‘Moontone Records’ กลุ่มคนผู้หลงใหลดนตรีทดลอง และเสนอนิยามใหม่ของคำว่าดนตรีอย่างจริงใจ
- Writer & Photographer : Peerapong Kaewthae
- Art Director: Tas Suwanasang
เคยถามตัวเองไหม ว่าขอบเขตของคำว่าดนตรีในความเข้าใจของเรามันกว้างไกลแค่ไหน ถ้าเพลงที่เรากำลังฟังอยู่ไม่มีจังหวะจะโคน เต็มแต่งไปด้วยเสียงแหลมเกินอัตราน่าหงุดหงิด ไม่ไพเราะถูกจริตหูเราซะเลย เราจะยังเรียกมันว่าดนตรีอยู่รึเปล่า
คนกลุ่มหนึ่งมองต่างออกไปรวมตัวกันในนาม Moontone Records พยายามพาดนตรีไปให้ไกลกว่านิยามที่ทุกคนตีกรอบไว้ เมื่อดนตรีคือศาสตร์ที่ปรุงแต่งด้วยวิธีการไม่จำกัดได้เหนือจินตนาการ และชวนตั้งคำถามถึงความเป็นศิลป์ของมันว่าเราเสพดนตรีไปทำไม
เราได้มีโอกาสคุยกับ เฟิร์ส—อาฆาต วิญญาณ์พิโรธ แห่ง Gamnad737 และ แน็ป—ภคณัฐ รัตนบ้านกรวย จาก Space War ตัวแทนจากค่ายเพลงที่นำเสนอดนตรี experimental หรือ noise ไปจนถึง non-music ที่หลายคนไม่เข้าใจ พวกเขายังทำงานกันหนักเพื่อนำเสนอนิยามของดนตรีอีกแบบหนึ่งอย่างจริงใจ ชวนเปิดใจ ก้าวข้ามสู่พรมแดนของความสุนทรีย์ผ่านความคิดสร้างสรรค์ วิธีการที่เหนือความคาดหมาย และโชว์ที่ต้องตราตรึงใจกับแนวดนตรีที่เราไม่เคยให้โอกาสมันเลย
ทำไมถึงตัดสินใจตั้งค่ายนี้ขึ้นมา
เฟิร์ส: อยากให้มันเป็น community ที่สนใจอะไรเหมือนกัน ของผมจะโฟกัสไปที่ noise มากกว่าที่เป็น non-music ไปเลย มันคือ soundscape รอบตัวที่ไม่มี rhythm หรือ melody เข้ามาควบคุม มันไม่มี harmony อะไรเลย แล้วมันสามารถเป็น music ได้ด้วย ถ้าเราเอา data พวกนั้นมาเรียบเรียง
แน็ป: ของผมยังเป็นดนตรีอยู่ครับ ผมเอาแนวเพลงที่ชอบสมัยเด็ก ๆ มายำรวมกันให้หมดเลย มันจะมีกลิ่นของไซคีเดลิก มี ambient มี noise เข้ามาผสมจากประสบการณ์ที่เข้ามาในหัวเรื่อย ๆ จากการรู้จักพี่เฟิร์ส ได้รู้จักใครหลาย ๆ คน มันพัฒนาไปเรื่อย ๆ ผสมกัน แต่ด้วยแก่นหลัก ๆ ของมันคือ traditional ของเครื่องดนตรีที่เป็นไทยจริง ๆ แต่เราเอาประเพณีกับความจริงมาทำให้บิดเบี้ยว บิดเบี้ยวความรู้สึกที่ให้กับพิณในแบบของผม เป็นสภาวะ ecstasy (FJZ: ทำไมถึงเลือกพิณ) เหมือนเราเคยเป็นนักดนตรีไทยของโรงเรียน เราเล่นดนตรีไทยได้หลายชนิดแต่ถนัดพิณที่สุด ก็เลยเอามันมาบิดเบี้ยวอีกที
นอกจาก Gamnad737 และ Space War แล้วในค่ายยังมีวงอะไรอีกบ้าง
เฟิร์ส: Silence ((0)))) / F- / Acidwall แต่ถ้าอยากรู้ว่าวงไหนทำเพลงแนวอะไร อยากให้ลองไปฟังกันเองมากกว่าครับ
จุดมุ่งหมายหลักของค่ายคืออะไร อยากให้ทุกคนเข้าถึงมันไหม
เฟิร์ส: ไม่เลยครับ จุดมุ่งหมายของค่ายคือทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ เราแค่อยากดึงดูดคนที่สนใจอะไรคล้ายกันเข้ามามากกว่า ผมก็เอาผลงานตัวเองไปเทรนด์กับต่างประเทศ แล้วเอาผลงานของต่างประเทศเข้ามาให้คนไทยฟังด้วย noiseheads ในบ้านเราจะได้มีโอกาสฟังอะไรที่กว้างขึ้น ผลงานบางชิ้นมันไม่สามารถลง YouTube ได้ เขาจะมีตัดไม้อันใหญ่ ๆ แล้วเจาะรูตรงกลางแล้วเอาไปวางบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง อะไรแบบนี้มันไม่สามารถบันทึกได้ด้วยกระบวนการดิจิทัล สมมติว่าเราเอาออกมาเล่นอีกทีก็ไม่เหมือนที่เล่นเมื่อวาน แล้วแต่หัวเข็มว่าจะเดินหรือหยุดไปที่ตรงไหน
อะไรทำให้เรามาหลงใหลในสายนี้
เฟิร์ส: ทฤษฎีดนตรีมันโดนจำกัดไว้หมดแล้วอะครับ มันตีกรอบตัวเองไว้แล้ว สิ่งที่เราจะพัฒนาต่อไปได้คือซาวด์ หรือเอา interaction ในชีวิตประจำวันเข้ามาเชื่อมโยงและพัฒนาไปด้านนี้
ไอเดียตั้งต้นในการทำเพลงสายนี้นี่ เริ่มยังไง
แน็ป: มันคือความเมา ความลอย ผมจะมีนิสัยชอบนั่งก้มหน้าเฉย ๆ แต่เหวี่ยงกับตัวเอง เหวี่ยงอยู่กับความรู้สึกที่มันเป็นปัจจุบัน ณ พื้นที่และเวลานั้น เพื่อให้มันตอบสนองความเมาของตัวเอง ขอให้ความเมาเป็นแรงบันดาลใจและวัตถุประสงค์ของผม (หัวเราะ) แก่นของมันจะมีความ melancholy เข้าไปอีกนิดนึงครับ เหมือนตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ค่อนข้างแย่ที่สุด ก็เอาใส่เข้าไปในงาน ผมเดินทางออกไปต่างจังหวัดคนเดียวสองเดือน ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีอะไรกดดันเราได้ ความรู้สึกตรงนั้นมันยังถูกรีดขึ้นมาได้ตลอดเวลา แต่ทุกวันมันไปโฟกัสกับความเมาที่มีกลิ่นอายของตอนนั้น
เฟิร์ส: ส่วนผมให้ความสำคัญกับ signal process มากกว่า ไอ้กระบวนที่จะทำให้มันเกิดเสียงได้เนี่ย อย่างเช่น การเล่นหัวเข็มแบบผิดแปลกอย่างที่ผมบอก เราไม่ได้เอามันไปถูกับร่องแผ่นเสียง แต่เราเอาไปถูกับ label ตรงกลางเลย ก็จะเกิดเป็นเสียง harsh noise wall เลยนะ ซาวด์พวกนี้แม่งพาเราไปไกลดีว่ะ น่าสนใจ
มีการทดลองอะไรที่เฟิร์สเคยทำแล้วประทับใจมากที่สุด
เฟิร์ส: ผมว่ามันน่าประทับใจทุกอย่างเลยนะ แม้กระทั่งการ circuit bending เอาของเล่นมาทำให้มันลัดวงจร ผิดเพี้ยน ใส่ตัวต้านทานเข้าไปหรือเอามันออกมาให้ไฟเข้าไปเต็มที่ มันทำให้เกิดเสียงลัดวงจรหรือ connection error ไปเลย พอให้ความสนใจมันไปเรื่อย ๆ ก็จะดึงดูดเราเข้าไปหาข้อมูลเหล่านี้เอง Just seen it happening.
แล้วเวลาเรามิกซ์เพลงเหล่านี้ ต้องใช้วิธีคิดยังไง
เฟิร์ส: ผมอยากให้มองเป็นการดูหนังเรื่องหนึ่งน่ะครับ มันไม่จำเป็นต้องมี rhythm หรืออะไรเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว มันคือเสียงรอบ ๆ วิธีการ pan จินตนาการไปก่อนว่าเราต้องการอยู่ตรงไหน ท่ามกลางจักรวาล ท่ามกลางใบไม้ เราจะโฟกัสใบไม้สายลมที่ค่อย ๆ หมุนผ่านเราไป อยากให้สีดำมันเกิดขึ้นอยู่ตรงไหน เบสจะสั่นสะเทือนอยู่ตรงไหน มี space อยู่รอบหัวเราแต่ข้างล่างเป็นสีดำ เราอาจกำลังเหยียบโลกอยู่ก็ได้
แน็ป: ผมคิดว่าจะดัดเสียงยังไงให้มันลอย ให้มันเมา เน้นสิ่งตรงนั้นมากที่สุด
เราจะพยายามสื่อสารสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาให้คนฟังเห็น หรือเราอยากทำอะไรเราก็ทำ
เฟิร์ส: ผมเลือกทำให้มันใกล้เคียงกับเสียงที่อยู่ในหัวมากที่สุดเท่านั้นพอ มันไม่มีทางเป็น 100% แน่นอน แต่ผมพยายามดึงมันจากสิ่งที่ผมคิดให้ได้มากที่สุด
แล้วการออกแบบโชว์ล่ะ อย่างของ Gamnad737 ทำไมมันถึงออกมาในทางที่ก้าวร้าวแบบนี้
เฟิร์ส: ผมรู้สึกว่า noise มันเป็นความกบฎ เขาใช้ noise เพื่อกบฏอะไรบางอย่างมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อบันทึกเสียงอะไรแบบนี้เลย ก่อนจะมีดนตรีก็ต้องเกิด noise ขึ้นมาก่อนคนจะเรียบเรียงจังหวะออกมาได้เพื่อที่จะขับอารมณ์ตัวเองออกมา ของผมคือ hard noise มันมีความดิบ เกรียวกราด จะไปนั่งปลูกดอกไม้คงไม่ได้ เวลาคิดโชว์ผมคิดแค่ว่าจะใส่ความ evil ให้ซาวด์ของผมได้แค่ไหน ความเกรียวกราดมันจะออกไปยังไง ทำยังไงให้ผมรีดอารมณ์ตัวเองออกไปให้ใกล้เคียงกับความคิดผมที่สุด แต่ละโชว์ก็ไม่ซ้ำกันด้วยขึ้นอยู่กับความรู้สึก ณ ขณะนั้นเลยว่าเราต้องซาวด์แบบไหน ก็ซัด noise ไปเลย แว้บบบบ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมด้วยว่าเรารู้จักกับเครื่องที่เราจะเล่นมากแค่ไหน รู้จัก feedback มากแค่ไหน ต้องยืนตรงไหนถึงจะได้ feedback ตามที่เราต้องการจากระยะตู้สปีกเกอร์ ผมจะชอบใช้ infinity loop มาก ผมเลยซีเรียสกับระยะของมอนิเตอร์หรือซาวด์ที่จะลั่นออกไป
โชว์ไหนที่ตราตรึงคนดูที่สุด โชว์ไหนคนยังพูดถึงกันอยู่ทุกวันนี้
เฟิร์ส: ผมว่ามี 2-3 ครั้งนะ แต่ทุกคนยังพูดถึงโชว์ครั้งแรกในชีวิตของผม พอมันไปอยู่ในที่สาธารณะไม่ใช่ในห้องซ้อมของเรา อารมณ์มันเตลิด เราคุมความเกรียวกราดของเราไม่ได้อะ ผมถือโทรโข่งวิ่งออกไปนอนที่ถนนแล้วตะโกน ผมว่านั่นคือโชว์ที่ perfect ที่สุดของผมแล้ว (หัวเราะ) คิดว่า มัน sincere ผมไม่รู้จะพูดยังไง แม่งรีดอารมณ์ผมออกไปเยอะที่สุดแล้ว รู้สึกอินมาก จากตอนนั้นก็ 6 ปีแล้ว แต่โชว์ของผมก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผมพยายามก้าวข้ามลิมิตตัวเองตลอดเวลา ไปให้หมดทุกทาง ผมไม่เคยตีกรอบให้ตัวเองเลย
หลายคนคิดว่า noise มันเข้าถึงยาก ส่วนตัวคิดว่ายังไง
เฟิร์ส: ผมถ่ายทอดมันออกไป มันจริงใจที่สุดแล้วอะ ผมไม่รู้อะไรที่เขาบอกว่าเข้าถึงยากนะ แต่สำหรับผมอะ ผมจริงใจกับเขาที่สุดละ ผมให้คำนิยามว่ามันคือการปลดปล่อยตัวเอง และมันอาจปลดปล่อยคนอื่นได้ด้วย มันคงไม่สามารถตีตราได้ว่าคนดูทั้ง 50 คนจะปลดปล่อยเหมือนเรา ขอแค่มีคนเดียวผมก็ดีใจละ
