บทบาทใหม่ของ ‘อัด’ และ ‘ต้นหน’ Hormones สู่การเป็นนักดนตรีอาชีพในนามวง Mints
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer: Chavit Mayot
“โปรเจกต์ Mints พวกเราจริงจังครับพี่” นี่คือประโยคแรกที่ ตน—ต้นหน ตันติเวชกุล และ อัด—อวัช รัตนปิณฑะ พูดให้ผมฟังตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราเจอกัน และนี่เป็นครั้งแรกของวง Mints ที่ได้คุยกับ Fungjaizine อย่างเป็นทางการ ก่อนสัมภาษณ์ผมแอบประหม่านิด ๆ ที่จะคุยกับน้องทั้งสองคน เพราะแอบติดภาพจากการแสดงในซีรีส์ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อได้พบกันแล้ว แววตาของน้องทั้งสองบ่งบอกว่าพวกเขาตั้งใจจริง ๆ และนี่คือบทสัมภาษณ์ที่เราก็อยากให้คุณตั้งใจอ่านเช่นกัน แล้วคุณจะรู้ว่า ความฝันของเด็กทั้ง 2 คนนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
จุดเริ่มต้นการเดินทางของวง Mints
อัด: วงนี้เกิดขึ้นตอนที่ทำคอนเสิร์ต GDH Star Theque ครับ ตัวผมเองได้มีโอกาสไปเรียนร้องเพลงกับพี่โบ๊ท Somkiat ที่ Smallroom พอได้ไปเรียนมาแล้ว พี่โบ๊ทเขาก็จุดประกายความอยากเป็นนักร้องของผมขึ้นมา จริง ๆ ความรู้สึกนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนเด็ก ๆ แต่ตัวเราเองก็มองข้ามมันไปจนได้กลับมาเรียนร้องเพลง ก็รู้สึกว่า เราอยากทำวงดนตรี อยากร้องเพลงอีกครั้ง
ตน: ประกอบกับที่ตอนนั้นได้ทำคอนเสิร์ตแล้วเราทั้งคู่ได้เจอกันบ่อยขึ้น ยิ่งคอนเสิร์ตมันเกี่ยวกับเพลง เกี่ยวกับดนตรีด้วย มันก็เลยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน (อัด: มันเหมือนได้คุยกันเรื่องเพลง แชร์เพลย์ลิสต์เพลงที่ชอบกัน ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นครับ) แล้วปรากฏว่าเคมีและการฟังเพลงที่ชอบของเราทั้งคู่มันใกล้กันมาก ๆ พี่อัดเลยชวนผมมาลองทำวงดนตรีกันดูในที่สุด
ตอนอัดชวนทำวงดนตรีตนตอบรับทันทีเลยรึเปล่า
ตน: ตอนนั้นผมก็ตอบรับทันทีเลยนะ แต่ก็บอกพี่เขาว่าขอสอบเข้ามหาลัยให้ได้ก่อน เพราะตอนนั้นที่ชวนทำวงก็ประมาณ 2-3 ปีแล้วครับ ผมก็อยู่ประมาณ ม.5 ม.6 พอสอบเสร็จปุ๊ป ผมก็กลับไปบอกพี่เขาว่ามาลองทำกันดูไหม
อัด: ผมไม่ได้ชวนคนอื่นด้วยนะ ตอนนั้นเล็งไว้แล้วต้องคนนี้เลย เพราะเราเจอกันแล้ว คุยกันแล้ว มันดูเข้ากับเราได้ ในแง่ของเคมี ทัศนคติ เพลง ชีวิตส่วนตัว ผมก็รู้สึกว่าน้องคนนี้น่าจะอยู่กับเราได้ มันเลยเป็นวงดนตรีที่มีสมาชิกแค่ 2 คนครับ
ที่มาของชื่อวง Mints
ตน: พวกผมนิยามชื่อวงนี้ไว้ว่า แต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป โดยมองให้ออกมาเป็นในเรื่องของสี อย่างผมจะเป็นสีเหลือง พี่อัดจะเป็นสีน้ำเงิน สองสีนี้มันผสมกันก็จะกลายเป็นสีเขียว ทีนี้พวกเราก็มาเปิดชาร์ตของสีกันว่า สีไหนเข้ากับแนวเพลงของเรา สุดท้ายก็จิ้มมาว่า สีเขียวมินต์
