คุยกับ วิน ศิริวงศ์ กับ Love is Blind และทิศทางใหม่ของ Sqweez Animal
- Writer: Pongtorn Klamdit and Yanabhus Suriyajai
- Photos: Spicydisc
วิน ศิริวงศ์ เดินหน้าต่อไปพร้อมกับชื่อ Sqweez Animal และยังคงปล่อยเพลงออกมาให้เราได้ฟังกันตลอดจนถึงซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง Love Is Blind เพลงที่ต่างออกไปจากงานก่อน ๆ ที่กลายเป็นซาวด์อิเล็กทรอนิกร่วมสมัย แต่ถึงอย่างไรเพลงนี้ก็ยังได้การตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงเช่นเคย วันนี้เราเลยถือโอกาสพูดคุยกับเขาถึงเพลงใหม่และทิศทางต่อไปของ Sqweez Animal
ที่มาของเพลง Love Is Blind
เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วผมเป็นคนขึ้นโครงเพลงในห้องนอนแล้วส่งไปให้สิงห์ฟัง สิงห์ก็บอกว่าชอบ ทุกเพลงของ Sqweez Animal มักจะทำกันแบบนี้ จะมีบางจังหวะชีวิตที่เราไม่ได้ทำเพลงนี้ต่อเราก็ไปทำเพลงอื่น ผมก็จำไม่ค่อยได้นะว่าห้าปีที่แล้วมันมีรายละเอียดยังไง สิงห์เขาก็มีแผนจะไปเรียนต่อและเราก็ไม่ได้โฟกัสการทำเพลงแต่ก็ยังมีเพลงออกมาเรื่อย ๆ สุดท้ายถึงเราจะไม่ได้ทำเพลงด้วยกันแต่ไฟมันลุกแล้วก็เลยไปเรียกน้อง กวิน มาช่วย ซึ่งเขาก็เล่นให้พี่บุรินทร์และอะตอมด้วย กวินเคยมาช่วยเราในเพลง Secreative เรารู้สึกว่าทำเพลงกับน้องแล้วสนุกดีก็เลยไปอัดเพลงที่บ้านกวินกันพออัดเสร็จก็หายไปอาทิตย์นึงแล้วเขาก็เอาเดโม่มาให้ฟังซึ่งมันก็คล้ายกับเวอร์ชั่นสุดท้ายที่ปล่อยออกมา ผมฟังแล้วก็รู้สึกน่าสนใจดีเพราะปกติเราจะเน้นเสียงกีตาร์และเบสหนัก ๆ แบบหลาย ๆ เพลงของเรา พอเอาไปให้สิงห์ฟังสิงห์ก็บอกว่าทางนี้ไม่ใช่แนวที่เขาคิดไว้เขาไม่รู้จะพัฒนาต่อยังไง เพราะเราก็ประหลาดใจกับแนวทางที่กวินทำออกมา ตอนนั้นเลยไม่ได้ทำต่อ พอเวลาผ่านไป 5 ปีก็เห็นว่าเพลงนี้ยังไม่ได้ทำต่อซักทีและยุคนี้แนวดนตรีหลาย ๆ แนวก็หันมาทางเพลงที่คล้าย ๆ Love Is Blind เราจึงคิดว่าช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดีที่จะปล่อยเพลงนี้ คือเพลงนี้มันไม่ได้เชย ไม่ได้ล้ำ และคิดว่ามันอาจจะร่วมสมัยด้วยซ้ำ อีกอย่าง Sqweez Animal ก็ไม่ได้อยู่ในยุคที่มีคนมาดีไซน์การเล่นกีตาร์เท่ ๆ เหมือนแต่ก่อน เราจึงคิดว่าถ้าเรามาทางนี้น่าจะดี Love Is Blind เลยไม่พยายามเป็น Sqweez Animal แบบที่ผ่านมาแต่เราจะพยายามเป็น Sqweez Animal ที่เป็นได้ก็แล้วกัน
