคยทำมา ถ้าไปใส่หูฟังฟัง คุณจะรู้ว่าการทำเพลงนี้ยากชิบหาย (น้ำวน: หลายมิติมาก) โห แบบ ปวดหัวมาก จะทำยังไงให้เพลงที่ทำยากที่สุด ให้ออกมาฟังง่ายที่สุดอะ อยากรู้ว่าหัวแตกไหม ลองไปแกะเล่นดูครับ แล้วจะพบว่านี่คือสุดยอดของเพลงป๊อปที่เล่นยากเหี้ย ๆ
น้ำวน: เริ่มต้นจากปอแต่งเพลงนี้มาแล้วตีคอร์ดแบบง่ายที่สุด แล้วเราชอบมาก เพลงนี้เพราะ พอส่งมาถึงมือเราปุ๊บ ทุกอย่างตรงนั้นได้หายไป (หัวเราะ) แล้วกลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนได้ฟังกัน จริง ๆ ช่วยกันอะเรนจ์กับปอ ทำไงให้มันดูไม่ธรรมดา แต่ก็ฟังไม่ยากไป
ปอ: ไม่อยากให้ฟังง่ายเกินไปจนดูไม่มีอะไรเลย อยากให้ฟังง่ายแต่มีความซุกซน มีรายละเอียดในเพลงอยู่ (น้ำวน: เพลงนี้ก็คราฟต์อยู่) เพลงนี้ดีในด้านของเนื้อร้องที่เราเขียน เรารู้สึกว่าติดท็อป 3 ที่เราเขียนมาในชีวิต (FJZ: อันดับ 1 2 3 มีเพลงอะไรบ้าง) ไม่รู้อะ แต่ยกไว้ได้ท็อป 3 เพราะความชอบมันใกล้เคียงกัน แต่ถ้าให้เลือกสามอันดับมันก็ต้องมีเพลงนี้แน่ ๆ ที่เขียนได้ดีที่สุด (FJZ: ด้วยความเข้มข้นในความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาได้?) ใช่ มันเป็นช่วงนึงในชีวิตของปีที่ผ่านมา ที่เราได้พบเจอใครคนนึงที่เรารู้สึกดีด้วย แต่ว่าไม่ได้ว่ะ เราจะรู้สึกดีกับเขาแค่ไหนแต่ถ้าเขามีเจ้าของแล้ว มันต้องหยุดไว้นะ แต่เราไม่ได้เขียนในมุมของเรา เราเขียนในมุมของผู้หญิงคนนั้น ว่าเขาจะคิดยังไงกับเรา เราก็เขียนมาว่า ‘เก็บบางเวลาที่เราได้เจอได้ใกล้ เก็บความจริงที่เราต่างคนต่างรู้ใจ’ เราเดาไปหมดเลยนะว่าเขารู้สึกกับเราแบบนี้ แล้วเราเขียนเพลงนี้ขึ้นมาในมุมเขายังไง ‘แต่ขอเลยเธออย่าน้อยใจ’ เพราะเราเจอกันช้าไป แต่เรามีแฟนแล้ว แต่ก็อยากจะบอกว่าเรารู้สึกดีกับเธอมาก ๆ เลยนะ แต่ทำไม่ได้ว่ะ ขอโทษนะ ขอไปเก็บไว้ที่ดาวละกัน ไปฝากไว้ที่อื่น
เคยใช้วิธีเขียนในมุมของคนอื่นแล้วมองเข้ามาแบบเพลงนี้ไหม
ปอ: ไม่ค่อยนะ เพลงนี้เป็นเพลงแรก เป็นเรื่องของเราเนี่ยแหละ แต่เขียนในมุมของอีกคน
ฉันดีใจที่ได้พบเธอ เพลงนี้ไม่มีอะไรเลย ถ้าเพลงอื่นมันอาจจะเหมือนผ่านเครื่องกรองน้ำ ถ้าเราอยากจะกินน้ำสะอาดสักแก้วนึง ต้องผ่านตัวกรอง ผ่านหิน ออกมาเป็นน้ำสะอาดไว้กิน แต่เพลงนี้มันเหมือนท่อตรง ออกมาจากสมองเราแล้วก็พรืดดด ย่อยง่าย เหมือนเราคิดอะไร เราเล่าออกมาอย่างนั้นเลย คือเพลงนี้มันเพียวมาก แบบ เฮ้ย