ทำตามใจอยากในแบบ Hariguem Zaboy
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Raweephat Pimkheaw, Hariguem Zaboy
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งแรกที่ได้ดูการแสดงสดของ Hariguem Zaboy ทำให้ตระหนักได้ว่าในบ้านเรามีน้อยวงที่จะเรียกได้ว่าเป็น shoegazer ซึ่งนี่ก็ทำให้เราทึ่งกับเพลงและฝีมือพวกเขาที่ทำได้ถึงจริง ๆ ซึ่งน่าเสียดายที่น้อยคนจะลองเปิดหูเปิดใจฟังดนตรีแนวที่ไม่คุ้นเคยจากวงนี้ แต่ยังไม่สายที่จะลองมาทำความรู้จักพวกเขากันอีกครั้ง พร้อมสีสันดนตรีใหม่ในอัลบั้มชุดที่สองที่กำลังจะออกมาปลายปี
ถ้าฮาริกึ่มมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คนฟังชอบเพลงของเรา ฮาริกึ่มอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบนึงก็ได้ วิธีคิดเพลงก็เป็นอีกแบบนึง ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่
สมาชิก
ณป่าน พิชัยกุล (ณป่าน) กีตาร์
กรรณตนพ ตันเจริญ (กอล์ฟ) กลอง
รังสิมันตุ์ สุวิรัตนภัส (จ้า) กีตาร์, ร้องนำ
รัตนพงษ์ พุ่มลอยฟ้า (เบนซ์) เบส
Hariguem Zaboy มาจากอะไร
ณป่าน: เราจะชอบพูดภาษามั่ว ๆ กัน คือตั้งแต่ที่เรียนเตรียมพัฒน์ ฯ เรามีเพื่อนที่เป็นมุสลิมเยอะ ห้องนึงมีกันสิบกว่าคน แล้วสนิทกัน ก็ชอบพูดภาษาอังกฤษ อาหรับปนกันมั่ว ๆ เหน่อ ๆ เหมือนที่ดาราตลกทำกัน (ทำเสียงเป็นตัวอย่าง)
กอล์ฟ: แค่จะตั้งชื่อวงเล่นงานโรงเรียนก็เอาชื่อกวนตีน ๆ ไปงั้น
จ้า: ซึ่ง ฮาริกึ่ม ซาโบ้ย มันก็เป็นประโยคนึง เคยเอาไปตั้งชื่อทีมแข่งฟุตบอลในโรงเรียนด้วยนะครับ
ทุกวันนี้มีรุ่นน้องตามมาฟังเพลงบ้างไหม
ณป่าน: ก็มีนะ แต่ไม่เยอะ
จ้า: ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นน้อง ถ้าเป็นเพื่อนก็จะออกแนวว่า พวกมึงทำเหี้ยไรกันวะ เพลงพวกมึงหมาเยี่ยวรดสังกะสี ฟังไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) เพื่อนกันมันกล้าด่าไง แต่ทุกวันนี้ยังคบกันเหนียวแน่นนะ รักกัน
กอล์ฟ: ตอนมัธยมนี่ต้องให้เครดิตพวกเพื่อน ๆ เลย ที่มีได้ทุกวันนี้ก็เพราะเพื่อน หน้าม้าเราเยอะ เป็นสายฮา ๆ ไม่ใช่นักเลง แค่เสียงดัง ไปไหนไปกัน
แต่ละคนมารวมตัวกันได้ยังไง
จ้า: โรงเรียนจะมีงานประจำปีที่จะมีประกวดวงดนตรี ม.ต้นรุ่นนึง ม.ปลายรุ่นนึง แค่ได้รู้ว่าเพื่อนเราคนไหนลงประกวดบ้างก็อยากจะเล่นด้วย เลยตั้งวงเล่น ๆ กัน คัฟเวอร์ Slur, Moderndog, Saliva Bastard แล้วก็เล่นเพลง Red House ของ Jimi Hendrix กับเพลงบลูส์
ณป่าน: ได้รางวัลด้วยนะครับ วงได้อันดับ 2 แต่กอล์ฟได้รางวัลนักดนตรียอดเยี่ยม ตอนนั้นเล่นเบส ยังตีกลองไม่เป็น
กอล์ฟ: คือวงนี้มาตั้งกันตอน ม.5 แต่เราเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่ ม.2 ม.3 แล้ว ตอนแรกอยู่คนละวง แล้วทีนี้พวกเราก็อยากเล่น Slur เราก็บอกว่าอยากตีกลอง แต่ตีไม่เป็นนะ มันก็ให้ลองกัน แล้วช่วงนั้นมีรุ่นพี่ที่ปั้น ๆ กันมาลากให้ไปซ้อมห้องเขา ตอนจะขึ้นเล่นก็เอายาดองใส่ขวดลิปตันมาให้กิน
