Gorn Clw: Introducing These Freaking Cool Guys
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Nattanich Chanaritichai
ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลง Freaky Guy ของ Gorn Clw ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ซาวด์ดนตรีต่าง ๆ มันแปลกไปจากที่เราเคยฟังงานของหลาย ๆ วง อาการแบบนี้มักเกิดขึ้นเมื่อเราได้ฟังเพลงที่น่าสนใจ แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นฝีมือคนในบ้านเราเองแล้วเนี่ยยิ่งทำให้ต้องชื่นชมความเก่งของพวกเขาเลย ตอนนี้เราก็อยากจะพาเจ้าของบทเพลงนี้มาทำความรู้จักกันก่อน
สมาชิก
ก่อน ชลวรรษ บูรณสิงห์ (ร้องนำ/กีตาร์/ซินธ์)
พัท บริพัตร แสงศิริ (กีตาร์/ซินท์)
กล้วย วิชญ์พล บัวหมื่นชล (เบส/คอรัส)
พี ภควัต เจริญลาภ (กลอง/คอรัส)
กบ ดิศรณ์ ปานเพ็ง (ซาวด์เอ็นจิเนียร์)
จุดเริ่มต้นของ Gorn Clw
ก่อน: มันเริ่มมาจากผมเป็นคนชอบทำเพลง ก็คิดแค่ว่าทำเพลงขึ้นมาขำ ๆ เพลงแรกที่ทำออกมาเป็นเพลงสไตล์นี้และมีเนื้อร้องด้วยก็คือ Rush Loveแต่แล้วก็ดองไว้ จนมีเพื่อนในกลุ่มหรือพวกพี่คณะที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันได้มาฟังเพลงนี้ แล้วทุกคนก็บอกว่า เฮ้ย ได้ว่ะก่อน ผมก็เลยเริ่มทำเพลงตั้งแต่นั้นมาเรื่อย ๆ
ตอนนั้นอินกับแนวเพลงนี้อยู่แล้ว หรือได้อิทธิพลมาจากอะไร
ก่อน: จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ฟังพวกที่เขาว่าผมเป็นนะ พวก dream pop หรืออะไร ผมจะฟังไปเรื่อย ๆ มากกว่า อิทธิพลก็มาจากหลายอย่าง
กล้วย: แจ๊ส
ก่อน: แจ๊สก็มี
กล้วย: แจ๊ส ชวนชื่น (หัวเราะ)
ก่อน: R&B, alternative rock, lo-fi ก็ฟังครับ
กล้วย: ตอนเด็ก ๆ เราเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันแล้วรู้จักเขา เราอยู่ ม.4 เขาอยู่ ม.1 ตอนนั้นเขาก็เล่นเพลง Zombie ของ The Cranberries
พี: นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกับก่อน คือเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่โรงเรียน หลงจากนั้น ก็ time skip มามหาลัยเลยเจอกันอีกทีที่ศิลปากร แต่ว่าวงนี้ได้มารวมกันตอนผมกับกล้วยเรียนจบ ป.ตรี ไปแล้ว
จากการที่ฟังอะไรไม่ตรงสาย แต่ทำไมถึงเล่นออกมาแบบนี้
ก่อน: มันน่าจะมาจากที่เราเคย ๆ ฟังมาแหละครับ อาจจะไม่ได้ป๊อปมาก คือเมื่อก่อนผมทำเพลงอิเล็กทรอนิก อย่างพวกเพลง ambient, experimental พวกนี้จะมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว แต่เราพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้สื่อสารกับคนให้ได้มากขึ้น ผมก็เลยนึกถึงรูปแบบ ฟอร์ม ของเพลงที่ผมเคยฟัง ๆ มา แล้วผมรู้สึกว่า เพลงนี้มันติดหูว่ะ เราชอบว่ะ ก็ลองดึงเอาโครงสร้างของมันมา แล้วเราก็เอา element ซาวด์ดนตรีต่าง ๆ ที่เราชอบมาผสมผสานกัน
เรียกเพลงของตัวเองว่าเป็นแนวอะไร
พี: มีคนเรียกเราว่าเป็น chillwave ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ chillwave คืออะไร แต่ที่เราชอบฟังกันก็เป็น Mac DeMarco
กล้วย: ถ้านึกจะเล่นอะไรไม่ออกก็เล่น Nirvana ตูมตาม ๆ เพราะมันก็เคยฟังกันอยู่แล้ว คือถ้าเรามาแจมกันแบบ chillwave มันก็ไม่ใช่เพราะแต่ละคนมันฟังมาจากบ้านไม่เหมือนกัน
ก่อน: เพลง Nirvana นี่เหมือนเป็นเพลงชาติ
คิดจะเขียนเพลงตัวเองในแนวอื่นบ้างไหม
กล้วย: จริง ๆ ไม่อยากกำหนดแนวด้วย นี่ยังไม่รู้เลยว่าเราเป็นแนวอะไร
พี: คำว่า chillwave ก็เป็นคำที่คนอื่นคิดให้ dream pop ก็อีก แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าเป็นแนวอะไรนะ แบบว่าก่อนที่จะทำเพลง ไม่ได้ไปกำหนดว่า เฮ่ย เพลงนี้ต้องแนวนั้นแนวนี้นะ
ก่อน: บางทีก็อยากทำร็อกนะ แบบพี่เสก โคตรชอบเลย
ความยากที่เจอในการทำเพลง
กล้วย: คงเป็นเรื่องเวลาที่ไม่ค่อยพอดีกัน เพราะก่อนจะเป็นคนแต่งและตัดสินใจทั้งหมดเป็นส่วนใหญ่ แล้วทำมาให้เรามาฟัง เราก็แกะ แล้วค่อยซ้อม แต่พอเวลาก่อนหลุดไปจากห้องซ้อมก็จะไปอยู่ในโลกแห่งการเรียน มันเลยทำให้การทำเพลงช้า
มีคนฟังเพลงแล้วบอกว่าไม่เหมือนงานคนไทย ตอนนั้นรู้สึกยังไง
ก่อน: ก็เฉย ๆ นะครับ คือผมไม่ฟังเพลงไทยเลย ต่อให้จะป๊อปแค่ไหนผมก็ฟังสากลอย่างเดียว แล้วในเพลงพวกนี้มันมีหัวใจหลักบางอย่าง เหมือนเป็นเทคนิกตั้งแต่เราเขียนเมโลดี้ มันจะทำให้เราเลือกคำได้ง่ายขึ้นแล้วดูเหมือนเป็นเจ้าของภาษา
แต่ละเพลงพูดถึงเรื่องอะไร มีความเชื่อมโยงกันไหม
ก่อน: อันนี้มันมีความเชื่อมโยงกันแบบไม่ตั้งใจ เริ่มตั้งแต่เพลง Honey I’m Lonely มา Freaky Guy, Little Boy John แล้วก็ Rush Love จริง ๆ คาแร็กเตอร์ของผู้หญิงในเพลงเป็นคนเดียวกันหมดเลย แค่อยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน อย่างเพลง Honey I’m Lonely จะเป็นเพลงที่ผมพูดแทนผู้ชายคนนึงว่า เขากำลังเดินไปตามท้องถนน แล้วมาเจอผู้หญิงวัยรุ่นคนนึงที่มาสไตล์เหมือนแถวถนนเพชรบุรี แบบ เที่ยวไหมคะ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็แบบ เอ้า นี่คือน้องเนย เด็กข้างบ้านเรานี่หว่า… นามสมมตินะครับ (หัวเราะ) แต่ผู้ชายก็ไม่ได้บอกเขานะว่าจำเขาได้ แต่เราพยายามจะสื่อสารหรือแสดงออกไปให้เขารู้สึกว่า จริง ๆ เรารู้นะว่าเขาเป็นคนดี และเขาสามารถใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้ได้ พอมา Freaky Guy ก็เหมือนน้องเนยที่เลิกทำงานนั้นแล้ว แล้วไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอีกคน แต่เพลงนี้ไม่ได้พูดถึงน้องเนย จะพูดถึงผู้ชายคนนั้น