Haters จ๊ะ ‘พักก่อน’ ชวน MILLI แร็ปเปอร์ตัวจี๊ด มาตีแผ่ตัวตนของเธอให้รู้ ๆ กันไปเลย
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Thanadol Boonkoolset
วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก MILLI หรือ มินนี่—ดนุภา คณาธีรกุล แร็ปเปอร์เสียงเจื้อยแจ้ว พลังพุ่ง จากค่าย YUPP ดีกรีผู้เข้าประกวดเวที The Rapper โดยไม่นานมานี้เธอได้ปล่อยเพลง พักก่อน ออกมา เรียกทั้งกระแสชื่นชมผสมดราม่าขนาดที่เราสงสัยว่า ศิลปินวัย 17 ปีคนนี้รับมือกับ feedback ถล่มทลายนี้ได้ยังไง และใครที่ง้างปากจะว่าอะไรเธอมากกว่านี้ ไปพักก่อน มีสติแล้วค่อยมารู้จักตัวตนจริง ๆ ของเธอกัน
มินนี่ไม่ได้แร็ปเก่ง แต่ร้องเพลงเก่งด้วย
จริง ๆ ร้องเพลงก่อนหน้ามาแร็ปอีกค่ะ แต่ไม่เคยเรียนร้องเพลงนะ เมื่อก่อนเป็นสายคัฟเวอร์ลงในอินสตาแกรม คือ YouTube ไม่ได้ลงเพราะบ้านเราเบ ๆ ไม่มีอุปกรณ์ (หัวเราะ) แล้วก็เต้นด้วย
หนูเป็นสายประกวด ประกวดมาหลาย ๆ อัน แล้วที่มาตกลงปลงใจกับแร็ปเพราะเป็นอันเดียวที่ติด (หัวเราะ) ไป The Voice มาเงี้ย ไม่ติด มันก็ไม่มีหนทางที่จะสานต่อ พอมา The Rapper เออ กูติดว่ะ ก็เลยคิดว่า ‘หรือว่าทางนี้มันจะใช่กับเราจริง ๆ’ ปรากฏว่าเราก็ชอบจริง ๆ
มีใครเป็นแรงบันดาลใจให้หัดแร็ป ตอน ม.2
ก็มี Nicki Minaj แล้วก็ Lady Leshurr เพิ่งมาใหม่ ชอบมาก สไตล์เขาเท่ เขาจะแร็ปแบบมี attitude มีเรื่องที่จะพูดแบบตรงไปตรงมา หวด ๆ แล้วก็ passion ค่อนข้างแรง คาแร็กเตอร์ค่อนข้างชัด เร้าใจดี มัน touch เราเพราะมีเอเนอร์จี้คล้าย ๆ กัน พอทำไปเรื่อย ๆ ก็มีเรื่องที่เราอยากจะพูดผุดเข้ามาในหัวเต็มเลยว่าสักวันนึงฉันอยากจะพูดเรื่องนี้ ในบีตประมาณนี้ ลักษณะแบบนี้ แล้วไอเดียมันก็เข้ามาเอง อย่างตอนนี้อยากพูดเรื่องเพื่อนที่เขาชอบมาทำเหมือนสนิทกับหนูอะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นหัวกัน พอเราเป็นที่รู้จักก็เริ่มให้ความสำคัญเฉยเลย แล้วก็ตีแผ่ความเป็นหนูให้หลาย ๆ คนที่ยังไม่เข้าใจหนูจะได้เข้าใจมากขึ้น
ความเป็นหนูคือยังไง
แรด (หัวเราะ) หนูถือเป็นคำชมยนะ น่าจะเป็นความแด๊ดแด๋ ๆ อะค่ะ จะมีความแก่แดด เกินตัว แล้วพี่ไม่สามารถหาความกุลสตรีได้ในตัวหนู
โดนผู้ใหญ่วิจารณ์ตรงนี้บ้างไหม
บ่อยค่ะ สุดท้ายเขามองว่าหนูแก่แดด แต่ก็จะเถียงกลับไปอยู่ดี ว่าถ้าหนูไม่มาพูดแล้วคุณจะเข้าใจหนูหรอ หนูแค่มีมุมมองที่ต่างออกไป หนูผิดหรอ บางทีแม่ก็ว่าเหมือนกันว่ามินนี่เดี๋ยวนี้แก่แดดใหญ่แล้วนะ หนูก็จะอธิบายเหตุผลให้แม่ฟังมากกว่าค่ะว่าทำไมหนูคิดแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่ใช่คนสำคัญแบบแม่ที่คอยว่าหนู หนูจะไม่แคร์เลย
ชีวิตในโรงเรียนหญิงล้วนเป็นยังไง