ในค่ายก็มีศิลปินสาย performance art ด้วย อย่าง shibari ทำไมเราถึงเผยแพร่ศิลปะเหล่านี้
เฟิร์ส: อธิบายยากกว่า noise อีก (หัวเราะ) จริง ๆ มันคือจริตของผมอะครับ ยืนยันเจตนารมณ์เดิมคือเน้นปลดปล่อยตัวเองเป็นหลัก ผมแค่อยากปลดปล่อยตัวเอง ไม่ได้คาดหวังอะไรว่าจะมีอะไรทั้งนั้น ต่อให้ใครบอกว่ามันวิตถารผมไม่แคร์เพราะคนเหล่านั้นตัดสินมันด้วยความฉาบฉวยเกินไป คุณยังไม่รู้จักมันทุกสิ่งดีด้วยซ้ำ
แล้วสิ่งที่เราอยากปลดปล่อยเนี่ย มีกลุ่มคนดูที่ชัดเจนหรือยัง
เฟิร์ส: ก็มีกลุ่ม die hard อยู่นะ ที่มางานเราบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังให้คนมาดูกันเยอะขึ้น เจตนารมณ์เดิมแหละครับคือปลดปล่อยตัวเอง ถ้าเกิดคนเขาอยากเข้ามาดูแล้วประทับใจ เขารู้สึกอิน ได้รับการปลดปล่อยก็ยินดีด้วย ผมอยากได้คนที่รู้สึกกับมันแล้วเดินเข้ามาหามัน ผมต้องการคนแบบนั้น แค่นั้นเลย
แล้วมี feedback จากคนในวงการบ้างไหม ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี
เฟิร์ส: เอาข้อดีก่อนก็ได้เนอะ (หัวเราะ)
แน็ป: มีฝรั่งคนหนึ่งมาถ่ายสารคดีเลยเพิ่งมาดูเราเล่นกันครั้งแรก เขาบอกว่าพอเขาฟัง Gamnad737 หรือวงอื่น ๆ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรกที่ไฟลุกท่วมตัวไปหมด เหมือนเขากำลังจะตายแต่เขาก็ตายไม่ได้ เขาทั้งร้อนรน ทั้งบ้าคลั่ง chaos ไปเลย มันเป็นความเห็นแง่บวกที่ประทับใจมาก อันนี้คือดี (หัวเราะ)
แล้วด้านไม่ดีล่ะ
เฟิร์ส: มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่าพวกมึงมาทำอะไร อิมโพรไวส์แบบเด็กโรงบาลบ้าเขาทำกัน เนี่ยนักเรียนกูมานั่งเคาะโต๊ะโหวกเหวกโวยวายก็เป็น noise ได้เหมือนกันสิ ผมคิดว่าเขาฉาบฉวยเกินไป เขายังไม่เข้ามาดูด้วยซ้ำว่า signal process ที่ผมให้ความสำคัญมันเป็นมายังไง มันซีเรียสขนาดไหน ผมต้องรีเสิร์ชอะไรยังไงบ้างถึงจะได้มันมา เหมือนเคาะโต๊ะ เย็บแม่ (หัวเราะ)
ค่ายอยากให้ความรู้หรือนำเสนอแนวดนตรีเหล่านี้ให้คนรุ่นใหม่บ้างไหม
เฟิร์ส: พวกผมเริ่มกันมาซักพักแล้วนะ เขียนบล็อกไว้ที่เว็บ https://moontonerecords.weebly.com/ ทั้งความรู้ ข่าวคราวการเคลื่อนไหว หรืออะไรที่เอื้อประโยชน์ให้คนตามกันง่ายขึ้น ทอนการเข้าหาของเขาไปเรื่อย ๆ ให้มันง่ายที่สุด
เห็นบอกว่าได้แลกเปลี่ยนกับวงต่างประเทศ ได้ไปเห็นซีน noise ของประเทศอื่นบ้างไหม
เฟิร์ส: ผมยังไม่เคยไปเล่นที่ต่างประเทศนะเพราะวันหยุดผมไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ แต่ในต่างประเทศเขาก็เป็นชนกลุ่มน้อยเหมืออนเราเนี่ยแหละครับ แต่ในแถบ SEA เนี่ยอินโดนีเซียเขาเริ่มมาก่อนเราเยอะมากจนเขาเริ่มแข็งแรงแล้ว แต่ของเรายังเป็น community ที่คุยกันไม่กี่คนเอง
ฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งรู้จักแนวเพลง noise หน่อย
เฟิร์ส: ผมชอบวิธีการแบบ old school นะ เดินมา face to face เล่นสด ถ่ายทอดออกไป รับจากผมไปโดยตรง (ยิ้ม)
ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในซีน noise หรือ experimental และโชว์อันน่าเหลือเชื่อของพวกเขาได้ที่เพจ Moontone Records และเพจ Primitive Synthesis