เพลงสุดท้ายเราอยากให้ดูธรรมชาติสุด ๆ กีตาร์กับร้องแค่นั้นพอ แล้วเขียนมาตรง ๆ ว่าเรารู้สึกยังไงกับคนนี้ เป็นคนเดียวกับฝากไว้กับดาวครับ แต่เป็นเรื่องราวหลังจากนั้นแล้ว (น้ำวน: เป็นความรู้สึกในมุมปอ) แบบ เราดีใจนะที่ได้เจอเธอในปีที่ผ่านมา เราเล่าให้เขาฟัง เป็นเพลงส่วนตัวเหมือนกันนะ เหมือนเขียนและร้องให้เขาคนเดียว (น้ำวน: ชื่อเพลงก็ย่อยง่ายตามเนื้อหา) วันนั้นไปอัดก็ไม่ได้คิด มันจะมีท่อนคอรัสอยู่ตรงกลางที่เป็นแทรก ๆ เข้ามา ตอนจะไปอัดยังไม่ได้คิด แต่พออัดไปอัดมาแล้วสนุก อิมโพรไวส์เลย (น้ำวน: ตอนแรกคิดว่าเพลงนี้ชิล อัดแปปเดียวเสร็จ ไป ๆ มา ๆ ก็งอก) เพราะมันเป็นคิวสุดท้ายแล้วเหลือแค่อัดร้องอย่างเดียว เวลาเหลือก็ยาวเลย แต่มีธีมนิดนึง เพลงนี้เหมือนอยากทำให้เป็นเพลงไทยเก่า ๆ หนังไทยเก่า ๆ ที่ถือไมค์ทอง ๆ ร้อง ตอนนี้มีคนอยากทำ mv ด้วย ทักมาแล้ว ถ้าค่ายไม่ให้ทำ ผมทำเองก็ได้ ก็ดีใจที่คนชอบนะ มีคนทักมาหลายคนมาก บอกว่า พี่ ชอบเพลงนี้
น้ำวน: เหมือนเป็นเพลงบอกรักที่ไม่ต้องอ้อมค้อม รู้สึกยังไงก็บอกไปอย่างนั้น
ปอ: แต่มันไม่ได้เป็นการบอกรักแบบหวานเลี่ยน มันเหมือนเป็นการบอกว่า ที่เรารัก เพราะอะไร ตามเนื้อเพลงเลยครับ ลองไปฟังดู
ทำไมถึงตั้งใจปล่อยเพลง ฝากไว้กับดาว วันวาเลนไทน์
ปอ: เอาความจริงหรือไม่จริง (FJZ: ทั้งสองได้ไหม) ความจริงคือค่ายล็อกสล็อตไว้ให้วันนั้น วันอื่นไม่ได้ ถ้าได้วันที่ 14 เอาไหม เอา (น้ำวน: ไม่ว่าจะปล่อยเพลงอะไรก็ตาม 14 ว่าง) ความไม่จริงคือ มันเป็นวันวาเลนไทน์ แล้วพอเราบอกจะปล่อย ก็มีคนมาเมนต์ว่า ‘วาเลนไทน์นี้ไม่เหงาแล้วเว่ย’ เพราะมีสิ่งที่รอแล้ว สมมติวาเลนไทน์คนจะรอรับดอกไม้ไรงี้ แต่อันนี้เหมือนคนโสด ไม่ได้มีอะไรที่ตื่นเต้นกับวาเลนไทน์ อยากให้วันนี้ผ่านไปเร็ว ๆ ก็มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว เราก็รู้สึกว่า เออก็ดีว่ะ แล้วปล่อยเพลงเพื่อให้อย่างน้อยเขาจะได้มีอะไรให้รอ เหมือนเป็นตัวแทนของดอกไม้ที่จะให้แฟนเพลง
น้ำวน: อ่านคอมเมนต์มาเขาบอกว่า ‘วาเลนไทน์นี้ไม่เหงาแล้ว’ ‘เป็นวาเลนไทน์ปีที่ดีที่สุดของเขาเพราะมีเพลงของเราอยู่เป็นเพื่อนเขา’ คือมันก็เป็นเรื่องบังเอิญแหละที่มาเป็นของขวัญ แต่มันก็ดีแหละ
ทำไมถึงให้ mv เป็นบริษัทรับฝากความลับ