เป็นอะไรที่ฟรีมาก ชิลมากเลย หนูสามารถถกกระโปรงกลางโรงอาหารได้โดยไม่ต้องแคร์ใคร จนหนูติดนิสัยมาบ้างบางที แล้วโรงเรียนหญิงล้วนเนี่ยไม่มีความกุลสตรีอย่างที่คุณคิด… สำหรับโรงเรียนหนูนะ หนูไม่รู้ว่าโรงเรียนอื่นเขาบ่มเพาะมาดีกว่าสังคมที่หนูอยู่ หรือจริง ๆ โรงเรียนเขาดีอยู่แล้วแหละน่าจะเป็นเพราะพวกหนู (หัวเราะ)
ที่เขามองกันว่าหญิงล้วนต้องทำคหกรรม ทำอาหารเป็น นั่งร้อยมาลัย หนูไม่ได้จับดอกไม้มาหลายปีแล้วค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นการซ่อมเก้าอี้กับแบกโต๊ะไปอีกอาคารเรียนมากกว่า ซ่อมคอมอย่างเงี้ย ทุกอย่างเขาสอนให้เราพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องไปพึ่งใครมากกว่า นี่น่าจะเป็นจุดประสงค์หลักของหญิงล้วน
ด้วยความที่เทคโนโลยีเข้ามาเร็วทำให้เด็กเริ่มมีหนทางของตัวเองที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่เด็ก ถ้าไปยัดความเป็นกุลสตรีใส่เด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับหนู หรือเด็กลงไปกว่าหนูจากนี้แล้วคงเป็นอะไรที่ยาก เพราะพวกหนูก็จะผลักมันออกแล้วกลายมาเป็นหนูในทุกวันนี้เหมือนกัน
คิดว่าผู้หญิงรุ่นใหม่ควรจะเป็นยังไง
เป็นตัวเองค่ะ ไม่ต้องเป็นใครเลย ทุกวันนี้บางทีน้อง ๆ ที่เด็กกว่าจะมาบอกว่า ‘อยากเป็นแบบคนนี้จังเลย’ หรือบางทีน้อง ๆ จะบอกว่าอยากเป็นแบบหนู หนูก็เคยเป็น สุดท้ายพอหนูลองเป็นแบบเขาหนูก็กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ตัวหนูเอง เราเฟคเป็นใครอยู่ ทำอะไรอยู่วะ หนูไม่อยากให้น้อง ๆ รุ่นหลังหนูต้องมาเจออะไรแบบนี้ หนูก็จะบอกเขาว่า หาสไตล์ หาสิ่งที่เขาชอบแล้วเป็นตัวเองไปให้สุดเลยดีกว่า โดยที่เขาไม่ไปทำให้เดือดร้อนใคร ไม่ทะเลาะกับพ่อแม่ด้วยนะ เพราะเราก็ยังต้องอยู่กับครอบครัว
ทำไมถึงเลือกเล่าเรื่องราวแบบในเพลง พักก่อน
คำว่า ‘พักก่อน’ ใช้กับเพื่อน ๆ เป็นปกติ ส่วนเนื้อหาในเพลงก็เป็นเรื่องที่เอาไว้ด่าเพื่อนอยู่แล้ว ช่วงเวิร์สแรกเป็นเหมือนด่าเพื่อนว่า แหม่ ใส่เสื้อ Boyy London นัดผู้ชายที่ Bonchon ‘ใส่เสื้อสำส่อน’ มันเป็นคำเปรียบเทียบว่าวันนี้มึงแต่งโป๊ ยั่วเพศ ปั๊วะ แต่นัดผู้ชายที่ Bonchon นี่แบ๊วไปเลยนะ แต่งซะแรด ไปกินไก่ ก็ไม่ได้ปะ แต่งหน้าซะอ๊อนอ่อน ก็ประชดที่เขาแต่งหน้าแรง อีกสักพักก็ล่อนจ้อนละ ก็คือเขานัดไปทำอะไรกัน อันนี้เราไม่ได้หมายถึงผู้หญิงทุกคน มันคือผู้หญิงที่หนูเคยเจอมา บางเรื่องเอามาจากเพื่อนตัวเอง เวลามันพูดไม่รู้เรื่อง หนูก็จะบอกว่า ‘อืม พักก่อนนะ’ ในขณะที่แวะไปแซะคนที่เราไม่ชอบ ว่าพูดถึงเราในลักษณะที่ไม่ได้รู้จักว่าตัวเราจริง ๆ เป็นยังไง สักแต่พูด เป็นน้ำลาย
ตอนขึ้นเพลงมี reference ยังไง