เนื้อหาในเพลง
ผมเห็นน้องคนนึงเขารักคนแบบหลับหูหลับตารักแบบไม่รู้ว่ารักไปทำไมและทำไมต้องรักแบบนั้น แม้ว่าคนนั้นจะไม่ดีหรือคนนั้นจะทิ้งขวางเราแต่เราก็ยังกอดความรักนั้นไว้เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘เขาเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าเขารักอะไร’ มันเหมือนความรักที่ไม่มีสติ ถ้าวันนี้เราหันไปมองตัวเองในอดีตมันอาจจะไม่มีความรักนั้นแล้วก็ได้นะ อยากจะเตือนสติและให้ถามตัวเองว่ารักไปเพื่ออะไร
วิธีการแต่งเพลงของวิน
เวลาเราจับกีตาร์แล้วเราจะไม่มานั่งแกะเพลงคนอื่นหรือร้องเพลงคนอื่น เรามักจะชอบแต่งเพลงหรือคิดอะไรใหม่ ๆ ตลอด อย่างพวกทำนองเราก็จะคิดต่อว่าทำนองแบบนี้ควรจะมีเนื้อร้องประมาณไหน ปัจจุบันเราก็ยังทำแบบนั้นอยู่
เคยรู้สึกอึดอัดบ้างไหมที่แต่งเพลงไว้เยอะมากแต่ยังไม่ปล่อยออกมา
ไม่ค่อยมีนะเพราะทุกครั้งที่แต่งเพลงใหม่เราก็แค่ขึ้นโครงเพลง วันหนึ่งถ้าจังหวะมันมาเราก็จะได้ปล่อยเพลง เพราะหลาย ๆ เพลงของ Sqweez Animal ก็ทำแบบนี้ บางเพลงในชุดแรกเราก็ดองมานานมากจนกระทั่งเราเจอเทรนด์ของเพลงมันก็จะมีโอกาสปล่อยออกมาเอง
กระแสตอบรับ
แฟนเพลงที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยหรือเป็นแฟนคลับ Sqweez Animal มานาน ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ให้เสียงตอบรับในแง่บวก เพราะมันไปทำให้พวกเขานึกถึง Sqweez Animal ในยุคเก่า ๆ ผมคิดว่าเพลงนี้มันก็ฟังยากหลายจุดนะ คนฟังหลายคนไม่น่าจะรู้สึกเข้าถึงเพลงในทันที แบบว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่องหรือท่อนฮุกคือตรงไหนแล้วจะร้องตามตรงไหนอะไรแบบนี้ ซึ่งผมอยู่กับคำถามนี้มาหลายปีแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเข้าใจก็ดีถ้าไม่เข้าใจก็หวังว่าสักวันนึงอาจจะเข้าใจก็ได้นะ
ซิงเกิ้ลต่อไปของ Sqweez Animal จะเหมือนกับ Love Is Blind รึเปล่า
ใช่ครับ ผมก็จะทำเพลงเอาแต่ใจตัวเองประมาณนี้ ไม่ใช่ว่าซาวด์ดนตรีจะเป็นแบบ Love Is Blind นะ ผมจะเอาที่ผมชอบก่อนไม่ได้ทำตามโจทย์ของกระแส ทำไม่เป็นด้วยแหละ เราทำแบบที่เราชอบมันน่าจะดีที่สุด อย่างน้อยมันก็มีหนึ่งคนที่แฮปปี้แล้ว
ให้คนดูปิดตาระหว่างเล่นเพลง Love Is Blind ในงาน Sqweez Play In The Yard!
ผมคิดว่าการใส่ผ้าปิดตาก็ทำเราตาบอดได้เหมือนกัน และมันก็เอาไปใช้ประโยชน์เวลานอนหลับได้ มันตีความหมายได้หลายอย่าง เมื่อเช้าผมก็เพิ่งคิดได้ว่าเวลาเราปิดตา ทุกคนก็สวยหล่อกันหมดเลยนะ (หัวเราะ) เราใช้แต่หูรับรู้การปิดตาฟังเพลงมันก็ได้อรรถรสมากขึ้น เราได้รับรู้ถึงรายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น อีกอย่างยุคนี้เป็นยุคที่คนฟังเพลงต้องดูภาพในมือถือไปด้วยคนที่ใช้แค่หูฟังอย่างเดียวเราคิดว่าคนประเภทนี้จะมีน้อยลงทุกที อย่างเด็ก ๆ ที่ผมรู้จักคือต้องเปิด YouTube ดูตลอด บางทีเห็นแต่ว่าแต่ไม่ได้ยินอะไรเลยก็มี เราเลยคิดว่าเพื่อการโฟกัสที่มากขึ้นต้องปิดอะไรสักอย่าง ก็เลยแจกผ้าปิดตาให้คนดู (FJZ: ความรู้สึกตอนเล่นเป็นอย่างไรบ้าง) ผมอายน้อยลองเพราะมันไม่ต้องมีอายคอนแทกต์เราอยู่กับตัวเองล้วน ๆ เลย เพราะอย่างที่เราคุยกันและมองหน้ากันไปด้วย มันอาจทำให้การได้ยินของเรามันดรอปลงก็ได้นะ อย่างถ้าเรามองและผมร้องเพลงเพี้ยนบางคนอาจจะไม่รู้ก็ได้นะ ถ้าเราปิดตาและฟังอย่างเดียวมันจะรู้เลยและตอนที่ปิดตาร้องเพลงผมก็อินกับเพลงมาก
การเรียบเรียงเพลงของ Sqweez Animal เปลี่ยนไปด้วยไหมเมื่อแนวเพลงเปลี่ยนไป
จริง ๆ แล้วการแต่งของทุกเพลงมันก็แตกต่างกันหมดเลยครับ กว่ามันจะออกมาเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายมันมีการพลิกไปพลิกมาและเกิดความไม่แน่ใจจนต้องตัดสินใจ ย้อนกลับมาที่คำถาม จริง ๆ แล้วมันเปลี่ยนตลอดเวลาเลย ทุกครั้งที่แต่งเพลงไม่เคยใช้วิธีเดิมเลย อุปกรณ์ วิธีการร้อง หรือคนที่ทำงานด้วยไม่เคยเหมือนเดิมเลย
ทิศทางต่อไปของ Sqweez Animal
ผมก็เป็นคนชอบดนตรีหลายแนว อย่างเพลงนี้ก็จะเป็นดิสโก้ โซล ดนตรีไม่รุนแรงมาก ฟังชิลชวนโยก ในการปล่อยเพลงต่อไป แน่นอนว่าผมจะไม่อยากปล่อยเพลงที่มันคล้ายกับเพลงก่อนหน้านี้ จังหวะต้องต่างกันแน่นอน เช่น ถ้าผมปล่อยเพลงเร็วผมก็คงไม่ปล่อยเพลงเร็วอีกเพลงต่อกัน แต่ถ้าถามว่าอัลบั้มนี้ทิศทางเป็นยังไง แต่ละเพลงมันก็แตกต่างกันหมดโดยสิ้นเชิงครับ คนจะเดาทางยากแล้วสรุปว่า Sqweez Animal เป็นแนวไหนเพราะเราเปิดช่องทางให้ตัวเองหลากหลายมาก ร็อกก็ได้ โซลก็ได้ หรือโฟล์กก็ได้ ที่เป็นไปไม่ได้อาจจะแร็ปเพราะปกติผมไม่แร็ป (หัวเราะ) ถ้าตอบคำถามนี้คือมันเป็นไปได้หมดเลยครับ
ถ้านิยามแนวดนตรีของ Sqweez Animal ตอนนี้คิดว่าเป็นแนวอะไร
ผมว่ามันคืออัลเทอร์เนทิฟนะ เป็นอีกทางเลือกนึงเลย ซึ่งสำหรับผมไม่ได้คิดว่ามันฟังยาก มันค่อนข้างเป็นเพลงป๊อปของผม ในขณะที่หลาย ๆ คนมองว่ามันเป็นอินดี้ฟังยากไม่เหมือนใคร สำหรับผมคิดว่ามันไม่ได้ฟังยากผมทำมันด้วยความเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำว่าแต่ละท่อนทำไปทำไม ถ้าตอบตามคำถามนี้มันก็จะปะปนหลากหลายบนพื้นฐานของป๊อป ถ้าคนอื่นอยากจะเรียกอินดี้ป๊อปก็ได้นะ
ตอนนี้มีโปรเจกต์อื่นอยู่ไหม
มีอยู่เรื่อย ๆ เลยครับ ตอนนี้ก็เตรียมตัวที่จะร่วมงานกับศิลปินที่ชอบแต่ก็ยังไม่บอกว่าเป็นใคร (หัวเราะ) สำหรับงานเพลงผมเป็นคนเปิดกว้างสำหรับใครที่เราชื่นชอบก็อยากจะลองทำงานกับเขาดู
โปรเจกต์ The Ghost Cat เป็นยังไงบ้าง
ผมสนุกกับโปรเจกต์นี้มากและผมก็ชอบนักดนตรีทุกคนที่ร่วมโปรเจกต์นี้ แต่ละคนมีตัวตนชัดเจนมาก ๆ ความแตกต่างเหล่านั้นมันก็เอามารวมกันยากหน่อย อย่างบางคนมีแรงดึงดูดแต่บางคนมีแรงต่อต้านอะไรแบบนี้อะ (หัวเราะ) ถ้ามีโอกาสและจังหวะเหมาะ ๆ ก็อยากจะทำต่อครับ แต่ตอนนี้แต่ละคนก็มีเส้นทางเดินของเขาอยู่
มุมมองความรักของวิน Sqweez Animal ในตอนเป็นศิลปินช่วงแรกจนถึงตอนนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
แตกต่างมากนะ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการเป็นศิลปินหรือเปล่า อาจจะเพราะว่าวัยที่มากขึ้นหรือประสบการณ์ความรักที่เจอมา จบลงไปแล้วก็เริ่มใหม่วนเป็นวัฏจักร ซึ่งแต่ละครั้งก็ทำให้เราได้คิดและได้วางแผนการรักใหม่ อย่างตอนนี้ผมมีความรักเพื่อไม่ให้เราหว้าเหว่เกินไป ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าจัดอันดับความสำคัญมันคงไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ที่ต้องตื่นมาฉันต้องวิ่งหาความรักก่อน มันไม่ใช่แบบนั้นเพราะผมก็มีภาระหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบมันก็ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ต้องรู้ว่าเขาทำอะไรที่ไหน เราไม่ใช่คนแบบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้เราแค่หวังว่าเขายังอยู่ตรงนั้นนะและยังมีกันนะ แล้วเราก็ไปทำหน้าที่ของเราแบบไว้ใจกัน ผมว่ามันเป็นความรู้สึกปลอดภัยต่อกัน (FJZ: มีผลต่อการแต่งเพลงไหม) มีผลเยอะ หลาย ๆ เพลงของผมมักถูกขับเคลื่อนด้วยความรัก ความผิดหวัง ความเสียใจ ความอึดอัดที่อยากจะบอกอะไรออกไป ก็มีความตั้งใจอยากจะแต่งเพลงฉีกไปทางเรื่องอื่นบ้าง แต่ตอนจับกีตาร์แต่งเพลงมันก็มักจะเป็นเรื่องนี้ตลอดไม่รู้ทำไม
ช่วงนี้วินฟังเพลงแนวไหนบ้าง
ช่วงนี้ชอบอิเล็กทรอนิกแล้วก็กำลังหาซาวด์ใหม่ ๆ กรูฟใหม่ ๆ ที่น่าจะเอามาประดับวงการเพลงได้ ไม่อย่างนั้นมันก็จะคล้ายกันหมด ผมมองเพลงให้คล้ายกับอาหาร ถ้าทุกคนจ้องแต่จะทำอาหารแบบเดียวกันรสชาติมันก็จะคล้ายกันหมด มันก็จะไม่มีอะไรมาตัดรสชาติที่เหมือน ๆ กันนั้นเลย ช่วงนี้ก็เลยชอบฟังอิเล็กทรอนิกเยอะเพราะโดยพื้นฐานผมก็มาจากแนวโฟล์กอยู่แล้วผมก็เลยอยากได้ซาวด์ใหม่ ๆ ที่มันตอบโจทย์ของเพลงมากขึ้นหรือช่วยเล่นสดให้คนดูชอบมากขึ้น
อยากเพิ่มแนวดนตรีไหนเข้าไปในเพลงของ Sqweez Animal
จริง ๆ ทุกวันนี้ผมก็พยายามเพิ่มเข้าไปในเพลงของผมอยู่ตลอด มันมีแผนอยู่แล้วแหละว่าแนวไหนผมจะใส่หรือแนวไหนผมไม่ใส่ แต่ลองนึกดูก็อยากลองเครื่องเป่าแต่ไม่ได้ใส่เยอะจนเป็นวงดิสโก้
เป้าหมายของ Sqweez Animal
ผมว่ามันคือการรวมตัวกันของคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันหรือไลฟ์สไตล์คล้าย ๆ กัน การที่ Sqweez Animal ยังอยู่ผมและเพื่อนอีก 5-6 ชีวิตก็ยังได้ทำอะไรที่เราชอบเหมือนกัน เราได้เจอแฟนเพลงและเราได้เจอคนในวงการที่รักและศรัทธาในสิ่งนี้อยู่ ผมว่ามันก็คือการรักษาความเป็นปึกแผ่นตรงนี้ไว้และได้ทำสิ่งที่ผมรักไปนาน ๆ
ผลงานที่จะปล่อยหลังจากนี้
มีเรื่อย ๆ เลยครับ ตอนนี้ในอัลบั้มก็ทำถึงเพลงที่หก เหลืออีกสี่เพลงก็คงทำออกมาเรื่อย ๆ
ฝากผลงาน
Sqweez Animal ก็ยังเป็น Sqweez Animal ที่เราเป็นนี่แหละ แล้วก็คงจะไม่มีตรงนี้ถ้าไม่มีคนสนับสนุนดี ๆ มาตลอด ก็ต้องขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ยังคงน่ารักและคอยเชียร์ ผมปล่อยผลงานอะไรออกมาก็ยังรับรู้ว่ายังมีคนเปิดรับตลอด อย่างเพลง Love Is Blind มีการเดิมพันเยอะเหมือนกันว่าเขาจะเปิดรับมันไหมกับเสียงกีตาร์ที่หายไปและแนวทางเพลงที่แตกต่างออกไป ที่ผ่านมาสองอาทิตย์ผมก็ได้ฟีดแบ็กที่ดี ผมก็ขอบคุณมาก ๆ ครับ หวังว่ามันจะเป็นอีกทางเลือกนึงของนักฟังเพลงไทยต่อไป ถ้าผมยังมีความสามรถในการแต่งแต้มสีสันให้วงการเพลง ผมก็คงจะทำไปอีกเรื่อย ๆ ถ้าวันไหนผมไปสร้างขยะให้วงการเพลงผมก็คงจะเลิกทำ แต่หวังว่าตอนนี้คงไม่ใช่ ก็ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา