Article Interview

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของ Lula ‘มาเจอกันในคอนเสิร์ตของเรากันเถอะ’

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

“จะเป็นตุ๊กตาหน้ารถบนถนนแห่งความรัก
อยากให้รู้จะอยู่เคียงข้างเธอ
ไม่ว่าทางจะไกลแค่ไหน”

มีใครไม่รู้จักเพลงนี้บ้างไหมครับ เชื่อว่าถ้าผมเดินไปร้องเพลงนี้ให้คุณผู้อ่านฟังได้ คุณผู้อ่านต้องทำเสียงเล็ก ๆ ตามต้นฉบับที่เคยได้ยินกันแน่นอน

มาครับเข้าเรื่องกันดีกว่า ทันทีที่ Fungjaizine ได้เห็นประกาศข่าวว่าเจ้าของเพลงนี้จะมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่เธอคนนี้มีคอนเสิร์ตของตัวเองเสียที จึงไม่รอช้ารีบทำการติดต่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตในวงการเพลงกว่า 10 ปี รวมไปถึงมุมมองการใช้ชีวิตของผู้หญิงวัย 38 เธอมีมุมมองอย่างไรบ้างซึ่ง ตุ๊กตา—กันยารัตน์ ติยะพรไชย หรือที่หลายคนรู้จักเธอในชื่อ ลุลา จะมาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟังกันในบทสัมภาษณ์นี้ครับ

ความรู้สึกของคนที่มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิต 

ถามตัวเองก่อนเลยว่า ‘มันใช่จริง ๆ รึเปล่า’ (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ไว้เลย เพราะเรากำหนดสิ่งเหล่านี้เองไม่ได้ ถ้าเป็นงานพวกแฟนมีตติ้ง เราจัดเองแล้วชวนค่ายมาจัดมันก็ไม่ยาก แต่พอมาเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ทุกอย่างมันต้องใช้หลาย ๆ ฝ่ายร่วมกัน เราเองเลยทำได้แค่คิดเอาไว้ในใจมาตลอดว่าจะทำคอนเสิร์ตใหญ่ตั้งแต่ตอนออกอัลบั้มแรกแล้ว แต่เนื่องด้วยตอนนั้นเพลงน้อยแถมเป็นศิลปินหน้าใหม่อีก มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดงานถ้าไม่มีค่ายและผู้สนับสนุน ฉะนั้นแล้วนี่แหละ คือคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเราอย่างเป็นทางการจริง ๆ 

จริง ๆ เราเป็นคนบอกกับค่ายเองว่าเพลงตุ๊กตาหน้ารถ และอัลบั้ม Urban lullaby ครบรอบ 10 ปี พี่ในค่ายเขาก็บอก งั้นลองทำคอนเสิร์ตดูดีไหม ค่าย White Music เขาจะมีไลน์อัพของวงที่จะทำคอนเสิร์ตอยู่แล้วด้วย เขาก็เลยใส่ชื่อเราลงไปในลิสต์ ด้วยความที่อยู่มานานก็จะรู้ว่าทุกอย่างมันมีขึ้นและลงตลอด มีทำคอนเสิร์ตได้ก็อาจจะไม่ทำได้เช่นกัน เราเผื่อใจไว้จนในที่สุดมันมีการประชุมและถ่ายโปสเตอร์จริง ๆ ตรงนี้ทำให้รู้แล้วว่ามันมีการลงทุนในการทำคอนเสิร์ตนี้เกิดขึ้น มั่นใจแล้วว่าได้ทำแน่ ๆ ความรู้สึกตื่นเต้นมันเกิดขึ้นตอนถ่ายโปสเตอร์กับตอนประชุมนี่แหละ คอนเซปต์มันน่าสนใจด้วย ที่สำคัญทีมทำโปสเตอร์ครั้งนี้ชื่อทีม ‘Syrup’ เขารู้จักเราค่อนข้างดี เราก็เลยค่อนข้างสบายใจ บอกตรง ๆ ว่าคอนเสิร์ตไม่ค่อยได้แตะมาก เพราะว่าทุกคนทำงานของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว เราก็แค่มองภาพรวมว่ามันตรงกับที่ลุลาเป็นรึเปล่า

กดดันไหมกับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก

เราว่าคอนเสิร์ตแรกทำไม่ยาก แต่พวกคอนเสิร์ตที่ทำทุกปีหรือคอนเสิร์ตที่จัดมา 3-4 ครั้งแบบนั้นมันยากกว่า ครั้งแรกเขาไม่เคยดูไง มีของอะไรก็ใส่ให้หมด แต่ต้องใส่ในระดับที่ไม่ได้เยอะมากจนเกินไป ไม่งั้นรอบต่อไปก็จะยากแล้ว แต่เรามักจะชอบคิดว่า ทำเพลงอัลบั้มนี้คืออัลบั้มสุดท้าย หรือถ้าทำคอนเสิร์ตก็คิดว่ามันน่าจะเป็นครั้งเดียวที่ได้ทำ เพราะฉะนั้นเราจะเก็บพาร์ตที่ไม่เคยเล่นที่ไหนรวมไปถึงบรรยากาศต่าง ๆ เอาไว้ให้คอนเสิร์ตนี้ให้หมดเลย

โชว์ที่จะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตครั้งนี้

ส่วนมากโชว์ช่วงหลัง ๆ มันจะมีความร็อกเข้ามาเพิ่มหน่อย เพราะต้องการความสนุกตื่นเต้น มันเหมือนไปเป็น entertainer จนทำให้เราลืมคำว่า performer ไปแล้ว โดยพื้นฐานพฤติกรรมคนดูคนไทยเราจะต้องทำยังไงก็ได้ให้เขาอยู่กับโชว์ไปจนถึงชั่วโมงครึ่ง เพราะฉะนั้นทุก ๆ เพลงในโชว์มันจะต้องมีความโฉ่งฉ่าง เพื่อให้เขามีความรู้สึกและอารมณ์ร่วมตลอดเวลา แต่คอนเสิร์ตใหญ่มันจะต้องทำให้ทุกคนเกิดความจดจำ เราจึงหยุดงาน 5 สัปดาห์ เพราะจะปรับโหมดจากที่เล่นโชว์ทุก ๆ วัน ต้องล้างภาพตรงนั้นแล้วมาซ้อมคอนเสิร์ต มาเรียนร้องเพลง ทำงานคราฟต์ ทำให้จิตใจมันสบายขึ้น เราเชื่อว่าการทำแบบนี้มันจะดึงบรรยากาศที่เป็นอัลบั้มชุดแรกกลับมาได้ด้วย

การเปลี่ยนโหมดตัวเองจากปัจจุบันกลับไปสู่อัลบั้มแรกยากขนาดไหน

จริง ๆ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่เริ่มล้าง เวลาไปซ้อมเพลงกับทีมคอนเสิร์ต เขาก็จะเอาเพลงชุดก่อน ๆ มาวางในคอมให้เราร้องทับไป เพื่อจะได้ทำดนตรีให้มันเข้ากับเสียงปัจจุบัน โดยเราก็นั่งฟังเพลงที่ทำไว้ตอน 10 ปีที่แล้ว วิธีการร้องที่เกิดขึ้นเราก็จะจดจำ เพราะสมัยนี้เวลาเล่นคอนเสิร์ตมันจะต้องมีความตื่นเต้น มันจะไม่ได้แบบสตูดิโอคุณภาพ เราจึงต้องฟังแล้วจำให้ได้ว่า ณ ตอนนั้นเป็นยังไง แล้วค่อย ๆ ทบทวนไป ช่วงสัปดาห์นี้เป็นช่วงจำเนื้อ ร้องเพลงมา 10 ปี เราเองก็ไปเปลี่ยนเนื้อร้องเองบ่อย (หัวเราะ) บางทีมานั่งฟังเพลงก็เจอว่า มันไม่ได้ร้องคำนี้เหรอ ตอนนี้ต้องจำเนื้อ เอาบรรยากาศวิธีร้องเก่า ๆ กลับมาแล้วก็พักเสียงด้วย เพราะว่าก่อนหน้านี้ใช้เสียงหนักมาก ทำให้ต้องเกิดการซ่อมแซม เรียนร้องเพลง นอนเยอะ ๆ ทำจิตใจให้สบาย

ฟังเพลงของตัวเองเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นยังไงบ้าง

รู้สึกว่าการเป็นคนที่ไม่คิดอะไรเลยดีเนอะ อย่างที่บอก คอนเสิร์ตแรก เพลงชุดแรก มักจะง่ายเสมอ เพราะฉะนั้นชุดต่อไปที่ทำมามันก็ต้องหาเพลงที่ทำให้เขารู้สึกอย่างอื่นไม่ใช่พบกับความรู้สึกเดิม ๆ ด้วย มันยากมากนะตรงนี้ เราต้องมานั่งค้นหาตัวเองว่า เราเป็นอะไรได้อีกนอกจากชุดแรก แล้วอีกอย่างก็รู้ดีกว่า ต่อให้ค้นหาหรือพยายามปรับขนาดไหน เราก็เอาใจทุกคนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเอาใจตัวเองเป็นหลักดีกว่า ถ้าเรารักษาคุณภาพของเพลงไว้ได้ที่เหลือก็แล้วแต่ทุกคนเลยค่ะ 

แขกรับเชิญในคอนเสิร์ตครั้งนี้

ตอนนี้ประกาศไปแล้ว 2 คนคือ โรส ศิรินทิพย์ กับ แพรว คณิตกุล ฟังดูแล้วมีความป๊อปเหมือนกันนะ จริง ๆ ลุลาอัลบั้มแรกเรามาแบบนอกกระแสไม่อิงใครเลยนะ แต่เนื่องด้วยรู้จักสองคนนี้มานาน เขาร้องเพลงเพราะ อยากจะใช้ความสามารถของเขาทั้งคู่ให้มันเกิดประโยชน์บนเวทีนี้ คนที่ได้ประโยชน์คือคนดูทุกท่านเนี่ยแหละ ส่วนรูปแบบการโชว์มันจะเป็นยังไงไปดูกันได้ในโชว์นะ อย่างโรสนี่เจอตั้งแต่เรายังไม่เป็นวง 2Become1 เลยด้วยซ้ำ เขายังเล่นดนตรีกลางคืนอยู่เลย เพราะฉะนั้นเราเห็นความเป็นไปของน้องมาตลอด แม่งร้องเพลงอะไรก็เพราะ เลยรู้สึกว่าต้องเอาเขามาทำอะไรให้เกิดประโยชน์ให้ได้

ส่วนแขกรับเชิญอีกคนเดี๋ยวทุกคนก็คงรู้ รู้จักเขามานานแล้ว เขาเล่นกีตาร์และแต่งเพลงเก่ง เป็นนักร้องสายป๊อปที่ทุกคนชอบ แต่แปลกมากไม่เคยร้องเพลงด้วยกันเลยทั้ง ๆ ที่เจอกันมานานแล้ว หนนี้เลยชวนเขามาทำอะไรที่ไม่เคยทำ ปกติเขาจะเล่นกีตาร์ร้องเพลงอย่างเดียว อันนี้ก็ลองให้เขาทำอย่างอื่นดู ต้องขอร้องให้เขามาซ้อมด้วยกัน ซึ่งเราก็พูดว่า ถ้าทำได้ แกจะดูหล่อมากในสายตาของทุกคน เขาก็แบบอยากลองเลยมาเล่นด้วยกัน ผู้ชายคนนี้จะมีเรื่องราวให้ได้แชร์กัน จริง ๆ มันมีอีกเยอะมากนะที่เป็นเพื่อนศิลปิน แต่มองแล้วว่า ถ้ามันเข้ากับคอนเซปต์ของคอนเสิร์ต 3 คนนี้เข้าที่สุด