บอกว่าอยากได้ฟีลเต้น ๆ โยก ๆ ฟังแล้วต้องเลื้อยอะ แล้วลองเอาคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาแต่งเป็นท่อนฮุคดู แล้วพี่ NINO เขาก็จะคอยเสริม แบบ ‘กูว่าได้ว่ะ’ เขาก็เป็นโปรดิวเซอร์ คอยช่วยเต็มที่จริง ๆ
ใน mv เป็นช่วงหาเสียงประธานนักเรียน เราเคยเจออะไรแบบนั้นหรือเปล่า
หนูเล่าให้พี่ ๆ Trasher Bangkok ว่าเคยสมัครประธานนักเรียนนะ พี่เขาก็ตีความออกมา แค่มันไม่มีแบบนั้นเลยให้โรงเรียนหนู แต่ถามว่ามีเกิดขึ้นในสังคมไหม ก็อาจจะมีที่แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่โชคดีที่โรงเรียนหนูเป็นเพื่อนกัน กลายเป็นว่าเราช่วยกันทำงานมากกว่า เป็นความน่ารัก
ตอนเป็นประธานนักเรียน เจอเคสอะไรหนักที่สุด
เคสอาจารย์ บางท่านที่เราทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ หาเรื่องจับผิดฉันอยู่เรื่อย น่าเบื่อ แล้วก็จะมีอาจารย์ที่ไม่ฟังอะไรเลย กับอาจารย์ที่ฟังแล้ว เหมือนรับรู้แล้ว แต่ความจำสั้นอีกวันหายไปเลย ‘เคยพูดกับมินนี่เรื่องนี้ด้วยหรอ’ อาจารย์คะ หนูพูดกับอาจารย์ร่วมสองชั่วโมง ก็ต้องไฟต์อะ ส่วนเพื่อนอะน่ารัก แต่มีบางตัวที่ลำไย บางคนไม่ช่วยงาน ส่วนใหญ่จะช่วย พวกไม่ช่วยก็ไปพัก ไม่ต้องมายุ่งเลยก็ได้นะ แล้วก็มีพวกเอางานเราไปเคลมว่าตัวเองทำ อันนี้เบื่อมาก อีนี่ต้องพักก่อนเอาจริง
นโยบายตอนหาเสียงคืออะไร
พูดไปเรื่อยเลยอะ อุดมการณ์ของหนูคือต้องการผสานระหว่างนักเรียนกับครูให้เข้าใจ เพราะเราเชื่อว่าบางเรื่องโรงเรียนทำมาดีแล้ว อย่างเรื่องกฎระเบียบอะ ด้วยความที่มันเป็นสังคมขนาดย่อมที่จะกลายไปเป็นสังคมใหญ่ กฎระเบียบเลยจำเป็น แต่เด็กบางคนยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีกฎ เลยพยายามทำให้เขาเข้าใจ ว่ากฎบางอันมันเวิร์ก กฎอันไหนมันไม่เวิร์กก็อยากให้โรงเรียนเข้าใจและปรับแก้
แต่ถามว่าได้เข้าไปแล้วได้ทำอย่างที่ต้องการไหม ก็ไม่ ลำไย นี่ฉันเป็นขี้ข้าของเธอใช่หรือไม่ ขี้ข้าหรือขี้ข้าคะ? เลยกลายเป็นว่านักเรียนที่อยู่ภายนอกเขาไม่เข้าใจแล้วมองว่า ‘ที่พูดว่าจะทำ ทำไมทำไม่ได้อะ’ ลองมาเป็นฉัน เดี๋ยวรู้ บอกเลยว่ามีจริง (หัวเราะ) คือธุรกิจการศึกษาเนี่ย ถ้ามองกันตรง ๆ มันก็มีเรื่องนี้เหมือนกัน อาจารย์ที่รักเด็ก อยากทำให้เด็กดีขึ้นก็มี แต่มันก็มีส่วนที่โรงเรียนก็ขาดทุนไม่ได้เหมือนกันนะ เพราะโรงเรียนก็เป็นธุรกิจอย่างนึง จะว่าไงดี เราก็จ่ายตังเข้ามาเรียน แล้วเราก็ได้ความรู้กลับไป มันเป็นสังคมที่น่ารัก และเป็นสังคมที่มีเรื่องธุรกิจในเวลาเดียวกัน เราต้องมองทั้งสองด้าน อย่ามองอะไรแค่ด้านเดียว
สมัครนายก ฯ เลยไหม
ไม่ค่ะ แค่นี้โดนด่าก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว เป็นนายกหนูเป็นโรคซึมเศร้าพอดีค่ะ อดทนต่อแรงกดดันไม่ไหวค่ะ โอ๊ย ตายละ เคยคิดว่าตัวเองอยากสมัครเหมือนกันนะเพราะคิดว่าจะได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำ แต่พอดูจากการเป็นประธานนักเรียนในโรงเรียนที่เป็นสังคมขนาดย่อมแล้วอะ ฉันยังเจอไดโนเสาร์ที่คอยกีดกัน ๆๆๆๆ ก็ไม่ไหว ต้องไปสู้กับไดโนเสาร์ล้านปีอีกกี่ฝูง วุ้ย
ชอบอะไรที่สุดในโรงเรียน
ชอบทำกิจกรรม อะไรก็ได้เลย ชอบมาก ถ้าสิ่งที่อยากทำที่สุดคือชอบอยู่กับเพื่อนเยอะ ๆ กีฬาไม่ค่อยเล่น แต่จะไปทำพวก story telling, skit, drama, singing จะชอบมาก แต่หลัง ๆ เริ่มขี้เกียจแล้วจากที่เราไปทำอะไรมาข้างนอก จุดประสงค์ที่เขาเริ่มเข้าหาเรามันไม่ใช่ในทางที่ดีละ เริ่มหาประโยชน์จากกูละ พอเรารู้ว่าเจตนาเขาไม่ค่อยดีเราก็ไม่ค่อยอยากทำให้เขา แต่อาจารย์ที่เขาน่ารัก ทำกับเรามาตั้งแต่แรก เราก็อยากช่วยเองโดยปริยาย ‘อาจารย์ให้หนูทำตรงนี้มั้ย’
ตอนนี้จบ ม.6 แล้ว อยากเรียนอะไร
ได้ทุนที่ ABAC แล้วค่ะ 4 ปีเต็มเลย คณะ Music สาขา Music Entrepeneurship ค่ะ คณะเขาติดต่อมาให้ไปดูมหาลัยก่อน แล้วก็เก็บมาตัดสินใจว่าจะไปสายการแสดงหรือสายดนตรีดี มันอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกันก็จริงแต่มันคนละอย่างกันเลย สุดท้ายก็เลือกดนตรีเพราะเราชอบทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของอันนี้มากกว่าการแสดง แล้วก็คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์จากหลักสูตรที่ค่อนข้างทันสมัย แล้วก็จะได้ความรู้เบื้องหลังมากกว่าเดิม มันต้องเรียนอะ ทำบีต ทำอะไร เบื้องหน้าเราก็ฝึกกันได้เรื่อย ๆ แล้วเหมือนมหัศจรรย์อภินิหาริย์เลยอะ พอรู้ว่าจะได้เรียนเอแบคนะ ทุกคนรอบตัวหนูเรียนเอแบคหมดเลย แต่คนละคณะเฉย ๆ คือไม่ได้สนที่นี่แต่แรกเพราะไม่มีตัง แต่พอได้ทุนมาก็มีโอกาสได้เรียน international ขนาดนี้ก็ลุยเลย
พูดเก่งแบบนี้ประกวดสุนทรพจน์ด้วยรึเปล่า
(หัวเราะ) เคยสุนทรพจน์นิดหน่อยค่ะ ไม่บ่อยขนาดนั้น น่าจะได้รับอิทธิพลความพูดเยอะจากพ่อแม่มั้ง เพราะเขาเป็นไกด์ทั้งคู่เลย
เคยอยากทำงานแบบพ่อแม่ไหม
ไม่อยากค่ะ เพราะเขาพาหนูไปทำแต่เด็ก เลยทำให้เรารู้ว่าอ๊อยยยย เหนื่อยมากกกก ไม่ไหว ก็เลยไม่อยากเป็นแบบเขา พยายามดิ้นรนเพื่อไม่ต้องไปรับใช้ใคร ลูกค้าบางท่านก็น่ารัก ลูกค้าบางท่านคิดว่าจ้างมาแล้ว มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ โดยบางทีก็ลืมไปว่าหนูก็เป็นคนเหมือนกัน ก็เลยไม่ค่อยชอบ
คิดยังไงที่มีคนเรียกว่า ‘ลูกหลาวกะเทย’
เป็นเกียรติมาก หนูพูดกับพี่ ๆ ในค่ายทุกครั้งว่า ‘เนี่ย มีแม่กะเทย ดีกว่ามีผู้ชายมารักอีก’ เพราะถ้ากะเทยชอบ กะเทยผลักดันมาก หนูดีใจมาก คือเพลงมันค่อนข้างไปทางแม่ ๆ แหละ ซึ่งก็มีความเป็นตัวหนู การที่สังคมกะเทยยอมรับหนูมันก็เป็นอะไรที่ยากเหมือนกันนะคะ บางทีหนูอาจจะโดนเหม็นด้วยความที่หนูเป็นผู้หญิงและอายุยังน้อย แต่พอเพลงออกไปแล้วกระแสแม่ ๆ เอ็นดูหนู หนูเลยแบบ ‘อู๊ยยย กูปริ่มและ 20 ล้านก็ 20 ล้านแหละวะ กูอิ่มตั้งแต่ตรงนี้แล้วล่ะ’ มีคนเอาไปคัฟเวอร์กัน ท่าเต้นในเพลงคิดเองกับเพื่อน ๆ สองคนที่เต้นเป็นแบ็คข้างหลังก็ช่วยคิดด้วย
ภาษาลูนี่ฝึกนานไหม
เป็นไอเดียของหนูกับ MIUMIU The Rapper คือเราเคยคุยกันว่าเราพูดภาษาลูได้ทั้งคู่ คิดว่าน่าจะมีสักโปรเจกต์นึงที่เราจะเอาภาษาลูเข้ามาเป็นเพลงนะ แต่เรายังไม่เจอโอกาสที่จะได้ทำด้วยกัน เลยขอมาใช้ก่อน เพราะคาแร็กเตอร์หนูก็พอไปวัดไปวากับทางด้านนี้ได้ ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงคำหยาบด้วย เราอยากใช้คำหยาบให้น้อยที่สุด เพราะถ้าด่าไปเลยตรง ๆ กลัวแม่จะตกใจ (หัวเราะ) ภาษาลู เพราะถ้าแปลออกมาแล้วเป็นคำหยาบหมดเลย (FJZ: แล้วเพื่อนที่โรงเรียนใช้กับเราด้วยไหม) มันง่าวววว ไม่เข้าใจ เซ็งกับมันเหลือเกิน ภาษามัน advance นางใช้วิธีการจำเอาเป็นภาษาลูแล้วเอามาใช้ ไม่ได้ผวนเอง
มีทริคสำหรับคนเรียนรู้ภาษาลูเบื้องต้นไหม
มันคือการเอาพยัญชนะออก เอา ส เสื้อมาใส่ แล้วเอาพยัญชนะตัวนั้นไปใส่กับสระอุ… จะดีหรอ หนูไม่อยากสอนเลยอะ เดี๋ยวหนูเม้าท์ไม่ได้ (หัวเราะ)
ถ้าคิดภาษาของตัวเองขึ้นมาได้ อยากให้ภาษา MILLI เป็นยังไง
มันต้องไปดูว่าหลักภาษามันจะแปลงเป็นอะไรได้บ้าง แค่นี้หนูก็ดูพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ คือหนูอ่านจอยลดาไง แล้วก็เอาภาษาในจอยมาใช้ ภาษาที่เพื่อนใช้ในชีวิตประจำวัน ภาษาแม่กะเทยก็เอามาใช้ ใช้รวมกันจนกลายเป็นภาษาของหนูอีกที แล้วเวลาหนูพูดภาษาในแชต เขาก็งงว่าพูดไรวะ แต่คุยกับเพื่อนเข้าใจเพราะมาจากที่เดียวกัน
ถ้าเป็นภาษาหนูก็อยากจะให้เป็นภาษาที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเลย สามารถพูดได้ในที่สาธารณะแล้วเขาไม่เก็ตอะ จะมีแต่พวกเดียวกันเท่านั้นที่เข้าใจ เพราะตอนนี้ภาษาลูคนเริ่มเข้าใจละ ต้องให้ภาษาเราดีพเข้าไปอีก generate ใหม่ให้มันยากขึ้น ตอนนี้เลยพูดภาษาลูผสมกับภาษามะละกอ มันจะแบบว่า ‘มะละกินสะละกี้มาละกั๋มสะละก้า…’ (FJZ: ฟังไม่ทัน แปลว่าอะไร) ‘มินนี่สัมภาษณ์วันนี้’… มันคือภาษาสระอะแหละ ใส่อะไรผสมปนเปกันไป ไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่ได้ยินมาอีกที หนูเลยตั้งชื่อว่า ภาษาละกะ หรือภาษามะละกอ (หัวเราะ)
มี pop culture อะไรที่สนใจเป็นพิเศษอีก
ก็ศัพท์กะเทยเนี่ยแหละ มันจะมีมาใหม่เรื่อย ๆ กะเทยจะมีศัพท์ที่ไวรัลตลอด ตอนนี้จะมี ‘เจ๊อย่าวีน’ ที่เป็นคลิปพี่คนนึง บอกว่า มานี่ แต่งหน้าแต่งตัวก่อน แม่อย่าวีน ๆ ตลกดี หนูชอบ แล้วก็มีช่างแต่งหน้าทำผมที่สนิทกัน จะแนะนำว่า ‘มึง เทรนด์ใหม่มาแล้ว ห้ามตก’ หนูตามเทรนด์กะเทยตลอด แล้วพอคุยกับพี่ ๆ หลาย ๆ ท่าน เขาจะมีศัพท์มาใหม่ แล้วหนูเอาไปใช้ เช่น ‘มีจริง’ เหมือนคำว่า ‘จริง ๆ นะ’ แต่มันจะต้องจริตแบบ ‘ข้าวผัดอันนี้อร่อย มีจริง‘ ต้องเน้นเสียง มีอินเนอร์นิดนึง (หัวเราะ)
อะไรคือเรื่องน่าลำไยที่สุดสำหรับ MILLI ตอนนี้
คนที่ไม่เข้าใจเราและด่าเราโดยที่ไม่เข้าใจ นี่เพิ่งนอยเลย เมื่อคืนเพิ่งร้องไห้ไป (หัวเราะ) เหมือนบางทีเขาติมา หนูเห็นด้วยนะเพราะบางทีหนูใช้คำพูดที่รุนแรง จริง ๆ เราจะด่าใครเราใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ได้ ถ้ามันเป็นผลงานเพลงไปสู่สาธารณชน เราสามารถใช้คำที่ดีกว่านี้ได้ ก็อาจจะเป็นความคิดน้อยของหนูเอง อาจจะเอาไปปรับใช้กับบางเพลงที่อยากให้มันไปถึงคนได้ทั่วถึงขึ้นด้วยค่ะ แต่บางเพลงที่หนูอยากให้คง culture ของฮิปฮอปไว้ก็อาจจะไม่ได้เอาคำแนะนำตรงนี้ไปใช้ ถึงขนาดนี้บางท่านเขาก็ยังมองว่าหนูไม่เปิดรับอยู่ ทั้งที่หนูอ่านทุกทวีตเลยนะ แล้วก็มี dm ในอินสตาแกรมมาด่าว่า ‘ลองเปิดใจดูนะคะ’ ก็ค่อนข้างเซ็ง ๆ หนูออกสัมภาษณ์ตั้งแต่ปล่อยเพลงไปหลายสื่อมาก พูดจนจะ auto pilot แล้ว แต่เขาไม่ได้รับฟังหนูจากตรงนั้นเลยแล้วยังด่าหนูในประเด็นเดิม ๆ ก็อยากให้เขาเปิดบ้าง นิดนึง (FJZ: ภาพลักษณ์หนูดู fierce แต่จริง ๆ แล้วเป็นคน sensitive) ใช่ค่ะ ที่จริงไม่อยากคิดเลยค่ะ แต่หนูก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เหมือนกับที่หนูก็ไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ให้ด่าหนูไม่ได้เหมือนกัน
อายุเท่านี้ ได้รับความสนใจจากทั่วประเทศขนาดนี้ หนูรับมือกับมันยังไง
มันใหญ่หลวงเหมือนกันนะ ยอมรับว่าหนูก็ยังจัดการได้ไม่ดี คนชมร้อยพันล้านคนก็ไม่มีผลกระทบเท่าคนด่าเราคนเดียว ซึ่งหนูอยากแก้ตรงนี้เหมือนกัน อยากเอาใจหนูไปใส่ใจกับคนที่เขาชมหนูมากกว่า ส่วนคนที่ติ เก็บมาพัฒนา คนที่ด่าคือไปพักก่อน คือคนที่ติกับคนที่ด่ามันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ มันมีคนที่พยายามเข้าใจเรา ติเราเพื่อที่จะให้เราเก่งขึ้น ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ บางคนดูที่หนูแร็ปมีแบนด์สดแล้วกลัวหนูร้องไม่ไหว อันนั้นน่ารักมาก ๆ เลย เป็นห่วงหนูเนาะ ส่วนคนที่ด่าก็สักแต่ว่าด่าจริง ๆ อยากจะด่ากลับ แต่ขอไว้ก่อน (หัวเราะ)
การเป็นแร็ปเปอร์ผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงหันมาฟังฮิปฮอปเยอะขึ้นด้วยไหม
ใช่ มีคนเดินมาพูดกับหนูว่า พี่ไม่เคยฟังเพลงแร็ปเลยนะคะ แต่พอมาเป็นน้องแล้วอยากฟัง โห หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากเลย กับการได้ดึงให้หลาย ๆ คนเข้ามาสนใจฮิปฮอปมากขึ้น ก็ถือว่าได้รับผลกระทบที่ดี (FJZ: ผลตอบรับ!) เอ้ย ใช่ ผลกระทบมันด้านลบนี่หว่า ต้องเป็น ได้ผลตอบรับที่ดี!!