อัด: ชื่อมันสั้น มันอ่านง่าย แล้วเราก็รู้สึกใช่ ตอนนั้นเลยซื้อชื่อนี้ครับ ความรู้สึกมันเย็น ๆ และตรงกับแนวเพลงที่ต้องการ เราอยากให้คนฟังเพลงเราแล้วสบาย ที่เติมตัว s เพราะว่างวงเรามีสมาชิก 2 คนครับ
การทำวงดนตรีขึ้นมาวงนึงมีความยากมากน้อยแค่ไหน
ตน: ยากครับ เราเริ่มกันแบบลองผิดลองถูกด้วย แรก ๆ เราก็ทำกันเองสองคนจริง ๆ ไปทำเพลงกันที่บ้านผม เล่นกีตาร์ตัวนึง ร้องแล้วก็อัดเสียงเก็บไว้ เลือกเอาท่อนที่ชอบ มาทำกัน 2 คนเล่น ๆ แล้วเราก็ได้ไปเจอกับพี่ยิ้ม Somkiat เขาก็เข้ามาช่วยเหลือเราเยอะมาก เพราะเรา 2 คนมือใหม่ อย่างผมก่อนหน้านี้จะทำวงดนตรีเล่นเพลงคัฟเวอร์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ว่าสิ่งที่ทำครั้งนี้มันต่างกัน อันนี้มันคือ การทำเพลงของตัวเองจริง ๆ เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้จึงยังถือว่ายังมือใหม่พอสมควร
อัด: อย่างผมไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อนเลย รู้แค่ว่าตัวเองชอบร้องเพลง เปิดเพลงร้องตามปกติ จนกระทั่งมาทำอันนี้ทุกอย่างมันใหม่มาก ไม่รู้อะไรเลย มันก็ออกมาได้แค่เป็นภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาดนตรีด้วยซ้ำ เหมือนเวลาสื่อสารกันมันจะกลายเป็นผมพูด แล้วน้องตนมาแปลเป็นภาษาดนตรีอีกที มันก็เลยเกิดเป็นภาษาของกันและกันครับ ผมก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าใจภาษาดนตรีมากขึ้น มันเหมือนเป็นการเรียนรู้ของเราที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการมาทำตรงนี้ครับ
ตน: พี่อัด เขาจะมีความชื่นชอบของเขาที่ผมไว้ใจมาก ๆ อยู่ เขาเป็นคนฟังเพลงเยอะ แล้วจะบอกเราได้ว่า อันไหนชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งสุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าการทำเพลง เรา 2 คนต้องคุยกันและเข้าหากันเยอะ ๆ อยู่แล้ว ผลงานที่ออกมามันก็จะลงตัว
แนวเพลงของวงและกลิ่นของความเป็น Mints
อัด: จริง ๆ ถ้าเรียกกว้าง ๆ ผมว่า alternative pop แล้วกันครับ มันจะมีเสียงซินธ์และเสียงกีตาร์เข้ามาเป็นเครื่องดนตรีหลัก มีโซล r&b อาจจะมีแจ๊สเข้ามาด้วย มันเลยจะกว้าง ๆ หน่อย
ตน: หลัก ๆ แก่นของเพลงจะอยู่ที่กีตาร์และซินธ์ที่เล่นไปพร้อม ๆ กันเป็นหลักครับ พวกเราอยากให้มันสามารถโยกตามได้ มันมีกรูฟและจังหวะของมันในเพลง
การเดินทางเกือบครึ่งปีกว่าจะมาเป็นเพลงแรกของวง Mints
อัด: เพลงแรกทำกันนานครับ ร่วมเกือบ 6 เดือนได้ ตั้งวงกันมาปีกว่า ๆ กว่าจะมาเจอพี่ยิ้ม กว่าจะต้องใช้เวลาจูนกับพี่เขาอีก ไหนจะต้องมาค้นหาความเป็นตัวตนของวงว่าจะให้มันเป็นแบบไหน ใช้เวลานานมากครับ อย่างผมมีความชอบแบบนึง น้องก็มีความชอบแบบนึง ตรงกลางของเราคืออะไร แล้วเราจะแฮปปี้กับผลงานชิ้นนี้ไปด้วยกัน
ตน: จริงครับ เราจูนกันค่อนข้างนาน ยิ่งพอมันเป็นเพลงแรกด้วย อยากให้คาแร็กเตอร์วงออกมาลงตัวที่สุด มันเลยต้องใช้เวลานานมาก พอมันเป็น 2 คนมันก็จะ 50-50 มากเลยอ่ะ มันเหมือนกับว่า ถ้าผมไม่โอเค พี่อัดโอเค มันก็จะวัดกันได้
อัด: มันต้องฟังกันเยอะ ๆ เลย ยอมตรงนี้บ้าง ไม่ยอมตรงนี้บ้าง มันเป็นเรื่องของความเชื่อใจกันสุด ๆ แต่พอผลงานเสร็จแล้วได้ออกอย่างเป็นทางการพวกเราก็มีความสุขมาก ๆ ครับ
แรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีของ 2 หนุ่ม
อัด: จริง ๆ ก็มีนะ มันเหมือนก่อนหน้านี้ตอนที่เราจูนกันช่วงแรก ๆ วงที่เราชอบเหมือนกันจะเป็น Honne, The 1975 ประมาณนี้ครับ เราจะมีความชอบคล้าย ๆ กันแล้ว รู้สึกว่าวงพวกนี้มันเจ๋ง มันเท่ดี
ตน: เหมือนวงที่เราชอบ เขาจะมีเพลงที่เน้นกรูฟล้วน ๆ อยู่ หมายถึงว่า มีจังหวะที่โยกได้อะครับ
อัด: อย่างวง Lany แบบนี้ ที่เราชอบกันตั้งแต่ตอนทำแรก ๆ
ตน: ใช่ครับ แต่ถ้าจะถามว่าแรงบันดาลใจอยากเป็นแบบวงไหนไหมก็ไม่ขนาดนั้นครับ แค่แบบว่าเราชื่นชอบแนวเพลงมากกว่า
อัด: มันเหมือนกับการทำยังไงก็ได้ให้เพลงและวงที่เราชอบมันถูกปรับมาเป็นตัวเรามากที่สุด
ไปชวน ยิ้ม Somkiat มาร่วมงานกันด้วยวิธีไหน
ตน: การไปชวนมาร่วมงานกันนี่ต้องเริ่มมาจากพี่โบ๊ท Somkiat ครับ จริง ๆ แล้วพี่ยิ้มดูเกือบหมดทุกอย่างเลยครับ เอาจริง ๆ ถ้าไม่มีพี่ยิ้มนี่แย่เลยนะครับ
อัด: ใช่ พี่เขาแนะนำให้รู้จักชวนพี่ยิ้มมาแล้วมาลองคุยกันดู ปรากฏว่ามันน่าสนุกดีเลยกลายเป็นการลองทำอะไรร่วมกันไปในที่สุด มันเหมือนวงนี้ไม่ใช่แค่พวกผม 2 คน มันมีพี่ยิ้มอยู่ในวงด้วยเป็น 3 คนที่ทีมเดียวกัน ทุกอย่างคุยกันได้หมด
ตน: ซึ่งการมี 3 คนเนี่ย ผมว่ามันเริ่มทำทุกอย่างมาจากความสนุกครับ มันเป็นสิ่งที่ทำแล้วเราแฮปปี้
กระแสตอบรับกับเพลงแรกที่ปล่อยไป
อัด: ผมว่ามันเกิดคาดกว่าที่ผมคิดไว้เลยนะ ตอนแรกคิดว่าปล่อยเพลงออกมาอย่างมากสุดก็ 1,000 วิวก็เยอะแล้ว มันไม่ได้คิดว่าจะขึ้นหลัก 10,000 วิว อะไรขนาดนั้น ก็คงแบบมีคนฟังบ้าง แล้วเราคิดว่า มันคงจะไม่ได้ถึงคนฟังเพลงจริง ๆ ขนาดนั้น แต่พอมันออกไปเริ่มมีการติดชาร์ตฟังใจ ผมเริ่มแบบ เฮ้ย นี่ติดจริง ๆ ใช่ไหม
ตน: เพราะเราไม่มีค่ายด้วยครับ อย่างที่รู้พวกเราทำกันเอง ก็เลยคิดว่าเนี่ยมาได้ไกลแล้ว สำหรับศิลปินที่เพิ่งเริ่มจริง ๆ มันถือว่าดีมากครับ
อัด: อย่างที่บอกครับ ตอนแรกมันจะมีความกดดันว่าเขาจะมองเรายังไง ก่อนหน้านี้เป็นนักแสดงแล้วมาทำเพลงเล่น ๆ รึเปล่า จะมาเป็นแค่ดาราที่อยากมีเพลงรึเปล่า แต่พวกผมรู้สึกว่า การที่เพลงแรกกระแสตอบรับมันโอเคขนาดนี้ มันรู้สึกว่า อย่างน้อยเราได้เดินไปก้าวนึงให้เขาเห็นว่าเราจะเป็นนักดนตรีนะ เราอยากให้คนมองเราในอีกบทบาทนึงว่า ผมเป็นนักดนตรีในฐานะอัดและตน วง Mints ไม่ใช่ อัดและตน ฮอร์โมน ตอนนี้คือยิ่งทำไปยิ่งจริงจัง มันสนุกมันชอบ