ปอ: เอาจริงเลย mv นี้อัตต้า (อัตตา เหมวดี ผู้กำกับ) ทำ เราไม่ได้เสนอไอเดีย จริง ๆ อัตต้าอยากทำเพลง บอกฉันที ใน Rayon แต่เราไม่มีแผนจะปล่อยเพลงนั้น ก็เลยบอกอัตต้าว่ารอทำอัลบั้มสองก่อน แต่พอดีทำอันนี้ออกมาเลยทักไปหาอัตต้าว่า มีเพลงนี้อยากให้ทำ น่าจะเหมาะกับอัตต้า เขาก็ขอไปคิดมาทั้งหมด ก็น่ารักดี เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร (FJZ: แต่ทีมนักแสดงนี่เซ็ตเดิมเลยนะ) เขารีเควสมา
จะได้เห็นพวกเขาเหล่านี้ตลอดไปเลยหรือเปล่า
น้ำวน: ก็สนุกดีนะ (หัวเราะ)
ปอ: ก็แล้วแต่วาระ ก็คิดถึงพวกน้อง ๆ เรามาก เมื่อก่อนอยู่ด้วยกันบ่อยมาก แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทำงาน การที่ได้เห็นพวกมันอยู่ใน mv (น้ำวน: เป็นสิ่งประเสริฐ) มันดี เราคิดถึง
น้ำวน: แต่อัตต้าก็น่ารัก ก็ช่วย ทำการบ้านมาดี อันนี้ต้องขอบคุณอัตต้า ลงดีเทลต่อยอดไปอีก คิดซ้อนไปอีกขั้น อย่าง ฝากไว้กับดาว ก็เอา ‘ดาว’ เป็นคนขึ้นมา จากนามธรรมก็เป็นรูปธรรมขึ้นมา บริษัทรับฝากความลับเงี้ย เราฟังไอเดียนี้ตอนแรกเราซื้อเลย น่าร้าก ดีมาก
ในนั้นมีโควตว่า ‘วิธีง่ายที่สุดในการเก็บความลับคือ การเงียบ’ จริงหรอ
ปอ: ต้องไปถามอัตต้า อัตต้าคิดขึ้นมา (น้ำวน: แต่ไม่รู้จะเงียบได้จริงหรือเปล่า) สำหรับเราก็น่าจะจริงนะ ถ้ารักษาความลับไม่ให้คนอื่นรู้ นั่นคือการเงียบแหละ (น้ำวน: แต่มันก็ต้องมีสักคนนึงที่รู้ปะวะ) แต่คนที่เป็นคนต้องรักษาความลับมันคงทรมานอะ
น้ำวน: จริง ๆ อึดอัดนะ แต่ถ้ามีความลับแบบไม่ใช่เรื่องใหญ่ ๆ ก็คงจะมีความสุขมาก อันนี้มันเหมือนมีแผล
แล้วเคยทำอะไรให้คนที่แอบชอบไหม อย่างในนี้ก็พับดาว
น้ำวน: ของเราก็ทำของให้เขา ทำเป็นเปเปอร์มาร์เช่หน้ากาก ทำให้วันเกิดเขา แต่ทำไม่ทันด้วย โคตรยาก แต่สุดท้ายก็เอาไปให้นะ ไม่ได้ทำเป็นความลับส่วนตัว แล้วก็ซื้อของให้ (FJZ: รอบนั้นนกไหม) โหรอบนั้น บอกเลย ไม่เหลือครับโพ้ม
ปอ: แต่งเพลงให้ (หัวเราะ) แต่ไม่ได้แต่งให้ทุกคนนะ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นของขวัญให้ตัวเราด้วย และตัวเขาด้วย มันจะอยู่ตลอดไป จะไม่หายไป เป็นของขวัญที่เป็นอมตะ ซื้อข้าวให้กิน ส่งข้าวให้กิน แบบ อันนี้อร่อย (FJZ: Line Man งี้หรอ) เออ (น้ำวน: งี้น่าจะยุคใหม่หน่อยละ เมื่อเร็ว ๆ นี้)
เราเคยคุยกันเรื่องป๊อปของ Whal & Dolph เป็นป๊อปที่ฟังง่ายแต่ซับซ้อน แล้วเรื่องเซนส์ของป๊อปที่สอนกันไม่ได้เนี่ย มันมีส่วนทำให้วงประสบความสำเร็จได้ยังไงบ้าง
ปอ: พอพูดถึงเซนส์ป๊อปแล้วนึกถึงจารย์นิคเลย เพราะเมื่อวานเพิ่งเจอจารย์นิค temp. แล้วจารย์นิคก็พูดเรื่องนี้ (หัวเราะ)
น้ำวน: เราว่าถ้าไม่นับภาษาที่ค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวของปอแล้ว ในวัยเด็กเราฟังเพลงพี่บอย โกสิยพงษ์ เพลงยุค Bakery แล้วมันซึมมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วเหมือนพอทำ Rayon ขึ้นมาชุดนึง คือเราไม่เคยทำเพลงป๊อปมาก่อน พอทำขึ้นมาแล้วมันเริ่มสนุก จับจุดได้ อย่าง Par-K เหมือนอัพเวลมาจากตอนนั้น ถ้าให้บอกเป็นข้อ ๆ เลยก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ากั๊กหรืออะไรนะ แต่เราฟังแล้วเรารู้ ว่าทำแบบนี้คนฟังน่าจะเข้าใจได้ง่าย เลยทำ บางทีตรงนี้ยาก แต่เป็นไปได้ ก็เลยทำ ไม่ใช่แค่ เฮ้ย ตรงนี้เอาให้มันดูง่าย ๆ ซิ ไม่งั้นเวลาเราเอาไปเล่นแล้วเราจะเบื่อ เราว่าอันนี้มันอาจจะเป็นจุดแข็งของเรา ที่เราใส่ความเป็นดนตรีที่เข้มข้น ที่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ แล้วเราชอบแล้วคนอื่นก็น่าจะชอบด้วย แล้วก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด ก็เลยทำงานออกมาได้เรื่อย ๆ
ปอ: อีกอย่างเราไม่ค่อยกำหนดแนวดนตรี เราแต่งเพลงขึ้นมาแล้วเราทำดนตรีเพื่อตอบโจทย์เพลงนั้น เราว่าอันนี้คือจุดที่คนอื่นเอาไปใช้ได้ สมมติคุณแต่งเพลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเอาเรื่องเป็นหลัก แบบ ไอ้เหี้ยเรื่องเนี้ย อยากให้บรรยากาศของดนตรีเป็นยังไงเพื่อมาตอบเรื่องนี้ เหมือน ฝากไว้กับดาว มีเรื่องแล้ว แต่คุณจะทำให้บรรยากาศโดยรวมข้างนอกเป็นยังไง เราจะทำให้ ฝากไว้กับดาว เป็นเพลงที่เศร้ามาก ๆ เลยก็ได้ แต่เราไม่อยากให้มันเศร้ามาก อย่างฉันดีใจที่ได้พบเธอ เนื้อเพลงโคตรอบอุ่น โคตรหวาน แต่ทำไมดนตรีเศร้า มันก็มีเหตุผลของมัน เขาเรียกว่าบรรยากาศเนาะ
น้ำวน: อันนี้น่าจะเป็นเรื่องที่บอกได้ อย่างการทำดนตรีเราจะอิงกับเมโลดี้ เราดูว่ามันไปในทิศทางไหน ถึงเนื้อเพลงจะเศร้า แต่เนื้อเพลงมันไม่ค่อยเศร้า เราก็ทำดนตรีให้ซัพพอร์ตกับเมโลดี้ คืออันนี้ก็เหมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่าเพลงเศร้าไม่ต้องทำให้ดนตรีเศร้าตามก็ได้ แต่คนก็เศร้าอยู่ดี สุดท้ายก็อยู่ที่ภาษาที่เล่าหรือการสื่อสารออกไป เพราะดนตรีก็เป็นเรื่องของเทสต์ด้วยแหละว่าชอบแบบไหน ด้วยความที่เราเป็นคนอย่างนี้ด้วย เลยทำดนตรีออกมาน่ารัก ๆ (ปอ: นี่มึงจะบอกว่ามึงน่ารัก?) เรา!
ปอ: อ๋อ ได้ ๆ แล้วก็อีกอย่างนึง ถ้าอยากให้แนะนำทุกคนที่ทำดนตรี อย่าปล่อยผ่านครับ อะไรที่รู้สึกว่ายังไม่ดี ห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาด อันนี้เป็นสิ่งที่ผมถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก จากคุณกานต์ The Parkinson เมื่อก่อนอยู่โรงเรียนเดียวกัน มันบอก ‘ถ้ามึงยังร้องเพลงไม่ดีนะเว่ย มึง ห้าม ผ่าน ตรงนั้นไป มึงต้องกลับไปแก้ตรงนั้นให้ดีก่อน’ แล้วรู้ปะ แค่ตรงนั้นมันทำให้เราไม่สามารถปล่อยผ่านสิ่งที่เรายังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีได้เว่ย ถ้าไม่ดี อาจจะพักไว้ก่อน แต่สุดท้ายต้องกลับมาแก้ มันจะได้เจอจุดนึงที่มันดี
น้ำวน: บางทีก็ทำมาจนจะถึงเส้นชัยแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที ติดอยู่นิดนึง รื้อทำใหม่เลย แล้วก็เจออันที่ดีกว่า
บางคนเขียนเพลงมา แล้วเขียนเนื้อใส่เข้าไป แต่ปอกับนนท์เขียนเรื่องมาก่อนแล้วแต่งเพลงครอบไปอีกที แบบไหนอิมแพคกว่ากัน
ปอ: ไม่จำเป็นนะ มันได้หมดแหละ จริง ๆ แล้ว เราว่ามันเหมือนการวาดรูป มันได้หมดเลย อยู่ที่คุณจะดัดแปลงยังไงมากกว่า เดี๋ยวอัลบั้มต่อไปจะแต่งเพลงจากกลองด้วยซ้ำ
น้ำวน: หาวิธีทำงานที่ตัวเองถนัดดีกว่า ไม่ต้องไปฟังใคร สุดท้ายคุณแต่งเนื้อขึ้นมา แต่ไม่มีดนตรีแล้วทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ใช่แล้ว มันคือการฝืน
ปอ: สุดท้ายแล้วก็แค่เราทำเพลงออกมา เราฟังแล้วเราชอบ นั่นก็ประสบความสำเร็จแล้ว เพลงไม่ต้องดังก็ได้ ตอน ฝากไว้กับดาว เราแต่งเนื้อเสร็จแล้วเราอัดเสียงอยู่อะ เราตะโกนออกมาเลยว่า ‘อีเหี้ย masterpiece’ เออ นั่นคือเราประสบความสำเร็จแล้ว แค่นั้นเลยเว่ย
น้ำวน: เราว่าระหว่างทางมันต้องมีความสุขด้วย งานศิลปะอะ ถ้าไม่มีความสุขก็ไม่ใช่แล้ว ไม่ควรทำ เราไม่ได้ทำงานเอกสารอยู่ จะไปเครียดทำไมวะ
หลอนตัวเองบ้างไหมที่ไม่ว่าจะปล่อยเพลงอะไรออกมาคนก็ชอบทุกเพลง ฮิตทุกเพลง
น้ำวน: คือเราไม่เคย proud ว่ายังไงคนก็ต้องชอบเพลงเรา เหมือนตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ทำกับปอ เราทำแล้วเราชอบ คนก็ชอบ นั่นคือความโชคดี แล้วก็โชคดีที่ตั้งแต่ทำมาแล้วคนซัพพอร์ตตลอด
ปอ: แต่ที่ดีใจล่าสุดจนร้องไห้อะ มันไม่ใช่เพราะคนแชร์เยอะหรืออะไรนะ เราดีใจที่ว่า มันมีคนรอสิ่งที่เราทำอยู่ เราบอกแค่จะปล่อยเพลงตอนเที่ยงคืนนะ แล้วทุกคนเขารอเพราะเขาอยากรู้ว่างานที่จะออกมามันเป็นยังไง มันคือความตื่นเต้นแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับ Rayon เลยเว่ย แต่งานของเรามันสมบูรณ์และน่าภูมิใจตั้งแต่เราอัดเสร็จ มิกซ์เสร็จ แล้วเอามาฟังกันบนรถแบบ ฮ่า เยี่ยม แต่ถ้าไม่เกิดความรู้สึกนี้ เราจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ เราเดินผิดทางแล้ว เราไม่สนแล้วว่าปล่อยออกไปจะฮิตหรือไม่ฮิต ฮิตก็โบนัส ไม่ฮิตก็ช่างมัน แต่สุดท้ายแล้วเราชอบมันแล้ว ตรงนั้นคือจบ
คิดอัลบั้มใหม่ไว้ประมาณไหนบ้าง เห็นเมื่อกี้บอกเขียนขึ้นมาจากกลอง
ปอ: คอนเซ็ปต์มันจะเป็นงานใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับ Par-K แต่สไตล์มันจะเป็น Par-K ที่มีแสงสีสันมากขึ้น (FJZ: พัฒน์พงษ์หรอ temp. เขายังไป Soi Cowboy มาแล้วเลย) โห พัฒน์พงษ์นี่ เพลงมาเลย (หัวเราะ) น่าจะกลายเป็น… ไม่บอกละกัน ถ้าบอกไปแล้วจะไม่ตื่นเต้น (น้ำวน: Par-K แบบอัพเกรด) เราแค่รู้สึกว่าถ้าเราทำเพลงแบบเดิมมันก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิม เราอยากจะทำอะไรที่มัน… เหมือนพาคนไปที่อื่น อย่างอันแรกเราพาไปริมทะเล มีโขดหินอะ อันนี้เราพามาในสวน อัลบั้มสองเราก็จะพาคุณไปที่อื่น รอดูว่าจะพาไปไหน
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย
ปอ: ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แปลว่าเขาก็เป็นแฟนเพลงเราจริง ๆ แล้วแหละ เราอยากขอบคุณจากใจจริง ๆ เพราะว่าเราทำงานมาด้วยความรัก เรียกว่าทำงานด้วยวิญญาณ (น้ำวน: เอ็นดูเหมือนลูกอะ) เราทำงานเพื่อตอบโจทย์วิญญาณของเราว่าเราเป็นอย่างนี้ และอยากให้คนรู้ว่าเราเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณเป็นคนที่เสพงานเรา คุณอ่านมาถึงตรงนี้ หรือติดตามเราอยู่ เราบอกได้เลยว่าพวกคุณเป็นคนนึงที่เปิดใจฟังเพลงจริง ๆ นะ เป็นคนที่ฟังเพลงที่ดีคนนึงสำหรับเรา ไม่งั้นคุณไม่ฟังวงเราหรอก ขอบคุณครับ
ติดตามข่าวสารของแก๊งปลาได้ที่ official fanpage ของพวกเขาได้เลย