อยากฟังเพลงอย่างนี้ทุกวัน Freeze อัลบั้มใหม่อัดแน่น 15 เพลงจาก Summer Stop
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
บ่มเพาะกันมานานกว่า 5 ปีกับอัลบั้มเต็มชุดนี้ Summer Stop ได้ปล่อย 15 เพลงออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันแล้ว พร้อมซีรีส์มิวสิกวิดิโอ romantic surreal 3 ตัว ใครยังไม่ได้ดูสามารถจิ้มเข้าไปใน YouTube หรือจะลุย Apple Music ฟังทั้งอัลบั้มประกอบการอ่านที่มาที่ไปของงานชุด Freeze ด้วยก็ได้
สมาชิก
เอิง—ดนุพรรษ์ ยาท้วม (ร้องนำ, กีตาร์)
เอย—ธนพรรษ์ ยาท้วม (ร้องนำ, กีตาร์)
แมว—วัฒน์สุ สิทธิปิยะสกุล (ซินธิไซเซอร์)
โดม—ธิติภัทร รวมทรัพย์ (กลอง)
จุดเริ่มต้นกับ Smallroom และอัลบั้มที่กินระยะเวลาเดินทางกว่า 5 ปี
เอิง: เราเข้า Smallroom ได้เพราะเราทำเพลงผ่าน ตอนนั้นเราส่งสามที่ แต่ที่สมอลรูมเราเดินเข้าไปส่งเองกับมือเลย กลัวเขาไม่เอาแบบในหนังที่พอส่งไปรษณีย์มาแล้วพอเขารับมาปุ๊บก็เอาลงถังขยะ แต่ถ้าเราไปยื่นให้ถึงมือเขาอย่างน้อยเขาวางไว้บนโต๊ะก็ยังดีวะ (หัวเราะ) แล้วปรากฎว่าสมอลรูมโทรมาก่อน คือตอนแรกเราส่งมาสองเพลง มั่นใจมาก แต่สองเพลงนั้นไม่ผ่าน แต่เขาก็ยังให้เราเข้ามาก่อน คำแรกที่เขาบอกก็คือ ‘ที่กูเรียกมึงมาเนี่ย…’ ก็ดูเขาใจมาแล้ว เหมือนเขาก็เห็นอะไรบางอย่างก็เรียกมาคุย ก็มานั่งจูนกันว่าเราควรจะทำเพลงยังไงที่เขาโอเคด้วยและเราโอเคด้วย เดี๋ยวจะงงว่าไม่ผ่านแล้วเรียกมาคุยได้ยังไง ตอนนั้นเราก็ทำเพลง อยากฟัง กับ รักษาสัญญา พอทำผ่านปุ๊บก็ออกทันที
แมว: ตอนแรกเรานึกภาพเวลาเข้าค่ายเพลงใหญ่ก็จะต้องมาประชุม มีผู้บริหารค่ายมานั่งคุย เอ่า คุณต้องทำเพลงแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่สมอลรูมตอนนั้นเป็นที่เก่าตรงเอกมัย สภาพมันดูกันเองมาก ๆ คือข้างหน้าเป็นโต๊ะล้อมวงกินอะไรกัน ที่เขี่ยบุหรี่คือบุหรี่ล้นอยู่ พอเดินเข้าไปแล้วทุกคนจับจ้องว่าพวกมึงเป็นใคร มาทำอะไร เราก็ไม่รู้จักใครเลยตอนนั้น เอ้อ รู้จักพี่จัมป์ Tattoo Colour เขาเป็นรุ่นพี่ที่เป็นสมาชิก TU Folk Song เหมือนกัน
เอิง: เคยถามพี่จัมป์ว่า ผมอยากส่งเพลงสมอลรูมพี่มีอะไรแนะนำบ้าง เขาก็บอกว่า มึงก็เดินเข้ามาส่ง เราก็เลยเดินเข้ามาส่ง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย (หัวเราะ) ความรู้สึกอยากทำอัลบั้มมันมาเองตอนช่วงสองสามปีแรก เพราะพอเข้ามาแล้วเราฟังเพลงเยอะขึ้น ออกไปดูคอนเสิร์ต วงไทย วงนอก เลยคิดว่าทำอัลบั้มมันไม่ได้มีขั้นตอนจริงจังอะไร
แมว: ก็ใช้คำว่าเราประสบการณ์น้อยก็ได้นะครับ เพราะจริง ๆ เราเล่นดนตรีกันมาอยู่ แต่พอมาฟอร์มแบนด์กันก็ไม่ค่อยรู้ว่าจะไปทางไหนดี แล้วพอมาอยู่นี่ก็มาเรียนรู้ว่าการเป็นวงดนตรีต้องมีทิศทาง มีเอกลักษณ์ มีลายเซ็นหรืออะไรอย่างนี้ เราก็เลยค่อย ๆ ตั้งต้นจากตรงนั้นด้วย
โดม: เหมือนวงทำเพลงไปด้วยแล้วก็ค้นหาตัวเองไปด้วย ก็ต้องปรับกันไป
เอย: อีกอย่างที่เราอยากมีอัลบั้มเพราะเวลาเราไปโชว์ก็เริ่มรู้สึกว่าเพลงที่เล่นก็เพลงเดิม ๆ บางทีเวลาเยอะแต่เพลงตัวเองที่มีให้เล่นไม่พอเลยต้องเล่นคัฟเวอร์ไป เราก็อยากเล่นเพลงตัวเองเยอะ ๆ คิดว่าโชว์ต่อ ๆ ไปก็คงจะเป็นเพลงวงล้วน ๆ ยกเว้นว่าโจทย์ของงานที่มีให้คัฟเวอร์ก็คงคัฟเวอร์
ก่อนหน้าที่จะส่งเพลงมาที่ค่าย จินตนาการภาพที่ตัวเองจะเข้ามาอยู่ในวงการนี้ยังไงบ้าง
เอิง: โอ๊ย ยิ่งใหญ่กว่านี้เยอะ
เอย: ทำเป็นภาพสองกรอบไว้ expectation กับ reality จริง ๆ เราคิดว่า อะไร ๆ มันน่าจะใช้เวลาสั้นกว่านี้ แล้วเราจะไปได้เร็ว เราก็มีของอยู่นะ แต่พอเข้ามาจริง ๆ ก็ต้องค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ศึกษา ต้องใช้เวลานานกว่าที่เราคิดไว้ทีแรก
โดม: ผมจำได้ว่าเคยคุยกับพี่เอิงตอนนั้น บอกว่า 5 ปีเราจะมีสองอัลบั้ม (หัวเราะ) อัลบั้มเดียวเพิ่งเสร็จเนี่ย
เอิง: แต่ก็เสร็จ ก็ยังดี! ของเราตอนแรกรู้สึกว่าก่อนมาอยู่สมอลรูม เราอยู่กับดนตรีอีกแบบนึงมา ส่วนใหญ่เราก็ฟังเพลงไทย เพลงสากลก็ฟังมาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับทุกวันนี้คือฟังเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก แล้วความคาดหวังก็คือเราจะเป็นศิลปินอีกแบบนึง ซึ่งการฟังเพลงเยอะขึ้น รู้จักคนในวงการมากขึ้น ทุกอย่างมันทำให้ความคาดหวังตอนนี้ต่างกัน
แมว: เราก็งง ๆ เพราะก็ไม่เคยอยู่ในวงการนี้มาก่อน เหมือนเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ก็อยากตั้งใจทำเพลงให้มันเสร็จ
แล้วตอนนี้คาดหวังอะไร
เอิง: คาดหวังให้มันประสบความสำเร็จและเลี้ยงชีพได้เหมือนเดิม แต่รู้สึกว่า step by step กว่าเดิม ตอนเด็ก ๆ คิดแบบ เข้าค่ายเว้ย ปล่อยเพลง ตูม! แต่ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าก่อนที่จะไปตรงนั้นมันมีขั้นตอนอะไรบ้าง เราก็จะมองไปทีละอันไปเรื่อย ๆ
เอย: เรามองวงที่ไปถึงตรงนั้นได้เขาก็ต้องเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ทุกวันนี้มันไม่ได้มีอะไรที่อยู่ยั้งยืนยง ทุกวงก็ต้องขยันทำเพลงกันต่อไปเรื่อย ๆ ถึง Tattoo Colour เขาจะอยู่จุดนั้นแล้วก็ยังต้องทำเพลงใหม่ ๆ อยู่
แมว: ก็มองว่าทุกวันนี้มันมีทางเลือกเยอะ มีวงที่ไม่ได้อยู่สังกัดค่าย วงนอกกระแส ซึ่งเป็นวงที่ดี ๆ ทั้งนั้นในแง่เรื่องความสำเร็จ เช่นสมัยก่อนมีสูตรอยู่ว่าถ้าเข้าค่ายได้ มีการโปรโมตทำให้น่าสนใจมากขึ้น ก็อาจจะ success ได้เร็ว แต่เดี๋ยวนี้มันมีช่องทางอื่นเยอะแยะ ซึ่งเราก็มองว่ามันไม่ได้เป็นข้อด้อยนะ เป็นข้อดีที่ทำให้คนมีทางเลือก หรือแม้กระทั่งตัวศิลปินเองก็ต้องขยันที่จะผลิตงานออกมาเพื่อจะเป็นทางเลือกให้คน ตอนนี้คนเลือกเพลงฟัง ไม่ใช่เพลงเลือกคน
คิดว่าเพลงป๊อปขายง่ายกว่าเพลงแนวอื่น ๆ หรือเปล่า เพราะถึงแม้จะมีตัวเลือกมาก แต่เพลงที่ครองตลาดก็เป็นเพลงป๊อปอยู่ดี
แมว: มันอาจจะไม่มีอะไรผิดถูกตายตัว เป็นเรื่องระยะเวลา เช่นแฟชันอยู่ดี ๆ มันก็กลับมา อยู่ดี ๆ มันก็ไป
โดม: แต่เทียบกับช่วงเวลาที่เราเติบโตมา แต่ก่อนดนตรีร็อกมันก็เฟื่องฟูกว่านี้ แต่ถ้าบอกว่ามันกำลังจะตาย มันยังไม่ตายหรอก (แมว: คนนี้ร็อกสุดในวงละ ฟัง Guns N’ Roses) แต่ก่อนก็เสื้อแขนกุด กางเกงตัดขาเอง (หัวเราะ)
แบบนี้แต่ละคนก็ฟังเพลงกันคนละแนว แล้วมาจูนกันยังไง
เอิง: ก็เป็นอีกประเด็นนึงที่ทำให้มัน 5 ปี เรื่องการปรับจูน หยิบความชอบของแต่ละคนมาเบลนด์ให้มันอยู่รวมกันให้ได้ก็เป็นอีกเรื่องที่ยาก
เอย: เหมือนอยู่ ๆ กันไปก็เริ่มรู้กันมากขึ้น หรือบางทีตอนแรกชอบอีกแบบ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปชอบอีกแบบ ไม่ได้ชอบแบบเดิมไปตลอด ก็ค่อย ๆ ปรับกันไป
แนวเพลงในอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้าง
เอย: มันอาจจะไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่เรารู้สึกว่าการ arrange มันชัดเจนขึ้น เหมือนรู้ว่า Summer Stop ควรจะแต่งให้ไปทางไหน ปกติจะเป็นทำเมโลดี้มาก่อน เอิงเอยเขียนเนื้อกันมา แล้วค่อยมา arrange ด้วยกัน เราก็รู้สึกว่ามันเริ่มมีทางของมัน ที่บอกว่าฟัง Freeze แล้วเหมือนได้บรรยากาศของตอนเย็น น่าจะเป็นเพราะมีคำว่าดวงดาวอะไรงี้อยู่เยอะ มองฟ้า มองดาว ลมหนาว
โดม: จริง ๆ จุดเริ่มต้นของคำว่า Summer Stop มันมาจากเมโลดี้ที่ฟังแล้วรู้สึกถึงความหนาวเย็น แต่พอวงผ่านการเดินทางมาต่าง ๆ นานา อาจจะไม่ได้ยึดอยู่กับคอนเซปต์ตรงนั้นแล้วที่ทุกเพลงจะต้องเมโลดี้เย็นหรือหนาวอะไรขนาดนั้น แต่เราก็คงไว้อยู่บางส่วน ซึ่งมันสัมผัสได้
แมว: มันมีเรื่องวิธีการร้อง เทคนิกร้อง falsetto มันจะมีความลม ๆ ไม่ได้ออกเต็มเสียง ให้ความรู้สึกเคลิ้ม ๆ กลางคืน ๆ หรือการอาเรนจ์ colour มันจะไม่ถึงกับแอมเบียนต์มาก ไม่โพสต์ แต่ element ที่วิ่งอยู่ข้างหลังจะมีเต็มไปหมดแทบทุกเพลง ถ้าได้ฟังจะรู้สึกว่ามันเยอะเพราะใส่เลเยอร์ไปเยอะมาก (โดม: ถ้าอยากได้ยินครบต้องหูฟังประมาณสองหมื่น (หัวเราะ) ) ไม่ใช่ คือแมวจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ความที่ทำเพลงอื่น ๆ เพลงโฆษณาอะไรมาก็จะโดนที่นี่ปรามว่ามึงทำเยอะเกินไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เวลาเราฟังเพลงต่างประเทศก็รู้สึกว่าเขาก็เยอะนะ track เยอะจริง ยอมรับ แต่มันไม่ได้มาเป็นแผงตลอดเวลา มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ในเพลงที่เราตั้งใจทำ ไม่ใช่แค่ก็อปปี้เพสต์มา บางทีก่อนเข้าฮุกเราอยากใส่อะไรให้วิ่งมาข้างหลัง มันน่าจะทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศเหล่านั้น ส่วนแนวเพลง จะใช้คำหนีปัญหาว่าเป็นอัลเทอร์เนทิฟ เพลงทางเลือก ก็ได้ เอาจริงเราเคยคุยกันมานานแล้วว่าเราควรจะเป็นอะไรดี แนวของเราไม่ได้ชัดเป็นแนวใดแนวหนึ่ง เราก็เป็นป๊อปแหละโดยพื้นฐาน แต่เราเคลือบอิเล็กทรอนิกเข้าไปนิด ๆ จะบอกว่าเป็นอินดี้ป๊อป หรือซินธ์ป๊อปก็ยังได้
เอิง: สำหรับเราที่ใกล้สุดก็คงเป็นซินธ์ป๊อปหรืออินดี้ป๊อปเนี่ยแหละ แค่ให้คนเข้าใจตรงกัน ไม่รู้ว่ามีศัพท์อื่นที่ตรงกว่านี้หรือเปล่า
ได้อิทธิพลจากดนตรีฝั่งออสเตรเลียเยอะมาก
เอิง: ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะไปออสกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เอามาเบลนด์กับอย่างอื่นที่อยากทำ
แมว: ตอนแรกเราก็อินฝั่งออสนะ แล้วพอเราฟังฝั่งออสเยอะ ๆ ก็จะรู้สึกถึงข้อจำกัดบางอย่างเรื่องความสนุกของมัน บางทีมันก็เพราะแหละ มันมีความฉ่ำ หวาน แต่ถ้าต้องฟังทั้งหมดทั้งอัลบั้ม หรือเวลาเล่นสด อาจจะเกิดความรู้สึกว่าคนอาจจะไม่ตราตรึง หรือเบื่อเรา เราเลยถีบตัวเองออกจากออสมา ข้ามไปประเทศอื่นบ้าง เลยทำให้มีความเปลี่ยนแปลงในอัลบั้มขึ้นมา
เอิง: จริง ๆ ในอัลบั้มเนี้ย 80% มันก็ยังเป็นออสอยู่ เมโลดี้อย่างเดียวนะ แต่การอาเรนจ์มันทำให้ออกมาจากทั้งนั้น วงออสมันไม่ค่อยมีกีตาร์แบนด์ หรือถ้ามีก็เป็นอยู่แบบเดียว แต่เรายังอยากเป็นกีตาร์แบนด์อยู่ก็เลยไปหา reference จากที่อื่นเพื่อให้นอกจากซินธ์แล้วก็ให้มีอย่างอื่นบ้าง เพิ่มความเป็นร็อกเข้าไปให้คุณโดมเขามีความสุขหน่อย (หัวเราะ) แล้วก็เล่นสดได้สนุกขึ้น
เนื้อหาของเพลงในอัลบั้มมีความเชื่อมโยงกันไหม
เอิง: ตอนแต่งไม่ได้ตั้งใจให้มันเชื่อมกันเลยนะ แค่ตั้งใจให้มันไม่หลุดจากความเป็น Summer Stop
เอย: คือตอนแรกมันมาจากการแต่งสองคน แล้วการทำงานเซ็ตหลัง ๆ คือแยกกันทำงานเลย ในอัลบั้มใครแต่งเพลงไหนร้องเพลงนั้นไปเลย ถ้าไปดูชื่อคนเขียนทำนอง เนื้อในเครดิตจะรู้เลยว่าเพลงนี้เอิงร้อง เพลงนี้เอยร้อง
เอิง: ซึ่งมันต่างจากตอนทำอัลบั้มจริงจัง คือก่อนหน้านั้นแต่งด้วยกัน แต่อันนี้พอทำอัลบั้มปุ๊บก็ลองแยกไปเลย
เอย: แต่มันก็เอามารวมกันได้พอเรามาอาเรนจ์ในแบบที่เป็น Summer Stop มันช่วยเชื่อมให้ทุกอย่างไปด้วยกัน เนื้อเพลงส่วนใหญ่ตอนนี้จะเป็นผู้ชายโรแมนติก อบอุ่นนิด ๆ แต่มีอยู่เพลงสองเพลงที่เนื้อไม่ได้เกี่ยวกับอย่างนี้ อย่างเพลง เหวี่ยง ตอนแรกชื่อ คูล เป็นเพลงด่าคน พอค่ายมาฟังก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ พอมันมีเพลงนี้ติดอยู่เพลงนึงก็เลยมาแก้เนื้อให้มันออกมาเป็นทางเดียวกันหมดเลย
เสียดายไหมที่ไม่ได้ปล่อยเวอร์ชันนั้น
เอย: เราก็ยังมีเวอร์ชันนั้นอยู่นะ แต่มันก็โหดเกินไปสำหรับอัลบั้มนี้ รู้สึกว่าปากคอเราะร้ายมากถ้าเราไม่แก้
จะมีโอกาสได้ฟังเพลงที่ไม่ปล่อยไหม
เอิง: ก็คิดว่าถ้าเอามาเหลาต่อก็อาจจะได้ฟัง
แมว: คือตอนนี้แนวทางในอัลบั้มมันค่อนข้างชัดประมาณนึง สำหรับเรานะ การที่เพลงบางเพลงตกไปไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่มันอาจจะหลุด ฉีกออกไปเลย ถ้าไดเร็กชันอัลบั้มหน้าเข้าได้ หรือเราเอามาเหลาได้อีกมันอาจจะกลับมาก็ได้ คือตอนแรกเรามองว่า เพลงยิ่งเยอะยิ่งดี คนจะได้รู้ว่าเรามีของเยอะ และเราตั้งใจทำ ซึ่งเราเคยค้นหาทิศทางโดยการทำเพลงก่อนหน้านี้ว่าใช่ Summer Stop หรือเปล่า สุดท้ายเราก็เลือกสามเพลงหลังที่เคยปล่อยมามาอยู่ในอัลบั้มด้วย แม้อาเรนจ์อาจจะยังไม่เข้มข้น แต่มันอยู่ในอัลบั้มนี้ได้ ซาวด์ยังใกล้ ๆ กันอยู่
เอย: จริง ๆ วิธีร้องมันก็ต่างกันด้วยนะ เมื่อก่อนเนื้อเสียงจะออกมาใหญ่ ๆ ยกเว้นเราเคยรักกัน จะมาเป็นแนวทางที่ทำอยู่นี้
เอิง: อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน แต่งเสร็จก่อน เราเคยรักกัน แต่มาปล่อยทีหลัง มันก็เลยเป็นวิธีร้องแบบเดิมอยู่
พอได้ฟัง 15 เพลงรวดเดียวจากอัลบั้มนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
เอิง: รู้สึกว่า… ดีใช่ไหมวะ เพราะเราอยู่กับมันมานานมาก เราต้องการคนอื่นมาช่วยเราฟังแล้ว คือเราก็เชื่อว่ามันดีแหละ แต่ตอนที่มันออกมาแล้วเราก็ฟังกันจนงงแล้ว
แมว: แต่ก็มีโมเมนต์ที่ดีใจและภูมิใจนะ มันก็เป็นเรื่องยากในทุกวันนี้ที่จะได้มีอัลบั้ม
โดม: ทีแรกเขาก็ให้วงโหวตก่อนว่าวงอยากปล่อยเพลงไหน แค่ในวงก็เสียงแตกกันมาก คือแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันเลย สมมติเขาให้เลือกคนละสามเพลง จะมีบางเพลงที่โหวตกันแค่สองสามคน แต่ไม่มีอันไหนที่เหมือนกันเลยทั้งสี่คน พอมาถึงฝั่งทีมงานเลือก ทีนี้ก็ยิ่งเสียงแตกเข้าไปอีก แบบไม่เหมือนกับที่วงเลือกด้วยนะ
แมว: สมมติวงมี 5 เพลงที่วนอยู่ในนี้ อาจจะไม่ซ้ำกันทุกคน แต่พอไปให้ทีมงานโหวต มันไม่มีเพลงที่อยู่ในห้าวงนี้เลย วงก็แบบ เฮ้ย จริงหรอวะ
เอิง: คืออัลบั้มมี 15 เพลง มีชอยส์ในการเป็นซิงเกิ้ลประมาณ 10 ซึ่งเราว่ามันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะ อย่างน้อยคุณภาพเพลงมันก็น่าจะเกาะ ๆ กัน ไม่ได้เป็นอัลบั้มที่เพลงนี้ชัดมากอยู่เพลงเดียว แล้วที่เหลือเป็นตัวประกอบ
แล้วทำไมถึงเลือกมาเป็นสามเพลงนี้
เอย: ก็พี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์) บอกจะเอา (หัวเราะ)
เอิง: จริง ๆ คือพี่รุ่งอยากให้มันเป็นเพลงเร็วและเพลงที่มีจังหวะทั้งสามเพลง
แมว: เหตุผลก็เพราะว่าอยากลองทำอะไรที่แปลกใหม่ด้วย อย่างตอน Polycat ล็อตที่ปล่อยไปสามเพลงก็จะมีปน ๆ กัน มีเพลงกลาง ๆ เพลงช้า อันนี้เหมือน Summer Stop ห่างหายจากการออกผลงานไปเกือบสองปี คราวนี้พอมาปล่อยสามเพลงก็มีไดเร็กชันที่ชัดเจนขึ้น เราอยากจะ refresh เลยลองทำอะไรที่ใหม่ แล้วใช้เพลงเร็วก็น่าจะเหมาะ
แล้วเวิร์กไหม
เอิง: เท่าที่ดูก็เวิร์กอยู่นะ จริง ๆ มันก็ดีกว่าทุกครั้งที่เราปล่อยเพลงมา ไม่รู้ว่าจะวัดที่อะไรดี ถ้าจากยอดวิวก็ดีกว่าทุกครั้งที่ปล่อยมา ถ้าวัดที่คอมเมนต์ก็มีคนตอบรับที่ดีมากกว่าเดิม เท่าที่ได้ยินหรือได้เห็นมานะ เขาไปพูดลับหลังยังไงเราไม่รู้ (หัวเราะ) แล้วการเลือกปล่อยสามเพลงมันเหมือนเราอยากให้เขาเข้าใจไดเร็กชันของอัลบั้มด้วยแหละ เพราะถ้าปล่อยเพลงเดียวคนอาจจะไม่เก็ต คนอาจจะเข้าใจแค่กลุ่มเล็ก ๆ ก่อนก็ได้ แล้วเขาก็จะเริ่มติดตามกันมากขึ้น
MV ก็ได้ ยิ้ม สมเกียรติ มาทำให้
เอย: คุณยิ้มเขาจะมาสมอลรูมคุยนู่นคุยนี่กับพี่รุ่งอยู่บ่อย ๆ แล้วเหมือนพี่รุ่งก็ไปเห็นงานที่ยิ้มไปกำกับ mv ให้น้อง ๆ ของยิ้ม แล้วเขาก็ชอบ รู้สึกว่ายิ้มน่าจะเข้าใจสิ่งที่พี่รุ่งและวงต้องการ ก็เลยให้ลองมาทำอันนี้ดู เพราะถ้ายิ้มไม่ได้กำกับก็จะเป็นทีมในสมอลรูมเองเนี่ยแหละเป็นคนทำอยู่แล้ว
แมว: คอนเซปต์มันเข้ากับตัวอัลบั้มเลยนะครับ เราจะมีคีย์เวิร์ดอัลบั้มว่า romantic surreal เราก็เริ่มแตกจากคำนี้ออกมา การเล่าเรื่อง หรือแม้กระทั่งสีภาพ เกรน มีนอยซ์ ที่ใส่เข้าไปในภาพถ้าสังเกตดีเทลก็จะเห็นเกรนขึ้นชัดเลย มีคนมาถามว่าทำไมภาพไม่ชัด จุด ๆ เต็มไปหมด อยากบอกว่าเราตั้งใจนะครับ มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ถ้าดูหน้าปกอัลบั้มมันจะมีเกรนภาพด้วย ทำสีให้มันคุมโทนทั้งหมด พอมันโรแมนติกสีที่ใช้ก็จะออกมาเป็นพาสเทล แล้วยิ้มก็เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดมาก ๆ อยากขอบคุณยิ้มตรงนี้ด้วยเพราะตั้งใจทำ mv 3 ตัวนี้มาก ๆ
เอิง: ใน mv คนดูก็จะรู้สึกว่าไอ้เรื่องที่ดูไปมันคือเรื่องจริงหรือเปล่าวะ ฝันหรือตื่นอยู่กันแน่ เราและทีมงานไม่อยากเล่ามันตรง ๆ ด้วย สมมติเนื้อเพลงเจอหน่อย เป็นเรื่องออกไปเที่ยว ก็ไม่อยากถ่ายคนสะพานกระเป๋า ขึ้นเขา นั่งรถ ไม่ได้อยากได้ตรง ๆ อย่างนั้น
โดม: มันอาจจะดูงง ๆ นิด ๆ อาจจะดูครั้งเดียวแล้วไม่ได้เข้าใจ ต้องอาศัยความตั้งใจตีความนิดนึง
แมว: ใน mv ก็มี hint ที่ยิ้มมันซ่อนอยู่ด้วยนะครับ เรื่องการลำดับภาพ ลำดับเวลา หรือดีเทลของเสื้อผ้าที่จะบอกว่า อันนี้อยู่ในฝันนะ อันนี้อยู่นอกฝัน ซึ่งคนดู mv เพลิน ๆ อาจจะรู้สึกว่าเพลินดี แต่จริง ๆ มีรายละเอียดซ่อนอยู่ อยากให้ลองไปดู ว่าทำมันอันนี้เป็นอย่างนี้
สิ่งที่อยากจะทำเร็ว ๆ นี้ของวง
เอย: อยากจะเล่นสดครับ ก็จะได้เล่นเสาร์นี้งานแรกที่ EmQuartier กับพี่จีน กษิดิศ
แมว: ใช่ เพราะเราทำโชว์ใหม่หมด แล้วก็จะเป็นโชว์ที่ได้เล่นเพลงตัวเองทั้งหมดด้วย โชว์ที่ผ่าน ๆ มาจะเป็นเพลงตัวเองกับคัฟเวอร์ อย่างว่าเพลงตัวเองน้อย มีแค่ 5 เพลง
เอิง: ตอนนี้ 15 เพลง ชั่วโมงกว่าก็เหลือเฟือ
เอย: นี่เรากำลังคุยว่าเดี๋ยวจะมีปาร์ตี้เปิดอัลบั้ม จะเล่นทุกเพลงในอัลบั้ม ก็ซ้อมทุกวัน 18 กรกฎาคม ที่ Loyshy ตอนนี้อยากออกไปเจอผู้คนครับ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้เจอผู้คน เอาแต่ทำเพลง อยากเอามันออกไปสื่อสารกับคน เราอยากดู feedback ว่าเขาชอบแบบไหน แล้วจะได้รู้ว่าที่เราทำมามันมีอะไรที่เอาไปต่อยอดได้อีกหรือเปล่า มันจะมีประโยชน์กับใครได้บ้าง
โดม: ผมก็อยากเล่นสดนะ เพราะเราจะได้เห็น reaction จริง ๆ กับทั้งที่เป็นแฟนเพลงของวงอยู่แล้ว หรือคนที่ไม่ใช่แฟนเพลงที่เพิ่งมารู้จักเรา
แมว: อย่างอื่นอยากทำอะไร จริง ๆ ก็อยากให้เริ่มอัลบั้มสองเลยนะ เพราะในมุมนึงเรามองว่ากระบวนการควรเริ่มแล้ว เพราะถ้าทิ้งช่วง เราก็รู้ ๆ กันอยู่ในวงว่าจะขี้เกียจบ้าง เหนื่อยบ้าง อยากพักบ้าง ตอนนี้เรากำลังมีผลงาน เรารู้สึกว่าต้องเดินต่อแล้ว
ฝากผลงาน
โดม: ก็ใช้เวลาทำอัลบั้มนี้ 5 ปี คิดว่าระยะเวลานี้บ่งบอกได้ว่าเราตั้งใจ ไม่ได้มาเพื่อฉาบฉวย เราอยากจะอยู่ตรงนี้ แล้วก็อยากให้ลองเปิดใจฟัง อาจจะไม่ได้ชอบทั้งอัลบั้มแต่น่าจะมีบางเพลงที่ถูกใจอยากให้ลองฟังดู
แมว: งานนี้เรารู้สึกว่าชอบทุกเพลงเลยครับ ชอบกระทั่งอาร์ตเวิร์ก ทุกอย่างที่ออกมาเป็นอย่างนี้ รู้สึกอยากส่งต่อ ตอนนี้คนเข้าหาเพลงเองได้ ไม่ใช่เพลงมาบังคับให้คนฟัง ก็อยากฝากอันนี้เป็นตัวเลือกให้ลองเปิดใจฟังดู คุณอาจจะชอบแบบที่มันเป็นอย่างนี้ก็ได้
เอิง: เราค่อนข้างมั่นใจว่าเพลงในอัลบั้มนี้มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ประเทศนี้ไม่เคยมี แล้วมันก็ทำได้ในแบบที่เราพอใจ ก็อยากให้คนไทยได้ฟังเพลงอย่างนี้ด้วย ถ้าเกิดชอบเราก็จะดีใจมาก feedback กลับมาหาเราด้วยก็ดีจะได้รู้ว่าคุณชอบเราเหมือนกัน
เอย: ก็รอไปเจอกันที่งานโชว์ แล้วมา feedback กันว่าชอบอะไร จริง ๆ เดินเข้ามาคุยกับเราเราก็ดีใจแล้ว แล้วบอกว่าคิดเห็นยังไงกับอัลบั้มนี้ก็ดี รอเจอคนที่ฟังเพลงเราอยู่
แมว: จริง ๆ มันเป็นกำลังใจที่ดีนะครับ เพราะตอนเราทำเสร็จมันมีน้องที่เคยถ่ายรูปกับคุณเอิงเอย เขาส่งรูปนั้นมา แล้วถามว่า พี่จำผมได้ไหมครับ ประมาณสองสามปีที่แล้ว มาคุยกับพี่ไว้ว่าถ้าพี่มีอัลบั้มผมจะซื้อครับ แล้ววันนี้ผมได้มาทักพี่แล้ว ยินดีด้วยนะครับ
เอิง: เขาเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วบอกว่าเข้ามาดูคอนเสิร์ต ต้องรวบรวมความกล้ามาขอถ่ายรูปกับเรา
แมว: อะไรพวกนี้มันให้กำลังใจเรามาก ๆ ครับ ตอนแรกเราไม่ค่อยได้ออกไปหาใคร ทำเพลงกันเอง ไม่รู้ feedback แต่พอรู้มันก็ใจชื้น เป็นเรื่องที่ดีสำหรับศิลปินทุกคน เขาก็ต้องการแบบนี้แหละ
EXTRA
อย่างที่บอกว่าอัลบั้ม Freeze ฟังแล้วนึกถึงตอนเย็น แล้วตอนเย็น ๆ ของทุกคนชอบทำอะไรกัน
เอิง: กินข้าวครับ
แมว: ตื่นครับ มันมียุคที่เราทำเพลงหนัก ๆ เสียระบบการใช้ชีวิตประมาณนึง บางทีตื่นเย็นเลยเพราะมันไม่ไหวจริง ๆ กว่าจะนอนก็ 7-8 โมงเช้า
เอย: มีกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อก่อนบ่อย ๆ ก็เตะบอล เมื่อก่อนฟังใจเคยมาคุยกับเราว่าถ้าออกอัลบั้มทันช่วงแข่งบอล ฟังใจคัพ ตอนบอลโลกอะ แล้วเราได้แชมป์ แต่ลืมถ้วยไว้ที่สนาม (หัวเราะ) คุณกันดิศเขาบอกว่าเดี๋ยวโปรโมตแบบจับใส่เสื้อบอลด้วยเลย
โดม: กินเนื้อย่างครับ ที่ร้านวอร์กริลล์ บางโพ ของผมเอง (หัวเราะ) จริง ๆ ผมทำงานประจำด้วย เป็นนักบำบัดเด็กพิเศษ เด็กออทิสติก บางวันช่วงเย็นก็จะอยู่กับเด็กครับ
รับฟังเพลงของ Summer Stop บนฟังใจได้ ที่นี่