แล้วรู้สึกว่าการมาเดินเส้นทางนี้เจอความยากอะไรบ้าง
ผู้หญิงเราต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้ชาย ไม่ว่าจะสายงานใดก็ตาม เพราะบางคนยังมองว่าผู้ชายทำงานได้ดีกว่าผู้หญิงอยู่ เดินขึ้นเวทีพี่ผู้ชายถอดเสื้อ กรี๊ดกันทั้งฮอล แต่ถ้าเป็นหนูถอดเสื้อ อ้อหอ ก็จะโดนว่าอนาจาร ไม่ได้ ไม่ดี ตอนนี้หนูก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาเพื่อที่จะให้เห็นว่า ฉันก็ทำได้แบบที่ผู้ชายทำได้นะ ต้องพิสูจน์กันด้วยความสามารถ
คิดจะทำเพลงสนับสนุนผู้หญิงหรือเพศหลากหลายบ้างไหม
เอาจริง ๆ นะ พูดตรง ๆ เลย ก่อนหน้านี้มีความฝันอยากจะทำแบบนี้ พวก ‘Don’t tell me how to dress’ แต่พอเริ่มโดนด่าเยอะ ๆ ก็ไม่อยากทำแล้ว นอยไปเลย เพราะว่าความคิดด้านนี้เริ่มถอยไปบ้างแล้ว เวลาเราโดนด่ามาเยอะ ๆ ก็ต้องยิ่งไปศึกษามามากกว่าเดิมค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่เราอยากพูดถึงในเรื่อง feminism เราสามารถพูดถึงในแง่ไหนได้บ้างที่ถูกต้อง ครบถ้วน แล้วเข้าใจโดยทั่วกัน อาจจะทำในอนาคตถ้ารู้สึกว่าอยากทำขึ้นมาอีก ตอนนี้ก็คงพูดเรื่องที่เราเคยประสบในชีวิตมาก่อน
อยากจะจัดการกับ haters ยังไง
ฮืออออ แอบไปร้องไห้คนเดียวก่อน (หัวเราะ) ก็อยากจะด่าอยู่ haters gonna hate จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะทำอะไรหายใจก็ยังผิด เราเคยเป็น hater ของคนอื่นมาก่อนก็จะรู้ ว่าถ้าเราไม่ชอบคนนี้ เราก็จะอคติไปเลย ซึ่งเราเข้าใจเขาแหละ งั้นฉันจะทำในสิ่งที่ฉันเป็นเนี่ยแหละ ยังไงมันก็ผิดอยู่ดี ดังนั้นก็ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าผิดแล้วฉันมีความสุขดีกว่า
อาจจะแต่งเพลงแซะบ้าง เขาคงสะทกสะท้านบ้างแหละ คือการแต่งเพลงด่า haters มันเป็นเสน่ห์ของฮิปฮอปด้วยนะ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา วันนี้จะพูดเรื่องข้าวไข่เจียว อีกวันจะพูดเรื่องต้มยำกุ้งละ มันไปเรื่อยอะ วันนี้ haters ด่ากู อีกวันเขารักกู กูก็แต่งเพลงขอบคุณ haters ก็ได้ ชิลไปหมดเลย
ตอนนี้อายุ 17 นึกภาพตัวเองตอน 37 ไว้ยังไงบ้าง
ฉันจะเป็นคนอายุ 37 ที่เยี่ยวที่สุด หนูแพลนไปยัน 60 เลยว่าจะไถสเกตบอร์ดไปตลาด ซื้อผักมาทำกับข้าวให้หลานกิน เปรี้ยวนะ เคยเห็นคุณยายที่ถ่ายแบบปะ หนูจะดูแลตัวเองแบบนั้นอะ มาจ้ะ Vogue เลย
อยากเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
อยากเป็นผู้ใหญ่แบบพ่อ แต่ก็อยากจะเก่งกว่าพ่อไปอีกที พ่อสอนว่าให้เรามองโลกหลาย ๆ ด้าน เรามาตกผลึกอีกทีว่าก็โลกเราเป็นทรงกลมไง ก็ควรจะมองอะไรที่เป็นหลายมุม คือทรงกลมมันเกิดจากหลายเหลี่ยมมุมมารวมเป็นทรงกลม ถ้าเรามองอะไรแค่ด้านเดียว เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เท่ากับเราไม่เท่าทันโลกเลย
การที่มองเด็กใหม่ลงไปเหมือนกัน มันก้คงจะเหมือนการที่ผู้ใหญ่มองเราว่าเด็กสมัยนี้โตไวเนอะ จนเรามานั่งคิดว่าเราไม่อยากเป็นผู้ใหญ่แบบที่เขามองเรา ไม่อยากเป็นแบบนั้น เราก็พยายามเข้าใจเขาว่า เทคโนโลยีเข้าถึงไว น้องสามารถเลือกสิ่งที่เป็นตัวเองได้ตั้งแต่เด็กเลย ตอนหนูกว่าจะมาเจอว่าอยากเป็นอะไรแบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะโตแล้ว กลายเป็นว่า ถ้าเรามองว่าน้องโตไว เรามองว่าน้องเลือกเส้นทางของตัวเองได้ไวดีกว่ามั้ย ใช้คำพูดที่น่ารักขึ้น แล้วก็พยายามเข้าใจในสิ่งที่น้องเป็น พยายามแนะแนวทางน้องให้ไปในทางที่เหมาะควรสมกับวัยของน้อง แล้วทำให้น้องไปต่อได้ในอนาคตที่ดีกว่าได้ด้วย
เคยมีเด็กหลาย ๆ คนมาปรึกษา เราก็พยายามให้คำแนะนำว่าทำอะไรให้เหมาะสมกับวัยเขา พยายามมองย้อนกลับไปตอนเราอายุเท่าเขา เราจะทำอะไร บางอย่างไม่ใช่เรื่องดีเราก็บอกให้เขาฟังว่าเราเคยทำสิ่งที่ไม่ดีตรงนั้นมาแล้ว หนูจะพูดให้เห็นสามสี่ห้าด้าน ให้น้องเลือก เพราะห้ามไปเด็กก็ไม่ฟัง เหมือนที่เขาพยายามจะห้ามหนูหนูก็ไม่ฟังถูกไหม เราก็จะถือว่าอยากลอง แต่ถ้าเป็นน้องฉันแล้วเลือกแย่ มีผลเสียเกิดตามมา ฉันด่านะ แต่ถ้ามันเลือกด้านใหม่ คนละด้านกับที่หนูเคยเลือกตอนเด็ก ๆ ที่ดูไม่ได้เดือดร้อนใคร พี่จะไม่ห้ามนะ แล้วแต่จะเลือกเองละ
กลัวการโตเป็นผู้ใหญ่ไหม
อยากหยุดชีวิตไว้แค่ช่วง 18-20 แล้ววนกลับมาใหม่ แต่มันไม่ได้ คือยิ่งโตความรับผิดชอบมันยิ่งเยอะ หนูต้องคิดเยอะขึ้นตลอดเลย เอาง่าย ๆ เรื่องความรัก ตอนเด็ก ๆ รุ่นหนูหรือน้อง ๆ ลงไปมองแค่อะไร ฉันรักเธอ เธอรักฉัน เราอยู่ด้วยกันมีความสุข มีความเข้าใจกันพอ พอยิ่งโต มีเรื่องฐานะ ความเข้าใจ ความเป็นผู้นำ เรื่องเซ็กซ์ มาเกี่ยวข้องละ มันกลายเป็นว่ารักไม่ใช่แค่รัก มีอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเยอะมากมารวมเป็นรักอีกที มันต้องคิดอะไรเยอะ ซึ่งไม่อยากคิดเยอะเลย แต่มันไม่ทันแล้ว ฉันก็โตขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วก็กลัวจะโตเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราไม่ชอบ กลัวกลายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล ขี้บ่น ซึ่งปัจจุบันก็ขึ้บ่นอยู่แล้ว กลัวว่าโตไปจะหนักกว่าเดิม ตอนนี้แอบรำคาญผู้ใหญ่ ก็เป็นความนิสัยไม่ดีของหนูเอง ถ้าที่บ้านบ่นก็จะเริ่มงอแงโวยวาย แล้วก็กลัวลูกหลายเราทำแบบนั้นเหมือนกัน มันน่าจะเกิดขึ้นแหละ ก็ต้องทำใจเอาไว้
อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็น MILLI
พยายามไม่เว่อร์ ไม่เล่นใหญ่เกินไป พยายามคีพลุคตัวเอง แต่ไม่ทันแล้ว (หัวเราะ) แล้วยิ่งพอเราเป็นที่รู้จักในสังคมนี้เรายิ่งต้องระวังในเรื่องกาลเทศะ การใช้คำพูดมากขึ้น คนในซีนฮิปฮอปยอมรับความเป็นตัวเราได้ในระดับนึง แต่คนข้างนอกเขาอาจจะไม่เข้าใจ เราต้องมีหลายโหมดให้เขาเลือกนิดนึง ว่าอาจจะเป็นแบบนี้ตอนอยู่กับเขา แล้วลับหลังจะว่าไงก็แล้วแต่
มีศิลปินในวงการคนไหนที่เราชอบเขาบ้าง
ตอนนี้รู้สึกว่าเท่มาก ๆ ก็จะเป็น ปรัชญาไมค์ กับ K6Y เป็นพี่ชายสุดที่รักของหนูเลย แล้วก็ชอบสไตล์พี่ Ben Bizzy เขามีความเป็นตัวเขาสูง แบบ ‘เหอ เห๊อออ’ เอาความเป็นตัวเองมาใส่ อีกคนคือ 1MILL คือโฟลวไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ โฟลวแรกเป็นงี้ คนทำตามเขาเยอะ เขาก็เลยเปลี่ยนไปทำอีกแบบ ตามไม่ทันละ กับอีกคนที่สุดในโลกแล้ว คือ F. HERO ที่หนึ่งในใจ พี่กอล์ฟเก่งอะ สังเกตว่าเขาอยู่ได้ทุกยุคเลยนะ เวลาหนูไปทัวร์กับเขาเขาจะมีเพลงทุกแบบ สามช่าก็มี เขาไม่กลัวว่าจะโดนมองว่าตลาดล่าง ถึงตลาดล่างแต่กูมีกินเว้ย เหอะ ๆ ก็จริงอะ
ฝากผลงาน
ตอนนี้หนูมีเพลง พักก่อน เป็น debut single สามารถติดตามเพลงต่อจากนี้ได้ใน YouTube YUPP! แล้วก็จะมีลงรายการสัพเพเหระในช่องหนูเองค่ะ MILLI Official แล้วก็เพจเฟซบุ๊กไว้คอยอัพเดจข่าวสาร กับอินสตาแกรม @phuckitol อ่านว่า fuck it all ค่ะ (ยิ้ม)
อ่านต่อ
อย่ามีเรื่องกับ MILLI — ดูน้องไม่ค่อยไหว ไป ‘พักก่อน’ จ้ะ เดี๋ยวแม่ฟาด!