สิ่งอื่นที่ลุลาจะทำในคอนเสิร์ตครั้งนี้

หลายคนไม่รู้ว่าเราเป็นนักบัลเล่ต์มาก่อน หรือพาร์ตบางอย่างที่ไม่ค่อยได้โชว์ที่ไหนเกี่ยวกับการร้องเพลงก็อาจจะถูกหยิบมาโชว์ในคอนเสิร์ตนี้ เราว่าการเป็นศิลปินแล้วต้องประคองโชว์คนเดียว มันน่าสนใจดีนะ จะประคองโชว์นี้จนจบได้ยังไง ด้วยประสบการณ์ที่มีมา 10 ปีเลยมองว่า ตรงนี้ที่น่าสนใจและอยากให้ทุกคนมาดู 

คิดว่าคนดูจะได้อะไรจากคอนเสิร์ต

สำหรับแฟนเพลงที่ฟังตั้งแต่ชุดแรกหรือแฟนเพลงที่เพิ่งมาฟังเพลงในยุคปัจจุบัน อยากให้ทุกคนได้มารู้จักเรามากขึ้น คุณรู้จักลุลาดีพอรึยัง ยังคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงใส่กระโปรงบาน ๆ อยู่กลางทุ่งอยู่รึเปล่าเราเป็นคนมองโลกสวยงาม เป็นคนขี้เหงา แล้วก็มีเพลงเหงา ๆ เยอะ มันยังมีอีกหลาย ๆ แง่มุมที่อยากให้ทุกคนได้รู้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ก็ซื้อบัตรมาดูกัน 

ภาพรวมของคอนเสิร์ตจะเต็มไปด้วยดอกไม้และงานคราฟต์

Key visual ที่เห็นในโปสเตอร์มันจะมี 2 อย่างคือ เดซี่และแมว ซึ่งสื่อถึงตัวเราเองด้วยอย่างฉากข้างหลังถ้ามองดี ๆ มันจะเป็นฉากระบบ manual เราไม่มีเทคนิคยิงเลเซอร์ในคอนเสิร์ตแน่นอน เราใช้งานคราฟต์เข้ามามีส่วนร่วมเยอะมาก ทั้งหมดทั้งปวงในคอนเสิร์ตครั้งนี้มันจะเน้นไปที่ music and art ที่สำคัญยังได้ทีม Duckunit มาช่วยด้วย ทุกคนเก่งหมดเลย งานคอนเสิร์ตครั้งนี้จะรวมทุกอย่างที่ชอบไว้ทั้งหมดทั้งทีมงานรวมไปถึงทีมจัดการงานคอนเสิร์ตด้วย 

Lula

10 ปีที่ผ่านมารู้สึกยังไงบ้าง

รู้สึกแก่นะ ปีนี้อายุ 38 แล้ว เราโตมากพอที่จะแยกได้ว่า ชีวิตแต่ละอย่างที่ต้องรับผิดชอบมีอะไรบ้าง อีกอย่างมองว่าจังหวะชีวิตคนมันไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะดังตอนอายุ 17 บางคนอาจจะเป็นที่รู้จักตอน 28 เหมือนเรา เวลามันจะเป็นตัวบ่งบอกเองว่าถึงเวลาแล้วใช่ไหม สำหรับเรา 10 ปีนี่มันเร็วมากเลยนะ เราจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทุกปีเลย ทำงานหนักทุกปี เพราะฉะนั้นทุกเพลงมันคือการเล่าเรื่องราวชีวิตของเรา 

รับมือกับกระแสทั้งด้านดีและไม่ดีที่เข้ามาตลอด 10 ปีอย่างไร 

ย้อนกลับไปตอนทำอัลบั้มแรก ตัวเราเองค่อนข้างงงนะ งงที่ตัวเองได้มาเป็นนักร้องแบบงง ๆ จุดเริ่มต้นมันเริ่มมาจากตอนที่ได้ไปทำโปรเจกต์พิเศษก่อนทีนี้ป๋าเต็ด (ยุทธนา บุญอ้อม) ช่วงนั้นเขาบ้า Lisa Ono เขารู้สึกว่า ในเมืองไทยยังไม่มีใครร้องเพลงแนวนี้ เขาอยากจะปั้นก็เลยมาถามว่าทำไหมเดี๋ยวจะปั้นให้เป็นศิลปิน ตอนนั้นด้วยความที่เป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ เราก็งง ๆ ทำก็ได้ พอทำออกมา ชอบทุกเพลงหมดเลยนะ พี่โตน Sofa ก็ทำเพลงออกมาได้ดีมาก ๆ อย่าง ตุ๊กตาหน้ารถ ตอนที่ออกไปมันเป็นยุคแรกที่เว็บ Pantip เริ่มโด่งดัง เราว่าในอดีตการที่จะด่าวงดนตรีวงใดสักวง ทุกคนก็มักจะด่ากันเองต่อหน้ากับเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้พอมันมีโลกออนไลน์เข้ามาการด่าตรงนี้มันชัดขึ้น เราเคยโดนคนเขียนด่าต่าง ๆ นานา เช่น กระแดะ ดัดเสียง ทำไมมึงร้องไม่เต็มเสียง ก็งงว่า เดี๋ยวนี้มนุษย์มันไปขนาดนี้เลยเหรอ สุดท้ายพี่พีอาร์เขาก็เขียนแก้เรื่องราวตรงนี้ให้ผ่านทางหนังสือพิมพ์ว่า มันเป็นจังหวะบอสซาโนวาอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจดนตรีแนวนี้ พยายามที่จะบอกว่ามันเป็นวิธีการร้อง ซึ่งในมุมที่เจอเรื่องแย่ ๆ มา มันก็ยังมีข้อดีของมันอยู่บ้างตรงที่คนฟังเพลงที่เขาเปิดรับ เขาชอบในแนวเพลงนี้ของเรา พอซิงเกิ้ลที่ 2 ออกมา เวลาจะช่วยอะไร ทุกคนก็เริ่มสนใจมากขึ้นจนมาพีคสุดตอน ทะเลสีดำ อันนั้นคือ ทุกคนยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว มีคนเข้าไปค้นหาในเว็บ Google ด้วยว่า ลุลามันเป็นใคร (หัวเราะ) เข้าไปดูหน้า เข้าไปทำความรู้จัก มันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเราเริ่มเข้าใจธรรมชาติของการทำอะไรใหม่ ๆ มันจะต้องมีก้อนหินใหญ่ ๆ ที่มาขวางเสมอ ถ้าข้ามผ่านไปได้แล้ว ทุกอย่างมันจะชัดเจนขึ้น

จากวันที่ไม่มีคนฟังสู่เจ้าของเพลงหลักร้อยล้านวิว 

เอาจริง ๆ เราทำยอดเยอะ ๆ เพื่อให้นายทุนสบายใจ เราเองพยายามจะไม่ยึดติดกับตัวเลขพวกนั้นเพราะว่ามันไม่ใช่ตัววัดอะไรมากมายเท่าไร แต่เราจะวัดทุกอย่างด้วยตัวเองได้จากตอนที่ไปเล่นคอนเสิร์ต ทุกคนร้องเพลงได้เสียงดังฟังชัด โอเค ถือว่า เพลงนั้นมันดังจริง ๆ ตัวเลขทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่องค์ประกอบ ถ้าทำได้คนที่เขาสนับสนุนก็สบายใจ หลาย ๆ อย่างในการทำเพลงของเรา แม้เนื้อหาเพลงมันจะแมสมาก ๆ แต่ก็ยังมีความอาร์ตซ่อนอยู่เสมอ เราเป็นสายเชิดชูศิลปะ อย่างน้อย ๆ ในเพลงก็จะมีเรื่องราวเหล่านี้อยู่เสมอ ทุกอย่างมันต้องอยู่ในสัดส่วนที่ลงตัว อย่างเช่น เพลงของลุลาจะไม่มีคำว่า ไลน์ หรือ ไลก์ เราจะมีภาษาที่มันเป็นกวีกว่า ขอแค่เรื่องพวกนี้เลยนั้นแหละคือ วิถีที่ต้องการในการทำเพลงของเรา 

