จุดไฟบันดาลใจไปกับ Justin Sweeting ผู้จัดเทศกาลดนตรี Clockenflap แห่งเกาะฮ่องกง
- Writer: Montipa Virojpan
- Photo: Clockenflap Official
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่เป็นสายเฟสติวัลจะต้องรอคอยให้เดือนมกราคม กรกฎาคม สิงหาคม และพฤศจิกายน ของทุกปีเวียนมาถึง เพราะในเดือนเหล่านั้นมักจะมีเทศกาลดนตรีต่างประเทศ (Laneway, Fuji Rock, Summer Sonic, Neon Lights ตามลำดับ) ที่ขนเอาวงพีค ๆ หาดูยากมาประดับไลน์อัพ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราต้องบินไปถึงต่างประเทศเพื่อดูพวกเขา นั่นเป็นเพราะจากที่เห็นชื่อวงแล้ว… ความหวังที่พวกเขาจะแวะมาเล่นที่ไทยนั้นแทบไม่มี (ใช่สิ เรามันประเทศโลกที่สาม ฮือ) แต่อย่างน้อยก็สามารถบินไปดูได้ง่ายเพราะใกล้บ้าน และอยู่ในราคาที่ไม่ลำบากกระเป๋าสตางค์จนเกินไปนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องกราบใจผู้จัดที่ทุ่มทุนเนรมิตเฟสติวัลในฝันให้เรา เพราะจะได้เก็บครบทุกวงที่อยากดูแบบ all in one ในหนึ่งงานโดยไม่ต้องออมเงินแบบอดมื้อกินมื้อ
แต่กว่าที่จะมาเป็นเทศกาลดนตรีที่มีศิลปินระดับโลกมาเล่นให้เราฟิน ๆ กันเนี่ยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยแรงใจและแรงกายประมาณนึงเลยล่ะ ในโอกาสที่หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่น่าจับตามองงานหนึ่งกำลังจะมาถึงในวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้แล้ว เราก็ขอชวน co-founder, music director ของงานนั้นมาพูดคุยถึงที่มาที่ไปและแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้ตัวเขาจัดงานมาได้เป็นปีที่ 10 ขอเชิญเลื่อนไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ Justin Sweeting แห่งเทศกาลดนตรี Clockenflap ฮ่องกง กันได้เลย
Justin Sweeting – Clockenflap Hong Kong
ทำไมคุณถึงกล้าจัดงานสเกลใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา
ผมรู้สึกว่าในฮ่องกงยังไม่มีเทศกาลดนตรีแบบที่เราชอบ เลยคิดว่าถ้าเรามีความพยายามและทุ่มเทเวลาในการสร้างเฟสติวัลของเราขึ้นมาเองมันคงจะเห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่ามานั่งบ่นว่าทำไมยังไม่มีงานแบบที่อยากได้สักที
ในการเตรียมงานช่วงแรกมีใครที่เห็นดีเห็นงามยื่นมือเข้ามาช่วยคุณบ้าง
เรามีทีมงานที่น่าทึ่งมาก แม้เวลาผ่านไปหลายปีพวกเขาก็ยังอยู่กับเรา ร่วมกันเติบโต และพัฒนาเทศกาลดนตรีไปพร้อม ๆ กัน ผมเชื่อว่าการที่คนมีความชอบในอะไรที่เหมือน ๆ กันแล้วมีความทุ่มเทด้วยจะช่วยให้ทุกอย่างลุล่วงไปได้ ส่วนเงินทุนของเราหลัก ๆ ได้จากการขายบัตรครับ
คุณได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบ้างไหม
เงินทุนนี่ไม่เคยได้เลยครับ แต่เราก็ดีใจนะที่ได้จัดการรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง
ในปีแรกคุณเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง
ความที่ไม่เคยมีใครเคยจัดงานแบบนี้มาก่อนในฮ่องกง ก็เลยไม่มีต้นแบบให้เราเรียนรู้หรือทำตาม กลายเป็นว่าเราต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้ได้มากที่สุดด้วยตัวเอง แล้วต้องใช้ความพยายามมากในการเป็นผู้ริเริ่ม และสร้างมันออกมาให้ได้อย่างที่เราตั้งใจ
อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการจัดงานเทศกาลดนตรีให้ประสบความสำเร็จแบบ Clockenflap
