ตามไปทำความรู้จัก Follows
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Raweephat Pimkhaew
Follows วงดนตรี shoegaze, post rock หน้าใหม่ที่ถูกกล่าวถึงจากเพลง Soul Keeper ในช่วงที่ผ่านมา แต่ถ้าใครยังไม่เคยได้ยินชื่อหรือเพลงของพวกเขา Fungjaizine ขอเปิดพื้นที่นี้ให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับพวกเขากัน
สมาชิก
วิทวัส อาชานัยนันท์ – บุ๊ค (เบส)
ณัฐกิตติ์ เลี่ยวไพรัตน์ – วิน (กีต้าร์)
ฐานพัฒน์ จุลวุฒิ – เอม (ร้องนำ, กีต้าร์)
กิตติคุณ รูปหมอก – นิว (ซินธ์)
ธาวิต กิตติอำพน – บี๋ (กีต้าร์)
สรรเสริญ ดวงคำ – เพรส (กลอง)
พอช่องทางการฟังเพลงใหม่ ๆ เริ่มเข้ามา พวก mp3 อะไรแบบนี้ มันก็เคยชิน แล้ววันนึงของที่เราเคยได้ฟรีมาตลอดกลับมีคนมาบอกให้ต้องจ่ายเงิน มันก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในใจ ทั้งที่ความเป็นจริงการจ่ายเงินมันคือสิ่งที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ทำไมต้องเป็น Follows
บี๋: มันไม่มีเหตุผลเลย คือตอนนั้นคุยกันว่า จะปล่อยเพลงบน SoundCloud สรุปเอาชื่อวงอะไร ก็คิดชื่อออกมาร้อยแปด แล้วก็ไม่ได้ซะที จนสะดุดกับคำว่า follow จากพี่วิน แล้วอีกคนก็บอกว่า เอามี s ด้วย เลยเป็น Followsแต่จริง ๆ มันเกี่ยวกับชื่อเพลงของ DIIV นะ คือเพิ่งรู้หลังเลือกชื่อไปแล้วก็ตอนที่พี่วินเสนอให้คัฟเวอร์เพลง Follow แบบ อ่อ เอามาจากอันนี้แน่ ๆ
แล้วสมาชิกแต่ละคนมาเจอกันได้ยังไง
บุ๊ก: มีเรา กับมือกีตาร์ ชื่อวิน แล้วก็นิว เล่นมาด้วยกัน 3 คนก่อน ก็มีเพลงทำเก็บไว้อยู่ประมาณนึง แต่ทำ ๆ ไปแล้วเจ๊งอยู่หลายรอบ แล้วเรามีความคิดในหัวตลอดเวลาว่าควรจะมีนักร้องว่ะ (หัวเราะ) เพราะสามคนนี้ไม่มีใครร้องเพลงเป็นเลย วินก็เลยชวน เอม มาเป็นนักร้อง มันก็เลยเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าก่อนหน้า เพลงที่เล่น 3 ชิ้นแล้วมีกีตาร์ตัวเดียวมันเอาไม่อยู่ เพลงมันมันแห้ง ๆ ดูน่าจะเติมได้อีก ทั้งเมโลดี้ร้อง เมโลดี้หลัก และส่วนที่จะมาซัพพอร์ตให้วงดูแน่นขึ้น ก็มีบี๋เข้ามาเพราะบังเอิญไปเจอกับพี่วินที่งานศพ
บี๋: อันนี้เรื่องจริงเลย เจอที่งานศพรุ่นน้อง ก็เลยไปขอพี่วินเล่นด้วย กลายเป็น 5 คน
บุ๊ก: แต่ตอนนี้ก็มีเพรสเพิ่มเข้ามา กลายเป็น 6 คน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีเพิ่มอีกหรือเปล่า (หัวเราะ)
การเข้ามาของสมาชิกใหม่
บุ๊ก: เริ่มจากมือกลองคนเก่าขาหัก (หัวเราะ) แล้วบี๋ก็ไปบวช ซึ่งตอนนั้นต้องเล่นประกวด Tiger Jams ก็ต้องหาสมาชิกมาแทน อย่างเพรสนี่รู้จักมาตั้งแต่เด็กแล้วเลยขอให้มาช่วยเล่น พอเล่นให้ปุ๊บก็เห็นว่า เฮ้ย เล่นเก่งว่ะ ติดใจเลยชวนเข้าวงเลย ส่วนมือกลองคนเก่าก็เป็นคนที่ชอบเล่นคีย์บอร์ด เล่นซินธ์อยู่แล้ว ก็ให้ย้ายไปเล่นซินธ์แทน
ได้มาร่วมวงรู้สึกยังไงบ้าง
เพรส: ก็แปลกใหม่ดีครับ ปกติผมจะเล่นอีกแนวนึง แบบร็อกหนัก ๆ เลย แต่พอมาเล่นด้วยกันมันจูนกันลงตัว อีกอย่างคือเคยเล่นด้วยกันกับวงนี้มาก่อนก็ชอบวิธีคิดซาวด์ แอมเบียนท์ ไลน์กีตาร์ การเรียบเรียงเพลงของวงด้วยครับ
ต้องปรับตัวเยอะไหม
เพรส: นิดหน่อยครับ มันจะยากตรงที่ผมไม่ค่อยได้เล่นเพลงบรรเลง มันจะต้องมีวิธีจำการเล่นอีกแบบนึง เพราะส่วนใหญ่ผมจะได้เล่นเพลงที่มีเนื้อร้อง ก็ใช้วิธีจำท่อนร้องเอา
ตอนทำเพลง 3 คนตอนแรกเป็นเพลงประมาณไหน
บุ๊ก: ไม่ได้คิดจะให้เป็นแนวไหน แค่รู้สึกว่าทำแล้วเราชอบ เราอยากเล่น ก็โอเคแล้ว
เพลงของ Follows เป็นเพลงแบบไหน
บี๋: จริง ๆ ตอนที่ทำก็พยายามจะให้อยู่ในแกนของ shoegaze, dream pop แต่ด้วยความชอบของคนในวงมันคนละแบบกัน แล้วทุกคนก็พยายามเอาแบบที่ตัวเองชอบมาใส่ เหมือนทำอาหาร ถ้าทุกคนชอบรสที่ไม่เหมือนกัน จะปรุงออกมายังไงให้กลมกล่อม นี่เอาคำพูดพี่นพ Inspirative มาเลยนะ (หัวเราะ) ก็เลยผสมกันออกมาจนไม่สามารถใส่เข้าไปในคำจำกัดความของแนวเพลงไหนได้เลย เมื่อก่อนเขียนบนเฟซบุ๊กเพจของวงว่าเป็นแนว shoegaze คนที่ฟังก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า นี่มันไม่ shoegaze นะ ออกแนว post rock มากกว่า ทีนี้ก็เลยใส่ tag ใน YouTube ดักแม่งทุกแนวเลย (หัวเราะ)
บุ๊ก: ง่าย ๆ ก็ alternative ล่ะครับ วงเราบ้า reverb มันเลยออกมาเหมือน dream pop, shoegaze แบบ มี post rock ผสมเข้าไปตามความชอบของแต่ละคน
ได้อิทธิพลของใครมาใส่ในงานบ้าง
บี๋: มือกีตาร์ Explosions in the Sky ชื่อ Munaf Rayani ชอบวิธีเล่นของเขามาก ซาวด์ของเขามันเฉพาะตัว ไปลองฟังดู กับอีกคน Johnny Buckland วง Coldplay ครับ
เพลงแรกที่ทำให้เป็นที่รู้จักคือ Alone
บี๋: เลือกเพลงนี้มาปล่อยเป็นเพลงแรก ตอนนั้นคาดหวังระดับนึงเลยแหละ เป็น shoegaze สุดละ แต่ feedback ก็ไม่ได้อิมแพคเท่าที่คิดไว้ แต่ก็ถือว่าโอเคระดับนึงแหละ
พอมาเป็น Soul Keeper คราวนี้ก็เป็นที่พูดถึงมากกว่าเดิม
บี๋: บารมีน้องขิมเขาเยอะมากเลยครับ (หัวเราะ) ช่วงนั้นวงเราอิน shoegaze กันอยู่แล้ว แต่เอม นักร้อง เป็นคนขึ้นโครงเพลงนี้มาแล้วอยากให้เป็น post rock ทุกคนก็จัดให้ จัดไปจัดมาเลยกลายเป็น post rock เต็มตัว คนคงชินกันมากขึ้น แต่ก็ยังแอบใส่ความเป็น shoegaze บ้างนะ ทั้ง reverb ซาวด์ต่าง ๆ
บุ๊ก: สำหรับเรามีความป๊อป มีความร็อก อยู่ด้วย มันซ่อน ๆ อยู่โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาเองโดยธรรมชาติ
ทิศทางดนตรีในอนาคตจะเปลี่ยนไปอีกไหม
บุ๊ก: เดี๋ยวจะอัดใหม่แก้ 6 เพลงที่เคยลง SoundCloud ไปแล้ว ฟังเต็มอัลบั้มน่าจะดีขึ้น เพราะว่า arrangement หลาย ๆ อย่างที่เราทำตอนนี้มันจะดีกว่าเดิมแน่นอน ตอนนี้ถ้าเล่นสดเราพยายามจะให้มันร็อกขึ้นหน่อย ก็คิดว่าจะมันขึ้นเรื่อย ๆ แต่ shoegaze ก็ยังมีอยู่นะครับ วงเราค่อนข้าง random ครับ ก็จะใส่ ๆ มาตามที่ชอบ มันก็น่าจะใหม่สำหรับเราแหละ กับคนที่ติดตามวงเราอาจจะเซอร์ไพรส์ว่า เฮ้ย มีแบบนี้ด้วยว่ะ
บี๋: คนที่เริ่มทำกับคนที่เข้าใจแล้วมันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่ทำก็รู้สึกว่ามันดีแล้ว ก็ทำออกมาเลย แต่พอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ข้างนอกเพิ่มขึ้นแล้วก็รู้สึกว่าเราทำให้มันดีกว่าเดิมได้ เพราะเป็นอะไรที่กลั่นกรองมาอีกขั้นนึงแล้ว อย่างเพลงใหม่ที่ทำเดโม่ตอนนี้ ฟังเทียบกับ 6 เพลงก่อน มันกลายเป็นชาวร็อกกันไปแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ เอาวะ ลองดู
จะได้ฟังกันเมื่อไหร่
บุ๊ก: ไร้กำหนดครับ (หัวเราะ) แต่พยายามจะให้ได้ก่อนสิ้นปี
บี๋: อัลบั้มน่าจะเสร็จช่วงปลายเดือน 8 ครับ นี่คือแค่กำหนดเดดไลน์ไว้นะ ถ้าเรื่องจริงขึ้นมามันจะเลทหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
จริง ๆ Follows เป็นวงตลก
บี๋: เหมือนทุกคนโอเคที่จะให้มือกลองที่ขาหักเข้าไปเล่นมุขในเพจวง
บุ๊ก: เรามองว่าเฟซบุ๊กเป็นเหมือนอะไรที่ให้คนติดตาม เหมือนไดอารี่ เราอยากจะโพสต์อะไร อยากจะทำอะไรก็ทำเลย ไม่จำเป็นต้องให้ดูเท่ เพราะนักดนตรีก็คน เราก็อยากให้คนอื่นมาใกล้ชิดกับเราเหมือนกัน
บี๋: แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าวอัพเดตให้เขาตาม งานเล่นก็ไม่มี เพลงใหม่ก็ยังไม่เสร็จ ยังไงก็ชวนไปเล่นหน่อยนะครับ
เห็นจะทำกางเกงขายด้วย
บุ๊ก: มันก็เป็นมุขที่คิดจริงจัง แต่ยังไม่ได้ทำจริงจัง ถ้ามีคนซื้อก็ทำครับ (หัวเราะ)
บี๋: ช่วงนั้นมันเป็น Cat T-Shirt ด้วย ก็เอามาล้อ ๆ กัน
ใครเป็นคนออกแบบ
บุ๊ก: มือกลองคนที่ขาหักเนี่ยแหละครับ น่ารักดีใช่มั้ย มีวาดรูปน้องขิมใช้เป็นรูปโปรไฟล์เพจด้วย
ไปเล่นรอบคัดเลือก Tiger Jams มารู้สึกยังไงกันบ้าง
บุ๊ก: ตอนนั้นไม่ค่อยพร้อม เพราะเคยซ้อมกับเพรสแค่ครั้งเดียวก่อนไปเล่น แล้วมือกีตาร์อีกคนที่มาแทนบี๋ที่บวชอยู่ก็เพิ่งเล่นด้วยกันครั้งแรก อีกอย่างคือต่างคนต่างก็ยุ่งด้วย ระยะเวลามันค่อนข้างฉุกละหุก แต่ก็พยายามกันเต็มที่ครับ
คนที่เริ่มทำกับคนที่เข้าใจแล้วมันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่ทำก็รู้สึกว่ามันดีแล้ว ก็ทำออกมาเลย แต่พอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ข้างนอกเพิ่มขึ้นแล้วก็รู้สึกว่าเราทำให้มันดีกว่าเดิมได้ เพราะเป็นอะไรที่กลั่นกรองมาอีกขั้นนึงแล้ว
การทำวงอินดี้หน้าใหม่ให้เป็นที่รู้จักยากไหม
บี๋: มันเป็นเรื่องความพยายามกับของที่มีอยู่แล้วล้วน ๆ เลย แล้ววงตั้งใจไหม ฟังความคิดเห็นของคนอื่นไหม หรือไม่สนใจเลย ก็แล้วแต่สไตล์วง มันไม่ยากเกินไปหรอก ตอนนี้ช่องทางเยอะจะตายถ้าเทียบกับวงรุ่นพี่เมื่อก่อน
อยากเห็นอะไรในวงการเพลงบ้านเรา
บี๋: อยากเห็นแฟนเพลงเป็นผู้บริโภคที่ดีสักที สนับสนุนศิลปิน พอช่องทางการฟังเพลงใหม่ ๆ เริ่มเข้ามา พวก mp3 อะไรแบบนี้ มันก็เคยชิน แล้ววันนึงของที่เราเคยได้ฟรีมาตลอดกลับมีคนมาบอกให้ต้องจ่ายเงิน มันก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมาในใจ ทั้งที่ความเป็นจริงการจ่ายเงินมันคือสิ่งที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เรากลับชินกับการโกงคนอื่นเขาไง นี่ก็เริ่มจะเป็นวัฒนธรรมคนบ้านเราแล้วนะ หนังก็ซื้อแผ่นปลอม ไรท์เอา เคยอ่านหนังสือเรื่อง “Live From Planet Earth” เขาเขียนถึงการบริโภคคอนเสิร์ตเหมือนกัน เขียนดีนะ เข้าใจเลย (ลายแทง: เปิดไปแถว ๆ หน้า 22, 23 และ 26, 27)
อะไรคือสิ่งที่น่าสนใจในวงการเพลงไทย
บุ๊ก: ผมว่าฟังใจครับ เมื่อเช้าเพิ่งคิดเลยว่าสมมติเราอายุ 40 แล้วเรามีลูก เราก็อยากให้ฟังใจมีอยู่ต่อ อย่างน้อยเราก็จะได้อวดลูกเราว่า พ่อเคยได้ลงฟังใจนะเว้ย (หัวเราะ) เราว่ามันเป็นช่องทางที่ทำให้ศิลปินหน้าใหม่ได้แสดงผลงาน ผมว่าดี คนทำเพลงก็จะได้ขยันขึ้นด้วย
บี๋: ใช่ ตอนนี้ผมสนับสนุนฟังใจอยู่ เป็นช่องทางที่ดีมาก ๆ สำหรับวงการเพลงไทยครับ
มีอะไรที่คนอื่นไม่เคยทำแล้วตัวเองอยากทำหรืออยากให้มี
บี๋: อยากให้มีเทศกาล international เจ๋ง ๆ ใหญ่ ๆ สักทีนึง จริง ๆ Big Mountain เกือบจะทำได้แล้วนะ แต่ก็ซบเซา ยกตัวอย่างเทศกาลที่เราบินไปสิงคโปร์ หรือ Fuji Rock, Summer Sonic ถ้าทำแบบนั้นได้ก็น่าจะดี แต่ก็อย่างที่บอก ด้วยพื้นฐานการบริโภคคนไทยมันทำไม่ได้ เล่มนั้นเขียนบอกไว้เลยนะ สมมติว่า Radiohead จะมาเมืองไทย ต้นสังกัดเขาเช็กก่อนเลยว่ายอดซื้อแผ่นที่ประเทศไทย แบบที่ยิงบาร์โค้ด มีกี่แผ่น ตอน Museมายังได้เล่นแค่ที่เมืองทอง ฯ แต่อยู่เมืองนอกเขาได้เล่นในสนามกีฬาใหญ่ ๆ เลย อาจเป็นเพราะมีแค่คนกลุ่มน้อยที่เสพ แล้วคนที่เสพเองก็ยังไม่ซื้อแผ่นถูกกฎหมายเลย จริง ๆ มี Wonderfruit ที่เหมือนจะทำได้แล้ว แต่นิสัยผู้บริโภคบางทีก็คิดว่า การที่จะไปดูวงที่เราชอบวงนึงก็ 2,000 บาทเข้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันคุ้มค่ามาก แต่ค่าครองชีพก็สูงไป จ่ายไม่ไหว
จะชวนให้คนที่บอกว่า shoegaze ฟังยาก มาฟังเพลงเราได้ยังไง
บี๋: จะชวนให้มาฟังเลยมันไม่ได้หรอก เหมือนคุณต้องฟังเพลงแล้วชอบเอง
บุ๊ก: เราไม่เข้าใจว่าฟังยากหมายถึงอะไร ชอบก็ฟัง ไม่ชอบก็ไม่ฟัง แค่นั้นเอง ถ้าอยากให้ชวนก็คงบอกให้ลองดูครับ
ถ้าแนะนำให้คนที่อยากลองฟัง shoegaze ควรเริ่มจากอะไรก่อน
บี๋: อย่างบ้านเรา Hariguem Zaboy นี่ดูจะชัดสุดแล้ว ถ้าวงต่างประเทศ ง่าย ๆ สุดเลยก็ Slowdive แล้วก็ลอง My Bloody Valentine, Cocteau Twins, Jesus and Mary Chain ประมาณนี้ครับ
ฝากผลงาน
บี๋: ไม่อัลบั้มก็ซิงเกิลใหม่จะออกเร็ว ๆ นี้ จะต้องทำให้เสร็จครับ ฝากวง Follows ด้วยนะครับ
ติดตามผลงานและความเคลื่อนไหวของ Followsได้ที่ https://www.facebook.com/followsbkk/ และรับฟังเพลงบนฟังใจได้ ที่นี่