ซึ่ง Freaky Guy เป็นคำที่ผมพูดเล่นกับเพื่อน เหมือนเป็นคำที่ใช้แซวคนว่า เฮ้ย ไอ้นี่แม่ง freak ว่ะ แล้วเราอินกับคำนี้มากเลยเอามาแต่งเพลงก็คือจะบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็น Freaky Guy เพราะถูกทำให้เสียความมั่นใจในตัวเองเพราะคนรัก เหมือนรักกันแล้วถูกทิ้ง อกหัก ส่วน Little Boy John คือน้องเนยตอนมีลูกแล้ว แต่เหมือนเลี้ยงลูกไม่ดีแล้วใจแตก ก็พูดถึง John ลูกของน้องเนยครับ
กล้วย: จอห์น วิญญู ๆ
ก่อน: ส่วน Rush Love มันคือ รักรวดเร็ว สายฟ้าแล่บ ก็คือพูดถึงโสเภณีที่เนื้อหาจะหนักและรุนแรงกว่า Honey I’m Lonely แต่ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มาเล่าเรื่องผู้หญิงขายบริการนะ คือมันเป็นเชิงเหมือนเปรียบกับอะไรหลาย ๆ อย่าง พอเรามีความต้องการแล้วจะเอาเดี๋ยวนั้น ผลที่ตามมามันก็ไม่ค่อยดี แล้ว Rush Love นี่เหมือนเป็นเพลงที่ล้อทุกเพลง คือเอาเนื้อของแต่ละเพลงมาปน ๆ กัน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว Rush Love เป็นเพลงแรกที่แต่ง ก็แปลกมากที่อยู่ดี ๆ ทำไมมันมี element แบบนี้
พี: ถ้าบอกว่าเหมือนการเอาคำใน Rush Love มาแตกเป็นเพลงอื่นจะง่ายกว่า
ก่อน: แต่ตอนนั้นคือลืม Rush Love ไปเลยนะครับ จนกระทั่งมองกลับไปถึงได้เห็นว่า เออ มันมีอยู่ในทุกเพลงจริงด้วยว่ะ จริง ๆ จะมีเพลง Ordinary Day ด้วย แต่จะไม่เกี่ยวกับน้องเนย ซึ่งผมเอามารวมใน EP นี้ไม่ทัน ค่อนข้างรีบเพราะจิน Part Time Musicians จะไปญี่ปุ่น เป็นโอกาสที่ผมจะสามารถเหน็บเพลงของผมไปได้
พี: เพลงนี้เป็นเพลงที่เอาไปเล่นสดอยู่ตลอด แต่ไม่มีใครได้ฟัง audio เพลงนี้จะฉีกไปจากทุกเพลง เพราะเหมือนตอนแรกมีแค่ 4 เพลง แล้วมันก็ทิ้งช่วงมานาน จนพอมารวมวง เพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่เอากลับมาทำใหม่เลยเปลี่ยนไปตามความโตของมัน
กล้วย: มันเป็นเพลงแรกที่เราได้ซ้อมวงกันก่อนทุกเพลงด้วย
คิดยังไงถึงหยิบเรื่องโสเภณีมาเขียน
ก่อน: ผมอยากจะเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีความเชื่อมโยงระหว่างตัวผมกับผู้หญิง ไม่ได้หมายความว่าผมไปผ่านประสบการณ์นั้นมานะ เป็นการใช้อินเนอร์แต่งเพลง จะแต่งเรื่องจากความรู้สึกตอนนั้น หมายถึงว่า ถ้าผมคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเจอผู้หญิงที่มีคาแร็กเตอร์แบบนี้ ผมจะมีความรู้สึกยังไง แล้วผมใช้ความรู้สึกนั้นมาเขียนเพลง ส่วนที่เลือกโสเภณีก็เพราะมันมีความเป็น situation ที่ทำให้ดูล่อแหลม แต่เหตุการณ์ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
เพราะวงที่ทำเรื่องนี้ก็มี Telex Telexs – Labelle กับ Summer Dress – เธอข้างทาง
กล้วย: มันเป็นบรรยากาศของคณะเราด้วยครับ เพราะโดยรอบมันจะมีสถานที่พวกนี้เยอะ
พี: มันฝั่งธนอะ บางที่ก็ห่างจากคณะแค่สิบนาที
ทำไมถึงกล้าเขียนเพลงที่พูดถึงยาบ้าอย่าง WY
พี: (หัวเราะ) เพลงนี้คนที่ได้ฟังเป็นคนแรกคือพี่กอล์ฟ Superbaker
ก่อน: ผมเรียน Song Writing กับเขาที่ดุริยางคศาสตร์ ศิลปากร เขาให้โจทย์มาว่า ถ้าถึงวันสุดท้ายของโลก เราจะทำอะไร ผมก็แต่งเพลงนี้ส่งเขา
พี: ดูดยาบ้า (หัวเราะ) ซึ่งนานมากแล้วนะครับ หลังทำ Ordinary Day แล้วพอช่วงเดือนสองเดือนที่แล้วมีข่าวยาบ้ามา เราก็เลยทำ MV แบบถ่ายวันเดียว แล้วก็ปล่อย ไม่งั้นก็จะกลายเป็นแค่เพลงส่งอาจารย์เฉย ๆ แล้วไม่ได้เล่นที่ไหน เล่นที่งาน Sound A House ที่เดียว เพราะความมีพวกเยอะก็เลยเล่น แล้ววันนั้นก็ไม่ได้ซ้อมเลยนะ เหมือนเปิดคาราโอเกะเล่นกัน
ก่อน: เป็นเพลงโจ๊กที่ไม่น่าจะอยู่ในอัลบั้ม แต่เดี๋ยวจะมีเพลงโจ๊ก ๆ อีกเรื่อย ๆ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดครับ
มีทัศนคติกับการใช้สารเสพติดในการสร้างสรรค์งานดนตรีอย่างไรบ้าง
ก่อน: วงเราอาจจะดูไม่ปกติแต่เราไม่เล่นยา (หัวเราะ) แต่เหล้า เบียร์ อะไรก็กินครับ
พี: ก็แล้วแต่เขานะ วิธีในการสร้างสรรค์มันไม่เหมือนกัน ของเรามันไม่จำเป็น แต่ของบางคนเขาอาจจะจำเป็น เขาอาจจะเคยได้งานจากการทำแบบนี้ เขาก็เลยคิดว่าถ้าเขาทำอย่างนี้ เขาก็จะได้งานอีก ซึ่งความจริงอาจจะไม่ใช่ หรืออาจจะใช่ก็ได้ อยู่ทีคนกับจังหวะของเขา
กล้วย: เรารู้สึกว่าเราสามารถเขียนเพลงแบบเป็นตัวเราได้โดยสถานการณ์ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้
ได้ส่งมารอบออดิชัน Tiger Jams ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง
พี: จริงจังครึ่งนึง เล่น ๆ ครึ่งนึงให้มันเป็นธรรมชาติ คิดว่าถ้าเข้ารอบ 30 วงก็น่าจะโอเค แล้วก็เข้า แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปไกลกว่านั้น เพราะตอนนั้นก็รู้ว่ามีวงอะไรได้เข้ารอบบ้าง ก็คิดว่าเราไม่น่าจะได้
กล้วย: รู้ได้ไง (หัวเราะ) เป็นหมอดู
พี: เรียกว่าเป็นการคาดเดาสถานการณ์ เพราะก็เป็นวงเพื่อน ๆ กันไง เพื่อนเราเล่นคีย์บอร์ดให้ชนุดม พวกวง Telex Telexs, Shark Boys Aliveก็เป็นเพื่อน ๆ กันที่คณะไรงี้ แล้วคิดว่าวงเหล่านั้นน่าจะไปต่อได้
งานไหนเล่นแล้วสนุกที่สุด
ก่อน: ผมชอบที่ Moose นะ (Moose Farewell Party) คือมันถึงจุดที่ผมไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่แล้วด้วย
พัท: ผมชอบก็ชอบ Moose นะ ชอบบรรยากาศ ฟีลตอนเล่น
พี: ผมก็ชอบ Moose เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่สมาชิกเซ็ตนี้ก็ชอบที่ Stone Free ครั้งล่าสุด ตอนนั้นผมขาหักด้วย แบบใส่ไม้เท้ามาเล่น ทุลักทุเลมาก แต่เป็นงานแรกที่เราเล่น งานนั้นมีพี่ปริญญ์ Death of a Salesman มาช่วยเล่นให้ เพราะกล้วยไปดู Rap Is Now แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไป แล้วมันก็มาดู Stone Free (หัวเราะ)
กล้วย: อยากดูไงว่าวงที่เราจะได้เล่นเป็นยังไง
พี: ต้องให้เครดิตพี่เขาเลย ช่วงแรก ๆ ของวงพี่เขามาช่วยเยอะ ทั้งเรื่องการเล่น เรื่องซาวด์ เป็นพี่เลี้ยง เป็นแรงผลักดัน และเป็นส่วนนึงของเราที่ทำให้วงมาถึงตรงนี้
ก่อน: ถ้าพี่ปริญญ์ได้อ่าน ผมอยากขอบคุณที่เป็นรากฐานของพวกเรา
กล้วย: Sound A House ผมก็ชอบ เหมือนเราเล่นเป็นวงสุดท้าย วงอื่นเขาเล่นกันไปหมดแล้ว เราก็เลยใส่ยับเลย
กบ: ถ้าซาวด์ดีที่สุดก็ชอบ คันหู ครับ (งานแสดงวิทยานิพนธ์คณะดุริยางคศาสตร์ ศิลปากร) แต่ถ้าบรรยากาศก็น่าจะเป็น Sound A House ครับ
วีรกรรมที่พบตอนทำเพลง ซ้อม หรือเล่นสด
พี: อันแรกเลยคือไอ้กล้วยที่ Moose มันโดดขึ้นกลอง แล้วตอนลงก็มาเฉี่ยวไหล่ผมไปหน่อยนึง แต่กลองหายไปครึ่งเซ็ต ผมลองเหยียบกระเดื่องดูแล้วมันยังดังแสดงว่ายังตีได้ก็เลยเล่นต่อ แต่ฉาบเฉิบอะไรไปหมดแล้ว แล้วนี่เป็นอะไรของมึง มานอนอยู่ข้าง ๆ กลองกูเนี่ย
กล้วย: แล้วเราก็ยังเล่นต่อไปด้วยนะ
พี: แล้วความเป็นจริงคือในวงไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำ คือขึ้นไปยืนแล้วจะลงไปแบบนั้น
ก่อน: เขาไม่ได้ตั้งใจจะลงไปอย่างนั้น เขาตกลงไป
กล้วย: จริง ๆ จะตั้งใจยืนบนกลองแล้วโดดลงมาปกติ เป็นอัลติ ท่าไม้ตาย ที่ใช้ตั้งแต่เด็กที่อยู่จริญตนาใกแล้ว แต่ตอนนั้นลงมาพลาด ไม่ได้ตั้งใจล้ม กลองอะไรล้มไปแล้ว ก็เลยเล่นต่อไปเลย
พี: อันนั้นคือจากประสบการณ์เพอร์ฟอร์ม กับอีกอันล่าสุดนี่น้ำท่วมห้องซ้อม เอาเครื่องมาวางอย่างเยอะ พอเซ็ตครึ่งชั่วโมงเสร็จ ไอ้พัทหันมา พี่ น้ำแม่งหยดมาจากเพดานว่ะ พอมองไปก็หยดมาอีกจุด แล้วที่พื้น น้ำก็ค่อย ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ เราก็กลัวไฟช็อตตายห่า
ก่อน: แล้วพี่กล้วยบอกว่า “มันสัส” (หัวเราะ)
พี: พอออกจากข้างนอก ภาพที่เห็นคือน้ำท่วมข้างนอกหมดแล้ว คือเราโดนน้ำล้อมไว้หมด โคตรเหี้ยเลยตอนนั้น แล้วน้ำมาเร็ว น่ากลัวมาก
กล้วย: คือเข้าใจความรู้สึกของคนโดนสึนามิเลยอะ
ก่อน: กับอีกอัน อันนี้ผมน่าจะช็อกอยู่คนเดียว คือที่ Jam ผมมาช้า แล้วรถติด หลงทาง วนเป็นชั่วโมง พอมาถึงก็ช็อกเพราะร้านเล็กมาก แล้วถึงคิวต้องเล่นแล้ว แต่เซ็ตของไม่ลงด้วยเพราะของเยอะเกิน ก็เลยมาเปลี่ยนกันตรงนั้น อันนี้ epic ของผมเลย
พี: เรื่องพีค ๆ หมดแล้ว วงเราเพิ่งเล่นได้ไม่ถึงปี เล่นครั้งแรกก็มกรานี้เอง นับ ๆ อายุวงก็ 8 เดือนเอง
การเป็นวงหน้าใหม่ทำให้เจออุปสรรคอะไรบ้าง
พี: จริง ๆ ผมกับกล้วยก็หน้าเก่าแล้ว เล่นมาหลายงาน เจอเหี้ยก็เยอะ เจอดีก็เยอะ คือเราเล่นได้หมด พัทก็เคยเล่นให้ Folk 9 มาบ้าง แต่ตัวก่อนเองก็อาจจะยังไม่ชิน ในมุมมองของผมคือก่อนมันจะมีความตกใจกับสถานที่เล่น หรือเรื่องซาวด์หน้าเวที แล้วก็การเซ็ตของยังไม่เร็วมาก เรื่องความเคยชิน เรื่องของมอนิเตอร์บนเวทีอีก
กล้วย: เฮ้ย กูก็ยังเล่นได้ไม่หมดนะ เล่นงานครั้งแรกคือโคตรอินดี้ตอนอยู่ปี 1 คือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่อยากกลับไปเล่นแบบนั้นอีกแล้ว มันเป็นงานที่อัดร้อยกว่าวงอยู่ในงานนั้นงานเดียว ถ้าจะเล่นก็คงเล่นงานที่เซฟทุกอย่างแล้ว อย่างของควรมีเตรียมไว้ให้บ้างแล้ว ถ้าไม่มีเวลาซาวด์เช็กก็คงไม่เล่น
พี: คือคนอื่นอาจจะชอบแบบนี้ แต่เราไม่ค่อยแฮปปี้กับการเล่นงานแบบนั้นเท่าไหร่แล้ว
ก่อน: ของผมน่าจะเป็นเรื่องเพอร์ฟอร์มแหละที่ปัญหาหลัก ๆ เรื่องทำเพลงก็ทำเรื่อย ๆ เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ก็มีปัญหาอยู่ เป็นภาวะที่ทะเลาะกับตัวเอง เราพยายามมองหาซาวด์ที่ใช่และอยู่ได้ยาว มันก็เลยติดชะงัก จริง ๆ มันควรจะมีเพลงออกมาแล้ว เหมือนเรากำลังหาจุดที่จะเป็นอีกก้าวนึงของตัวผม ผมเลยอยากจะทำให้มันดีที่สุด คือมันต้องเริ่มจากที่เราต้องชอบงานเราก่อน ถ้าเราไม่ชอบแล้วเอาไปเปิดให้ใครเขาเราก็จะไม่มีความสุข แล้วคนที่อยู่รอบตัวเราเขาสัมผัสได้เวลาเราไม่แฮปปี้ แล้วตอนนี้คือผมยังหาจุดที่ผมมีความสุขกับมันไม่ได้
ตอนแรกบอกว่าทำสนุก ๆ มาจนตอนนี้ก็จริงจังกับมันแล้ว
ก่อน: เรารักในทางนี้ เราก็เริ่มอยากจะมีเป้าหมาย มันก็คงจะดีเนอะถ้าเราสามารถจะทำมาหากินในสิ่งที่เรารักได้ ผมก็เลยเริ่มปูทางแล้วว่าจะทำยังไงต่อไป เริ่มดูตลาด เลยอาจจะทำให้ดูจริงจัง
กล้วย: ก็คงจะเป็นเรื่องการสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง แล้วก็อาจจะดูแนวทางเพื่อไปเล่นประเทศอื่น
พี: เราอยากจะปล่อยเพลงพร้อม MV เพราะ YouTube น่าจะเป็นสื่อที่แชร์กันเยอะแล้วก็คุ้นชินตา แต่เอาจริง ๆ เป็นเรื่องที่ยังไม่คุยกัน ก็ต้องดูจังหวะถ้าจะได้ปล่อยก็ต้องได้ปล่อย
จะมีไปเล่นงานไหนเร็ว ๆ นี้
พี: Pow Fest ครับ 17 กันยายน ที่ Rockademy ไอ้พัทนี่เล่นสองวง Folk 9ด้วย ค่าตัวคูณสอง
สมาชิกแต่ละคนมี side project กันหรือเปล่า
ก่อน: ช่วยเพื่อนทำเพลงเป็นครั้งคราว ไม่จริงจัง
พัท: มี Folk 9 ครับ แล้วก็รับจ๊อบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย แล้วก็ทำ lensod.comขายเอฟเฟกต์กีตาร์ เป็น gear nerd เคยทำเพจชื่อ Owlyu เขียนเกี่ยวกับอุปกรณ์ดนตรี ว่าวงนี้ใช้อะไร ๆ ซาวด์แบบนี้ทำได้ยังไง สนใจเรื่องพวกนี้
พี: ผมเป็น admin เพจหนุ่มจืดครับ ไม่รู้มีผ่านตาใครบ้างหรือเปล่า (หัวเราะ) ส่วนวงดนตรี ผมเล่นกับ Handicat ด้วยครับ ทำกับ Panda Records เป็นวงดนตรีวงแรกในชีวิตเลย กับอีกวงนึงกำลังทำอยู่กับกล้วย กับรุ่นพี่อีกคนนึงชื่อพี่ปิ๊ก เป็นพี่ที่เขียนเนื้อเพลงให้ Desktop Error หลาย ๆ เพลง เจอกันตอนเรียน ป.โท first impression คือเห็นแกหน้าเหมือนพี่เล็ก Greasy Cafe เลยชวนคุย (หวเราะ) ชื่อวงตั้งชื่อคร่าว ๆ ไว้ว่า Win More Science (วินมอไซค์) แต่ยังไม่ใช่ชื่อที่สรุปนะครับ มีเพลงแล้วด้วย แต่ยังไม่อัดกัน รอฟังได้เลย
กล้วย: มีทำกับก่อน ทำกับพี แล้วก็ทำค่ายกับพี่เบิร์ด Desktop Error ชื่อ Bird Sound ที่มีวง West of East มีสหายแห่งสายลม แล้วก็ SØAR FLiT
พี: วงที่ผมทำกับกล้วยก็คิดว่าจะไปอยู่กับ Bird Sound ด้วยเหมือนกัน
เห็นปัญหาอะไรในวงการดนตรีตอนนี้บ้าง
กล้วย: ปัญหาตอนนี้เป็นเรื่องของคนฟังมากกว่า แบบ ฟังไม่ค่อยเป็น
ก่อน: เอ้า ไปว่าคนฟัง
กล้วย: คือเพลงมันมีหลายแนวใช่มั้ยล่ะ มีแจ๊ส ชูเกซ ป๊อป แต่เราอยากให้คนมันรู้ว่าแนวนี้เป็นแนวอะไรแบบพื้น ๆ ก่อน แล้วถ้าชอบก็ไปหาฟังเอาเอง ไม่ต้องเล่นเป็นก็ได้ เพราะสมมติว่าคนฟังดนตรีเป็น ก็จะให้น้ำหนักและใส่ใจกับการฟังมากขึ้น คนที่เล่นก็เหมือนจะรู้สึกว่าดนตรีมันไม่ได้ใช้แค่ฟังเพื่อผ่อนคลายว่ะ แต่มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ได้ฟังทุกวัน มีคุณค่ากับเขา
จะทำยังไงให้คนรู้และเข้าใจแนวเพลง
กล้วย: ควรอยู่ในการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พี: ควร educate คนจากสื่อต่าง ๆ อาจจะเป็นตัวฟังใจเองก็ดี จะมีการลงบทความที่เกี่ยวกับแนวเพลงให้ชัดเจนขึ้นว่าแนวนี้มีที่มาอะไรยังไง ก็ต้องยอมรับว่าวงการอินดี้มันกำลังโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็คิดว่าถ้า educate เรื่องนี้ไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี มันก็จะค่อย ๆ ขยายไปช้า ๆ
พัท: เห็นล่าสุดเรื่อง shoegaze เขียนโคตรยาว
คิดยังไงกับการที่จะบังคับให้นักเรียนเล่นดนตรีไทยเป็นคนละชิ้น
พี: ผมว่าดีนะ แต่ไม่ชอบคำว่าบังคับ ถ้าเปลี่ยนคำพูดจากบังคับให้เล่นคนละชิ้น เป็น เรามีวิชาที่ให้เด็กเลือกอย่างอิสระว่าจะเลือกเล่นเครื่องไหนก็ได้ในหมวดดนตรีไทย จะกรับ ฉิ่ง ระนาด ขลุ่ย ผมว่ามันจะเป็นคำพูดที่ดูดีกว่า แล้วเราก็สอนเด็กเกี่ยวกับที่มา ประวัติศาสตร์ของเครื่องที่เขาเลือก แล้วคือสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดคนไทยอย่างเรา ใครจะไปรู้ว่าวันนึงเด็กเหล่านี้อาจจะนำเครื่องดนตรีไทยเขาเคยเรียนมา มาสร้างสรรค์งาน ประยุกต์เป็นอะไรใหม่ ๆ เป็นทางออกให้กับดนตรีไทย และสามารถเผยแพร่วัฒนธรรมได้ ยกตัวอย่าง พีท จริญตนาใก ก็เอาขลุ่ยมาเล่นบ้าง หรือวงอย่าง Paradise Bangkok อันนี้ชัดเจน ที่เขาเอาหมอลำไปเล่น แล้วคนต่างประเทศก็ชอบ ได้ไปไกลถึง Glastonbury ด้วย มันเป็นเพราะต่างประเทศไม่มีไง มันเป็นศิลปะที่มีในประเทศเรา แต่เราต้องหาทางทำให้คนรู้ว่า มัน adapt ประยุกต์ได้อย่างไรให้น่าสนใจ คือจริง ๆ มันก็เป็นนโยบายที่ดีนะ แต่ใช้คำ พูดรุนแรงไปหน่อย เหมือนบังคับเรา ทำให้บางคนเกิดอาการต่อต้านทันทีที่ได้ยิน
ก่อน: ผมว่าเขามองผิดจุดไปหน่อย คือจริง ๆ เรื่องเครื่องดนตรีมันมาทีหลังก็ได้ เราควรจะมีความภูมิใจในชาติพันธุ์เราก่อนอันดับแรก แบบ คนไทยเท่นะเว่ย อะไรแบบนี้ มีไอเดียตรงนี้ก่อน คือรู้จักตัวเอง รู้จักเผ่าพันธุ์และรักมันก่อนที่จะไปที่ดนตรี ผมว่ามันจะมีน้ำหนักมากกว่า ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการจับเขาไปเล่นดนตรี
พี: น่าจะเริ่มจากแก่นก่อน
กล้วย: น่าจะสร้างแบรนด์ให้ประเทศนะครับ
ก่อน: เออ สร้างวัฒนธรรมให้ดู cool
พัท: ก่อนเคยทำโปรเจกต์ performing art มันเอาฉิ่งมาใช้
ก่อน: อันนั้นมันเป็นของคณะจิตรกรรมครับ แล้วเขาแสดงเป็นท่ารำ แล้วจะจุดเทียนบนตัว ผมก็เอาซาวด์ดีไซน์มาผสมกับพวกดนตรีไทย ลงทุนไปซื้อซอตรงหลังกระทรวงเพื่อเอามาเล่นงานนี้ มันก็ผสมเป็น culture กับ sound design experiment หลอน ๆ
คิดยังไงกับดนตรีไทย
ก่อน: ผมว่าเท่นะ จริง ๆ ผมชอบพิณ ผมมีความรู้สึกว่า ไม่แน่นะ ผมอาจจะลองในเพลงหน้า แทนกีตาร์ไปเลย ท่อนโซโล่แจ๊ส ๆ อะ พิณ reverb พิณ flanger
พี: จริง ๆ มันเอามารวมกับแนวไหนก็ได้นะ มันมีตัวอย่างดี ๆ ของพี่โน้ต Yaak Lab ที่ทำกับพี่ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า อะ นิราศลงกา เพลงนั้นผมว่ามันคือการผสมที่ลงตัวมากเลยนะ เขาใช้วิธีร้องแบบไทยเหมือนเป็นกลอนอะ แล้วก็มีดนตรีผสมอิเล็กทรอนิกแบบโคตรลงตัว เป็นเพลงที่ดีมาก ๆ ในความคิดผม เป็นตัวอย่างที่จะให้คนเห็นว่าการผสมผสานระหว่างไทยกับสากลมันลงตัวยังไง ที่เพลงนี้โอเค ไม่มากไม่น้อยไป
กล้วย: ตอนเราเล่นจริญตนาใกก็ใช้ซึงนะ จริง ๆ เราว่าไม่ต้องเป็นเครื่องดนตรีไทย หรือ world music อะไรก็ได้ แค่ขอให้มีความเป็น spiritual เราสามารถเล่นกับเครื่องดนตรีปกติได้ เหมือนเราใช้ใจเล่นแต่เป็นภาษาเรา เพราะคนเรามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องดนตรีหรอก คนเล่นมันอยู่ที่ตัวเอง
ฝากผลงาน
ก่อน: ฝากติดตาม Gorn Clw ด้วยครับ
พี: เพลงใหม่มาเมื่อไหร่ก็… เมื่อนั้นครับ
ก่อน: คือหลังจาก Pow Fest จบก็จะเริ่มทำเพลงเข้มข้นแล้วครับ ไม่อยากสัญญา แต่จะประมาณไว้ว่าธันวา คริสต์มาสน่าจะได้ฟังเพลง
พี: Christmas Lover (หัวเราะ)
กล้วย: ซานต้าราคะ (หัวเราะ)
เข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวของ Gorn Clw ได้ที่ Facebook fanpageและฟังเพลงของพวกเขาบนฟังใจได้ ที่นี่