ต้องมีความใส่ใจในรายละเอียดและมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนครับ
ความท้าทายที่สุดที่เคยเจอในการเป็นผู้จัดเทศกาลดนตรี
เราทุกคนเจอความท้าทายมาเยอะมากจริง ๆ ครับ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเราก็ยังรู้สึกโชคดีที่เราได้ทำงานที่ท้าทายแบบนี้
คุณมีวิธีสร้างความเชื่อมั่นให้กับศิลปินเบอร์ใหญ่ให้พวกเขากล้ามาเล่นที่เทศกาลของคุณได้ยังไง
เราต้องพยายามสร้างหรือทำให้เขาเชื่อใจด้วยการสานสัมพันธ์กับศิลปินและคนในวงการดนตรีอย่างสม่ำเสมอ เพราะชื่อเสียงที่คนอื่นจะมองหรือพูดถึงเราเป็นสิ่งสำคัญมากในธุรกิจนี้ ดังนั้นง่ายมากครับ ถ้าคุณพูดว่าจะทำอะไร คุณต้องทำออกมาให้ได้อย่างที่คุณพูด
อะไรทำให้ Clockenflap แตกต่างจากเทศกาลดนตรีงานอื่น ๆ
พวกเราตั้งใจจะให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ในแบบของ Clockenflap ครับ คือเทศกาลของเราเป็นเหมือนการนำเอาวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตกให้มาเจอกัน ผสานความเก่าและความใหม่ไว้รวมกัน คัดเลือกสิ่งต่าง ๆ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ ดนตรี ศิลปะ อาหาร ของทำมือ เพื่อนฝูง หรือครอบครัว และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะมารวมกันที่นี่ แล้วทุกคนก็จะได้สัมผัสกับภูมิทัศน์สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง ทอดยาวเป็นฉากหลังของงาน ซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากมากครับ
คุณคิดว่า Clockenflap เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกให้คนรักเสียงดนตรีมารวมตัวกันแล้วหรือยัง
เรามีความตั้งใจที่จะทำให้งานดีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปีครับ เราดีใจมากที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ร่วมงาน รวมไปถึงคนในแวดวงดนตรีทั้งออกาไนเซอร์ เอเจนซี่ที่ดูแลศิลปิน หรือแม้แต่ตัวศิลปินที่มาเล่นเอง Nile Rodgers, New Order, The 1975, Bastille และอีกหลายคนเคยบอกว่า เราคือเทศกาลดนตรีที่พวกเขาชอบที่สุดในโลก ซึ่งนั่นเป็นการตอกย้ำว่าเรากำลังเดินมาถูกทางแล้ว
คุณสมบัติของศิลปินที่จะได้มาเล่นในงานนี้มีอะไรบ้าง
ศิลปินเหล่านั้นต้องมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนผู้อื่นได้ เป็นปัจจัยหลัก ๆ ครับ
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในการได้จัดเฟสติวัลนี้
ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่มางานครับ ผมกับทีมงานหลาย ๆ คนเกิดและเติบโตที่ฮ่องกง เราก็อยากที่จะทำให้บ้านเกิดของเรากลายเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เขาชอบ อยากกลับมาอีก ซึ่งถ้าทำได้ก็นับเป็นรางวัลที่มีค่ากับพวกเรามาก ๆ ครับ
ซีนดนตรีฮ่องกงในปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง มีศิลปินนอกกระแสเยอะไหม หรือคนฮ่องกงเองสนับสนุนพวกเขาบ้างหรือเปล่า
ถ้าเป็นตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่กำลังพัฒนาอยู่ครับ คือคอมมิวนิตี้ของคนที่ไปคอนเสิร์ตหรืองานอีเวนต์เป็นประจำเพิ่งเกิดขึ้นมา และกำลังค่อย ๆ ขยายตัวทีละน้อย สิ่งที่ผมคาดหวังคืออยากให้เฟสติวัลของเราทำให้คนที่มาร่วมงานได้ลองฟังวงดนตรีฮ่องกงดี ๆ แล้วจบงานไปพวกเขาจะได้ไปหาวงพวกนี้ดูเองในอนาคต ขณะเดียวกันเรามีคนในวงการดนตรี เอเจนซี่ ค่ายเพลง ศิลปิน หรือแฟนเพลงจากทั่วโลกมาร่วมงาน นั่นอาจทำให้วงดนตรีฮ่องกงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นด้วย อย่างวง GDJYB กำลังจะได้ไปเล่นที่เทศกาล Laneway ที่สิงคโปร์เพราะผู้จัดเขาได้มาดูวงเล่นที่ Clockenflap แล้วยังมีวงอื่น ๆ อีกที่ได้รับโอกาสนี้ มันเหมือนเป็นเหมือนระบบนิเวศของวงการดนตรีที่แต่ละส่วนจะค่อย ๆ มีการพัฒนาไปตามขั้นตอนแหละครับ
ในฮ่องกงยังมีเทศกาลดนตรีคล้าย ๆ Clockenflap อีกไหม
มีครับ ซึ่งมันดีสำหรับทั้งด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตของฮ่องกง คนฟังจะได้รู้ว่าแต่ละเฟสติวัลแตกต่างกันยังไงบ้าง อย่าง Clockenflap นี่โดดออกมาจากงานอื่น ๆ ที่เป็นพวก rave หรือ EDM อย่าง Ultra, Dragonland หรือ Creamfields หมดเลย
อะไรทำให้คุณหลงรักดนตรีได้มากขนาดนี้
เป็นคำถามที่ดีครับ การทำงานในธุรกิจแบบนี้จะมีความหมายก็ต่อเมื่อมันเป็นสิ่งที่คุณหลงใหลจริง ๆ สำหรับผมแล้วดนตรีเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติและอยู่ใกล้กับเรามากที่สุด มันเป็นการได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งพาเราไปรู้จักเพื่อนใหม่ ดนตรีทำให้เรารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเอง มันสามารถบอกเล่าความรู้สึกของคนคนนึงออกมาได้เด่นชัดขึ้น หรือแม้แต่ทำให้เราสามารถตีความอารมณ์เดียวกันออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือมันเพราะ มันสนุก ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา หรือสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ สำหรับดนตรีแล้วล่ะ
ถ้าคุณไม่ได้ทำงานในสายดนตรี คิดว่าคุณจะไปทำอะไร
ดนตรีกับฟุตบอลเป็นสิ่งที่ผมรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่พอผมโตขึ้นเรื่อย ๆ ความฝันที่ผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพมันดันค่อย ๆ หายไปเนี่ยสิ (หัวเราะ)
ในปีนี้ งาน Clockenflap จะครบรอบปีที่ 10 พอดี จะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นในงานครั้งนี้บ้าง
แน่นอนครับ! เราจะจัดปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของ Clockenflap ให้เจ๋งที่สุด เราชวนศิลปินที่เยี่ยมยอดมาร่วมสร้างความทรงจำให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน ซึ่งมันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เทศกาลดนตรีของเรา เพราะฉะนั้นแล้วก็ขอชวนทุกคนให้มาสนุกกันนะครับ!
ถ้าคิดว่าสิ่งที่ Justin Sweeting พูดนั้นเกินจริง เชิญอ่านรายนามของศิลปินตัวโหดที่จะมาเล่นบนเวที Clockenflap ปีนี้ Massive Attack, The Prodigy, Kaiser Chiefs, Feist, MØ, Jungle, The Dandy Warhols, Temples, Young Fathers, Pond, Blossoms, Dean, Mitski, Higher Brothers, Tokimonsta, Cashemere Cat รวมถึงวงจากประเทศไทยอย่าง Gym and Swim และอีกมากมาย (ดูไลน์อัพเต็ม ๆ ได้ ที่นี่)
ไปเจอกันได้ที่ Clockenflap 17-19 พฤศจิกายน ที่ Central Harbourfront Event Space ฮ่องกง ซื้อบัตรได้แล้ว วันนี้ ที่นี่ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ official website
ขุดชีวิต ปูม ปิยสุ กว่าจะมาเป็นนายห้างแห่ง Parinam Music และ Seen Scene Space
คุยกับ พาย Fungjai เพราะซีนดนตรีไทยต้องพัฒนาไปได้อีก!
ร็อกให้สุด อย่าหยุดที่สายฝนใน Fuji Rock Festival 2019