เรื่องราวของซิงเกิ้ลที่ 2 ไม่ง่าย
ตน: จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าการมาของวง Mints เริ่มแรกเวลาทำเพลงอะไรต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าเพลงนี้จะเป็นเรื่องอะไร ใครติดตรงไหนรึเปล่า ผมทำดนตรี ผมก็ต้องถามพี่อัดอยู่ดีว่า ได้ไหม ชอบไหม
อัด: อย่างแต่ละเพลงเราต้องมานั่งคิดโจทย์ว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไร มันจะเริ่มจากการฮัมเมโลดี้มาก่อนเลย พอได้เสร็จแล้ว เราจะมาดูกันว่า อยากเล่าเรื่องอะไร เพราะบางทีจริง ๆ อย่างเรื่องเนื้อร้อง ผมก็จะเป็นคนที่ดูพาร์ตนี้เป็นหลัก ในพาร์ตดนตรีก็จะเป็นน้องที่แน่นกว่า ผมกับพี่ยิ้มก็จะเขียนแล้วแก้กันมากกว่า แต่ว่าทุกอย่างมันเหมือนต้องทำไอเดียมาขายกันอยู่ดี อย่างเพลง ไม่ง่าย เนื้อหาเพลงมันจะพูดถึงคนที่เพิ่งเลิกรากับคนรัก แต่ว่ายังคงต้องเจอกันอยู่ทุกวันมันทรมานที่เลิกกันแล้วต้องเจอกัน มันก็ยังทำใจไม่ได้ มันไม่ง่ายที่จะทำใจ
ตน: ในแง่ของดนตรีมันก็จะเป็นเรื่องของกลิ่นถ้าเทียบกับเพลงแรกนะครับ เนื้อหาหลัก ๆ มันจะใกล้เคียงกันล่ะ ในด้านดนตรีมันจะมีความเย็น ๆ สนุก ๆ อยู่ครับ แต่เพลงสองจะจมดิ่งนิดนึง สุดท้ายสองเพลงนี้มันก็จะอยู่ในโหมดสีเดียวกัน สีน้ำเงินหน่อย แต่มันจะเป็นคนละเฉดที่แตกต่างกันออกไป
ไอเดียการแต่งเพลงของ Mints มาจากเรื่องจริงรึเปล่า
อัด: มันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตด้วย ผมรู้สึกว่าการทำอัลบั้มนี้ของผม มันเหมือนกับว่า ผมเขียนบทละครให้ตัวละครตัวนึงอยู่ มันมีเค้าโครงจากชีวิตจริงที่มันเกิดขึ้น พอเราทำเพลงแรกขึ้นมา ขั้นตอนต่อไปเราอยากจะพาตัวละครตัวนี้ของเราไปที่ไหนต่อ ถ้ามันมีเรื่องจริงที่มันเชื่อมกันได้หรือเราเติมอะไรเข้าไปในเพลงของเราได้ มันอาจจะสนุกก็ได้ แต่มันก็จะมีขอบเขตของตัว EP ที่เราวางไว้ เราอยากให้มันเหมือนเด็กวัยรุ่นที่กำลังจะเติบโต อยากจะก้าวข้ามผ่านไปสู่บางอย่าง แต่มันก็จะมีความซับซ้อนและขัดแย้งในตัวเอง
เป้าหมายของวง Mints
ตน: อย่างแรกเลยคือ เล่นสด ตอนนี้ก็มีงานเล่นแล้ว (หัวเราะ) เราอยากเล่นสดมากจริง ๆ
อัด: เราก็มีความฝันครับว่า อยากเล่นงานเฟสติวัลต่าง ๆ คงเป็นความฝันที่ได้ขึ้นเวทีแล้วมีคนอยากมาฟังเพลงเรา
ตน: ตอนนี้ผมก็มีแผนที่จะปล่อย EP ครับ ทั้งหมด 6 เพลง เป็นแพลนที่วางไว้ ประมาณกลางปีนี้น่าจะได้ฟังครับ
งานเทศกาลดนตรีที่อยากเล่น
mints: คงเป็น Cat Expo เป้าหมายแรกของพวกเราครับ ที่อยากจะไปเล่นให้ได้ (ตอบพร้อมกัน)
EP ที่กำลังจะออกปีนี้
อัด: มี 6 เพลงครับ ผมว่า หลัก ๆ ที่เห็นคุณจะได้ในนี้เลยคือ เห็นตัวละคร ตัวนึงมันกำลังเรียนรู้อะไรบางอย่างกับเหตุการณ์ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันหรืออะไรก็ตาม การต่อสู้ของความคิด มันเป็นเหมือนช่วงนึงวัยของผมด้วยมั้ง วัยรุ่นที่กำลังอยากจะก้าวข้ามผ่านมัน อยากจะเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น ผมว่ามันน่าจะสื่อสิ่งนี้ออกมาในแต่ละเพลงของเราได้ ความรู้สึกของการฟังแต่ละเพลงก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน
ตน: แต่ว่าสุดท้ายมันก็จะยึดทุกอย่างจากความเป็น Mints เป็นหลัก เราก็จะพยายามคุมโทนให้ทุกเพลงมันเป็นคน ๆ เดียวกัน แล้วก็มีความเป็นดนตรีสไตล์ฟังสบาย
อัด: เราอยากให้ทุกคนฟังเพลงของวงเราได้ทุกที่ทุกเวลาครับ
ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับวงอื่นได้ อยากร่วมงานกับใคร
ตน: จริงๆ ผมชอบ Moderndog แต่ไม่รู้ไกลไปรึเปล่า แต่ถ้าไปถึงจุดนั้นได้มีเพลงร่วมกับพี่ ๆ เขาก็ดีครับ
อัด: อิน Moderndog เหมือนกันทั้งคู่ เป็นไอดอลขึ้นหิ้งเลย
ตน: แต่ถ้าจะเป็นแบบวงที่ใกล้ตัวมานิดนึง ก็พวกแบบ Yellow Fang, Jelly Rocket ผมก็สนใจครับ
ตอนนี้ตื่นเต้นกับงานที่จะได้มีโอกาสแสดงสดมากน้อยขนาดไหน
ตน: ประหม่าเลยครับ คือผมเคยเล่นสดมาบ้างแล้วสำหรับที่ผ่านมา แต่ว่าครั้งนี้มันจะต่างออกไป มันเป็นงานแรกที่เล่นเพลงตัวเอง คนเขามาดูเพลงเราจริง ๆ เว้ย ไม่ใช่มาฟังเพลงที่เราเล่นคัฟเวอร์เลยรู้สึกว่า ตื่นเต้นมากแล้วก็เราก็ได้แบบคนที่มาช่วยเล่นให้ซึ่งแต่ละคนก็เก่ง ๆ ทั้งนั้นเลย เลยแบบว่าตื่นเต้นเพิ่มไปอีกว่าจะได้ร่วมงานกับคนเก่ง เราก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด
อัด: ผมตื่นเต้นมากครับ เรียกว่าเป็นเวทีแรกในฐานะนักดนตรีเลยก็ว่าได้ ผมไม่เคยขึ้นเวทีไหนแล้วร้องเพลงจริงจังแบบนี้มาก่อน อันนี้เป็นเพลงตัวเองด้วย แล้วอย่างที่บอกทุกคนเคยผ่านเวที เคยมีประสบการณ์มาแล้ว มันก็จะมีความแบบตื่นเต้นกดดันนิดนึงว่าเราจะทำได้ไหม แต่คิดว่ามันต้องได้ล่ะ เราจะเล่นงาน Melody of Life เป็นที่แรกครับ ซึ่งเราก็กำลังเริ่มดีไซน์โชว์กันอยู่ว่าเป็นยังไง ในงานก็อาจจะมีเพลงใหม่ให้ฟังด้วย
ตน: อยากให้ทุกคนได้มาดูกัน เราดีไซน์ไว้ว่ามันจะแตกต่างจากในเพลงที่คุณได้ฟังกัน แต่รับรองว่ามันจะเป็นอีกรสชาติแน่นอน
สุดท้ายนี้อยากบอกอะไรกับคนที่อ่านบทสัมภาษณ์พวกคุณบ้าง
ตน: อยากจะฝากวง Mints ของเราไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ เราเป็นวงใหม่ แต่เราตั้งใจทำมันจริง ๆ อยากให้ทุกคนลองรับสารในสิ่งที่เราจะสื่อสารกันดูครับ เราสองคนไม่ใช่นักแสดงที่จะมาทำเพลงเล่น ๆ เราจริงจัง อยากให้ทุกคนรับรู้ว่า เรามีวงที่ชื่อ Mints อยู่
อัด: ขอให้ทุกคนมีความสุขและรู้สึกดีกับเพลงของพวกเรา ฟังแล้วสบาย ๆ อย่างที่บอกว่าพวกเราตั้งใจมากก็หวังว่า จะได้ทำให้เราได้มีโอกาสได้เติบโตไป เรียนรู้ไปกับสายอาชีพนี้ เราอยากทำมันจริง ๆ ครับ