จ้า: ตอนนั้นไปแข่งที่โรงเรียนอื่นแล้ว 8 โมงเช้าไปนั่งซดยาดองในห้องน้ำ จำได้ว่าพอขึ้นเวทีก็แจมบลูส์กันแต่เอาหัวขวิดกันแล้ว (หัวเราะ) ก็ได้แชมป์นะที่โรงเรียนนั้นแล้วเอาถ้วยกลับโรงเรียน เลยรู้สึกว่าเราน่าจะแต่งเพลงเองนะ หลังจากนั้นก็จะเป็นจ้ากับป่านที่โดดเรียนไปแต่งเพลงกันที่บ้านเพื่อน ซึ่งเพื่อนเรียนอยู่แต่ตัวเราไปถึงกันแล้ว แม่หวัดดีครับ แล้วก็ไปนั่งแต่งเพลงกันสองคน สมาชิกเดิมมี 3 คน จ้า กอล์ฟ ป่าน แล้วเราเปลี่ยนมือเบส คนก่อนคือเนย เป็นเพื่อนที่เตรียมพัฒน์ แต่เขาขอออกด้วยความจำเป็นทางบ้านและการเรียน เลยไม่มีเวลาว่าง เราก็ได้เบนซ์ ซึ่งเป็นเพื่อนป่านที่เรียนดนตรีศิลปากรด้วยกันมาอยู่ในวง
จำความรู้สึกโชว์แรกได้ไหม
ณป่าน: ล่กสิคร่าบ กดดันตัวเอง แต่ก็ขึ้นไป มีอารมณ์เล่นไปไม่ได้ไม่เสีย แล้ววงนี้ก็เล่นกันฮา ๆ แบบเต็มที่ คนอื่นเล่นป๊อปกัน แต่เรามาแหวก
กอล์ฟ: แต่ตอนนั้นเรา perform ห่วยมาก แค่กรรมการชอบ เพราะส่วนใหญ่เด็ก ๆ ก็เล่นป๊อปร็อกกัน จริง ๆ เราก็เล่น Slur นะแต่เพลงเปิดตัวเรามาเป็นบลูส์
มาจริงจังกับการทำเพลงตอนไหน
จ้า: วงเราเหมือนมีคนคอยกระตุ้นผลักดันตลอดเวลา ไปประกวดก็ได้รางวัล หรืออยู่ดี ๆ ก็มีคนติดต่อให้ไปเล่น Fat Festival มันเหมือนกับทำให้เราคิดลึก ๆ ตลอดเวลาว่าเราควรจะจริงจัง พอช่วงมหาลัย ตอนที่ต่างคนต่างแยกย้าย กอล์ฟไปเรียน ม.รังสิต จ้าไปเรียน ม.บูรพา ณป่านก็ไปศิลปากร แต่ทุกคนยังมีจุดยึดเหนี่ยวว่ายังไงวงนี้ก็ต้องทำ ถึงแม้จะได้ซ้อมสองสามเดือนหน พอเรียนจบ ทุกคนกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพ ฯ ก็มาทำเพลงกันให้เสร็จ
กอล์ฟ: เหมือนทุกคนรู้ว่าฮาริกึ่มมันคือวงแรกของทุกคนที่ต้องปั้นออกมา แค่รอเวลา
ตอนแต่งเพลงตั้งใจจะเป็นแนวนี้แต่แรกหรือเปล่า
กอล์ฟ: มันก็แค่แต่งเพลงเอาสิ่งที่เรามีข้างในออกมา ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นแนวอะไร ติดตามได้ในเสือหรือหมู เป็นโปรเจกต์ง่าวมาก ๆ ใน YouTube เล่นดนตรีง่อย ๆ ใครเล่นอะไรได้ก็เล่น (หัวเราะ)
จ้า: เสือหรือหมูเป็นชื่อแก๊งในโรงเรียนครับ เป็นเด็กเด๋อ ๆ 3-4 คนมารวมกันทำเพลง แล้วช่วงนั้นจะแต่งเพลงเยอะมาก แก๊งกอล์ฟจะเป็นแก๊งหน้าสหกรณ์ แล้วพอมีเด็กเดินเข้าสหกรณ์ก็จะคอยแซว (หัวเราะ) มีกีตาร์โปร่งสองตัวนั่งเล่น ตอนจีบหญิงก็ซื้อน้ำ ซื้อป๊อกกี้ไปให้ คลาสสิกมาก
กอล์ฟ: แต่เราไม่เคยมาคุยกันว่า เฮ้ยจ้า มาเล่น shoegaze ดิ๊ มันรู้สึกแค่ว่าเพื่อนแต่งเพลงที่ดึงข้างในของทุกคนออกมา พอฟังเพลงใกล้ ๆ กัน มันก็ออกมาตามที่ทุกคนชอบ
จ้า: ช่วงทำเพลงตอนนั้นพวกเราก็ชอบดนตรีแนว shoegaze กับ alternative ชอบซีนตอนปลาย 80s ถึง 90s ฟังเพลงแบบนั้นเยอะมากเลยออกมาเป็นแบบนั้น กับอีกอย่างที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าเราอยากได้อย่างนี้แต่เพื่อนไม่ชอบก็บอกตรง ๆ แล้วลองเสนออีกแบบ ช่วย ๆ กัน
ตอนทำเพลงด้วยกันมีโมเมนต์พีค ๆ ไหม
จ้า: มันก็มีช่วงที่ต้องเปลี่ยนสมาชิกแล้วก็ต้องพูดกันตรง ๆ ก็รู้สึกว่าเราทำร้ายเพื่อนหรือเปล่า
ณป่าน: แล้วก็มีเรื่องน้องมือเบสคนนั้นอะ ตอนนั้นเนยออกไปแล้ว แล้วเรายังไม่ได้เบนซ์ ก็อยากได้มือเบสผู้หญิง จะได้มาร้องประสานด้วย แล้วพอวันงานก็เบี้ยวแบบ มางานแต่เดินมาบอกว่าพี่หนูไม่เล่นแล้ว หนูเบสหาย โคตรช็อก ตอนนั้นเพิ่งอัดอัลบั้มเสร็จพอดี ก็เดินไปหาพี่ป๊อก Stylish Nonsense เพราะเป็นคนจัดงานวันนั้น Noise Market อะ แล้วก็ได้พี่ป๊อกมาเล่นให้ แล้ววันนั้นคนมาดูวงเราเยอะมาก ถ่ายรูปด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายพวกเรานะ ถ่ายพี่ป๊อก (หัวเราะ)
อะไรคือสเน่ห์ของ shoegaze ที่ทำให้เราหลงใหล
กอล์ฟ: เรารู้สึกว่าการชอบดนตรีแนวไหน ๆ มันอยู่ที่ช่วงนั้นเราได้ฟังอะไร วันนี้เราชอบ alternative มาก อีกสองวันเพื่อนเอาอีกแนวนึงมาให้ฟังแล้วเราเกิดชอบขึ้นมา ชุดนี้คนแต่งเพลงคือจ้า ลึก ๆ แล้วมันเป็นคนชอบฟังดนตรีแนวประมาณพังก์ 70s 80s เลยได้อะไรตรงนั้นมา แล้วเราว่าวงเรามันไม่ได้ shoegaze ขนาดนั้นนะ แต่มันมีบรรยากาศกับความเป็นอะไรแบบนั้นอยู่
จ้า: กิจกรรมของเราสามคนตั้งแต่ตอน ม.ปลาย จะเป็นการแลกเพลงกันฟัง สมมติเจอวงใหม่ที่น่าสนใจ หรือวงเก่าแล้วแต่ไม่เคยฟังมาก่อนก็เอามาแชร์กัน ฟังทุกแนวอะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยชอบวง shoegaze สมัยใหม่ หยุดอยู่แค่ยุค 80s 90s คือซาวด์ในยุคนั้นมันเข้ากับดนตรีแนวนี้ มันเลยทำให้ซีนตอนยุคนั้นมีสเน่ห์ อัลบั้มใหม่เลยตั้งใจใช้วัตถุดิบให้ไปในยุค underground 80s ให้ได้มากที่สุด จะไม่เนี้ยบมาก แต่เน้นความพังก์สูง มีความกระชับมากขึ้น ดุขึ้น
ณป่าน: และยังคงคอนเซปต์เดิมว่า เพลงเราถ้าชอบก็ชอบเลย ไม่ก็เกลียดไปเลย (หัวเราะ)
กอล์ฟ: มันเป็นบรรยากาศซาวด์อะ บอกไม่ได้ด้วยว่าทำไมถึงไม่ชอบ บางวงเล่นธรรมดา ๆ ตีคอร์ดง่าย ๆ เราดันชอบ พูดถึงการร้องยุคนั้นมันก็จะร้องทรง ๆ พังก์ แต่ยุคนี้จะร้องแบบนักร้อง The Voice สมมติเราชอบ Yuckมาก แต่อัลบั้ม 3 ของ Yuck ไม่ใช่แบบเดิมแล้วเรายังชอบอยู่ ซึ่งเราไม่ใช่แบบนั้น คือฟังเป็นเพลง ๆ เป็นอัลบั้มไป มีหลายวงเหมือนกันที่ยุคแรกทำเพลงมาโดนใจ แต่ยุคหลังไม่ใช่ไม่ดีนะ แค่ไม่โดน มันมีหลายเหตุผลมากที่จะทำให้เราทั้งชอบและไม่ชอบได้ในหนึ่งวง
จ้า: อย่างป่านชอบ Cornelius มาก ไม่ใช่ shoegaze ด้วย แต่เพราะเขาเป็นตัวเองสูง แล้วเราจะมีวงอมตะที่ชอบสุด ๆ เลยอย่าง My Bloody Valentine แต่ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรมาแล้วเราก็ชอบหมดนะ เราชอบบรรยากาศที่เขาสร้างขึ้นมาในเพลง บางเพลงก็สุดยอดไปเลยอย่างใน EP แต่บางอันก็มีความแบบ อะไรวะเนี่ย ซึ่งดนตรีแนวอื่นบางวงก็มีอิทธิพลต่อเรา ไม่จำเป็นต้อง noise pop, dream pop หรือ shoegaze อย่างเดียว ไม่ได้เจาะจงขนาดนั้น อัลบั้มต่อไปวงเราไม่ใช่แบบนั้นแน่ ๆ
ณป่าน: คือผมค่อนข้างฟังเพลงเยอะ อย่างบางทีจ้าทำคอร์ดมา แล้วผมได้ยินเสียงโน้ตที่อยู่นอกเหนือจากคอร์ดทั่วไปแล้วเอามาเสริมในวงได้ ถ้าฟัง shoegaze โทนกีตาร์จะเป็น brit pop แต่ถ้าสังเกตจากอัลบั้มเก่าฮาริกึ่มจะไม่ใช่โน้ตแบบนั้น หรือรายละเอียดในเพลงจะไม่ใช่แบบนั้น เราผสมเข้าไปหลายอย่าง
มีหลายวงเหมือนกันที่ยุคแรกทำเพลงมาโดนใจ แต่ยุคหลังไม่ใช่ไม่ดีนะ แค่ไม่โดน มันมีหลายเหตุผลมากที่จะทำให้เราทั้งชอบและไม่ชอบได้ในหนึ่งวง
ถ้าคนบอกว่าเพลงแนวนี้ฟังยาก จะทำยังไง
กอล์ฟ: คือเราทำเพลงเพราะเราอยากทำ แค่นั้น ถ้าเราเป็นคนทำเองแล้วชอบมัน จะไปซีเรียสทำไม แต่ถ้าเขาเก็ตกับเราแล้วชอบด้วย เราก็ดีใจ
จ้า: ถ้าสมมติอัลบั้มใหม่ทำออกมาแล้วคนฟังชอบแต่คนทำไม่ชอบนี่เราจะเฟลเอง หรือถ้าคนฟังชอบอัลบั้มนี้น้อยกว่าอัลบั้มแรก แต่ส่วนตัวเราคิดว่ามัน masterpiece สัส ๆ เราก็แฮปปี้ ชอบที่ปลื้มตัวเองมากกว่าให้คนอื่นมาปลื้ม
ณป่าน: ถ้าฮาริกึ่มมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คนฟังชอบเพลงของเรา ฮาริกึ่มอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบนึงก็ได้ วิธีคิดเพลงก็เป็นอีกแบบนึง ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่
ศิลปินคนไหนเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง
จ้า: พูดได้เป็นร้อยวงเลย ขอซักสองนาที (หัวเราะ)
กอล์ฟ: เราจะชอบพวก Pavement, Breeders ทรง ๆ 90s ถ้าพูดกันแล้วน้อยวงมากที่เราจะไม่รู้จักกันเอง Yo La Tengo เนี่ย เราจะรู้กัน
จ้า: ตอนนี้ผมบ้าวงพังก์อเมริกาชื่อ Wipers ชอบมาก วงที่กอล์ฟพูดมาเราก็ชอบมากเหมือนกัน สมมติเราเปิดเพลงที่เราชอบมาก อินมาก แล้วเพื่อนก็ถามว่านี่คือวงอะไร แล้วพวกนี้มันจะถามเลยนะ จะไม่มีการอายแล้วกลับไปหาเองที่บ้าน แล้วพอรู้ว่าชอบเหมือนกันจะยิ่งภูมิใจ คือฮาริกึ่มกับ Triggs & The Longest Day แล้วก็ Basement Tape จะชอบขุดเพลงราก ๆ มาฟัง จะขิงใส่กัน สมมติพี่ทัต Basement เอาวงที่พวกเราไม่รู้จักมาเปิด เราก็จะได้เป็นแฮชแท็ก xerox ถ้าอยากฟังเพลงดี ๆ ไปลองแฮชแท็กนี้ได้ (หัวเราะ)
กอล์ฟ: หรือถ้าหาเพลงมาได้แล้วเพื่อนไม่รู้จักนี่รู้สึกชนะ (หัวเราะ) อีกที่ที่เราหาเพลงใหม่ ๆ ฟังคือบ้านพี่ทัต เป็นแหล่งรวบรวมเพลงจริง ๆ ฟังเมื่อไหร่ก็ไม่หมด
ออกอัลบั้มเต็มมาหนึ่งชุด มี feedback ยังไงบ้าง
กอล์ฟ: ดีนะ แต่เรารู้สึกว่าได้แฟนเพลงเพราะออกมาเล่นสดเยอะเหมือนกัน
ตอนนั้นมีคอนเซปต์ไหม
จ้า: ก็มี reference แต่ไม่มีคอนเซปต์ เป็นเพลงที่เล่น ซ้อมกันมา แล้วก็เลือกมาใส่ หรือตัดออกด้วย บางเพลงตอนที่กำลังจะเข้าอัดก็มานึกได้ว่าควรจะเล่นอีกแบบนึงก็แก้กันก่อนแปปนึง
ชุดนั้นแต่ละคนชอบเพลงไหนที่สุด
กอล์ฟ: ถ้าดาร์ก ๆ เราชอบ Snowstorm ชอบในความเป็นเส้นตรง เป็นลูปดี ถ้าสดใส ๆ เราชอบ Medicine
ณป่าน: เราชอบ Medicine เหมือนกัน ป๊อป ๆ หน่อย เป็นคนป๊อป ๆ (หัวเราะ) จริง ๆ ชอบ Time ครับ
จ้า: ชอบ Anybody Feels นี่ก็เปลี่ยน outro ก่อนเข้าห้องอัดอาทิตย์เดียว มันทำให้เพลงพุ่งกว่า
อัลบั้มใหม่ใกล้จะเสร็จหรือยัง
จ้า: เหลืออัดร้องกับมิกซ์ครับ น่าจะ 60% แล้วครับ เพลงจริง ๆ จะเสร็จประมาณเดือนหน้า แล้วก่อนหน้าที่จะปล่อยอาจจะต้องหาข้อสรุปอีกนิดหน่อยเพราะอยากจะวางขายต่างประเทศ กะว่าจะเป็นอเมริกากับอังกฤษ ถ้าการผลิตอะไรยังไม่เรียบร้อยก็ยังไม่ออก แต่คร่าว ๆ น่าจะช่วงตุลาคมครับ
พอลองเอามาเล่นสดแล้วคนฟังว่าไงบ้าง
กอล์ฟ: วงฮาริกึ่มเนี่ย ตอนเล่นสดคนดูเหมือนจะไม่ค่อยสนุก คนไม่ค่อยเต้น ไม่โดดกัน จะออกแนวตั้งใจดู แต่เวลาออกไปคุยกับคนอื่นก็บอกว่าเพลงดีนะ
จ้า: แต่คนที่ชอบก็จะเป็นหัวโหด ๆ หน่อย พวกชอบเพลงร็อกอยู่แล้ว แต่ถ้าคนที่ชอบป๊อปก็จะชอบเพลงในอัลบั้มแรกอย่าง Medicine หรือ X-Rayมากกว่า พอมาเจออัลบั้มนี้คงช็อก
โชว์ไหนที่ประทับใจที่สุด
กอล์ฟ: เราชอบ Stone Free ครั้งที่ 3 ครั้งล่าสุดก็ดี
ณป่าน: แต่โชว์แย่นี่จำแม่นสุดเลย ตอนเล่นที่ดาดฟ้า กับ Harmonica ไม่รู้ว่าตัวเองเล่นอะไรแต่พอลงมาแล้วเศร้าเลย เสียงกีตาร์กูแหลมมาก
กอล์ฟ: ตอนเล่นเพลง Anybody Feels นี่มึงไม่ไหวละ
จ้า: ที่ Harmonica เหมือนมีจ้าคนเดียวมั้งที่ไม่เมา แต่กอล์ฟกับป่านเละแล้ว พอหันไปมองเพื่อนแบบ มึงเป็นเหี้ยไร มองหน้าป่านแล้วป่านส่ายหัวให้ แล้วทำปากแบบ ไม่ไหว ๆ
กอล์ฟ: จริง ๆ ช่วงแรกจะรู้สึกไม่พอใจทุกงานอะ แต่อารมณ์แบบนั้นมันก็ช่วยพัฒนาเราเยอะ แบบเริ่มรู้แล้วว่าก่อนเล่นห้ามเละ แต่ตอนเด็กนี่กูเละหนักแน่นอน
พวกเว็บต่างประเทศมาเจอเพลงเราได้ยังไง
จ้า: เดี๋ยวนี้โลกมันก็แคบลง มัน globalized หมดแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่การออกอัลบั้มก็น่าจะทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น ก็คงมีการพูดปากต่อปากหรือแชร์ต่อ ๆ กัน อย่างสมมติมีคนโพสต์เพลงนี้แล้วเราไม่รู้จัก พอกดฟังแล้วรู้สึกเจ๋งว่ะ ก็รู้จักแล้ว เขาก็คงสุ่มไปเจอเพลงเรา ฟังเพลงเราแล้วชอบ มันคงง่ายอย่างนั้นมั้ง แล้วมันก็มี online radio ที่เปิดเฉพาะแนว เขาก็คงพยายามหาอะไรแนวนี้มาเปิด แต่ที่บราซิลเราเซอร์ไพรส์มาก โปรตุเกสด้วย เขาก็ทักมาชวนไปทำโปรเจกต์นั้น โปรเจกต์นี้ เอาไปอยู่ใน compilation นี้ ขอเอาเพลงเราไปเปิดในคลื่นนี้ ใน mv ก็มีต่างชาติมาคอมเมนต์ว่าชอบมาก พวกนี้เขาก็เอาไปจัดอันดับว่าเพลงในรอบปีนี้เพลงไหนดี ก็ปลื้มอะ เดินมาไกลพอสมควร แต่คงต้องพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ไม่หยุดแค่นี้หรอก
กอล์ฟ: ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงตรงนี้ ก็เหมือนที่เล่นดนตรีตอนแรก เราทำเพราะอยากทำ
พอรู้ว่าจะได้ทำโปรเจกต์ Galaxy 500 นี่รู้สึกยังไง
จ้า: ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย รู้สึกเป็นภาระมากกว่า (หัวเราะ) คือเขาติดต่อเรามาประมาณ 5 เดือนที่แล้ว แล้วบอกว่าเดดไลน์คือพฤษภาคม ตอนนั้นก็ดีใจแหละเพราะเป็นแฟนเพลง Galaxy 500 อยู่แล้ว ก็เลือกเพลงที่จะมาทำ บอกเพื่อน ๆ อะไรเรียบร้อย จนเรื่องก็เงียบไป 4-5 เดือนเพราะช่วงนั้นเรามีเล่นเยอะด้วย ทำอัลบั้มด้วย แล้วอยู่ดี ๆ ประมาณต้นเดือนพฤษภาเขาก็ทักมาว่า ไม่ได้เร่งอะไรนะ แต่อยากถามความเคลื่อนไหว จ้าก็แบบ เฮ้ย ชิบหายลืมเลย มีอันนี้ด้วยนี่หว่า ก็ล่กมาก ให้ทุกคนทำการบ้านมาจากบ้าน ไม่เคยซ้อมกันเลย
กอล์ฟ: แบบ ตกลงกันว่า กูจะเอาฟีลประมาณนี้นะ คิดอันนี้นะ แต่พอเข้าห้องอัด ไอ้สัส ไม่เล่นแบบที่คุยกัน (หัวเราะ) ก็ทำแบบรีบ ๆ
จ้า: พอทำเสร็จแบบยำสุด ๆ ลองยิงเข้าเทปคาสเซตดู กลายเป็นงานทดลอง ระเบิดสัส หูดับตับไหม้
ล่าสุดได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นมา เราได้โอกาสตรงนี้ได้ยังไง
จ้า: คือแก๊ง ๆ จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอยู่แล้ว ก็เลยคิดกันเล่น ๆ ว่าถ้าไปเที่ยวแล้วก็อยากจะมีโชว์ที่นั่นเหมือนกันว่ะ ก็ลองติดต่อให้พี่เมื่อย สครับบ์ ว่าพอจะมีคอนเนคชันที่นู่นไหม สรุปก็ได้มา แล้วลองส่งเพลงให้เขาก็ชอบ แล้วหาที่เล่นให้ ณป่านก็ต้องเล่นให้ Basement Tape ส่วนกอล์ฟก็ตีกลองให้ Triggs & The Longest Day ด้วย
ไปเล่นมาแล้วเป็นไงบ้าง
ณป่าน: ตอนแรกคุยกันเล่น ๆ ว่า คนดูจะถึง 10 คนไหม เพราะเราไม่ได้มีโปรดักชันหรือเงินทุนในการโปรโมตในการเล่นที่ญี่ปุ่นครั้งนี้เลย ก็มีแต่โปรโมตในเว็บไซต์ของ live house เขา ก็ลุ้นเอาตามสไตล์ครับ ปรากฏว่า การตอบรับดีมาก พอประตูเปิดคนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาก เราก็เริ่มแบบ เฮ้ยมาว่ะ ๆ เพราะเราเล่นเป็นวงสุดท้ายด้วย ตอนแรกนึกว่าที่งานจะให้เราเล่นเป็นวงแรก ๆ ของงาน เพราะเราก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกและเป็นวงโนเนม แต่เขาก็ให้เราเป็นวงไฮไลต์ในคืนนั้นเลย ต้องขอบคุณมาก ๆ ครับ คนเยอะกว่าที่คิดไว้มากสำหรับวงอย่างเรา แต่ก็ไม่ถึงกับแน่นเต็ม live house นะ (หัวเราะ) ส่วนโชว์ออกมากพวกเราพอใจกันมากเลย ต้องขอบคุณอุปกรณ์เครื่องเสียงบนเวทีของ Shinjuku MARZ ด้วยที่ทำให้โชว์พวกเราออกมาเต็มที่มาก ๆ รวมถึงทีมงาน backstage คนญี่ปุ่นอีก 1 คนที่ช่วยเหลือเราตอนอยู่บนเวที แต่รู้สึกเหมือนมีอยู่ 7 คน (หัวเราะ) ขยันมาก เราทุกคนก็เต็มที่มาก ๆ รู้สึกดีใจและแฮปปี้สุด ๆ ตอนที่ได้ขึ้นไปเล่น ทุกคนมองหน้า ยิ้มกันปกติ แบบไม่มีอะไรจะเสีย ต้องทำยังไงให้คนมาสนุกกับเรา เพลงเราเข้ากับคนที่นี้ไหม หรือหลังจากนี้เพลงเราจะดังไหม ต้องทำยังไงให้คนรู้จักเรา เราแทบไม่ได้นึกเลย เออ แต่มีตอนก่อนขึ้นเล่น เราก็ร่วมพลังกันปกติแบบเด็กมัธยมที่กำลังจะขึ้นเวที (หัวเราะ) ใครจะพูดอะไรก็พุด แต่ทุกคนต้องพูดอะไรสักอย่าง แล้วมีใครสักคนพูดมาว่า “ดนตรีไม่มีแบ่งเชื้อชาติหรือวัฒนธรรม ใช้ดนตรีทำลายกำแพงพวกนั้นซะ เพราะฉะนั้นวันนี้เต็มที่ได้เลย” อาจจะดูเสี่ยว ๆ ฮา ๆ แต่ปลุกใจมาก และก่อนหน้าที่เราจะเล่นจะมี วง GALAXIEDEAD, シーツ, cinnamons เป็นวงญี่ปุ่นหมดเลย เล่นดีมาก แต่ละวงมีซาวด์ในการเล่นอย่างชัดเจน ประทับใจมาก ใครสนใจวงไหนก็ลองติดตามกันดู
แต่ละคนมีโปรเจกต์อื่นด้วย
จ้า: จ้ากับอีกสองคนในวงกำลังทำวงชื่อ Polah กับแน็ต Summer Dressอยู่ครับ ลองซ้อม ๆ กันบ้าง แต่ยังยุ่ง ๆ กับฮาริกึ่มเลยยังไม่ได้ทำอะไรมาก เป็นประมาณไหนบอกไม่ถูก เดี๋ยวรอฟังกันครับ ประมาณเดือนหน้า
ณป่าน: ผมมี Space Trio กับเบนซ์ ออกแนวทดลองผสม modern jazz มีการดีไซน์ช่วงระหว่างเปลี่ยนท่อนก็จะมีอะไรประหลาด ๆ แล้วก็ Scoutlandแดนลูกเสือ เป็น trio jazz
กอล์ฟ: เราก็อยู่ Polah กับช่วยเล่นให้ Triggs & the Longest Day ครับ
นอกจากเล่นดนตรีเราทำอะไร
ณป่าน: ผมเล่นวินด์เซิร์ฟกับเรือใบครับ (HZ: เย้ด ๆๆ) ที่บ้านขายกาแฟอินทนิล รางรถไฟสายเก่า แต่ไม่ได้ช่วยแม่เลยนะ แดกเค้กอย่างเดียว (หัวเราะ) แล้วก็สอนกีตาร์ เล่นดนตรีกลางคืนครับ
จ้า: เราแทงบอล (หัวเราะ) ชอบดูกีฬา ๆ ถ้างานประจำก็ทำ sound studio ให้ PPTV
กอล์ฟ: ปั่นจักรยาน ทำร้านจักรยาน ชื่อ Bike Arena พัฒนาการ ตรงเตรียมพัฒน์เลย
คิดว่าวงการอินดี้ตอนนี้มีอะไรน่าสนใจ
จ้า: บอกตรง ๆ ว่าพวกเราไม่สนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเราเลย สนใจจะไปขุดเพลงฟังมากกว่า หรือทำเพลงของตัวเองให้ดีพอ แล้วไม่ได้ชอบออกไปดูโชว์นอกจากเป็นวงพวก ๆ กันเอง บางทีรู้สึกว่าฟังเพลงวงเก่า ๆ หรือวงที่แตกไปแล้วบางทียังได้อารมณ์กว่าวงยุคนี้ที่ออกกันมาเป็นดอกเห็ด วงที่มียอดวิวใน YouTube เป็นแสนเราไม่เคยสนใจเลย มันมีวงที่ดีกว่านั้นเสมอ เรารู้สึกว่าคนไทยหลงทางกับทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องการมองงานศิลปะ
กอล์ฟ: เราแค่รู้สึกว่าคนทำเพลงเยอะขึ้นแต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันดีจริงหรือเปล่า เหมือนเขาไม่ค่อยมีอะไรที่รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกจริง ๆ เห็นว่าเพื่อนชอบอย่างนี้ก็ชอบตาม ค่านิยมของศิลปินสมัยนี้คงแก้ยากมาก เพราะ YouTube ก็ขายยอดวิว เราว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่ทัศนคติกับความคิดเริ่มแรกของคนมากกว่า ของเราแบบ เด็ก ๆ อยากทำเพลง ใครจะมิกซ์ก็ได้ อัดที่ไหนก็ได้ ทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เราก็เลือกเครื่องที่เราจะใช้ เราเลือกว่าจะทำงานกับใคร ทำเพลงมันต้องรู้ตัวเองว่าเราจะใส่อะไร
จ้า: อีกอย่างที่บ้านเราด้อยกว่าที่อื่นมาก ๆ คือเรื่องกระบวนการผลิตยังตามหลังเขา คือพวกเราไม่ได้ฟังเพลงอย่างเดียวแต่สนใจปรดักชันด้วยว่า อัดแบบนี้ใช้อะไร ทำไมซาวด์ออกมาเป็นแบบนี้ ใครเป็นโปรดิวเซอร์วะ บางวงของไทยที่ไม่ได้ทำเพลงแย่ แต่พออัดเพลงออกมาทำไมฟังดูง่อยขนาดนี้ ไม่ใช่แต่งเพลงออกมาดีแล้วทุกอย่างมันจะดี มันคืองานศิลปะ คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรในผลงานนั้นแล้วต้องออกมาตามที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ ไม่ใช่พอยอดวิวเยอะก็มานั่งคิดว่ากูทำเพลงเจ๋ง หลงไปกับความรู้สึกของคนอื่น บางคนเคยเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วอยู่ดี ๆ ตัวเองดังก็กลายเป็นว่าเราไปคุยด้วยแล้วไม่คุย หรือถือตนเพราะคนชม เราจะโคตรเซ็งที่วงดนตรบ้านเรามาโพสต์ว่า สามแสนวิวแล้ว ขอบคุณทุกคนมากครับ แต่คนเราก็มีเป้าหมายในชีวิตต่างกัน ไม่อยากจะไปว่าเขาว่าอยากมีคนฟังเยอะ แค่รู้สึกว่ามันเป็นแฟชันที่โลกสมัยนี้กล่อมเกลาให้คนเป็นแบบนี้ แล้วดันได้ผลกับคนบ้านเราเยอะ
ศิลปินยุค 80s 90s ที่สุดจะไม่ดัง อินดี้โลคอลมาก ๆ ดังอยู่แค่ในบ้าน แต่รู้จักตัวเองดีพอ และมีฐานแฟนเพลงที่น้อยแต่เหนียวแน่น ไม่รู้สึกยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ทุกวันนี้แค่ใช้ชีวิตแบบแก่ตัวไปเป็น cult band เราจะชื่นชมเรื่องราวแบบนี้มากกว่า อย่าง Fugazi ค่ายจะให้ขายแผ่นเสียง $13 เขาบอกไม่เอา ถ้าเซ็นกับค่ายจะขายแค่ $8 พอตกลงไม่ได้ก็ตั้งค่ายตัวเอง ชอบคนที่เชื่อในงานศิลปะของตัวเองว่าดีจริง ๆ สำหรับตัวเอง และมีความมุ่งมั่นที่จะทำแบบนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ใช่ดังเป็นลูกระเบิด แต่เป็นดอกไม้ที่ปลูก ค่อย ๆ โต แต่สวยงามกว่า
กอล์ฟ: อย่าง Deerhoof ไม่สมควรได้เล่นในที่เล็กขนาดนั้นด้วย ถ้า Deerhoof กับ The fin. ไปเล่นที่อเมริกา Deerhoof ก็น่าจะได้เล่นเวทีใหญ่กว่า เราว่าสมัยนี้การไปดูดนตรีของคนบางคนมันไม่ได้ไปดูดนตรีนะ ลองดูดี ๆ ไปชิค ๆ ชิทแชท แต่งตัวออกจากบ้านหน่อยเว้ย
จ้า: ตอน Deerhoof มาเล่นที่บ้านเราบัตรก็ถูกมาก แต่ไม่ค่อยมีคนไปดู สมมติถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์วงนอกที่มาเล่นไทยแล้วรู้ว่า Deerhoofได้เล่นในผับบาร์เล็กขนาดนั้นก็น่าเสียดาย แต่โคตรมันอะ เป็น performance ที่ดีที่สุดแล้ว มันเป็นโชคดีของเราที่เราได้ดู นักดนตรีแต่ละคนสุดจะไนซ์ ไนซ์กว่านักดนตรีไทยหลาย ๆ วง
ณป่าน: แต่ผมว่าดีนะ คนน้อยแล้วตั้งใจฟัง บางทีก็ชอบที่เล่นให้ต่างชาติฟังแล้วพอเราลงมาเขาก็ขอบคุณที่เราเล่นดนตรีให้เขาฟัง
ไม่ใช่แต่งเพลงออกมาดีแล้วทุกอย่างมันจะดี มันคืองานศิลปะ คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรในผลงานนั้นแล้วต้องออกมาตามที่คุณตั้งเป้าหมายไว้
พอใจกับงานตัวเองแล้วหรือยัง
ณป่าน: เอาให้มิกซ์เสร็จก่อน ยังไม่รู้ว่าจะพอใจกับมันไหม (หัวเราะ)
กอล์ฟ: ที่ดีใจหลัก ๆ เลยก็คือ Monte เขาก็ชอบงานเราด้วย แล้วก็ท้าทายดีด้วยแหละ
จ้า: อัลบั้มนี้เราได้ Monte Vallier เป็นชายวัยกลางคนจากแคลิฟอร์เนียมามิกซ์ให้ เขาคือสมาชิก Swell วงยุค 90s ที่เราไม่ค่อยชอบเพลงเขาเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าได้เขามาทำงานให้ก็คงจะดี เพราะเคยฟังที่เขาไปโปรดิวซ์ มิกซ์ มาสเตอร์ให้ Young Prisms, Terry Malts, Weekend, The Soft Moon แล้วเราชอบ เราเลยลองส่งเพลงอัลบั้มแรกไปให้เขาฟังแล้วถามว่าสนใจมามิกซ์ให้ชุดใหม่เราไหม เขาก็สนใจ อยากทำ เราก็จ้างเขา แล้วที่บอกว่างานเสร็จแล้วแต่จะยังไม่ออกคือให้ Monte ช่วยดู distributor ให้ด้วย เพราะเขาทำให้หลายวงใน Slumberland Records น่าจะมีคอนเนคชันเยอะ แล้วถ้าเขาชอบวงเราจริง ๆ เขาก็น่าจะช่วยหาช่องทางขายในอเมริกา อังกฤษ ด้วยก็ได้ อยากรู้ว่าถ้าได้วางขายจริง ๆ จะพิสูจน์ผลลัพธ์ของงานเราได้ขนาดไหน คือแฟนเพลงวงเราที่เป็นต่างชาติก็เยอะ อย่างใน Bandcamp ไม่มีคนไทยซื้อเลย มีแต่ฝรั่งซื้ออย่างเดียว ซื้อจริงจ่ายจริงทั้งอัลบั้ม นี่คือการเสพงานของเขา เราก็แอบมั่นใจด้วยว่าอัลบัมนี้ของเราจะเจ๋ง
ณป่าน: ข้อดีของฮาริกึ่มคือบางทีมันมีส่วนที่เรานึกไม่ถึง หรือที่เราลืมไปว่าเราควรให้ความสำคัญกับอะไร อย่างเรื่องมิกซ์จ้าก็เสนอคนมิกซ์มา ตอนแรกนี่ไม่รู้เลยว่าเขาคือใครวะ แต่พอรู้วงที่เคยทำให้ก็เอาเลย
ฝากผลงาน
กอล์ฟ: อยากให้ลองฟังทุกเพลงในอัลบั้ม ถ้าชอบไม่ชอบก็แล้วแต่เลย อัลบั้มเก่าด้วยนะ งานเพลงแต่ละอัลบั้มเหมือนสิ่งที่บันทึกว่าช่วงนั้นเราฟังอะไร แก่ ๆ ก็กลับมาฟัง
จ้า: เรื่องเพลงคือยังไงก็ได้เลย เพราะเราไม่อยากยัดเยียดอะไรให้ใคร แต่ถ้าชอบก็ขอบคุณมาก ไม่ชอบไม่เป็นไร อย่าด่าแรงละกัน (หัวเราะ) อัลบั้มน่าจะออกตุลาคมครับ ถ้าทุกอย่าง Monte มิกซ์มาแล้วเรารู้สึกว่าเย้ดแม่ แม่งเจ๋งว่ะ จบแล้ว แต่ถ้าฟังแล้ว ไอสัส นี่อะไรวะ คงเซ็งสุด ๆ (หัวเราะ)
ณป่าน: คิดซะว่าเป็นงานศิลปะอันนึงละกันครับ เราตั้งใจทำ เรารู้ว่าเราจะทำอะไร สุดท้ายก็ขอบคุณที่ติดตามวงฮาริกึ่มนะกันครับ ปลายปีนี้วงเราจะมีผมงานอั้ลบัมชุดที่สอง ก็ลองติดตามกันดูนะครับ
ติดตามผลงานและความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ทาง Facebook Fanpage และฟังเพลงของพวกเขาบนฟังใจได้ ที่นี่