วงการเพลงตอนนี้ในสายตาของลุลา 

อิสระมันยังเท่าเดิม แต่ตัวเงินมันน้อยลงมากนะ อิสระในที่นี้เรายังเห็นว่าค่ายเล็กค่ายน้อยที่เขาไม่ได้อยากจะได้กำไรจากเพลงมากเท่าไร เขายังคงทำในสิ่งที่เขาชอบอยู่ ไม่งั้นมันคงไม่มีคลื่นที่เปิดแต่เพลงนอกกระแสหรอก แต่สำหรับเพลงกลาง ๆ กับเพลงที่แมสมาก ๆ ตัวเงินมันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด คนทำงานก็น้อยลงมาก เวลาจะทำเพลงหนึ่งเพลง มันมีขั้นตอนเยอะ ค่ายใดที่ยังลงทุนกับการทำเพลงใหม่ ๆ เราจะต้องขอบคุณเขา เขาคือแรงผลักดันที่ทำให้อุตสาหกรรมของเพลงมันก้าวต่อไป ฉะนั้นเราต้องให้คุณค่ากับเพลงทุกตลอด ต้องขอบคุณคนแต่งเพลง ขอบคุณโปรดิวเซอร์ คนเรียบเรียงเพลงที่เขายอมทำงานแบบนี้อยู่ เพราะงานพวกนี้มันไม่ได้เงินเลย ฉะนั้นมีเพลงไทยเยอะ ๆ มันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่คนสนับสนุนมันก็ต้องเยอะตามไปด้วยมันถึงจะอยู่ได้ยืนยาว 

ความฝันหลังจากนี้ของลุลา

อาจจะสลับชีวิตกันกับตอนนี้นะ อาจจะถอยมาทำงานคราฟต์ ทำงานอาร์ตต่าง ๆ  ไปช่วยทำเบื้องหลังด้วย เพราะคิดว่า ทำงานตรงนี้มา 10 ปีก็น่าจะช่วยคนอื่นได้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือภาพ เราน่าจะทำได้แล้ว ส่วนตัวก็จะพยายามแต่งเพลงเองให้มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องพึ่งใครมันจะได้เป็นตัวเราเองจริง ๆ ตั้งแต่เริ่มเลย เสียงดนตรีเราทิ้งมันไม่ได้ แต่ค่ายก็ต้องยอมรับว่า เราเองก็แก่ลงทุกวัน มันก็จะมีคนใหม่ ๆ ขึ้นมาแทนอยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มมีแล้ว

อยากบอกอะไรแฟนเพลงบ้าง

กลุ่มคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือพวกเขา ถ้า 10 ปีที่แล้วไม่มีใครฟัง ไม่ซื้ออัลบั้มหรือไม่พูดถึง ไม่เดินทางมาหา มาดูโชว์ เราจะเป็นที่รู้จักได้ยังไง มันก็คงไม่มีทางมาถึงตรงนี้ได้ ยิ่งเวลาไปบนเวทีที่มีคนหลาย ๆ พันคนร้องเพลงเราได้ มันเป็นโมเมนต์ที่เรารักมาก ๆ มันเหมือนยาเสพติดที่เล่นแล้วเลิกความรู้สึกนี้ไม่ได้ แฟนเพลงคือกลุ่มคนที่ทำให้เรารู้สึกมีความหมาย ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะไม่ได้ทำงานอยู่ในตรงนี้ แต่คำว่า ลุลา มันก็จะอยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้นเขาเป็นทุกอย่างสำหรับเรา ก็เลยมองว่ มันต้องมาเจอกันหน่อยที่งานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ไม่งั้นจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมด 10 ปี เขารู้สึกยังไงบ้าง อยากให้ทุกคนมาดูคอนเสิร์ตและหวังว่า ทุกคนจะสนุกไปกับคอนเสิร์ตครั้งนี้นะ แล้วเจอกัน 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง