Interview

NINO มาพร้อมค่ายใหม่ จะพาทุกคนขึ้นรถไฟแห่งความฝันไปด้วยกันใน ‘HYPE TRAIN’

จากช่างภาพทีม RAP IS NOW สู่หนึ่งในผู้ก่อตั้งค่ายฮิปฮอปชื่อดัง YUPP! และโปรดิวเซอร์ที่แร็ปเปอร์ทุกคนไว้วางใจให้มาดูแลผลงาน วันนี้ NINO หรือ เกริก ชาญกว้าง ตัดสินใจออกมาเปิดค่ายเพลงของตัวเองในชื่อ HYPE TRAIN หวังจะทำให้วงการดนตรีไปได้ไกล ด้วยการขนคนมีไฟขึ้นบนรถจักร แล้วออกเดินทางไปพร้อมกันบนทางรถไฟสายใหม่สายนี้

NINO กดบีตให้หน่อยยยย

“ชื่อ HYPE TRAIN ผมได้มาจากเพลง Stop This Train ของ John Mayer เป็นเพลงที่ฟังตั้งแต่ตอนผมไปเรียน เขาพูดเกี่ยวกับชีวิตที่ต้องโตขึ้นโดยเปรียบเทียบกับรถไฟ แล้วผมเป็นคนที่ hype ตลอดเวลา ทำงานไม่หยุด ก็เอาคำมาผสมกันเป็นชื่อนี้”

เดิมทีเราหลายคนรู้จัก NINO จากการเป็นโปรดิวเซอร์และ beatmaker แต่จุดเริ่มต้นจริง ๆ ของเขาคือการเป็นชาวร็อก และเป็นทีมเบื้องหลังในโปรดักชันชื่อดังมาก่อน

“ก่อนหน้านี้ชอบดนตรี ก็อยู่ในวงมาก่อน เล่นร็อก เมทัล แล้วก็ได้ฟัง nu-metal ซึ่งมันคาบเกี่ยวกับแร็ป เลยฟังแร็ปไปด้วย จนผมไปเรียนที่แวนคูเวอร์ ไปเจอ Flume, Kaytranada เจอแทร็ป ดั๊บสเต็ปจากที่นู่นก็ว้าวเลย แล้วที่เรียนก็มีเพื่อนที่ทำสกอร์หนัง พวกนี้ทำเพลงเป็นงานอดิเรก ก็ไปเจอเครื่อง MPC ที่ใช้ทำบีต oldschool ก็ชอบมาก เขาดึงเสียงจากนก จากอะไรมาทำเป็นแทร็ป ตลกดี

แต่พอดีว่าเรียนไม่จบ กลับมาก็ได้งานอยู่ที่ VRZO ยืมคอมพิวเตอร์ของสตูดิโอทำบีตมาเรื่อย ๆ (หัวเราะ) จนมาเจอพี่หลุยส์ 1Flow เขาทำ RAP IS NOW อยู่ ก็พาไปเจอ พี่ชม ชุมเกษียร เป็นแร็ปเปอร์รุ่นเก่าเลย เพื่อนรุ่นพี่ของพี่กอล์ฟ F. HERO พอเจอกันพี่กอล์ฟก็พาผมเข้าวงการ ตอนเข้ามาก็จะงง ๆ หน่อย เพราะเขามาจ้างผมทำ TVC แต่ผมทำบีตไม่เป็นเลย เลยไปเสิร์ช ‘How to make trap beat?’ อันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นเลย

คิดว่าอะไรทำให้พี่ ๆ ไว้ใจให้หน้าใหม่ของวงการอย่างเราทำบีต

ไม่รู้สิครับ ตอนที่เริ่มเลยเขาบอกว่าฟังบีตผมแล้วรู้สึกว่าไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมก็ทำแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วพอไปเปิดให้พี่แจ๊ค JAYRUN J$R ฟังเขาก็เลือกเลยว่าอยากทำกับคนนี้

ที่มาของ ‘NINO กดบีตให้หน่อย’

ตอนนั้นผมอยู่กับ FIIXD, BEN BIZZY แล้วก็น้อง ๆ 93 Flow Records พอทำ ๆๆๆ มาเยอะแล้ว ก็ได้รางวัลของ RAP IS NOW ผมก็งงมากว่าทำไมกูได้วะ งานนั้นมีทั้งพี่ขัน KH พี่ EAZY I AM พอหลังจากที่ได้ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เบ็นมันก็บอกว่าเฮ้ย นีโน่กดบีตให้หน่อยอัดเล่น ๆ เข้าไปใน track เราก็แบบ เฮ้ย ฝรั่งมันก็มี track อะไรแบบนี้นี่หว่า ก็เลยลองทำ คนมันจะได้รู้จักกูไปเลย shout out ฮิปฮอปดี พอใส่ไปคนก็พูดกัน กลายเป็น culture แนว ๆ นี้ไปเลย

ทำไมออกมาเปิดค่ายตัวเอง

การออกจาก YUPP! คือมันมีช่วงที่ผมไม่ได้โฟกัส YUPP! ขนาดนั้นแล้ว เพราะมีรายการ Show Me The Money ที่ผมเป็น music director ที่ต้องดู แล้วก็เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ด้วย ผมมองว่าผมเหมือนนักวิทยาศาสตร์ อยากลองอะไรใหม่ ๆ ยังมีโปรเจกต์อีกหลายโปรเจกต์ที่อยากทำ ผมเป็นคนชอบมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี แต่เปลี่ยนบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่ว่าดีนะ (หัวเราะ) แต่ผมดีใจมาก ๆ ที่ผมได้สร้าง YUPP! มาตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ที่ทุกคนจำภาพค่ายได้ว่ามี LAZY LOXY, BEN BIZZY, MILLI มาถึงจุดที่มีล้าน subscribers มันน่าพึงพอใจมากกับ 300 ล้านวิวที่ทำให้กับค่าย

ทำไมต้องมีหลายค่าย ค่ายเดียวไม่พอหรอ

ผมมีเป้าหมายชีวิตตั้งแต่อายุ 20 แล้วว่าอยากสร้างตรงนี้ คือถ้าผมทำได้แล้ว ก็อยากสร้างอะไรอีกสักอย่างก่อนที่ผมจะเข้า quarter life ช่วง 27-30 อยากเปิดค่ายฮิปฮอปให้ได้เยอะที่สุด ทำให้มันเป็นธุรกิจ เป็นอาชีพให้ได้ จะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก อยากให้มีตัวละครเยอะขึ้น

มีดราม่าที่ว่า ดังกันแค่คนกลุ่มเดียว เพราะอวยกันเองเป็นเหตุผลด้วยหรือเปล่าที่อยากทำค่ายเพิ่ม

ไม่น่าใช่นะครับ พูดตรง ๆ ว่า จริง ๆ เราทำงานแบบแทบไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะพูดอะไร คือใครจะว่าอวยกันเองก็ไม่ปฏิเสธนะ เพราะว่าจริง ๆ มันก็เป็น community ที่เหนียวแน่นมาก ค่อนข้างรักกันมาก คือต่างคนต่างช่วยกันเพื่อให้สิ่งนี้มันยังคงอยู่ อะไรแบบนี้ คิดว่าไม่ใช่เหตุผลนั้น เพราะว่าอยากเจอคนใหม่ ๆ คนที่ถูกซ่อนไว้อยู่ อยากเห็นเขาอยู่ในเกมบ้าง

แต่หลายคนจำว่า YUPP! = NINO ไปแล้ว

ก็ดีแล้วครับที่เราผลักดันให้คนเบื้องหลังมาอยู่ตรงนี้ได้ ตั้งแต่ผมทำงานเบื้องหลังมา ผมอยากให้อาชีพนี้ (โปรดิวเซอร์) มีคนรู้จักบ้าง แล้วมันเกินความคาดหมายว่าไปที่ไหนคนก็รู้จักผม แล้วผมก็ดีใจมาก แต่รู้สึกว่าคนรู้จักผมในแบบนี้พอแล้ว อยากให้คนรู้จักผมแบบอื่นบ้าง ผมอยากไปทำอะไรที่เป็นตัวเอง 100%

คือการอยู่ YUPP! มันก็ดี ผมได้เป็นตัวเองในช่วงแรก ๆ แต่หลัง ๆ เริ่มเป็น business มากขึ้น ก็ โอเค ก็เข้าใจเลยว่าทำไมวันนึงวงต้องแตก แต่การที่วงแตกไม่ใช่ต้องจบกันไม่ดี มันอาจจะแปลว่าเราโตขึ้นในระดับนึง มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องเดินทางไปอีกจังหวะนึง ทางพี่ ๆ RAP IS NOW ก็รักกันมากนะครับ ผมเคยทำงานกับเขา จากที่เป็นแค่ตากล้องคนนึง จนได้มาบริหาร เป็นหุ้นส่วนกับเขา มีอะไรที่ค่อนข้างพิเศษเยอะมาก ๆ แล้ว

HYPE TRAIN จะต่างจากค่ายฮิปฮอปอื่น ๆ ยังไง

ช่วงแรกมันยังไม่เป็นค่าย HYPE TRAIN เป็นช่องที่ผมทำเพราะอยากซัพพอร์ตคนในซีน อย่างผมเจอ ESKIIMO ที่งาน NEVER SAY CUTZ น้องส่งงานมาให้ เล่าเรื่องชีวิตให้ฟัง ผมสนใจอยากช่วย โทรให้บินจากตรังขึ้นมาทำเพลงเลย หรือน้องที่ทำตัดต่อก็น่าสงสารอีก ไม่มีงาน เลยชวนมันมาทำ จ้างเป็นงาน ๆ ไป จากที่ซัพพอร์ตกันตรงนี้ ทำไปทำมาก็คิดว่าทำไมเราไม่ลองทำค่ายตัวเองดูบ้าง

จริง ๆ ผมไม่ถนัดทำงานกลุ่มซักเท่าไหร่ เป็นคน independent ประมาณนึง แต่พออายุเท่านี้แล้วก็อยากท้าทายตัวเอง แล้วก็พยายามเปิดมาก ๆ เพราะอยากจะโตมากกว่าเดิม ผมอยากเริ่มกับคนอื่น ๆ จาก 0 เหมือนกันครับ ผมออกมารีเซ็ตตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องต้นทุน แนวคิด ผมจะออดิชันคนเพื่อมาเริ่มใหม่ด้วยกัน ผมอยากพบปะเจอคนใหม่ ๆ บ้าง ทำงานกับคนใหม่ ๆ ไม่ว่าจะแนวอะไรก็ตาม ผมอยากดัน urban sound ให้เป็น culture ไม่จำเป็นต้องแร็ปขนาดนั้น อย่างมี Alec Orachi ผมฟังแล้วชอบก็เลยติดต่อน้องมาทำ mv ให้

ผมเปิดให้คนส่งเดโม่มาออดิชัน ส่งมาสองพันกว่าแล้ว มีทั้งอินดี้ โฟล์ก ซินธ์ป๊อป คือเราทำแต่แนวฮิปฮอปแต่เขาก็ยังส่งมา โคตรมันเลย รู้สึกดีที่เขามองเห็นเรา หลังจากนี้จะเป็นช่วงที่เรียกว่า ‘Unlock Characters’ เราจะประกาศในเพจว่าใครจะได้เป็น nominees เข้ามาอยู่ในค่าย จะทำเป็นแบบเวลาเลือกตัวในเกม ค่อย ๆ มีตัวขึ้นมา มีประมาณ 10 คนครับ เกณฑ์การเลือกคนเข้าค่ายก็เซนส์ผมล้วน ๆ ชอบหรือไม่ชอบ แล้วก็ต้องดู attitute นิสัย โอเคกับผมไหม เราอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า แล้วพอเขาเข้าประตูนี้มาก็จะรู้ว่า รถไฟขบวนนี้มันหยุดไม่ได้แล้วนะ

แล้ว HYPE PROJECT คืออะไร

ง่าย ๆ คือเป็นงานที่ผมอยากทำ เอาใครก็ได้มาร่วมงาน mix and match กัน ผมอาจจะเอ่าพี่โป่ง หินเหล็กไฟ มา feat. กับ ปอยฝ้าย มาลัยพร ก็เป็น HYPE PROJECT แล้ว คือโปรเจกต์พิเศษมาก ๆ ที่ผมอยากให้เกิดขึ้น

อย่าง ZiggaRice ก็อยู่ค่าย Def Jam การชวนมาร่วมงานแบบนี้ไม่ติดสัญญาหรอ

ใช่ครับ มันเป็นคอมมิวนิตี้ที่เหนียวแน่นมาก ไม่เหมือนที่อื่น ผมรู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก ๆ ครับ คุยกันปุ๊บก็มาช่วยกันเลย วงการนี้เบื้องหลังคือเราช่วยเหลือกัน ทุกคนน่ารักมาก ช่วยกันแชร์เพลงแบบไม่ต้องโทรหากันเลย แล้วค่ายก็ไม่ได้ว่านะ ค่ายเข้าใจ จริง ๆ ผมก็ไปช่วยค่ายนั้นค่ายนี้อยู่แล้ว เป็นคอนเน็กชัน

แบบนี้การเปิดค่ายของ NINO ก็เหมือนเป็นรวมพอร์ตของตัวเองมากกว่าหรือเปล่า

ไม่เชิงพอร์ตนะครับ ผมอยากทำงานการกุศล ให้ความรู้อย่างเรื่องลิขสิทธิ์ ดนตรีบ้านเรามันไม่ค่อย educate ผมก็จะหาคนที่อยู่ในเกม กับคนที่อยู่ในค่ายสมัยก่อนมาบอกเด็ก ๆ ว่าการทำงาน 2018-2020 เนี่ยมันเป็นยังไง คนที่จะเข้ามาอยู่ในเกมนี้มันมีอันตรายอะไรบ้าง

หรือสมัยก่อนมันมีทุนจากการขายเทปที่ทำให้วงอยู่ได้ สมัยนี้มีสตรีมมิง ก็คุยกับศิลปินทุกคนว่ายังไงสตรีมมิงก็สำคัญกับคุณที่สุดนะ  หรือทุกวันนี้เด็กเกิดใหม่ 60 ล้านวิวแค่ปีเดียว ปีต่อไปเขาก็หายไปแล้ว บางคนอาจจะรู้สึกว่าอยู่มา 3-5 ปีทำไมมันนานจัง แต่รุ่นพี่เราอย่าง Thaitanium เขาอยู่มา 20 ปี ทำไมเขาอยู่ได้ พี่กอล์ฟก็อยู่นานมาก

ผมก็ถามทุกคนว่า ‘คุณคิดไว้แค่นั้นหรอ’ ถ้าคนรักมันจริง ๆ ผมอยากรู้ว่าเขาจะอยู่กับสิ่งนั้นได้นานแค่ไหน หรือว่ามันเป็นแค่งานอดิเรก ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ฮิปฮอปแต่ซีนอื่น ๆ ก็เป็น

อีกเรื่องคือพอเข้ามาในวงการเราก็จะเห็นเรื่อง business, career path ให้เขาได้รู้ว่าความสำคัญของเบื้องหลังตรงนี้ ผมอยากให้ independent, on ground หรืออะไรก็ตามอยู่ได้เรื่อย ๆ มันมีหลายเรื่องมากที่คนไทยยังไม่ได้เข้าใจว่าอาชีพนี้มันต้องอยู่ยังไง การให้มาอยู่ค่ายก็เหมือนลงโปรแกรมกันไวรัสให้เขาไว้

เดี๋ยวนี้ทุกคนเดินตามกัน เหมือนเด็กมัธยมที่เขาดู YouTube แล้วทำตาม ผมแค่อยากจะให้เขาไม่ทำตามใคร เป็นตัวเองมากที่สุดตั้งแต่เข้าวงการ อยากดึงคาแร็กเตอร์แต่ละคนออกมา เราอาจจะมีน้อง MILLI แล้ว ก็มีน้องอีกคนนึงที่เป็นอีกสไตล์นึงเลย

แต่ถ้าไม่ลองตามใครก่อนแล้วเขาจะเจอตัวเองได้ยังไง

แน่นอน ต่างคนต่างก็มี hero ในดวงใจของตัวเอง ศิลปินหลาย ๆ คนก็มี TWOPEE หรือ ILLSLICK เป็นไอดอล แต่ที่เราหมายถึงคือ กลายเป็นว่าหลาย ๆ คนก็ทำเพลงตามเทรนด์กันเกินไป เดโม่ที่ส่งมามีหลายคนทำเหมือน 1MILL, YOUNGOHM ทั้งที่จริง ๆ แล้วคุณอาจจะมีดีอะไรบางอย่างก็ได้ มันอยู่ที่ว่าคุณตั้งใจกับสิ่งนี้หรือเปล่า หรือแค่ทำไปตามเทรนด์

คนที่ผมบอกว่าเป็นตัวของตัวเอง อย่างเช่น 1MILL เนี่ย เห็นได้ชัดเลยว่าน้องพัฒนาตัวเองจน เอาจริงเอาจังในด้านนี้แล้ว ไม่ใช่แค่ลอกเนื้อร้องคนอื่นหรือก๊อปสไตล์คนอื่น เราอยากเห็นคนที่พัฒนาจริง ๆ แล้วก็เอาจริงกับด้านนี้

จริง ๆ สตรีมมิงก็ disrupt วงการไปเยอะเหมือนกันนะ

อย่างว่าครับ คนไทยชอบของฟรี ถ้าวันนึงสตรีมมิงเป็นเหมือนอินเทอร์เน็ตที่คนเข้าใจว่าต้องจ่าย เหมือนจ่ายค่าเน็ตทุกเดือน วันนึงคนจะเข้าใจว่าทุกอย่างมีทุน

ผมก็ไปปรึกษาพี่ ๆ หลายคนว่าจะทำยังไงได้บ้างกับวงการนี้ เพราะสุดท้ายรัฐก็ไม่สนใจเราอยู่แล้ว เราเป็นจุดเล็ก ๆ มาก ตัวใหญ่เขาก็ Grammy, RS, Warner, Universal ผมเลยอยากจะทำให้แข็งแรงแค่วงเล็ก ๆ ของเรา เพราะฮิปฮอปมันบูมอีกครั้งขึ้นได้ด้วยความแข็งแรงของทุกคน แล้วถ้าเราทำให้ new version อันนี้แข็งแรงด้วยกันได้อีกก็ดีเหมือนกัน

อะไรคือเพลงที่ดีสำหรับ NINO

ผมพูดมาตลอดกับทุกคนว่า ดีเขา กับดีเราไม่เหมือนกัน เพลงนี้ดีที่สุดเลย แต่คนฟังไม่เยอะ แต่อีกเพลงเขาบอกว่าเพลงนี้ก็ดีที่สุดเหมือนกัน

คือ ecosystem ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เพราะบางอย่างในสายเลือดของเรา อะไรก็ตามมันคือการปลูกฝัง ลองคิดดูตั้งแต่เกิดมา ลูกเสือ งานเข้าค่าย มหาลัย ทหาร มีเพลงสามช่าหมดเลย เปิดเรียนมาก็ต้องเต้นรับน้องแล้วอะ แต่ถ้าเกิดมาฟังแต่เพลงแจ๊ส มันก็ไม่แน่

ผมคิดว่า จริง ๆ แล้วบางคนไม่มีทางเลือก เขาเกิดมาใน environment แบบนั้น เรามี mind set ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน บางคนเขามีวิทยุตัวเดียวเขาก็จะฟังอยู่อย่างนั้น จริง ๆ ผมก็ด้วย แต่ผมมีโอกาสได้ไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ไปศึกษาเพิ่มที่นู่นมา มันก็มีส่วนกับรสนิยมของเรา

จะว่าไปซีนฮิปฮอปดูช่วยกันตลอดเลยนะ

เหมือนเป็นโรคติดต่อครับ (หัวเราะ) การให้โอกาสเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าเราไม่รับโอกาสจากพี่กอล์ฟ พี่หลุยส์ แล้วไม่รีบทำก็จะรู้สึกเสียดาย เพราะเวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ มาตอนนี้ก็ 6-7 ปีแล้ว

พอตาเราได้ให้โอกาสคนอื่น ได้สร้างอะไรให้คนรุ่นใหม่ก็ดีครับ ผมชอบทำงานกับพวกเขามาก แต่การโตเร็วมันมีข้อเสีย บางทีให้โอกาสรุ่นน้อง บางคนเขามาอยู่กับเราแล้วมันสบายเกิน มีทุกอย่างเลย เหมือนเราให้โอกาสเขาเร็วเกินไป เราคิดผิด จริง ๆ มันเหมือนการเลี้ยงลูก ผมสปอยล์เขามากไปก็ไม่ดีเหมือนกัน มันต้องสายกลาง

NINO = monopoly ในวงการ

ผมโคตรรำคาญตัวเองเลย ปีที่แล้วคิดว่าจะหาวิธียังไงให้ branding ไม่เกร่อ จะเปลี่ยนชื่อดีไหม (หัวเราะ) ผมก็บอกคนอื่นว่าไม่ต้องเอาชื่อโปรดิวเซอร์ขึ้นก็ได้นะครับ ผมเบื่อชื่อผมแล้ว มันเยอะเกิน มันก็ยากเพราะทุกคนวิ่งมาหา แต่ฮิปฮอปไม่ได้ทำนานมากเพราะปีที่ผ่านมาเต็ม ๆ ผมได้ทำกับพี่ ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ไปทำกับ LoveIs ทั้งค่าย ยุคเก่า พี่ทอม (วรุฒม์ ปันยารชุน) พี่ตู่ ภพธร สนุกดี

ก็ไม่คิดว่าเป็น monopoly ครับแต่อาจจะทำงานเยอะเกิน จนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรในโลกภายนอกแล้ว ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย เป็นคนอยู่ในถ้ำ ไม่มีเวลาพักเพราะรู้สึกสนุกกับการทำงานมากไปมั้ง

เป็นผู้กำกับมิวสิกวิดิโอด้วย

ตอนนี้ก็เป็นผู้กำกับ รับปีละ 2-3 ตัวเพราะไม่ค่อยมีเวลา ก็ทำบ้างเพราะเราก็ชอบตรงนี้ด้วย มันเป็นสิ่งที่เราถนัด ก็เหมือนรับมาเติมไฟเรื่อยๆ (FJZ: บางทีก็ไปแร็ปเองด้วย) ก็มีบ้างครับ ไม่ได้แร็ปบ่อย หลัง ๆ มีไปแจมกับเพื่อน ๆ บ้างขำ ๆ ผมเป็นคนชอบ R&B มากกว่า

ฝากถึงค่าย

ก็ฝาก HYPE TRAIN ด้วย มันเป็นช่วงที่น่าจะสนุกที่สุดในชีวิตสำหรับผม บันทึกในชีวประวัติของผมได้เลยว่าอายุเท่านี้ โคตรมัน ไม่คิดเหมือนกันว่าผ่านไป 7 ปีจะมีอะไรแบบนี้ให้ทำเยอะมาก ๆ

จริง ๆ การทำค่ายนี้ผมแค่อยากดันซีนนี้ให้แข็งแรง ผมตั้งความหวังให้ศิลปินอยู่ได้นาน ๆ คุณมาอยู่กับผมก็ต้องทำให้เต็มที่ ในอนาคตอาจจะมี sub label ออกมา เหมือน Def Jam ที่เป็นไอดอลผมประมาณนึงเลย เขาทำให้ชื่อนี้เป็นที่จดจำ เขามีลายเซ็นของเขา การที่คนมาอยู่กับผมก็เหมือนมาอยู่ในลายเซ็นของผมด้วย เหมือนผมขับรถไฟขบวนนี้ ถ้าผมตายไปอย่างน้อยก็ยังมีคนขับเคลื่อนมันอยู่

ใครที่สนใจอยากร่วมเดินทางไปกับ HYPE TRAIN ส่งเดโม่ไปที่ [email protected] ตั้งหัวอีเมลว่า DemoHypeTrain

 

อ่านต่อ

Rap is now: The New Beginning
Hockhacker กับการผลักดันมุมมองใหม่ ๆ ผ่านแร็ปเปอร์ไทยใน ‘Cypherlogy’

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้