ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า ขอ ‘FUSE’ กับ RAP IS NOW เพราะพวกเขาเชื่อว่า ฮิปฮอปเล่าได้ทุกเรื่อง
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
FUSE โปรเจกต์ใหม่จาก GMM’D ที่ได้ ตุล ไวฑูรเกียรติ กับ RAP IS NOW มาเป็น executive producer สร้างสีสันให้กับซีนดนตรีด้วยการชวนศิลปินแนวเพลงต่าง ๆ ตั้งแต่ ป๊อป ร็อก เมทัล หรือแม้กระทั่งหมอลำ มาทำเพลงร่วมกับศิลปินฮิปฮอปที่มีสไตล์เฉพาะตัวไม่ว่าจะ trap, old school, horror core จนเกิดเป็นเพลงที่น่าสนใจทั้ง 5 เพลง เพราะพวกเขาเชื่อว่า ฮิปฮอปจะพูดเรื่องอะไรก็ได้ ผสมกับอะไรก็ลงตัว
คนที่เคยฟังเพลงอพาร์ตเมนต์คุณป้าจะรู้ว่า ตุล ก็แร็ปอยู่แล้ว
ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบดนตรีหลายรูปแบบ ฟังหลายแนว หรือว่าตอนเป็นดีเจเองก็สะสมแผ่นมาตลอดอยู่แล้ว การแร็ปก็อยู่ในสิ่งที่เราฟัง แล้วข้อดีในการเล่าเรื่องของแร็ปคือมันสามารถใส่ข้อมูลได้เยอะในแบบที่เพลงร้องไม่สามารถทำได้ ถ้าเราจะมีเพลงที่ต้องเล่าเนื้อหาเยอะ ๆ อย่างเพลง กำแพง ให้ร้องเป็นเพลงภายใน 4 นาทีก็คงเอาไม่อยู่ แร็ปก็เอื้อประโยชน์ตรงนี้ในการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาด้วยปริมาณคำที่มากในเวลาที่น้อย (หัวเราะ)
แร็ปต่างกับกวีที่แต่งยังไง
บทกวีที่เขียนในหนังสือที่ผมชอบจะเป็นแบบไร้ฉันทลักษณ์ซะส่วนใหญ่ ทั้งที่พื้นฐานเรามาจากบทกวีที่มีฉันทลักษณ์นะ เป็นคนชอบเขียนกลอนตั้งแต่เด็ก เวลาโรงเรียนมีให้ประกวดแต่งกลอนก็แต่ง แต่พอเริ่มเขียนบทกวีในหนังสือผมเริ่มสลัดทุกอย่างที่เป็นกรอบทิ้ง ไม่ว่าจะคำคล้องจอง กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เราก็เลือกที่จะสื่อสารแบบไร้รูปแบบ (freeform) แต่พอมาแร็ปในเพลง เสน่ห์ของมันอยู่ที่การเลือกใช้คำที่คล้องจองกัน (rhyme) จังหวะจะโคนของคำ การซอยคำ
โปรเจกต์ FUSE มีที่มาที่ไปยังไง
ผมได้รับโจทย์มาจาก GMM D ว่าอยากทำ collaboration ศิลปินฮิปฮอป โดยการที่เรานำศิลปินที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาเจอกันได้มาร่วมงานกัน โดยมีทีม RAP IS NOW มาช่วยกันทำให้งานนี้เกิดขึ้นได้ แล้วพอเราได้โจทย์มา ก็เริ่มส่งบัตรเชิญว่าศิลปินแต่ละท่านมีโอเคกับโปรเจกต์แบบนี้ไหม แต่ละท่านก็จะได้เล่าเรื่องในมุมมองของตัวเอง เพลงของ FUSE เนี่ยจะไม่เหมือนกันเลย ก็จะแบ่งรสชาติไปตามสไตล์ดนตรีที่เราจะเอามาผสม มีตั้งแต่ป๊อป ไปจนถึงเมทัล
ในฐานะ executive producer ต้องทำอะไรบ้าง
โจทย์ที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยที่มาทำตรงนี้คือเราทำให้ทุกคนมีความสุข ทำให้บริษัทที่จ้างงานเราแฮปปี้ ผม make sure ว่าศิลปินที่มาร่วมงานโปรโจกต์นี้ต้องสนุก ตรงนี้เราเป็นศิลปินเองด้วยเลยรู้สึกว่างานที่ทำออกมาแล้วทุกฝ่ายมีความสุขจะเป็นงานที่ดีครับ
เลือกศิลปินที่จะมาร่วมโปรเจกต์นี้จากอะไร
แน่นอนเราต้องเป็นแฟนเพลงของพวกเขาก่อน ต้องยอมรับว่าเราชอบทั้งสิบคน จริง ๆ มีชอยส์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้บ้าง แต่ด้วยคิวไม่ได้ เวลาไม่พร้อม เพราะค่อนข้างรีบเหมือนกันทำงานนี้ สุดท้ายแล้วมาลงตัวที่ผู้เล่นสิบคนนี้ เราเล็งเห็นว่าศิลปินที่เราเลือกมามีศักยภาพในมุมที่ต่างกัน แล้วรู้สึกว่าเป็นทีมที่ลงตัวมาก และได้สีสันมากกว่าที่คิดไว้แต่ตอนแรก เมื่อจบงานมันดีกว่าที่ผมคิดไว้ 20 เท่า
งานที่ทุกคนทำออกมามีความเป็นตัวเองอยู่สูงมาก ต่างจากที่หลายคนบอกว่าเพลงที่ออกมาจากค่ายใหญ่จะเป็นแพตเทิร์นเดิม ๆ หมด
ตอนทำงานนี่ไม่มีการคาดเดาใด ๆ ทั้งสิ้นเลยนะ ถ้าส่วนผสมอันนี้มันลงตัวแล้วเราปล่อยให้มันมีที่ว่าง มีพื้นที่ในการแสดงออกของแต่ละคน เพลงมันจะออกมามีอิสระในตัวมันเอง มันเกิดมาด้วยความรัก แต่เราจะไปควบคุมมันไม่ได้ว่า final product มันจะออกมาในรูปแบบไหน ให้เรื่องระหว่างทางพาไป ซึ่งแต่ละเพลงมันก็มีการเปลี่ยนแปลงปรับไปเรื่อย บางเพลงถ้าได้ยินเดโม่อาจจะเป็นคนละเรื่องกับที่ปล่อยมา ซึ่งนี่ก็เป็นเสน่ห์ของ FUSE ผมมองว่านี่มันเป็นทีมเวิร์ก เพราะเรามีคนหลากหลายบุคลิกมาร่วมงานกัน มีค่ายใหญ่คอยประสานงาน สนับสนุนเงินทุน ก็ต้องขอบคุณค่ายใหญ่ด้วยเพราะงานนี้เรามีทุนที่จะมาเล่นอะไรสนุก ๆ ได้เยอะ แล้วเราก็มีทีม RAP IS NOW ที่มีเครือข่ายของแร็ปเปอร์ที่น่าสนใจ ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเราได้ ผมเองก็มีเครือข่ายเพื่อน ๆ นักดนตรีที่เยอะมาก ถ้าดูรายชื่อทีมงานไม่ใช่แค่ 10 ศิลปินตรงนี้ คนเบื้องหลังมีกว่า 20 กว่าชีวิตที่อยู่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคนทำบีต คุณโน้ต YAAK LAB ทำงานหนักในชุดนี้เหมือนกัน มี 4 เพลง mastering, sound engineer ก็ได้คุณอู่ Kidnappers มาช่วยดูภาพรวมให้เพลงที่มีรสชาติไม่เหมือนกันเลย แต่จำเป็นต้องมาอยู่ในเพลย์ลิสต์เดียวกัน แล้วก็คน mixing จากนานาประเทศที่เป็นเพื่อน ๆ ของผมที่คิดว่าเขาเหมาะ อย่างเพลงผมทำ Old School (โรงเรียนเก่า) ก็นำมันกลับไปบ้านที่นิวยอร์ก ให้คนที่เคยทำเพลงแบบนั้นมิกซ์ดู ได้ DJ Spydamonkee มาสแครชแผ่น มี Scrubb กับ Plastic Plastic มาคอรัส เพลงของ GENA D เราก็ไปเจอ Nicholas Di Lorenzo เพื่อนใหม่ของผมที่ออสเตรเลียให้เขาทำซาวด์ให้ออกมาร่วมสมัย ที่ไทยก็มีส่งไปให้พี่ต้น Silly Fools มิกซ์เพลงร็อก พี่ต้นก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตรงนี้ ทำได้ดีมากนะครับ อย่างเพลงหน้ากากเราได้ ปั๊ม อพาร์ตเมนต์คุณป้า มาเล่นกีตาร์ ได้บีม Siam Secret Service มาเล่นเบส แล้วก็ได้คุณอู๋ The Yers มาตีกลอง ซึ่งคนทั่วไปก็จะไม่รู้ว่าคุณอู๋เป็นมือกลองที่เก่งมาก ตอนแรกอู๋ได้รับเดโม่ไปจากคุณโน้ต แล้วก็โทรมาถามผมว่า ‘เอ๊ ที่พี่โปรแกรมกลองมามันเป็นสองกระเดื่องรึเปล่า’ เราก็บอกไปว่า ‘ไม่จำเป็นต้องสองกระเดื่องหรอก ถ้าอู๋ไม่ถนัดก็ไม่เป็นไร ตีธรรมดา เหลือกระเดื่องเดียวก็ได้’ อู๋บอกว่า ‘ไม่เป็นไรครับ สองกระเดื่องก็ได้ ผมลองตีดู’ แล้วก็ไปยืมกระเดื่องสองอันมาหัดอยู่ทั้งวันก่อนวันจะอัดเสียง อันนี้ผมต้องขอบคุณคุณอู๋ The Yers มากที่ทำให้เพลงนี้มีรสชาติของเมทัลได้เต็มที่ทั้งที่อู๋ไม่เคยตีกลองสองกระเดื่องมาก่อน แล้วเขาตีออกมาได้อย่างสุดตีน
เป็นการลองทำอะไรครั้งแรกของศิลปินหลาย ๆ คนในโปรเจกต์นี้
จีน่าเนี่ย ตอนแรกถามว่าอยากร่วมงานกับใครเขาก็บอกว่า ต้า Paradox เพราะเป็นแฟนเพลงอยู่แล้ว แรก ๆ ผมมีช่วยเขาเขียนเนื้อ แต่หลัง ๆ ผมปล่อยให้จีน่ามีพื้นที่ของเขาบ้าง นี่อาจจะเป็นเพลงแรก ๆ ที่เขามีเครดิตในการเขียนเนื้อเพลงด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจนะ จีน่าเขาจะทำงานในพาร์ตเขียนเนื้อกับเพื่อนสนิทเขา ชื่อพี่หมี StickyRice Killah แต่มีบางวันที่เรานัดกันได้ไม่ครบ ผมเลยบอกจีน่าว่าถ้ามีโอกาสอยากจะพูดอะไร ก็ลองเขียนดู ไม่ต้องเกร็ง แล้วน้องก็ทำได้ดีมาก ถือว่าเป็นพัฒนาการอีกย่างก้าวของน้องจีน่าที่มีส่วนร่วมได้เขียนเนื้อ สุดท้ายแล้วเนื้อที่ผมช่วยเขียนก็ไม่ได้ใช้ มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยให้ศิลปินมีส่วนร่วมในการผลิต แต่ส่วนใหญ่ศิลปินท่านอื่น ๆ ในนี้ก็จะเขียนเนื้อกันได้อยู่แล้วทุกคน
ส่วน เต๊ะ ตระกูลตอ ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ร้องกับบีตฮิปฮอป ถือว่าเขาทำได้ดีมากสำหรับนักดนตรีที่อยู่ในอีกสายนึงแล้วมาเจอฮิปฮอป อันนี้ก็เป็นการพิสูจน์ว่าเขาสมควรจะเป็นซูเปอร์สตาร์จริง ๆ ทำไมเขาถึงมีคนรักมากขนาดนั้นเพราะเขามีปฏิภาณไหวพริบที่ฉับไวมาก แล้วงานนี้แข่งกับเวลาด้วย ศิลปินทุกคนก็มีคิวว่างที่ไม่ค่อยจะตรงกัน ดังนั้นสิ่งใดที่ทำแล้วเกิดงานขึ้นได้ผมก็อำนวยความสะดวกให้ แล้วอย่างในเพลง คิดฮอดบ้าน เนี่ย ผมก็คิดว่ามันคงจะดีนะถ้าได้ไปบันทึกเสียงในบรรยากาศของความเป็นอีสาน แล้วเต๊ะเขาทำงานอยู่ที่ภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยนัดกันไปที่ขอนแก่น เขาวิ่งรถมาจากร้อยเอ็ดที่เล่นคอนเสิร์ตอยู่เพื่อมาอัดเสียง พอเสร็จก็ไปเล่นอีกจังหวัดนึง
เพื่อน ๆ ต่างชาติที่ส่งเพลงไปให้มิกซ์ พอได้ฟังงานคนไทยแล้วเขารู้สึกยังไงบ้าง
เขาชอบ อย่างคนชื่อ AJ Tissian ที่ได้มิกซ์เพลง Old School เขาเป็นคนอายุเท่า ๆ ผม แล้วชอบอะไรแบบนี้ เป็นเรื่องของยุคสมัย เป็นงานที่เขาถนัด แต่ผมส่งเพลง คิดฮอดบ้าน ให้เขามิกซ์ ซึ่งเขาเซอร์ไพรส์มากกับเสียงพิณนะ ฝรั่งเขาไม่เคยได้ยินเครื่องดนตรีชนิดนี้มาก่อน แล้วเขาบอกว่าเสียงมันมีความหวาน มันคล้าย ๆ กีตาร์แต่มันก็ไม่ใช่ เขาก็ประทับใจกับตรงนี้ อันนี้ก็ได้คุณต้นตระกูล กับน้องออยวง Asia 7 ซึ่งวงนี้เขาก็ถนัดใน world music อยู่แล้วก็ทำให้เพลงนี้มีสีสันที่ซึ้งใจ ฟังแล้วน้ำตาจะไหล ต่อให้เราไม่ใช่คนอีสานเองเราฟังแล้วยังคิดถึงบ้านเลย
แล้วอย่างเพลง โรงเรียนเก่า ของตุลกับกอล์ฟล่ะ
ตอนแรกผมถามกอล์ฟ F. HERO ว่าอยากทำกับใคร เขาก็เมสเสจมาบอกว่า ‘ผมอยากทำกับพี่’ คือทีแรกผมไม่ได้จะมาทำเพลงด้วยเลยนะ แต่พอกอล์ฟว่างี้ก็ลองดู ตั้งโจทย์กันมาว่าอยากเล่าเรื่องในอดีตของพวกเราที่เคยพบมาให้กับคนยุคนี้ได้ทราบบ้างว่าฮิปฮอปมันเดินทางมาไกลนะกว่าจะมาถึงตอนนี้ที่มีถนนกว้างให้เดิน ในยุคก่อนมันมีคนที่ถางหญ้า ลุยป่ามาก่อนตั้งหลายท่าน แล้วกอล์ฟก็สรุปในเพลงนี้ได้ดีมาก ถึงเรื่องเพลงในอดีตที่มีแร็ป นี่เป็นประสบการณ์ตรงของเขาจริง ๆ ในสิ่งที่เขาฟังมา แม้มันจะไม่ใช่ฮิปฮอปแท้ ๆ แต่ศิลปินเหล่านั้นมีส่วนผลักดันด้วยการให้แร็ปมาเป็นส่วนนึงของเพลงเขา มันคือจุดเริ่มต้นก่อนจะพัฒนามาเป็นแร็ปไทยในปัจจุบัน ถ้ามันไม่มีศิลปินรุ่นนั้นเบิกทางมาก่อน เราจะไม่มีวันนี้จริง ๆ
ในเนื้อเพลงพาร์ตของตุลมีการพูดถึง MC และตุลเองก็เป็น MC ในชีวิตจริงด้วย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าหน้าที่ของ MC คืออะไร
เป็นคนสร้างสีสันในนั้นด้วยการพูด เป็นการรวบรวมความสามัคคีเป็นหมู่คณะ ถ้าเราเปิดดีเจเฉย ๆ คนจะฟังเพลงแล้วเต้นไป เคยไปดู drum n bass ไหมครับ เวลา mc กล่าวปราศรัยอะไร นั่นแหละ มันคือการรวมศูนย์ให้ทุกคนมาอยู่เป็นก้อน ให้โฟกัสกับปาร์ตี้
ฝึกเป็น MC ยากไหม
ไม่ยากครับ แต่การที่ผมมาเป็น mc คือตอนนั้นผมอยากเป็นดีเจ dnb แล้วไอ้มังกร (มังกร ทิมกุล DJ Dragon) มันไม่ยอมให้ผมเป็นดีเจ ตอนนั้นมันมีร้านชื่อ Deeper ที่สีลมซอย 4 มีดีเจมังกรกับดีเจเหวิ่น Homebass Communication ดังที่สุดในยุคนั้น ผมเพิ่งเรียนจบแล้วผมก็เห่อหมอยมาก แล้วผมก็แบกแผ่น dnb ไปหามังกรกับเหวิ่น บอกว่า ‘ผมชื่อตุล ผมขอมาทำความรู้จัก ผมชื่นชอบคุณและ dnb มานานแล้ว ผมมีแผ่นเยอะมาก ผมขอเป็นดีเจเปิด dnb หน่อย’ แล้วมันก็บอก ‘ไม่ ดีเจเต็มแล้ว ขาดแต่ mc ทำเป็นไหม’
จริง ๆ นะ มันเกิดจากความเห่อหมอย ผมไม่เคย mc มาก่อนในชีวิต ผมอยากมีส่วนร่วมกับซีนนี้มาก ผมแบกแผ่นมาเยอะ จะกลับบ้านมือเปล่าไม่ได้เด็ดขาด ผมอัดเตกิล่าแล้วขึ้นไปคว้าไมค์ทำ mc ครั้งแรกที่ร้าน Deeper กับมังกรและเหวิ่น หลังจากนั้นแหละครับ ใน Homebass ผมก็เป็น mc จนช่วงหลัง ๆ มานี่แหละ ผมขอมังกรเป็นดีเจ ‘กูอยากมาทำอย่างงี้กับมึงเพราะกูอยากดีเจ แล้วตอนนี้กูว่ากูก็ดังแล้วขอกูดีเจเหอะ’ (หัวเราะ) ผมถึงได้ดีเจในงาน Homebass อะ ไม่งั้นผมไม่ได้เลยนะ แต่งานผมจัดเอง (Quay Records) ผมได้เป็นดีเจอยู่แล้ว ใครจะห้ามผมได้ (หัวเราะ) เป็นความคับแค้นของผมจนถึงทุกวันนี้ แต่มันก็ทำให้ผมมีอาชีพการงานในอีกแบบ ต้องขอบคุณมังกรด้วยครับที่ห้ามไม่ให้ผมดีเจในคืนนั้น
ชอบเพลงไหนมากที่สุดในโปรเจกต์ FUSE
เพลง คิดฮอดบ้าน เป็นเพลงที่ออกมาได้เกินคาดที่สุดเท่าที่ผมจะคาดเดามันได้นะ ปกติเราจะไม่เจอเพลงแร็ปที่มีผลเรื่องอารมณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงมัน เพลงสนุก แต่ คิดฮอดบ้าน มันเป็นเพลงที่ทำให้น้ำตาไหล ณ ตอนที่ตั้งโจทย์ตอนแรกเรายังไม่คิดเลยว่าจะออกมาแบบนี้ เต๊ะ ตระกูลตอ กับ SIR POPPA LOT จะต้องออกมาเป็นอะไรที่ตลก สนุกสนาน คึกคักแน่ ๆ แต่มันออกมาเป็นแบบนี้ นี่แหละคือศิลปะ ผู้สร้างงานเองก็ไม่รู้หรอก ผมเป็น executive producer ก็ไม่ได้ตัดสินชัดเจนว่าเพลงมันจะเป็นยังไง เพียงแต่เราทำให้ทุกคนมีความสุขที่เขาจะเล่าเรื่อง ศิลปินทุกคนที่ทำงานนี้มีความสุขที่ได้ทดลอง ใน FUSE จะไม่ได้เป็นเพลงที่ยอดขายถล่มทลาย แต่ศิลปินจะมีพื้นที่ในการเล่าเรื่องเป็นของตัวเอง
ผลตอบรับตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
Feedback โดยรวมตอนนี้ก็ดีนะครับ เพราะเห็นว่าคนก็บอกว่าเพลย์ลิสต์เนี่ย ถึงแม้จะเป็นเพลงคนละแนวเลย แต่เขาก็ฟังได้เรื่อย ๆ บอกว่าการเป็นเพลงหลายรสชาติก็สามารถอยู่ในนี้ด้วยกันได้ มันไม่น่าเชื่อที่ปกติเราทำเพลงแบบนี้คนอาจจะฟังไม่ได้รื่นหูจนจบเพลย์ลิสต์
ซึ่งก็ปล่อยออกมา 5 เพลงพร้อมกันกับ mv 5 ตัว
อันนี้เป็นวิถีของเรา อาจจะเป็นสิ่งที่พยายามทำให้เห็นอยู่ว่าการเล่าเรื่องแบบนี้มันมีเสน่ห์ยังไง ถ้าเราทำเพลงร็อกมานานก็จะชินในการฟังเพลงเป็นอัลบั้ม หรือ EP การเล่าเรื่องแบบมีกลุ่มก้อนมันจะเห็นภาพใหญ่ ภาพรวม มากกว่าเราเล่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ แล้วทำไมถึงมี executive producer ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ เรากับ RAP IS NOW ต้องการสื่ออย่างเดียวในโปรเจกต์นี้เลยว่า ‘แร็ปเป็นเพลงที่พูดได้ทุกเรื่อง แล้วผสมได้ทุกอย่าง’ นี่คือเป้าหมายของ FUSE ซึ่งมาจาก ‘fusion’
รู้สึกยังไงที่คนเถียงกันว่าแร็ปหรือฮิปฮอปสไตล์นั้นสไตล์นี้ดีกว่ากัน
เป็นเรื่องปกติครับที่คนจะชอบไม่เหมือนกัน แล้วก็เป็นเรื่องปกติด้วยที่เราจะยอมรับได้แล้วว่าดนตรีแต่ละแนวก็มีดีในแบบของมัน
จริง ๆ อพาร์ตเมนต์คุณป้าก็พยายามพูดเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่เพลง กำแพง หรือ ดื่ม
ใช่ครับ คือผมพูดตลอดว่ามนุษย์มันมีความแตกต่างทางความคิด สิ่งที่ดนตรีจะผลักดันอะไรให้โลกใบนี้ได้ไม่ใช่การจะเปลี่ยนอะไรโลกหรอก แต่ทำให้คนยอมรับว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน แล้วถ้ายอมรับตรงนี้ได้ แม้แต่เรื่องการเมือง การใช้ชีวิต ปัญหาจะน้อยลงมาก
คนเริ่มมีการเปรียบเทียบระหว่าง ‘คนรุ่นเก่า’ กับ ‘คนรุ่นใหม่’ เยอะขึ้นมาก มีความคิดเห็นกับตรงนี้ยังไง
มันต้องมีคนรุ่นเก่าถึงจะมีคนรุ่นใหม่นะ แน่นอนคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่คิดไม่เหมือนกัน แต่ว่าด้วยสิ่งที่มันทำต่อเนื่องมา เราก็คือผลผลิตของรุ่นเก่าที่ evolve มา ดังนั้นมันแยกกันไม่ออกหรอกครับ
ได้ติดตามงานศิลปินฮิปฮอปคนไหนบ้าง
ติดตามเยอะครับ กลุ่ม Rap Against Dictatorship นี่ผมก็ชอบครับ ผมชอบสายนี้
เดี๋ยวนี้ผมก็อินกับ movement ของโฟล์กนะครับ มาแรงเลยไม่ใช่แค่แร็ป เขียนไขและวานิช เนี่ย ผมว่ามันมีสปิริตอะไรคล้าย ๆ กันในดนตรีโฟล์กและแร็ป หนึ่งคือมันลดความเหลื่อมล้ำของการทำเพลง ทุกคนทำเพลงได้ ทำจากที่ไหนในประเทศก็ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเสน่ห์ที่โฟล์กและแร็ปมี เราจะเห็น local heroes มากมายจากหลายภูมิภาค การรวมศูนย์อำนาจของความบันเทิงมันไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพ ฯ อีกแล้ว ทุกอย่างมันมีการกระจายออกไป ในอนาคตผมมองว่าประเทศเรามีตั้ง 70 กว่าจังหวัด ทุกจังหวัดควรจะมีซาวด์ ควรจะมีเรื่องเล่าของตัวเอง ผมมีความรู้สึกในแง่บวกว่ามันจะเป็นไปทางนั้น เรื่องราวใหม่ ๆ ที่มีคนได้ยินและชอบกันทั้งประเทศมันไม่ใช่เรื่องราวที่รวมศูนย์ที่นี่อีกแล้ว เมื่อก่อนนักร้องลูกทุ่งภาคอีสานต้องเข้ามาเซ็นสัญญาที่กรุงเทพ ฯ เพื่อจะโด่งดัง แต่ตอนนี้เรามี เต๊ะ ตระกูลตอ ที่ทำงานจากตรงนั้นได้เลย เรามีศิลปินที่เป็นศิลปินโฟล์กที่ทำงานจากไหนก็ได้ ตอนนี้มีจากหลายภาคมาก บางคนมีการใช้ภาษาถิ่น อย่างทางใต้ก็มี แล้วสุดท้ายคำว่าแมสจะหายไปจากโลกนี้ มันจะเหลือ niche เต็มไปหมดเลย
น่าสนใจที่งานศิลปะกลับเป็นสิ่งที่กระจายออกไปได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่เรื่องอื่น ๆ เป็นไปได้ยากกว่า
มันจะเป็นไปเอง ศิลปะมันดลบันดาลความคิดคน มันคือ soft power ครับ เมื่อศิลปะมันชี้นำคนในรูปแบบนึง คนจะเริ่มชินกับวิถีคิดแบบนี้ทีละนิดทีละหน่อย
สังเกตว่าพวกเราจะเจอตุลที่ปาร์ตี้และคอนเสิร์ตวงหน้าใหม่ ๆ ตลอด
เป็นคนชอบอะไรพวกนี้ครับ ถึงแม้ว่าเราทำงานมานานแล้วแต่ก็ชอบเปิดหูเปิดตาไปเจอโลกใหม่ ๆ
บรรยากาศสมัยนี้ต่างจากเมื่อก่อนยังไง
ดี ยุคนี้มีอะไรเจ๋ง ๆ หลายอย่าง วงที่เพิ่งมาแปปเดียวแต่คอนเสิร์ต sold out คนเหล่านี้ไปฟังเพลงที่คอนเสิร์ต แต่เขาจะไม่กินเหล้าถึงเช้าแบบคนรุ่นผม สำมะเลเทเมามาก ไม่ต้องดูคอนเสิร์ตก็สามารถจะปาร์ตี้กินเหล้ากันได้เรื่อย ๆ คอนเสิร์ตจบถ้ามีดีเจ after party ก็จะเต้นต่อ ไม่กลับบ้านกลับช่อง เด็กยุคใหม่คอนเสิร์ตจบ ต่อให้มีดีเจก็กลับบ้าน คนมันไม่ค่อยเต้น มันก็เป็นวิธี react ของแต่ละยุค จะไปเทียบกันก็ไม่ได้ วัยรุ่นยุคผมนี่รั่วกว่านี้เยอะ ต้องกินเหล้าเมาปลิ้น แต่ยุคนี้เขาดื่มน้อยลง สูบกัญชามากขึ้น มันมีสิ่งที่อธิบายได้ว่าอะไรที่ shape ความคิดเขาแบบนี้ แล้วถึงเขาจะดูคอนเสิร์ตเรียบร้อยแต่เขา enjoy แล้วเขาซื้อบัตรนะ ไลฟ์สไตล์มันเปลี่ยนไปครับ เพราะความบันเทิงมันหาได้ที่บ้านมั้ง อันนี้ผมลองวิเคราะห์ดูนะ เขาจะเลือกไปสิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ คนยุคผมจะไม่ติดบ้าน ทุกวันนี้ผมยังไม่ติดบ้านเลย ผมเป็นผลผลิตของคนยุคเก่า (ยิ้ม)
นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์อื่น ๆ อะไรจากอพาร์ตเมนต์คุณป้าอีกบ้าง
จะมีคอนเสิร์ต Hall of Fan อพาร์ตเมนต์คุณป้า feat. บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ 26 พฤษภาคมครับ ไปดูไปชมได้ คอนเสิร์ตยาวประมาณ 2 ชั่วโมงในราคาบัตรที่ถูกมาก แล้วก็อัลบั้มล่าสุดเพิ่งออกไปปีที่แล้ว ฟังได้ตามสตรีมมิงทั่วไป ซีดีก็ยังมีจำหน่าย ซื้อมาฟังก็จะได้อรรถรสอีกแบบ ถ้าอยากดูปก ซึมซับรสชาติของอัลบั้มเต็ม ๆ อ่านเรื่องสั้นได้ข้างใน mv เพลง กำยาน เพิ่งปล่อย ยังมีเวลามาทำความรู้จักกันได้
ฝากถึงโปรเจกต์ FUSE
อยากจะขอบคุณทุก ๆ คนที่มารวมแรงรวมใจกันในโปรเจกต์นี้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีทุกคนในนี้ สิ่งที่พิเศษคือการรวมเอาความคิดที่แตกต่างและหลากหลายมารวมกัน มันคือการเฉลิมฉลองของความแตกต่างครับ
เข้าไปฟังโปรเจกต์อื่น ๆ ของ GMM’D ได้ที่ YouTube channel ของ GMM Grammy Official ได้เลย